

เอไอเอ ไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) ฉลองครบรอบ 10 ปีในประเทศไทย เปิดตัวกิจกรรมวิ่งสุดคิวท์แห่งปี กับ “My Melody & Kuromi Celebration Fun Run” ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ และเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 อีกทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษครบรอบ 50 ปีของ My Melody และครบรอบ 20 ปีของ Kuromi ซึ่งนับเป็นคาร์แรคเตอร์ขวัญใจคนไทยหลาย ๆ คน โดยระยะทางวิ่งมีให้เลือกทั้งสิ้น 3 ระยะ ได้แก่
· ระยะ 1.5 km ที่ทุกคนสามารถวิ่งเพลินไปกับน้องหมาแสนรัก หรือชวนคุณหนู ๆ ที่รักมาวิ่งกับคาร์แรคเตอร์ในดวงใจ
· ระยะ 3 km ที่ทุกคนจะได้วิ่งแบบชิล ๆ กินบรรยากาศสุดคิวท์ และ
· ระยะ 7.5 km ที่ทุกคนจะได้เรียกเหงื่อและสนุกไปกับความน่ารักของ My Melody & Kuromi ตลอดเส้นทาง
ยิ่งไปกว่านั้น กิจกรรมในครั้งนี้ยังมาพร้อมโปรโมชันสุดเอ็กคลูซีฟ อาทิ กิจกรรม Prepare for the Party ที่จะให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปสวย ๆ และพบกับเซอร์ไพรซ์มากมาย กิจกรรม Workshop ทำขนมสำหรับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษมอบให้สำหรับสมาชิก AIA Vitality โดยเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.thai.run และติดตามรายละเอียดได้ทาง www.aiaonebillionday.com
สำหรับงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “RUN FUN SHARE” งานเดียวที่รวมกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีในสไตล์ของตัวเอง ทั้งงานวิ่งเทรล (AOB Trail) และ Fun Run กิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมายภายใน AOB Park (AOB Park) ที่รวบรวมร้านอาหารรสเด็ดและเกมมันส์ ๆ ให้ทุกคนในครอบครัวได้มาสนุกร่วมกัน ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต (AOB Concert) กับศิลปินสุดฮอต อย่าง เจ-เจตริน โอ๊ต-ป๊อป-อาร์ต และส้ม-มารี นอกจากกิจกรรมสนุก ๆ แล้ว ทุกคนยังได้มีโอกาสร่วมทำบุญด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียน ภาษาไทย โดยสภากาชาดไทย และพิเศษสำหรับผู้ที่บริจาคตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปจะได้รับกระเป๋า AOB DAY 2025 Limited Edition อีกด้วย
เตรียมฝีเท้า แล้วไปวิ่งกันวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ งานเดียวที่ไม่อยากให้ใครพลาด!
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (“บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย)”) นำโดย นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายผดุง ทรงอธิกมาศ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้และกองทุน Asset Allocation รับรางวัล Thailand Product Experience of the Year - Financial Services จากเวที Asian Experience Awards 2025 ซึ่งมาจากความสำเร็จในการพัฒนากองทุนรวมผสมสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ โดยสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านการลงทุนที่แตกต่างอย่างมีคุณค่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและยั่งยืน ซึ่งรางวัลนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมิติด้านการลงทุน การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเน้นความยืดหยุ่น การกระจายความเสี่ยง และการสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน พร้อมตอกย้ำบทบาทของ บลจ. เอไอเอ
(ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำด้านการบริหารจัดการกองทุนสำหรับผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ ในประเทศไทย โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ Marina Bay Sands Expo & Convention Centre ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
สำหรับ Asian Experience Awards เป็นเวทีที่มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้า โดยการพิจารณาอย่างรอบด้านจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มอบรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นและคุณประโยชน์ที่แท้จริง พร้อมส่งมอบคุณค่าได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืน สะท้อนถึงความเข้าใจในมิติของการลงทุนและการสร้างผลลัพธ์ที่มีความหมายในระยะยาว
รางวัลในครั้งนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของกระบวนการทำงาน และทีมงานที่มากประสบการณ์ ด้านการลงทุนของบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) รวมถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มการลงทุนภายใต้กลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นในการบริหารกองทุนรวมผสมให้มีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละกองทุน พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อส่งมอบประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือกรมธรรม์ เอไอเอ ยูนิต ลิงค์
เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยพันธมิตรด้านความยั่งยืนอย่าง กรุงเทพมหานคร และศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) เดินหน้าสานต่อแคมเปญ AIA+ Go Green ปีที่ 2 ภายใต้สโลแกน “AIA+ พลัสชีวิตดี ๆ ให้คุณ” ร่วมรณรงค์การทำ ธุรกรรมแบบไร้กระดาษ (Paperless Transactions) โดยเชิญชวนให้ลูกค้าสมัครใช้บริการ E-Document (เอกสารอิเล็กทรอนิกส์) และ E-Receipt (ใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์) ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ (เอไอเอ พลัส) โดยทุก ๆ 10 กรมธรรม์ เอไอเอ จะปลูกต้นไม้เพิ่มหนึ่งต้น พร้อมตั้งเป้าหมาย 100,000 กรมธรรม์ หรือเท่ากับ 10,000 ต้น ทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้กระดาษได้มากกว่า 400,000 แผ่นต่อปี เทียบเป็นจำนวนต้นไม้ถึง 48 ต้น ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG ของ เอไอเอ เพื่อมุ่งสร้างสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้คนและสังคมไทย
ทั้งนี้ AIA+ เป็นแอปพลิเคชันที่มอบความสะดวกในการตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ การชำระเบี้ยประกันภัย การยื่นเคลม การเข้าถึงบริการสุขภาพและการดูแลชีวิตได้อย่างครบวงจร รวดเร็ว ปลอดภัย ตามสโลแกน AIA+ พลัสชีวิตดี ๆ ให้คุณ
![]()
นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “แคมเปญ AIA+ Go Green สะท้อนความมุ่งมั่นของ เอไอเอ ในการขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีชีวิตที่ดีอย่างแท้จริง ทั้งยังสอดคล้องกับพันธกิจ AIA One Billion ที่มุ่งสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับผู้คนหนึ่งกว่าพันล้านคนภายในปี 2573 ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’
โดยปีนี้เราได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และ EEC พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม ในการปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร และสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะสิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Rethink Healthy ที่เอไอเอ ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนปรับมุมมองเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเน้นให้เห็นว่า ‘สุขภาพดี’ ไม่ได้หมายถึงแค่ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีจิตใจที่ดี ความมั่นคงทางการเงิน และการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเริ่มต้นได้จากการลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำได้ด้วยตัวเอง เช่น การเลือกเดินแทนการใช้รถ การลดการใช้พลาสติก หรือการปลูกต้นไม้ที่บ้าน เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในระดับบุคคลและสังคม เราจึงอยากเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมกันนิยามความหมายใหม่ของสุขภาพดีในแบบของตนเอง พร้อมร่วมดูแลโลกใบนี้ให้เป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการมีชีวิตที่ยั่งยืน”
![]()
นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย
นายสุธนิศร์ สุริโยทัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอไอเอ ประเทศไทย เสริมว่า “การเดินหน้าสู่ปีที่สองของแคมเปญ AIA+ Go Green เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสะท้อนพันธกิจด้าน ESG ของ เอไอเอ ด้านการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจ การดูแลผู้คน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมให้ลูกค้าหันมาใช้ E-Document แทนเอกสารกระดาษ จึงไม่เพียงช่วยลดการใช้ทรัพยากร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ เอไอเอ ในการก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2593 ภายใต้การขับเคลื่อน ESG ที่ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพ การลงทุน การดำเนินงาน บุคลากร และการกำกับดูแลองค์กรที่เข้มแข็ง”
![]()
นายสุธนิศร์ สุริโยทัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เอไอเอ ประเทศไทย
ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ผ่านแอปพลิเคชัน AIA+ ที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายควบคู่กับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมแคมเปญ AIA+ Go Green ได้ภายในแอป ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน นอกจากจะช่วยลดการใช้กระดาษแล้ว AIA+ ยังมีระบบความปลอดภัยสูง จึงมั่นใจได้ว่าเอกสารสำคัญจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ลดปัญหาเอกสารสูญหายหรือค้นหาไม่เจอ ยกระดับการเข้าถึงบริการ เอไอเอ ผ่านโทรศัพท์มือถือแบบไร้รอยต่อ นอกจากนี้ เอไอเอ ยังเตรียมต่อยอดประสบการณ์จากแอปพลิเคชัน AIA+ สู่โลกจริง ผ่านกิจกรรม AIA+ Go Green Grooving in the Park ในปีหน้า เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสการมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนในมิติใหม่ เชื่อมโยงการใช้งานดิจิทัลเข้ากับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่สนุกและสร้างสรรค์ สอดคล้องกับพันธกิจด้าน ESG ของ เอไอเอ ในการดูแลผู้คนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
![]()
ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย
ด้านพันธมิตรหลักอย่าง นายอเล็กซ์ เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) กล่าวว่า “เรามีความภูมิใจที่ได้สานต่อความร่วมมือกับ เอไอเอ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ร่วมกันในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและได้มีบทบาทในการสนับสนุน เอไอเอ ในการผลักดันแคมเปญที่สร้างคุณค่าต่อธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสงเสริมการลดใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น เราเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนและคนรุ่นใหม่ พร้อมกระตุ้นให้ทุกคนหันมาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาธรรมชาติอย่างจริงจัง”
![]()
นายอเล็กซ์ เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC)
ทั้งนี้ เอไอเอ เตรียมจัดงาน AIA+ Go Green Festival – Grooving in the Park ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569 ณ สวนเบญจกิติ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และพันธมิตร อาทิ EEC, Layers of emotions, Aura, Absolute Boutique Fitness Studio, FORM Recovery, Yolo, McDonald's, สมิติเวช และอื่น ๆ โดยในงานจะมีกิจกรรมมากมายที่จะมอบประสบการณ์ ความสนุกสนานควบคู่กับการเรียนรู้เรื่องความยั่งยืน ผ่านคอนเสิร์ตจากวงลิปตา กิจกรรมเวิร์กชอป การจัดการขยะ และ การเดินทางที่ลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งนับเป็นงการผนวกความบันเทิงและสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานคร มุ่งมั่นสร้างพื้นที่สีเขียวร่วมกับภาคเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชน สวนเบญจกิติเป็นพื้นที่ต้นแบบที่ผสานวิถีชีวิตคนเมืองเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ภายในสวน นอกจากจะสอดคล้องกับนโยบายของเราในการปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้นในกรุงเทพฯ แล้ว ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้และให้คนเมืองเห็นคุณค่าถึงความสำคัญของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น กรุงเทพมหานครขอขอบคุณ เอไอเอ ที่ขับเคลื่อนแคมเปญด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนต่อไป”
![]()
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ AIA+ Go Green เพื่อร่วมกันรักษ์โลกและสร้างความยั่งยืนไปกับ เอไอเอ โดยการเปลี่ยนสู่ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกและปลอดภัย เพียงดาวน์โหลดแอป AIA+ และสมัครรับบริการ E-Document และ E-Receipt ได้ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เพื่อมีสิทธิรับบัตร AIA+ Go Green - Grooving in the Park ในวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569
![]()
ลูกค้า เอไอเอ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AIA+ ลงทะเบียนรับ E-Document และ E-Receipt ได้แล้ววันนี้ผ่านสมาร์ต ดีไวซ์บนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
เอไอเอ ประเทศไทย โดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับรางวัล DAILYNEWS TOP CEO 2025 สาขาธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่สร้างผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อให้เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริหารรุ่นใหม่ โดยรางวัลนี้ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนายนิคฮิล แอดวานี ในฐานะผู้นำองค์กร ที่ขับเคลื่อนพันธกิจของเอไอเอให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives” รวมทั้งความทุ่มเทในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันชีวิตของไทย ผ่านกลยุทธ์การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัล สร้างบุคลากรให้มีความแข็งแกร่ง และให้ความสำคัญกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อความยั่งยืน
สำหรับงาน DAILYNEWS TOP CEO 2025 จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อฉลองในวาระเดลินิวส์ครบรอบ 61 ปี โดยงานขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัวสูท AIA MDRT 2026 ดีไซน์ใหม่ล่าสุด โดยแบรนด์ POEM แบรนด์แฟชั่นไทยชื่อดัง ตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพที่มีตัวแทน MDRT มากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ อีกทั้งกลุ่มบริษัทเอไอเอ ยังสามารถครองแชมป์บริษัทที่มีจำนวน MDRT มากที่สุดในโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 แสดงถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของพลังตัวแทนเอไอเอ โดยสะท้อนออกมายังสูท AIA MDRT 2026 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Lines of Liability’ ลายเส้นซิลลูเอทที่ชัดเจนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรูหราด้วยการตัดเย็บอย่างประณีต และลาย Pinstripes ที่สื่อถึงความเป็นเลิศในวิชาชีพ และ Ombre หรือเทคนิคการไล่สีที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ช่วยสร้างมิติและความเป็นตัวตนให้กับชุดสูท AIA MDRT 2026 ซึ่งชุดสูทใหม่นี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติและยินดีกับความสำเร็จของตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ที่ได้รับคุณวุฒิ MDRT 2026 รวมถึงเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่พลังตัวแทนทุกคนให้มุ่งสู่การพิชิตคุณวุฒิ MDRT 2026 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย 5,000 MDRT และรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกได้อย่างต่อเนื่อง

นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ เป็นผู้นำในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และยูนิต ลิงค์ รวมไปถึงการบริการทั้งที่ผ่านช่องทางดิจิทัล และช่องทางตัวแทน ซึ่งเอไอเอ นับว่าเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีจำนวนตัวแทนมากที่สุดกว่า 55,000 คน ดังนั้นการสนับสนุนและผลักดันตัวแทนนั้น เอไอเอ เราได้มี Initiatives และโครงการต่าง ๆ มากมาย ที่จะช่วยสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับพลังตัวแทนของเรา โดยเฉพาะการยกระดับตัวแทนสู่การเป็นตัวแทน MDRT เอไอเอ มีการสร้าง MDRT Ecosystem ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้แก่

“เรามีการมอบประสบการณ์ที่เงินหาซื้อไม่ได้ หรือ Money Can’t Buy Experience ให้แก่ตัวแทน MDRT โดยเฉพาะการมอบสูทดีไซน์พิเศษจากแบรนด์ดัง เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเอไอเอได้มีการออกแบบสูทร่วมกับดีไซน์เนอร์ไทยและนักวาดภาพประกอบชื่อดังมาตั้งแต่ปี 2564 เป็นระยะเวลา 5 ปีต่อเนื่องแล้ว และในปีนี้มีความพิเศษกว่าที่เคย เพราะเราได้ร่วมมือกับ POEM แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของไทย เพื่อสร้างสรรค์สูทสำหรับ AIA MDRT 2026 โดยเน้นการออกแบบที่พิถีพิถัน ผสมผสานกับเอกลักษณ์ของ POEM เพื่อมอบเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจแก่ตัวแทนเอไอเอที่สามารถพิชิตคุณวุฒิ MDRT”

ด้าน นายชวนล ไคสิริ หรือ ณอน ดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์ POEM เผยถึงที่มาของสูท AIA MDRT 2026 ว่า “ที่มาของการดีไซน์สูทนี้ ผมตีความว่าคุณวุฒิ MDRT คือความสำเร็จ และมากไปกว่านั้น MDRT ยังคือความภาคภูมิใจด้วย เพราะฉะนั้นดีไซน์ของสูทจึงมาจาก ‘ความสำเร็จ’ ผนวกกับ ‘ความภาคภูมิใจ’ โดยเราต้องการให้สูทตัวนี้สื่อสารถึงความภูมิใจและความเป็นมืออาชีพของตัวแทน AIA MDRT ในเวลาเดียวกัน เราใช้คอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า ‘The Lines of Liability’ เป็นการทำโครงเสื้อสไตล์ Tailoring แบบสูทให้เป็น Power Suit และใช้เนื้อผ้า Pinstripes ซึ่งเป็นลายเส้นที่สื่อถึงความชัดเจนและซื่อตรง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่เป็นกิมมิกเล็ก ๆ ทำให้ทุกคนได้ตื่นเต้น คือสีของผ้าซับในของสูทสี Ombre ที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ POEM ซึ่งใช้เป็นโทนสีแดงของเอไอเอ แล้วไล่เฉดสีให้ดูหรูหรามีระดับและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
“สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจคือ เอไอเอไม่ได้มองว่า MDRT เป็นเพียงรางวัลแห่งความสำเร็จ แต่เป็นสัญลักษณ์ของมาตรฐานวิชาชีพระดับโลก ผมเลยอยากถ่ายทอดความหมายนี้ออกมาในรูปแบบของชุดสูทที่ทุกคนได้สวมใส่แล้วจะรู้สึกได้ถึงความพิเศษและคุณค่าของความสำเร็จ” นายชวนล กล่าวทิ้งท้าย