ธุรกิจโรงแรมยิ้ม เที่ยวไทยฟื้นต่อเนื่อง ด้าน สมาคมโรงแรมไทย แนะเร่งเพิ่มเที่ยวบินต่างประเทศขนนักท่องเที่ยว ชี้ไทยยังครองอันดับต้นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยม ส่วนผู้ประกอบการโรงแรมต้องเร่งปรับตัวให้ทันกระแสท่องเที่ยวโลก ทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และเดินหน้าสู่โรงแรมยุคดิจิตอล ร่วมกับอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เตรียมจัดประชุมใหญ่ประจำปีและกิจกรรมฉลองครบรอบ 60 ปี ในงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023 (Food & Hospitality Thailand 2023 (FHT2023)) ระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวถึงการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมว่า มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี การท่องเที่ยวไทยยังคงได้รับความนิยมและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมาคึกคักตั้งแต่ปลายปี 2565 จากนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายจากการที่รัฐบาลจีนเปิดให้มีการออกมาท่องเที่ยวเร็วกว่ากำหนด โดยในครึ่งปีหลังที่เป็นไฮซีซั่น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอีกมาก ส่วนอุปสรรคสำคัญเวลานี้ คือ จำนวนของเที่ยวบินที่จะขนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีไม่เพียงพอ การออกวีซ่าที่ใช้เวลานานและเงื่อนไขเยอะ ซึ่งหากแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้ จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้กว่า 25 ล้านคน ตามที่ตั้งเป้าไว้ เพราะแค่ 5 เดือน นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้วกว่า 10 ล้านคน
ด้านผู้ประกอบการโรงแรมก็ต้องพัฒนา เรียนรู้ ปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มของการท่องเที่ยวโลก ที่เดินหน้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Travel) โดยผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบเข้าสู่ระบบนิเวศ (Ecosystem) เดียวกัน ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบด้านทรัพยากรการท่องเที่ยว แสงแดด ทะเล หาดทราย วัฒนธรรม เรามีครบ ต้องช่วยกันรักษาและบริหารจัดการให้เหมาะสม พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มในกลุ่มการท่องเที่ยวมูลค่าสูง อาทิ การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Wellness Tourism) หรือการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (MICE) โดยภาครัฐควรเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนธุรกิจโรงแรมที่เน้นความยั่งยืนอย่างจริงจัง คนทำดีควรได้รับสิทธิพิเศษไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อนภาษี การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สะดวกขึ้น ฯลฯ นอกจากนั้นต้องพัฒนาการดำเนินธุรกิจสู่รูปแบบโรงแรมดิจิตอลที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในหลายด้านมากขึ้น หากทำได้ก็จะเป็นแต้มต่อในการแข่งขันมากขึ้น
สำหรับอีกภารกิจสำคัญของสมาคมฯ ในปีนี้ คือ การจัดกิจกรรมพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี และงานประชุมใหญ่ประจำปี โดยได้ร่วมมือกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พันธมิตรหนึ่งเดียวอย่างเป็นทางการที่สมาคมฯ ให้การสนับสนุนร่วมมือในการจัดงานและจัดกิจกรรมของสมาคมฯ มากว่า 20 ปี โดยงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023
จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นจะมีทั้งการให้ความรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจโรงแรมไทยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับธุรกิจการท่องเที่ยวโลก โดยมูลนิธิใบไม้สีเขียว ซึ่งเป็นภาคีสมาชิกจะมาร่วมให้ความรู้ถึงเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร แนวทางการคำนวณคาร์บอนในการเข้าพัก การลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน พร้อมมีการจัด Hospitality Digital Day ซึ่งจะพูดถึง Digital Marketing สำหรับธุรกิจโรงแรมในทุกแง่มุม รวมถึงการพัฒนาทักษะพนักงานบาร์โรงแรมในการแข่งขัน Asean & Thailand Hotel Bartender Compettition ซึ่งคาดว่ากิจกรรมและการประชุมในปีนี้จะมีสมาชิกผู้ประกอบการโรงแรมจากทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง รวมห้องพักแล้วประมาณ 20% ของห้องพักทั้งหมดของโรงแรมที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องเข้าร่วมงานในครั้งนี้
ด้านนายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023 กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ทางสมาคมโรงแรมไทยมองเห็นถึงความสำคัญของการจัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี ด้านอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องใช้ในโรงแรม ภัตตาคาร การจัดเลี้ยง และการบริการนานาชาติ ที่มีวัตถุประสงค์สำคัญในการเป็นศูนย์รวมการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ละปีมีการนำเสนอแนวโน้มและเทรนด์ธุรกิจของโลกเพื่อให้ผู้ประกอบการได้นำมาพัฒนาและปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเป็นประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ ทุกครั้งของการจัดงานฯ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และบริการจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจร่วมงาน โดยในการลงทะเบียนร่วมงานปีที่ผ่านมา (2565) มีผู้เข้าร่วมงานสูงถึง 22,773 จาก 61 ประเทศ และมีผู้ร่วมจัดแสดงงานถึง 243 ราย จาก 12 ประเทศทั่วโลก และ 90% ของผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เข้าร่วมงานยืนยันว่าจะกลับเข้าร่วมงานในปีนี้อีกครั้ง และที่น่ายินดีอย่างยิ่งคือเราได้รับการยืนยันจากผู้ร่วมจัดแสดงรายใหม่และพันธมิตรรายใหญ่จากหลายประเทศสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานปีนี้ อาทิ ซิโนเอ็กซ์โป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พันธมิตรใหม่ยักษ์ใหญ่จากจีน ที่จะนำงานสำคัญอย่าง Hotel & Shop Plus Thailand งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรมและพื้นที่เชิงพาณิชย์ มาร่วมจัด ทำให้ต้องมีการขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มขึ้นจาก 2 ฮอลล์ เป็น 3 ฮอลล์ สร้างความคึกคัก เพิ่มมูลค่าการเจรจาธุรกิจ และดึงดูดความสนใจจากผู้ประกอบการทั่วโลกได้อย่างแน่นอน
งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com ติดต่อ คุณสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ โทร.02-036-0500
“สกาย กรุ๊ป” เผยผลประกอบการ Q1/66 กวาดรายได้ 820 ล้านบาท โตแกร่ง 75% กำไรสุทธิ 83 ล้านบาทรับอานิสงค์ยอดผู้โดยสารเข้า-ออกประเทศทะลัก หลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยว-การบินฟื้น ดันรายได้จากโครงการเกี่ยวกับสนามบินพุ่ง โชว์แบ็กล็อก 22,900 ล้านบาท เชื่อมั่น Aviation Tech แต้มต่อสำคัญพร้อมเดินหน้าธุรกิจต่อเนื่อง เตรียมเร่งเครื่องจัดทัพ-ขยายธุรกิจใหม่ สยายปีกสู่ Beyond Tech Company สร้างความแข็งแกร่งในอนาคต
นายสิทธิเเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (ม.ค.-มี.ค. 66) บริษัทสามารถทำรายได้ 820 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 75% (YoY%) และมีกำไรสุทธิ 83 ล้านบาท ถือเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากรายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน อย่างระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) และโครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ขยายตัวเพิ่มขึ้น หลังอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวประเทศไทยฟื้นตัว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างการรอส่งมอบตามสัญญา (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 22,900 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท สร้างการเติบโตให้กับสกาย กรุ๊ปอย่างแข็งแกร่ง
“ที่ผ่านมา สกาย กรุ๊ป ได้ลงทุนศึกษาวิจัย และพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน (Aviation Tech) มาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ทำให้เราสามารถสร้างการเติบโต แม้ต้องเผชิญกับท้าทายจาก COVID-19 เห็นได้จากการขยายตัวของสกาย กรุ๊ปและบริษัทที่เราเข้าไปร่วมลงทุน เราเชื่อว่านับจากวันนี้ไป ภาคการท่องเที่ยวและการบินทั่วโลกจะยังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ Aviation Tech กลายเป็นหนึ่งในแต้มต่อสำคัญของประเทศ” นายสิทธิเดช กล่าว
นายสิทธิเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 สกาย กรุ๊ป ยังคงมุ่งพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้าน Aviation Tech ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริการภายในสนามบิน (Airport Services) ให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัว ช่วยเพิ่มความสามารถ (Capacity) ของท่าอากาศยานในการรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พร้อมจะหลั่งไหลเข้าประเทศไทยตลอดทั้งปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตให้กับสกาย กรุ๊ป ควบคู่ไปกับการเดินหน้าเข้าประมูลงาน ทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมหลักหลายพันล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต
ขณะเดียวกัน สกาย กรุ๊ป ยังมีแผนปรับโครงสร้างยกระดับองค์กรสู่ “Beyond Tech Company” มุ่งสร้างองค์กรให้เป็นมากกว่าผู้พัฒนาเทคโนโลยี และเปิดตัวบริษัทลูกเพื่อขยายธุรกิจใหม่ เสริมความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Connecting Thailand วางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของประเทศให้แข็งแกร่ง พร้อมเปิดรับความก้าวล้ำของเทคโนโลยีระดับโลกสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และพัฒนาบุคลากรเติมเต็ม Tech Ecosystem ขับเคลื่อนประเทศไทยให้พร้อมรับทุกความเปลี่ยนแปลงของโลก โดยคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดเร็วๆ นี้