December 05, 2025

มูลค่าส่งออกสินค้าเดือน ก.ย. 2025 อยู่ที่ 30,970.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวสูง 19% จาก 5.8%YOY ในเดือนก่อน เติบโตสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และสูงกว่าที่ประเมินไว้มาก (SCB EIC ประเมิน 3.5% และค่ากลาง Reuter Poll ประเมิน 7%) ตัวเลขปรับฤดูกาลขยายตัวสูงถึง 3.8%MOM_SA เร่งขึ้นจาก 0.1%MOM_SA ในเดือน ส.ค. ภาพรวมมูลค่าส่งออกสะสม 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวสูง 13.9% (รูปที่ 1 และ 2)

ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และทองคำไม่ขึ้นรูปยังคงเป็นปัจจัยหนุนหลักเดือนนี้

1) การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังคงขยายตัวสูงต่อเนื่อง จากการเร่งส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไปสหรัฐฯ เนื่องจากยังคงได้รับการยกเว้นภาษีตอบโต้ในบางสินค้าอยู่ วัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และแนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่ม Data center ที่ขยายตัวทั่วโลก สะท้อนได้จากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ, จีน, สิงคโปร์, เม็กซิโก และมาเลเซีย ที่ขยายตัวสูง 67.1%, 32%, 97.1%, 100.1% และ 64% ตามลำดับ (การส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็น 47.7% ของมูลค่าการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ของไทยทั้งหมดในเดือนนี้) การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 8.1% เกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 19%

2) ทองคำยังคงเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกที่สำคัญต่อเนื่อง การส่งออกทองคำไม่ขึ้นรูปขยายตัวสูง 212.6% เร่งขึ้นจาก 144% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกทองคำไปสวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์ และ สปป. ลาว ขยายตัวสูงต่อเนื่อง 615.6%, 95.7% และ 437.1% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวสูงมากถึง 185,737.4% โดยการส่งออกไป 4 ประเทศดังกล่าวคิดเป็นกว่า 95.9% ของมูลค่าการส่งออกทองของไทยทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการทองคำในตลาดโลกเพื่อรองรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น รวมถึงราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นมาก การส่งออกทองคำมีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 6%YOY เกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 19%

3) การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ดีในเดือน ก.ย. แม้ถูกตั้งกำแพงภาษีแล้วในหลายสินค้า โดยขยายตัว 35.3% เร่งขึ้นจาก 12.8% ในเดือนก่อน หากหักการส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พบว่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ยังขยายตัวสูง 14.2% สอดคล้องกับข้อมูลกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงระยะสั้นนี้ที่ยังขยายตัวดี เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. และข้อมูลเบื้องต้นในเดือน ต.ค. ที่ระดับ 53.9 และ 54.8 ตามลำดับ (ข้อมูล > 50 สะท้อนการขยายตัว) การส่งออกไปสหรัฐฯ มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 6.8%YOY ของการเติบโตส่งออกรวม 19%

การนำเข้าเร่งตัวมากขึ้นอีกเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวัน ดุลการค้ากลับมาเกินดุล

มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน ก.ย. อยู่ที่ 29,695.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัว 17.2% เร่งขึ้นจาก 15.8% ในเดือน ส.ค. สูงกว่าประมาณการ (SCB EIC และค่ากลาง Reuter Poll ประเมิน 10.6%) ภาพรวมมูลค่านำเข้า 9 เดือนแรกปีนี้ ขยายตัวสูง 11.9% โดยในเดือนนี้การนำเข้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป และอาวุธ ยุทธปัจจัย และสินค้าอื่น ๆ ขยายตัวสูงขึ้นเป็น 31.8%, 18.9% และ 15.1% เทียบกับ 5.3%, 12.7% และ 7.2% ในเดือนก่อน ตามลำดับ ขณะที่สินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภคยังขยายตัวสูงต่อเนื่อง 23.7% และ 16.6% ตามลำดับ ทั้งนี้สินค้าเชื้อเพลิงเป็นหมวดเดียวที่กลับมาหดตัว -0.8% หลังขยายตัว 5.6% ในเดือนก่อน (รูปที่ 3)

 หากพิจารณาการนำเข้ารายประเทศพบว่า การนำเข้าสินค้าจากจีนและไต้หวันเป็นส่วนสำคัญที่การนำเข้าไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 16.8% (จีน 10.4% ไต้หวัน 6.4%) จากการนำเข้ารวมที่โตถึง 17.2%YOY โดย

1. จีน : ไทยนำเข้าจากจีนขยายตัวสูงถึง 38.7% ในเดือน ก.ย. เร่งขึ้นจาก 33.4% เดือนก่อน ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2025 มูลค่านำเข้าไทยจากจีนขยายตัวสูง 33.5% เป็นการขยายตัวทุกหมวด โดยเฉพาะ 1) สินค้าทุนขยายตัวสูงถึง 57.8% เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่ขยายตัว 95.4%, 40.9% และ 11.9% ตามลำดับ ไทยนำเข้าสินค้าทุนจากจีนกว่าครึ่งหนึ่ง คิดเป็น 51.6% ของมูลค่านำเข้าสินค้าทุนทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ 2) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ขยายตัว 24.6% เช่น แผงวงจรไฟฟ้า, ไดโอด ทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ และวงจรพิมพ์ ที่ขยายตัวสูง 32.8%, 23.8% และ 41% ตามลำดับ โดยการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป จากจีนคิดเป็น 24.5% ของมูลค่านำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ 3) สินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 26.1% เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด และเครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือนขยายตัวสูง 23%, 31.2% และ 25.4% ตามลำดับ โดยการนำเข้าอุปโภคบริโภค จากจีนคิดเป็น 46.6% ของมูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ (รูปที่ 4 ซ้าย)

2. ไต้หวัน : ไทยนำเข้าจากไต้หวันขยายตัวสูงมากต่อเนื่อง 2 เดือนอยู่ที่ 109.6% ในเดือน ก.ย. และ 130.4% ในเดือน ส.ค. โดยราว 90% ของมูลค่าการนำเข้าจากไต้หวันในเดือนนี้เป็นสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป และหากดูรายสินค้าพบว่า ไทยนำเข้าแผงวงจรไฟฟ้าจากไต้หวันเพิ่มขึ้นมากถึง 223.3% และ 246.2% ในเดือน ก.ย. และ ส.ค. ตามลำดับ (คิดเป็น 91% และ 88.7% ของมูลค่านำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปจากไต้หวันทั้งหมด) (รูปที่ 4 ขวา)

 ข้อมูลนำเข้าสะท้อนนัยว่า

(1) สินค้านำเข้าหลักของไทยส่วนมากเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สอดคล้องกับมูลค่าส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ยังขยายตัวสูงต่อเนื่อง ตามวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และศูนย์ข้อมูล (Data center) ทั้งนี้ไทยผลิตสินค้าต้นน้ำและกลางน้ำได้ค่อนข้างจำกัด จึงต้องนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น จีนและไต้หวัน เพื่อรองรับความต้องการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกตลาดโลกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่ม Data center ที่ยังขยายตัวต่อเนื่องในไทย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้ขยายตัวสูงเป็นพิเศษ

(2) การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนสูง ยังคงสะท้อนปัญหาสินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้าไทย จาก (1) ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงซบเซาจากความเชื่อมั่นในประเทศที่ยังคงต่ำและปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ (2) จีนโดนกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงโดยเปรียบเทียบกับชาติคู่แข่งอื่น จึงมุ่งส่งออกสินค้าถูกกว่ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และ

(3) ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าราคาถูกจากจีนมากขึ้น ดุลการค้า (ระบบศุลกากร) เดือนนี้กลับมาเกินดุล 1,275.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังขาดดุลสูงเดือนก่อน 1,964.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลการค้าเดือนนี้เกินดุลสูงกว่าคาดบ้าง (SCB EIC ประเมิน 770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่ากลาง Reuter Poll ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผลจากการส่งออกที่สูงกว่าคาดการณ์มาก ดุลการค้าสะสม 3 ไตรมาสแรกของปี 2025 ขาดดุลเล็กน้อย -429.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนส่งออกและนำเข้าไทยสะสมปีนี้สูงใกล้เคียงกัน

 SCB EIC ยังมองการส่งออกท้ายปีแย่ลง ภาพทั้งปี 2025 มีแนวโน้มดีกว่าคาด ปี 2026 เสี่ยงติดลบ

จากข้อมูลส่งออก 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง และข้อมูลส่งออกเดือน ก.ย. ยังขยายตัวสูงถึง 19% มูลค่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2025 จึงมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่ SCB EIC ประเมินไว้ล่าสุดก่อนนี้ที่ 5.3% แม้การส่งออกในช่วงไตรมาส 4 ปี 2025 จะมีแนวโน้มแย่ลง และก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์เคยตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกปีนี้ไว้ที่ 2-3% เท่านั้น แต่การแถลงล่าสุดเดือนนี้ กระทรวงพาณิชย์ปรับมุมมองส่งออกปีนี้อาจขยายตัวได้สูงขึ้นมากถึง 10.4% อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินว่า แม้ตัวเลขส่งออกไทยปีนี้ที่จะให้ภาพเร่งตัวสูงกว่าปีก่อนมาก แต่ไทยอาจได้รับประโยชน์สุทธิไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากทองคำเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูงมากในปีนี้ และการนำเข้าขยายตัวสูงขึ้นมากเช่นเดียวกับการส่งออก

 

สำหรับในปี 2026 SCB EIC มองส่งออกไทยมีแนวโน้มหดตัว -1.9% (ประเมิน ณ ต้นเดือน ต.ค. 2025) จากหลายปัจจัยกดดัน เช่น การที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเติม ทั้งภาษีรายสินค้า (โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา) รวมถึงภาษีสินค้าสวมสิทธิ 40% เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลง ความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่ยังสูง ปัจจัยฐานสูง ค่าเงินบาทที่อาจแข็งกว่าภูมิภาค สอดคล้องกับมุมมองหลายองค์กรระหว่างประเทศว่า ปริมาณการค้าโลกในปี 2026 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 2025 มาก โดย IMF มองว่าปริมาณการค้าและบริการโลกมีแนวโน้มขยายตัว 2.3% ในปี 2026 ชะลอลงจาก 3.6% ในปี 2025 เช่นเดียวกับ WTO ที่มองว่าปริมาณการค้าโลกจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปี 2026 ชะลอลงจาก 2.4% ในปี 2025

ภาครัฐเผยตัวเลขส่งออกไทยปี 67 ทะลุ 300,529.5 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดปี 68 ผ่าคลื่นสถานการณ์โลกโตได้อีก 2-3% ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เผยอุตสาหกรรมอาหารไทยกลุ่มอาหารแช่แข็งและแปรรูปยังเป็นดาวรุ่ง พร้อมเดินหน้ายกระดับงาน ProPak Asia 2025 เป็นเวทีการค้าและเจรจาธุรกิจสำคัญสำหรับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอาหารระดับภูมิภาค ด้านผู้เชี่ยวชาญและบริษัทชั้นนำร่วมจัดแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหารล่าสุด คาดปีนี้ผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 80,000 คน มูลค่าเจรจาการค้าทะลุ 5,500 ล้านบาท

นายสรรชาย นุ่มบุญนํา ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึงแนวโน้มและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทยในปีที่ผ่านมา (ปี 2567) เป็นปีที่อุตสาหกรรมอาหารไทยมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับข้อมูลของ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ล่าสุดเผยว่าการส่งออกไทยปี 2567 สามารถส่งออกได้ 300,529.5 ล้านดอลลาร์ ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการขยายตัวถึง 5.4% โดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 6.0% โดยสินค้าเกษตรขยายตัว 10.7% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 6.7%

ส่วนปี 2568 นั้น ภาพรวมของสถานการณ์โลกยังอยู่บนความไม่แน่นอน จากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลก แต่อย่างไรก็ตามยังมีสัญญาณเชิงบวกของปัจจัยทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของ GDP โลกที่คาดว่าจะโตประมาณ 2.7% เศรษฐกิจในอาเซียนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลงและความต้องการสินค้าเกษตรเพื่อเป็นวัตถุดิบและบริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยสินค้ากลุ่มอาหารที่ขยายตัวได้ดี อาทิ ไก่สดแช่เย็นและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สดแช่แข็งและแห้ง อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารสำเร็จรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ฯลฯ

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต โดยใช้งานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มายกระดับสินค้าให้มีมาตรฐานและความปลอดภัยที่สูงขึ้น เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและพัฒนาอาหารแห่งอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ รวมถึงจำเป็นต้องมีกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาสู่เศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG) ซึ่งจะสอดรับกับนโยบายภาครัฐที่เดินหน้าหาตลาดการค้าใหม่ๆ และทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศและเขตเศรษฐกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดได้มีการทำข้อตกลง FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือเอฟตา (EFTA) เป็นผลสำเร็จและยังมีการเร่งเจรจา FTA อีกหลายฉบับ อาทิ FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) / ไทย-เกาหลีใต้ / ไทย-ภูฏาน / ไทย – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) / อาเซียน – แคนาดา โดยทั้งหมดจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทย

ในส่วนของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia งานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี เครื่องจักรและโซลูชั่นในกระบวนการผลิต การแปรรูป บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมอาหาร อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ ฯลฯ ชั้นนำของเอเชียนั้น ได้มีการยกระดับการจัดงาน ProPak Asia 2025 ให้มีความสำคัญในการเป็นเวทีความร่วมมือทางธุรกิจ การเจรจาการค้า การลงทุน การสร้างพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงเป็นประตูเชื่อมต่ออุตสาหกรรมแปรรูปและผลิตอาหารของภูมิภาค ในการนำเสนอ ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีล่าสุดของโลกสู่ผู้ประกอบการ

สำหรับแนวคิดการจัดงาน ProPak Asia 2025 ครั้งนี้ คือ “เส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในอุตสาหกรรมการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” (Carbon-Neutral Pathways to Sustainable Processing and Packaging Ecosystem) ที่ต้องการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแนวทางหรือกลยุทธ์ที่มุ่งลดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เท่ากับศูนย์ (Carbon Neutral) ในทุกกระบวนการของการผลิต การแปรรูปและการบรรจุภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสียและวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อร่วมกันลดการปล่อยคาร์บอนในทุกส่วน

ดังนั้นงาน ProPak Asia 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียงการจัดงานแสดงสินค้าที่นำเสนอเพียงโซลูชันล้ำสมัย จากบริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก ด้านการผลิตและแปรรูป ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากทุกส่วนของอุตสาหกรรมฯ แต่ยังช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมการผลิตในภูมิภาคและเป็นช่องทางสร้างโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกได้พบกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านการเข้าร่วมงานในปีนี้

งาน ProPak Asia 2025 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2025 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 – 15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย และข้อมูลประเมิณตัวเลขการส่งออกที่เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2566 เฉพาะในเดือนตุลาคมมีการขยายตัวถึง 8% สูงสุดในรอบ 13 เดือน จะเป็นแรงส่งให้การส่งออกปี 2567 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2% โดยกลุ่มอาหารยังคงเป็นกลุ่มสำคัญ ซึ่งในปี 2566 ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับ 12 ของโลก และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) GDP ภาคอุตสาหกรรมปี 2567 จะมีขยายตัวอยู่ที่ 2.0-3.0%

โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี อาทิ กลุ่มผลไม้แช่เย็น-แช่แข็ง กลุ่มอาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง กุ้งสดแช่แข็ง และสินค้าที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ อาหารเฉพาะทาง อาหาร ฮาลาล และ อาหารแปรรูปคุณภาพสูง ทำให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยปี 2566 มีมูลค่ารวม 1.10 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มเป็น 1.33 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2571 จากการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การออกแบบและการเลือกใช้วัตถุดิบที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย การเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว สัญญาณดังกล่าวส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทยทั้งระบบ โดยงาน ProPak Asia ยังคงเป็นงานสำคัญที่ช่วยสร้างและเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจและอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคให้เกิดการเติบโต ซึ่งงาน ProPak Asia 2023 นับว่าเป็นปีที่พลิกฟื้นจากสถานการณ์โควิดได้อย่างรวดเร็ว มีผู้ร่วมจัดแสดงงานถึง 1,800 รายจาก 45 ประเทศ และมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 58,555 คน จาก 75 ประเทศทั่วโลก

ส่วนงาน ProPak Asia 2024 ยังคงความเป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับเอเชีย เป็นงานที่จะตอบโจทย์ครบทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และห่วยโซ่อุปทาน (Supply Chain)ของเทคโนโลยีกระบวนการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บ และ การขนส่ง เรียกได้ว่าครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ สำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น Start Up, SME, ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเข้ามาชมนวัตกรรม เทคโนโลยี อัพเดทเทรนด์ และ ความรู้ใหม่ เพื่อนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

สำหรับแนวคิดของการจัดงาน ProPak Asia 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ยกระดับความสำเร็จในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด นวัตกรรม และ การลงทุน” (Sustainably Empowering Processing & Packaging Success with Ideation, Innovation and Investment) เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงบัลดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการจะได้พบนวัตกรรมต่างๆ เทคโนโลยีการผลิต การแปรรูปเพื่อไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) การเลือกใช้วัสดุ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และอื่นๆ ไปต่อยอดลงทุนให้ธุรกิจประสบ

ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ส่วนกลุ่มผู้เข้าร่วมงานหลักของ ProPak Asia มาจากกลุ่มผู้ประกอบการอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภค บริโภค ที่สนใจเข้ามาชมงานเป็นทางลัดแก่ผู้สนใจไม่ต้องเดินทางไปดูงานถึงยุโรป หรือ อเมริกา แต่สามารถอัพเดทเทรนด์เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากตัวจริงในอุตสาหกรรม พบปะคู่ค้า สร้างโอกาสและร่วมสร้างเครือข่ายธุรกิจระดับนานาชาติได้ นอกจาก ProPak Asia จะเป็นงานที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปีแล้ว ProPak Asia 2024 ครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 31 เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ประกอบการที่ต้องเข้าร่วมงานในทุกครั้งของการจัดงานและเป็นงานใหญ่สำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตโลก ด้วยการเป็นเวทีเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและอุตสาหกรรมทั้งระบบ

งาน ProPak Asia 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

สำหรับงานในครั้งนี้ แบ่งพื้นที่จัดแสดงงานเป็น 8 โซน ประกอบด้วย

1) ProcessingTechAsia เทคโนโลยีเพื่อการแปรรูปอาหารปรุงสุก

2) PackagingTechAsia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ และ กระบวนการบรรจุภัณฑ์

3) DrinkTechAsia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

4) PharmaTechAsia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา

5) Lab&TestAsia เทคโนโลยีการตรวจสอบ และ ควบคุมมาตรฐานการผลิต ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์

6) PackagingSolutionAsia เทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป

7) Coding,Marking&LabellingAsia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส, ติดป้าย, และปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ

8) Coldchain,Logistics,Warehousing&FactoryAsia เทคโนโลยีเพื่อการขนส่ง จัดเก็บสินค้า และ เทคโนโลยีที่สนับสนุนกระบวนการผลิต

โดยใช้พื้นที่จัดงานฯ เต็มพื้นที่ของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ภายในงานมีการจัดแสดงพาวิลเลียนนานาชาติถึง 14 กลุ่มประเทศ อาทิ ออสเตรีย บาวาเรีย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ อเมริกาเหนือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ และ ไต้หวัน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของแต่ละประเทศในการเข้าร่วมงานฯ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาจัดแสดง นอกจากนั้นยังมีบริษัทชั้นนำของโลกยืนยันเข้าร่วมจัดแสดงงานแล้วกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ ทำให้คาดว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 60,000 คน จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจในอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ ไม่พลาดที่จะเข้าร่วมงาน ProPak Asia 2024 ในครั้งนี้

ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงาน ProPak Asia 2024 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

SCB EIC เตรียมปรับลดมุมมองมูลค่าส่งออกไทยปี 2023 มูลค่าส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.ค. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10

X

Right Click

No right click