

ปี 2025 “อาหารญี่ปุ่น” ยังครองใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างเหนียวแน่น ไม่ใช่แค่เพียงมื้อพิเศษในโอกาสพิเศษอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมการกินที่คนไทยหลายคนนิยมเลือกรับประทานในชีวิตประจำวันตั้งแต่ซูชิ ซาชิมิ ราเมน ชาบู ยากินิกุ และ ข้าวหน้าต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูโปรดของคนหลากหลายช่วงวัย ซึ่งความนิยมนี้เองสะท้อนผ่านการพูดถึง (Mention) และการมีส่วนร่วม (Engagement) จำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคและการเติบโตของตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทย
บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 21 พฤษภาคม 2568 เพื่อนำมาวิเคราะห์ Insight เกี่ยวกับ “เทรนด์อาหารญี่ปุ่นในไทย” ทั้งในแง่ของความนิยมและพฤติกรรมการบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทย
อินไซต์จานโปรด! เมนูไหนที่คนไทยชอบโพสต์
จากข้อมูลที่รวบรวมและวิเคราะห์ผ่าน Social Listening เสียงสะท้อนจากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นโพสต์รีวิวร้าน แชร์ภาพอาหาร หรือ คอมเมนต์ต่าง ๆ ช่วยให้เราไขคำตอบว่า “จานโปรด” ของคนไทยคืออะไร ความนิยมเหล่านี้สามารถวัดได้จากยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) ซึ่งช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าเมนูไหนมาแรง และเมนูไหนถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกออนไลน์
เมนู “Sushi” เมนูยอดฮิตของคนไทย ได้รับ Engagement สูงถึง 50.2% ด้วยความหลากหลายทั้งในด้านรสชาติ วัตถุดิบ ทั้งซูชิแบบดั้งเดิมหรือแบบฟิวชัน รวมถึงประสบการณ์การรับประทานที่หลากหลาย เช่น A la carte ซูชิสายพาน แฮนด์โรลซูชิ (เทมากิซูชิ) โอมากาเสะ และ บุฟเฟต์
เมนู “อาหารเซต” ที่เรียกว่า เทโชกุ (Teishoku) ได้รับ Engagement 23.7% อาหารชุดสไตล์ญี่ปุ่น มักประกอบด้วย ข้าว ซุปมิโสะ อาหารจานหลัก และเครื่องเคียง โดยคำนึงถึงความสมดุลของคุณค่าทางโภชนาการ จึงเป็นมื้ออาหารที่ผู้บริโภคนิยมเลือกรับประทาน
เมนู “ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku)” ได้รับ Engagement 10.4% ปิ้งย่างบนเตาถ่านแบบญี่ปุ่น ทำให้ได้กลิ่นหอมของถ่าน และดึงรสชาติของเนื้อที่ไม่ผ่านการปรุง อีกทั้งเป็นหนึ่งในเมนูที่อยู่ในโอกาสพิเศษของหลายคน การพบปะคนที่รัก หรือหากมาคนเดียวบางร้านก็มีบาร์สำหรับสาย Introvert อีกด้วย
เมนู “ชาบู” อาหารประเภทหม้อไฟ ได้รับ Engagement 10.4% เมนูโปรดของหลายคนที่ชอบน้ำซุปร้อน ๆ สามารถเลือกสรรวัตถุดิบลงไปลวกในหม้อด้วยตนเอง เปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในกิจกรรมร่วมกันระหว่างมื้ออาหารกับคนที่เราทานด้วย
เมนู “ราเมน” ได้รับ Engagement 3.3% เมนูเส้นของญี่ปุ่น พร้อมน้ำซุปหอมๆ ที่มีรสชาติหลากหลายตามการปรุงของแต่ละจังหวัดในญี่ปุ่น รวมถึงการผสมผสานรสชาติแบบฟิวชันให้ถูกปากคนไทย
เมนู “ข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ทงคัตสึ และเทมปุระ” ได้รับ Engagement รวมกันอยู่ที่ 2% เป็นอีกสามประเภทอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสำหรับสายของทอด กรุบกรอบ และชื่นชอบความหอมจากเครื่องเทศในแกงกะหรี่
10 แบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตในรอบเดือน
แม้อาหารญี่ปุ่นจะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคก็คือ “แบรนด์” ร้านอาหาร ด้วยจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไทย การสร้าง Branding และความน่าเชื่อถือของแบรนด์จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญของการแข่งขันในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ทั้งในด้านคุณภาพ ไปจนถึงประสบการณ์การรับประทานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
![]()
แบรนด์ ประเภทอาหาร Engagement (%)
1 Yayoi อาหารเซตสไตล์ญี่ปุ่น (Teishoku) 31.1%
2 Sushiro ซูชิ (Sushi) 20.3%
3 ZEN ซูชิ (Sushi) 11.2%
4 AKA ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku) 9.6%
5 แบรนด์ในเครือ Oishi ซูชิ (Sushi) 6.5%
6 Mo-Mo-Paradise ชาบู (Shabu) 4.6%
7 KOUEN ซูชิ (Sushi) 4.5%
8 Kiiro Sushi ซูชิ (Sushi) 4.3%
9 Shabushi ชาบู (Shabu) 4.0%
10 Yakiniku Like ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku) 3.9%
เมื่อวิเคราะห์จากสัดส่วนยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จะเห็นภาพความนิยมของผู้บริโภคต่อแบรนด์อาหารญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน โดยข้อมูลจาก Social Listening พบว่า แบรนด์ Yayoi ครองอันดับ 1 ด้วยยอด Engagement สูงถึง 31.1% ตามมาด้วย Sushiro ร้านซูชิสายพานชื่อดังที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับ 2 ที่ 20.3% อันดับ 3 คือ ZEN ซึ่งมียอด Engagement อยู่ที่ 11.2% AKA เป็นอันดับ 4 ที่ 9.6% และ แบรนด์ในเครือ Oishi Group อันดับ 5 ที่ 6.5% สำหรับแบรนด์อื่น ๆ ที่อยู่ใน Top 10 ได้แก่ Mo-Mo-Paradise (4.6%), KOUEN (4.5%), Kiiro Sushi (4.3%), Shabushi (4.0%) และ Yakiniku Like (3.9%) ตามลำดับ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่า 5 ใน 10 เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภท ”ซูชิ“ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ในหัวข้อก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า “ซูชิ” คือเมนูอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ความนิยมในเมนูนี้จึงส่งผลต่อการมีส่วนร่วม (Engagement) ของแบรนด์ที่มีความโดดเด่นด้านซูชิโดยตรงอย่างชัดเจน
ราคาเท่าไรโดนใจ? เจาะลึกช่วงราคาที่ลูกค้ายอมจ่าย
นอกจากชื่อเสียงของร้านอาหารแล้ว “ราคา” ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเลือกบริโภคอาหารญี่ปุ่นของผู้คนในปัจจุบัน ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายตั้งแต่ร้านซูชิสายพานราคาย่อมเยา ไปจนถึงร้านโอมากาเสะสุดพรีเมียม ผู้บริโภคจึงมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนตามงบประมาณและความคาดหวังในการรับประทาน
เราจะพาไปสำรวจว่า “ราคาเฉลี่ยต่อมื้อต่อคน” ในช่วงราคาใดที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากผู้บริโภค โดยอ้างอิงจากจำนวน Engagement บนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เห็นแนวโน้มและพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในไทยที่มีต่อระดับราคาของอาหารญี่ปุ่น มาดูกันว่าราคาที่ “คุ้มค่า” ในมุมมองของคนไทยอยู่ที่เท่าไร? กันแน่!
หากมองในภาพรวมของอาหารญี่ปุ่น พบว่า ช่วงราคาที่ 251-500 บาทต่อมื้อต่อคน ได้รับ Engagement สูงถึง 40.9% (150,535 ครั้ง) รองลงมาเป็น ช่วงราคา 101-250 บาทต่อมื้อ ได้รับ Engagement 33.2% (122,349 ครั้ง) ช่วงราคา 501-1,000 บาทต่อมื้อ 23.9% (88,241 ครั้ง) และมากกว่า 1,000 บาทต่อมื้อ 2% (7,375 ครั้ง) ตามลำดับ

แต่เมื่อจำแนกตามประเภทอาหารญี่ปุ่น จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ชาวโซเชียลให้ความสนใจต่อช่วงราคาในแต่ละประเภทอาหารอย่างไร
Sushi: ช่วงราคา 251-500 บาทต่อมื้อ ได้รับ Engagement สูงถึง 60.8% สะท้อนว่าลูกค้ามองว่าเป็นช่วงราคาที่เข้าถึงได้ ทั้งในแง่ของราคา คุณภาพวัตถุดิบ และประสบการณ์ในการรับประทาน
อาหารเซต: ช่วงราคา 101-250 บาทต่อมื้อ ได้รับความสนใจสูงถึง 92.8% จากยอดเอ็นเกจเมนต์สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มผู้ใช้โซเชียลมีเดียมองว่าอาหารเซตเป็นมื้ออาหารประจำวันที่ตอบโจทย์
Yakiniku & Shabu: ช่วงราคา 501-1,000 บาทต่อมื้อ โดย Yakiniku ได้รับความสนใจ 65.1% และ Shabu 56.6% จากยอดเอ็นเกจเมนต์แสดงให้เห็นว่า อาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นและชาบูยังคงเป็นตัวเลือกมื้อสำคัญที่ลูกค้าชื่นชอบ
โซเชียลให้ความสำคัญกับอะไร? เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น
เมื่อพูดถึง “อาหารญี่ปุ่น” บทสนทนาของผู้คนบนโซเชียลมีเดียให้ความสำคัญกับ “คุณภาพและรสชาติของอาหาร” มากที่สุดเป็นอันดับแรก ด้วยจำนวนการกล่าวถึง (Mention) ที่สูงถึง 46.5% อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญไม่แพ้กันและได้รับการพูดถึงเป็นอันดับรองลงมา คือ “ราคาและความคุ้มค่า” ที่ได้รับการกล่าวถึง (Mention) มากถึง 42.3%
นอกจากคุณภาพและราคาของอาหารที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเป็นหลักแล้ว พบว่า อีกหนึ่งคีย์เวิร์ดที่ปรากฏบ่อยครั้งบนโซเชียลมีเดียและได้รับการพูดถึงไม่น้อยเลย คือ คำว่า “เชฟเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ” และ “เจ้าของร้านเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ” ซึ่งกลายเป็นจุดขายสำคัญที่ช่วยการันตีความเป็นต้นตำรับ (authenticity) ของมื้ออาหารในสายตาผู้บริโภคชาวไทย โดยมีสัดส่วนการถูกพูดถึง (Mention) อยู่ที่ 11.2%
จากการสำรวจความคิดเห็นและการพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่นของผู้คนในโลกออนไลน์ นอกจากแบรนด์เชนชื่อดังที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดกลางและขนาดเล็กอีกจำนวนไม่น้อยที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เนื่องจากมีเชฟชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ลงมือปรุงอาหารเอง หรือมีเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่นคอยควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะร้านประเภทแฮนด์โรลซูชิ และโอมากาเสะ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคไม่ได้ให้ความสำคัญแค่เพียงรสชาติหรือราคาเท่านั้น แต่ยังมองหา “ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่นจริงๆ” การระบุว่าเชฟหรือเจ้าของร้านเป็น “ชาวญี่ปุ่นแท้ๆ” กลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในสายตาผู้บริโภค อีกทั้งยังทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบออริจินัล ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับมื้ออาหารในมุมมองของผู้บริโภค
กล่าวได้ว่า “เชฟและเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่น” ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่อยู่เบื้องหลังคุณภาพของอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญลักษณ์ทางจิตวิทยา” ที่ช่วยสร้างความแตกต่างในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีการแข่งขันสูงในไทยอีกด้วย
โออิชิ เดลิเวอรี่ (OISHI DELIVERY) เดินหน้าพัฒนาบริการระบบการสั่งอาหารออนไลน์ เปิดตัวเว็บไซต์ OISHIDELIVERY.COM บนแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุด มอบประสบการณ์สั่งอาหารออนไลน์ที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับรูปแบบการให้บริการ ทั้งบริการจัดส่งถึงบ้าน (HOME DELIVERY) และบริการรับสินค้าที่สาขา/หน้าร้าน (CLICK & COLLECT) ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใช้บริการจัดส่งอาหารไปอีกขั้น ด้วยการปรับค่าจัดส่งใหม่ตามระยะทางจริง โดยเริ่มต้นเพียง 25 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการชำระเงินค่าสินค้าด้วยรูปแบบที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมเติมเต็มความอร่อยในทุกมื้อ ด้วยอาหารญี่ปุ่น เมนูยอดนิยม จากแบรนด์/ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิ ได้แก่ โออิชิ คิทเช่น, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, นิกุยะ, ชาบู บาย โออิชิ, ชาบูชิ, โออิชิ ราเมน, คาคาชิ, และ โออิชิ บิซโทโระ รวมถึงร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมอย่าง โฮว ยู และ ซาคาเอะ นอกจากนี้ยังมีสินค้า/อาหารสำเร็จรูป จาก โออิชิ อีทโตะ และเครื่องดื่มอีกมากมาย อาทิ น้ำชาเขียว โออิชิ กรีนที, น้ำอัดลม เอส โคล่า, และ น้ำดื่ม คริสตัล ให้เลือกสั่งอีกด้วย
สะดวก สั่งออนไลน์ง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน (1) เลือกสถานที่จัดส่ง เพียงปักหมุดในแผนที่ พร้อมกรอกชื่อผู้รับสินค้าและหมายเลขโทรศัพท์ (2) เลือกแบรนด์/ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ต้องการสั่งอาหาร (3) เลือกบริการจัดส่งถึงบ้าน หรือบริการรับสินค้าที่สาขา/หน้าร้าน (4) เลือกเมนูอาหารและกดสั่งซื้อ (จำนวนและเมนูอาหารอาจแตกต่างกันในแต่ละสาขาที่ให้บริการ) (5) เลือกช่องทางและวิธีการชำระเงินได้ตามต้องการ ด้วยเงินสด บัตรเครดิต/เดบิต ช็อปปี้เพย์ ทรูมันนี่ วอลลเล็ท หรือ คิวอาร์ เพย์เมนต์ จากนั้นรอรับอาหารที่สั่ง
พิเศษยิ่งขึ้น !!! พบกับโปรโมชั่นอร่อยสุดคุ้ม...โดนใจชาวออนไลน์ อาทิ ส่วนลดพิเศษ สูงสุด 50%, ซื้อ 1 แถม 1, แลกซื้อสินค้าราคาพิเศษ, รวมทั้งชุดอาหารสุดคุ้ม หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละเดือนตลอดทั้งปี 2566 เชิญสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของเว็บไซต์ OISHIDELIVERY.COM ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“โออิชิ” เจ้าตำรับอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือ เดินหน้าขยายช่องทางความอร่อยและมอบสิทธิพิเศษอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือร่วมกับ “แอร์เอเชีย ฟู้ด” (airasia food) อำนวยความสะดวกนักกิน – คนรักอาหารญี่ปุ่น พร้อมยกทัพความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่น วัตถุดิบคุณภาพ ส่งตรงถึงมือคุณ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายเมนูยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นซูชิ ซาชิมิ เทะมากิ เทปปันยากิ ราเมน/อุด้ง ชาบู - ชาบู ฯลฯ จากร้านดังมากมาย ได้แก่ โออิชิ คิทเช่น, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, นิกุยะ, ชาบูชิ, โออิชิ ราเมน, คาคาชิ, และ โออิชิ บิซโทโระ รวมทั้งร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียม โฮว ยู และ ซาคาเอะ อีกด้วย พิเศษเฉพาะเดือนนี้ !!! เพียงกรอกโค้ด “OISHI70” รับดีลส่วนลดพิเศษ 70 บาท เมื่อสั่งซื้ออาหารขั้นต่ำครบ 200 บาท จากร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิที่ร่วมรายการ ผ่านแอปฯ แอร์เอเชีย ฟู้ด ตั้งแต่ 1 – 28 กุมภาพันธ์ 2566 เท่านั้น
จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ร่วมด้วย สมาคมส่งเสริมอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศ จังหวัดฮอกไกโด (The Hokkaido International Trade & Industry Promotion Association) จัด “งานเจรจาธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารแบบพรีเมียมจากฮอกไกโด” ในวันศุกร์ที่ 27 มกราคม เวลา 11.00 - 15.00 น. ณ ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ
โดยได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อหรือบายเออร์ (Buyer) ประมาณ 160 ราย และผู้ประกอบการ 17 รายจากฮอกไกโด เพื่อเผยแพร่เสน่ห์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์อาหารจากฮอกไกโด ตลอดจนสนับสนุนการทำการตลาดในภูมิภาคอาเซียนให้กว้างขวางและขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารจากฮอกไกโด อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ผู้ซื้อหรือบายเออร์ (Buyer) และกลุ่มร้านอาหารได้เจรจาติดต่อทางการค้าโดยตรงกับบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ อร่อยและปลอดภัยจากฮอกไกโด ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา “ฮอกไกโด โดะซังโกะ พลาซา” เป็นร้านค้าที่รวบรวมและช่วยจำหน่ายสินค้ามากมายที่ผลิตได้จากแต่ละท้องถิ่นในฮอกไกโดมารวมไว้เพียงที่เดียวในกรุงเทพฯ ซึ่งในปีนี้ได้มีการเพิ่มเติมสินค้าของฮอกไกโดหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งมีการขยายพื้นที่ให้ทุกท่านได้เลือกซื้อสินค้าได้อย่างจุใจอีกด้วย
จังหวัดฮอกไกโดจึงมีความภูมิใจและตื่นตัวในการเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงานครั้งนี้หลังจากที่ไม่ได้จัดมา 3 ปีแล้ว โดยภายในงานมีการออกบูธจัดแสดงผลิตภัณฑ์อาหารชั้นนำและขนมยอดนิยมจากฮอกไกโดมากมาย สาธิตการทำอาหารให้ลิ้มลอง ชิมรสชาติการจับคู่อาหารกับไวน์อย่าง “GI HOKKAIDO” การเจรจาธุรกิจเกี่ยวกับไวน์ เหล้าสาเก ชีส อาหารทะเลแปรรูป ฯลฯ ให้แก่บายเออร์และผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่ออย่างเหล้าสาเกกับอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการในการรับประทานอาหารนอกบ้านซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน อันจะส่งผลนำไปสู่การสร้างแบรนด์และการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแบบพรีเมียมจากฮอกไกโดของผู้ประกอบการได้ง่ายมากขึ้น
![]()
มร.สึจิยะ ซุนซุเกะ (Mr. Tsuchiya Shunsuke) รองผู้ว่าจังหวัดฮอกไกโด เปิดเผยว่า “การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เป็นเหตุให้ไม่สามารถจัด “งานเจรจาธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารพรีเมียมจากฮอกไกโด” ได้ใน 3 ปีที่ผ่านมา กระทั่งสถานการณ์โรคระบาดโควิดคลี่คลายลงและหลายประเทศก็เปิดประเทศแล้ว รวมทั้งประเทศญี่ปุ่นของเรา ซึ่งวันนี้เราได้มีโอกาสนำเสนอเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารแบบพรีเมียมจากฮอกไกโดเพื่อขยายช่องทางการส่งออกสู่ภูมิภาคอาเซียนที่เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยคือศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจของอาเซียนที่น่าสนใจและมีแนวโน้มการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจกับมิตรประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต อีกทั้งประเทศไทยยังมีเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรมไทยในหลายมิติที่รุ่มรวย โดยเฉพาะวัฒนธรรมอาหารการกินที่มีมนต์เสน่ห์อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก
ขณะเดียวกันพวกเราชาวญี่ปุ่นส่วนมากก็ได้รับรู้มาว่าจังหวัดฮอกไกโดของเรา เป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของคนไทยและประเทศไทยโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารพรีเมียมของฮอกไกโดที่มีอย่างหลากหลาย โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเยือนฮอกไกโดเป็นจำนวนมาก ผมขอขอบคุณและซาบซึ้งใจอย่างมาก เราจึงจัดงานเจรจาธุรกิจเพื่อเผยแพร่สินค้าผลิตภัณฑ์อาหารพรีเมียมของฮอกไกโดขึ้นในวันนี้ เพื่อเผยแพร่คุณภาพและชื่อเสียงของอาหารจากฮอกไกโดให้มากยิ่งขึ้นอีกระดับ
ผมหวังว่า งานเจรจาธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักกับเสน่ห์เฉพาะตัวและคุณค่าของอาหารจากฮอกไกโดได้อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะกระชับความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนต่างๆ ระหว่างประเทศไทยและจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ให้เข้มแข็งยั่งยืนต่อไป”
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจอยากเข้าเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารแบบพรีเมียมจากฮออกไกโดได้อย่างหลากหลาย สามารถชม ชิม ช็อป ได้ใน “งานแฟร์ FOODIE ISLAND HOKKAIDO” ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันเสาร์ที่ 28 มกราคม - วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 (รวม 9 วัน) ณ ร้าน โดะซังโกะ พลาซา สาขากรุงเทพฯ บริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้าสยาม ทาคาชิมายะ (ไอคอนสยาม) โดยจะมีกิจกรรมการทุบโมจิในวันที่ 28 มกราคม 2566 เวลา 15.00 น.
“โออิชิ” เจ้าตำรับอาหารญี่ปุ่น (KING OF JAPANESE FOOD) เดินหน้ายกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวรูปโฉมใหม่ “โออิชิ แกรนด์” (OISHI GRAND) ณ สยามพารากอน มอบประสบการณ์เหนือระดับสำหรับสายอาหารญี่ปุ่น ผ่านสุดยอดทีเด็ด ซูชิระดับโอมากาเสะ และซาชิมิ ชิ้นโต เต็มคำ สร้างสรรค์จากวัตถุดิบคัดสรร คุณภาพสูง นำเข้าจากตลาดปลาชั้นนำของญี่ปุ่น พร้อมกองทัพอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ ที่ครบครัน และหลากหลายกว่าที่เคย รวมแล้วกว่า 200 รายการ ด้วยบริการแบบบุฟเฟต์ 3 ระดับราคา รองรับความต้องการและความพึงพอใจของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ โออิชิ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำและสร้างสรรค์ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น สำหรับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น เราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยการพัฒนาที่มีคุณภาพ และยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้ดีขึ้นมาโดยตลอด ล่าสุดเดินหน้าเปิดตัวรูปโฉมใหม่ “โออิชิ แกรนด์” บนพื้นที่ใหม่ โซน ฟู้ด พาสสาจ ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมยกระดับครั้งใหญ่ สู่การเป็นภัตตาคารบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นเต็มรูปแบบ โดยชูจุดเด่นด้านคุณภาพสินค้า/อาหาร นำเสนอผ่านซูชิสารพัดหน้า คุณภาพเทียบเท่าระดับโอมากาเสะ และซาชิมิ แล่สด ๆ ชิ้นโต เต็มคำ ที่สร้างสรรค์จากวัตถุดิบคัดสรร คุณภาพสูง นำเข้าสด - ใหม่ จากตลาดปลาชั้นนำของญี่ปุ่น พร้อมอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ เมนูยอดนิยมต่าง ๆ ที่ครบครัน และหลากหลายกว่าที่เคย รวมแล้วกว่า 200 รายการ เรียกได้ว่า ครอบคลุมแทบทุกประเภทของอาหารญี่ปุ่น อาทิ ซูชิ ซาชิมิ ดงบุริ เทปปันยากิ ยากิโมโนะ อาเกะโมโนะ นาเบะ/สุกี้ยากี้ ฯลฯ ด้วยบริการแบบบุฟเฟต์ 3 ระดับราคา เพื่อตอบโจทย์ความคุ้มค่า คุ้มราคา และเพิ่มทางเลือกในการใช้บริการแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

“โดยรูปโฉมใหม่ “โออิชิ แกรนด์” ณ สยามพารากอน จะมาพร้อมกลยุทธ์สำคัญ คือ (1) มุ่งส่งมอบประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ วัตถุดิบคุณภาพ สะอาด สดใหม่ ที่ครบครัน และหลากหลายกว่าที่เคย จัดเต็มทั้ง ของคาว-ของหวาน-เครื่องดื่ม เรียกได้ว่า อร่อย ครบรส จบในร้านเดียว ! (2) ผสานการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นส่วนหนึ่งของการบริการ อย่างระบบการสั่งอาหารอัตโนมัติผ่านคิวอาร์โค้ดด้วยแท็บเล็ต ณ จุดให้บริการภายในร้าน หรือโทรศัพท์มือถือส่วนตัว เป็นต้น (3) ประกอบกับการปรุงประกอบอาหารแบบจานต่อจาน (ในลักษณะ Made-to-Order) ด้วยความพิถีพิถัน และใส่ใจ เพื่อคุณภาพและความสดใหม่ของอาหาร และ (4) ซึ่งมีส่วนช่วยลดการสูญเสียอาหาร (Food Loss) และขยะอาหาร (Food Waste) โดยเปล่าประโยชน์ รับเทรนด์การบริโภคอาหารแบบยั่งยืน” นางนงนุชฯ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับรูปโฉมใหม่ “โออิชิ แกรนด์” ณ สยามพารากอน ภายใต้บรรยากาศและการตกแต่งแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย พร้อมส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับ ผ่านแนวคิด “THE ULTIMATE EXPERIENCE OF ALL-TIME FAVORITE AND REAL JAPANESE TASTE” หรือ “ให้ทุกคำ...ผสานรสชาติต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่...ไม่มีที่สิ้นสุด” โดยนำเสนอผ่านซูชิระดับโอมากาเสะ และซาชิมิ ชิ้นโต เต็มคำ จากวัตถุดิบคัดสรร คุณภาพสูง นำเข้าจากตลาดปลาชั้นนำของญี่ปุ่น พร้อมอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ ที่ครับครัน และหลากหลายกว่าที่เคย รวมแล้วกว่า 200 รายการ ซึ่งแต่ละเมนูถูกปรุงแต่งด้วยความพิถีพิถัน และจัดเสิร์ฟอย่างมีศิลปะ เพื่อชูรสชาติวัตถุดิบ และยกระดับเมนูอาหารแต่ละจานให้เข้าถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ซึ่งมาพร้อมบริการที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ด้วยบริการแบบบุฟเฟต์ มี 3 ระดับ ดังนี้

นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษต้อนรับการกลับมาของ โออิชิ แกรนด์ ที่จัดเตรียมไว้เป็นของขวัญ และให้บริการแก่แฟน ๆ โออิชิ แกรนด์ รวมทั้งนักกิน และคนรักอาหารญี่ปุ่น ได้แก่ เมนู “ซานุกิ อุด้ง หอยเชลล์ย่าง ซอสเมนไทโกะ” ที่ผสานความอร่อยของเส้นซานุกิอุด้ง (นำเข้าจากเมืองคางาวะ) คลุกเคล้าซอสเมนไทโกะ รสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์ย่างตัวโต และ เมนู “ซูชิกุ้งแม่น้ำ เนื้อปูซูไว ซอสล็อบสเตอร์” ความอร่อยลงตัวของเนื้อสัมผัสกุ้งแม่น้ำเด้ง ๆ โรยหน้าด้วยเนื้อปูชูไว (นำเข้าจากฮอกไกโด) เพิ่มความกลมกล่อมด้วยซอสเคี่ยวเนื้อล็อบสเตอร์ โดยพร้อมเสิร์ฟเฉพาะช่วงเวลาโอกาสพิเศษเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2565 – 28 กุมภาพันธ์ 2566

เชิญสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่...ไม่มีที่สิ้นสุด และร่วมอิ่มเอมคุณค่าตำรับญี่ปุ่นในทุก ๆ คำ ผ่านรูปโฉมใหม่ “โออิชิ แกรนด์” ณ สยามพารากอน บนพื้นที่ใหม่ บริเวณชั้น 4 โซน ฟู้ด พาสสาจ (ฝั่งนอร์ธ) ด้วยตัวคุณเองได้แล้ววันนี้ โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร. 09-5207-4613