November 18, 2024

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์ อววน. เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ด้วยพลังสหวิทยาการ หรือ “อว.แฟร์” ชวนทุกท่านร่วมสัมผัสพลังแห่งอนาคต ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยในงานพบกับนิทรรศการหลากหลาย อาทิ ‘นิทรรศการเมืองแห่งการเรียนรู้’ นำเสนอผลิตภัณฑ์เด่นจาก 20 จังหวัด ‘Culture Connex’ แสดงผลผลิตจากทุนทางวัฒนธรรมทั่วประเทศ ‘The Treasures of Herbal Health’ นำเสนอการต่อยอดงานวิจัยสมุนไพร โซนนำเสนอแบบจำลองสถานีอวกาศและดาวเทียม Theos2 การจัดแสดง ‘ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5’ ครั้งแรกในไทย นิทรรศการ ‘Hub of Talents and Hub of Knowledge For All’ และ ‘Irradiation for Sustainable Future’ นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขัน AI Hackathon การประกวดวงดนตรี MHESI Music Variety Awards 2024 รอบชิงแชมป์ประเทศไทย มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินวง ซีซันไฟฟ์ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมลุ้นรับรางวัลรถมอเตอร์ไซค์ EV ภายในงาน

สำหรับไฮไลต์ ZONE E: SCIENCE FOR ALL WELL-BEING มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์เด่นจาก 20 จังหวัด ผ่านการจัดนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมท้องถิ่น ครอบคลุมด้านสุขภาพ ความงาม อาหาร และวัฒนธรรม เริ่มด้วย ‘นิทรรศการเมืองแห่งการเรียนรู้’ ที่จำลองกิจกรรมเด่นจากทั้ง 20 เมือง แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ 2) สิ่งแวดล้อม 3) การพัฒนาเมืองและออกแบบพื้นที่ ซึ่งผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้และทดลองทำเวิร์กช็อปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น โคมล้านนา ผ้าขาวม้า และอาหารพื้นถิ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี ‘นิทรรศการ Culture Connex’ ที่นำเสนอระบบจัดการพื้นที่กลางสำหรับผลผลิตจากทุนทางวัฒนธรรมทั่วประเทศ แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ 1) จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย 2) พื้นที่เวิร์กช็อป 3) การแสดงบนเวที 4) นิทรรศการ Culture Connex และ Cultural Map Thailand & Metaverse มีการจัดแสดงสินค้าวัฒนธรรมและกิจกรรมการแสดงตลอดวัน เป็นกลไกเชื่อมต่อทุนทางวัฒนธรรมของไทย อีกหนึ่งบูธที่โดนเด่นไม่แพ้กันคือ ‘นิทรรศการ The Treasures of Herbal Health Cohesive Ecosystem’ ที่เป็นการต่อยอดงานวิจัย เพิ่มคุณค่าสมุนไพรด้านการแพทย์และสุขภาพ เพื่อพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ ภายในโซนนิทรรศการยังมีการจัดแสดงพร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เวชสำอาง และยาที่พัฒนาจากสารสกัดธรรมชาติหรือสมุนไพรอีกด้วย

นอกจากนี้ ZONE F: SCIENCE FOR FUTURE THAILAND ยังมีการแสดงสถานีดาวเทียมจำลอง โดยนำเสนอ ‘แบบจำลองสถานีอวกาศขนาดเสมือนจริง’ เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการสำรวจ ทดลอง และวิจัยในอวกาศ แบบจำลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงถึงความสำเร็จด้านเทคโนโลยีอวกาศ สร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชน และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีอวกาศ อีกทั้งยังมีกิจกรรมพิเศษ Special Talk: ร่วมพูดคุยกับทีมผู้สร้างภาพยนตร์ URANUS 2324 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567 เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้เบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทีมงานมืออาชีพ ตลอดจนมีการนำเสนอแบบจำลองดาวเทียม Theos2 ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติรุ่นล่าสุดของไทย เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอวกาศของประเทศ แบบจำลองนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสำรวจและติดตามทรัพยากรธรรมชาติของไทย ซึ่งจะช่วยในการวางแผนและบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้นมีการนำ ‘ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5’ มาจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และยังเป็นเป็นครั้งแรกที่นำออกมาจัดแสดงนอกประเทศจีน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-จีน ที่มีมาอย่างยาวนาน โดยกิจกรรมนี้ได้แสดงอุปกรณ์ปฏิบัติภารกิจวิทยาศาสตร์ของไทยที่จะติดตั้งบนยานฉางเอ๋อ 7 ชื่อ MATCH เพื่อตรวจวัดอนุภาคพลังงานสูงในอวกาศ รวมถึงยังจัดแสดงผลงานการพัฒนาเทคโนโลยีและวิศวกรรมขั้นสูงด้านต่าง ๆ โดยใช้โจทย์ทางดาราศาสตร์ เพื่อกระตุ้นความสนใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของคนไทยด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งนิทรรศการที่โดดเด่นคือ ‘Hub of Talents and Hub of Knowledge For All’ นำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์หลากหลาย ได้แก่ 1) Agricultural: เทคโนโลยีเกษตรและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง 2) Economy: นวัตกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 3) Environmental: เทคโนโลยีรักษาสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด 4) Future Tech: เทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับอนาคต 5) Health: นวัตกรรมการแพทย์และสุขภาพ 6) Society: งานวิจัยเพื่อสังคมปลอดภัยและน่าอยู่ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์อนาคตอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนสุดท้ายคือ นิทรรศการ ‘Irradiation for Sustainable Future’ ที่นำเสนอผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีการฉายรังสีใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมการแพทย์: การฆ่าเชื้อ วัสดุทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 2) อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร: การยกระดับคุณภาพอาหารและวัสดุจากธรรมชาติ 3) อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม: การกักเก็บพลังงานและบำบัดน้ำเสีย 4) การปรับปรุงคุณสมบัติวัสดุด้วยรังสี นอกจากนี้นิทรรศการมีบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารที่ผ่านการฉายรังสี โดยเฉพาะแหนมหลากหลายรูปแบบ เช่น แหนมตุ้มติ๋ว แหนมสไลซ์ และแหนมแท่งพร้อมทาน ซึ่งเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอุตสาหกรรมอาหาร

อย่างไรก็ตาม ยังมีการแข่งขัน “AI Hackathon Final Pitching” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) และ University of Queensland พร้อมจัดเต็มความบันเทิงกับมินิคอนเสิร์ตสุดพิเศษจากวงซีซันไฟฟ์ (SEASON FIVE) ที่มามอบความสุขและความสนุกบนเวทีด้วยเพลงฮิตและการแสดงสดที่ทำให้ทุกคนได้ผ่อนคลายหลังจากตลอดทั้งวันเต็มไปด้วยสาระความรู้

ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานประกวดวงดนตรีระดับอุดมศึกษา “MHESI Music Variety Awards 2024” ซึ่งให้ผู้เข้าแข่งขันนำเสนอผลงานดนตรีที่ผสมผสานประกอบการแสดงวัฒนธรรมพื้นถิ่นไทย เพื่อชิงถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติ ต่อด้วยการบรรยายพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของประเทศ เรื่อง “Functional Thin Films for Thailand: Solar Cell, Light Emitting Diode, and Photodetector” และยังมีการบรรยายเรื่อง “Rapid Survey” ความหลากหลายทางชีวภาพในลุ่มน้ำโขงตอนล่างและแม่น้ำสาขาในภาวะวิกฤตแม่น้ำโขง นอกจากนี้ยังมี “Seafood Chefs Table” ที่สาธิตการใช้วัตถุดิบผลผลิตจากทะเล เพื่อรังสรรค์เมนูอาหารทะเลของเชฟ ซึ่งเป็นผลผลิตจากงานวิจัยคุณภาพอาหารทะเล ยกระดับคุณภาพและรสชาติของอาหาร พร้อมทั้งนำเสนอแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทยอย่างยั่งยืน

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดงาน “อว. แฟร์ : Science Power for Future Thailand” ระหว่างวันที่ 22-28 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดย สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ร่วมจัดนิทรรศการภายในงานดังกล่าว ภายใต้ธีม “Synchrotron: Science, Wisdom and Future” บริเวณโซน F โดยแบ่งนิทรรศการเป็น 4 ส่วน คือ 1. XCT Demonstration นำเสนองานวิจัยด้านการแพทย์ อาหารและการเกษตร โดยใช้เทคนิคเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติ 2. Product for Synchrotron Tech นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ร่วมวิจัยและพัฒนากับภาคเอกชนโดยใช้เทคนิคแสงซินโครตรอน 3. Technology Demonstration จัดแสดงเทคโนโลยีล้ำยุค อาทิ เครื่องต้นแบบเครื่องเคลือบฟิล์มคาร์บอนเสมือนเพชรสำหรับชิ้นส่วนทางวิศวกรรมของการสำรวจปิโตรเลียม เครื่องต้นแบบการผลิตกราฟีน และแบบจำลองเครื่องเร่งอนุภาคโปรตอนสำหรับรักษามะเร็ง 4. Prototype Display จัดแสดงต้นแบบแม่เหล็กไฟฟ้าฝีมือคนไทยสำหรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ระดับพลังงาน 3 GeV และปั๊มสุญญากาศสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ด้านการเก็บรักษาโบราณวัตถุ 

อีกทั้งยังมีการเสวนา ณ MINI STAGE ระหว่างวันที่ 23-26 ก.ค. 67 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปลดล็อกงานวิจัยภาคอุตสาหกรรมสู่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง รวมถึงการนำเสนอโครงการเครื่องกำเนิดแสงซินโคร 
ตรอนเครื่องใหม่ระดับพลังงาน 3 GeV รากฐานสำคัญในการพัฒนางานวิจัยสำหรับประเทศไทย และเทคโนโลยีเปลี่ยนขยะเป็นกราฟีนมูลค่าสูง พร้อมทั้งการอบรมซินโครตรอน เทคโนโลยีขั้นสูงมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรม ครั้งที่ 16 (SATI 16) วันที่ 25 ก.ค. 2567 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ห้องประชุม 206 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  

 

นักเรียนมัธยมคึก แห่ติว TCAS68 ส่วน “ศุภมาส” เปิดเวทีเสวนา “5 ปี อว. กับการปฏิรูป อววน. และทิศทางในอนาคต” ดึงคนรุ่นใหม่-ภาคเอกชน แชร์ไอเดียร่วมขับเคลื่อน อว.ตอบโจทย์ประเทศ

X

Right Click

No right click