กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) หนุน บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 หวังสร้างสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ให้เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกธุรกิจทั้งด้านการผลิตและเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน คาดจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 12,000 คน เกิดการจับคู่ทางธุรกิจกว่า 570 คู่ และสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 500 ล้านบาท
นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิต รวมไปถึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกระดับ ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและพัฒนาสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ให้เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกธุรกิจทั้งด้านการผลิตและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการตามนโยบาย RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต ผ่านการผนึกกำลังความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หรือ "DIPROM CONNECTION" ร่วมผลักดันพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากการพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเข้ามาเติมเต็มในทุกด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการที่มีความหลากหลายในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการผลิต ด้านการบริหารจัดการ ด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาเสริมศักยภาพ รวมถึงการบุกเบิกตลาดในน่านน้ำใหม่ ๆ ซึ่งการจัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 มหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมที่ครบวงจรที่สุดสำหรับธุรกิจ OEM และ e-Commerce ในประเทศไทย โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จะเป็นส่วนสำคัญในการติดอาวุธด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการ และยังเป็นทางลัดเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพรุ่นใหม่ได้สร้างธุรกิจของตัวเองได้เร็วยิ่งขึ้น ผ่านการจ้างธุรกิจที่รับการผลิตแบบ OEM ให้ผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการหน้าใหม่กับธุรกิจ OEM ยังเป็นการแชร์การเพิ่มผลผลิต (Productivity) ทำให้ช่วยลดต้นทุนจากการรวมความต้องการ (Demand) ที่ผลิตสินค้าจำนวนมาก และโรงงานก็สามารถเพิ่มประสิทธิผลจากการใช้สายการผลิตได้อย่างเต็มกำลัง ที่สำคัญยังเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการรายใหม่ผลิตสินค้าได้ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม รวมทั้งการจัดร่วมกับงาน eBiz Expo ยังเป็นการสนับสนุนช่องทางตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจรายย่อย จึงทำให้การจัดงานในครั้งนี้มีความครบสมบูรณ์ และยังเป็นการสนับสนุนการสร้างอาชีพสำรอง หรือรายได้เสริมให้กับประชาชน
นายปรนนท์ ฐิตะวรรโณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่ออุตสาหกรรมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ให้การสนับสนุนการจัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo มาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ได้นำผู้ประกอบการในกลุ่มรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) ที่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. มาร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 19 ราย ซึ่งครอบคลุมสินค้าทุกประเภท เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเสริม, อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง, อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม, อุตสาหกรรมเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องหนัง อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และแพ็คเกจจิ้ง, อุตสาหกรรมโรงงานที่ผลิตแบรนด์, อุตสาหกรรมสินค้าสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการสินค้าจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเอง และเพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพสูงจากผู้รับจ้างผลิตชั้นนำของประเทศไทย
“อุตสาหกรรม OEM เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งในปัจจุบัน ส.อ.ท. มีสมาชิกที่เป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพสูง และได้มาตรฐานกว่า 16,000 ราย ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศพร้อมเข้ามาช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการหน้าใหม่ให้สามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น”
โดยในงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 ในครั้งนี้ผู้ที่เขาร่วมงานจะได้พบปะผู้ประกอบการ OEM ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และร่วมฟังสัมมนาจากกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจ รวมทั้งการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) เพิ่มโอกาสในการมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมต่อยอดและขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
ด้าน นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ซึ่งภายในงานจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ OEM Manufacturer Expo และ e-BIZ Expo สำหรับงาน OEM Manufacturer Expo จะเน้นการแสดงสินค้าจากผู้ผลิตในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ สินค้าออร์แกนิค สินค้าอุปโภคบริโภค แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ บรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมไปถึง อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงและอาหารแห่งโลกอนาคตที่กำลังเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน
โดยผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเหล่านี้ พร้อมที่จะช่วยผู้ประกอบการหน้าใหม่ในการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน และตรงกับความต้องการ จึงทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องการผลิตที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง และเทคนิคในการผลิตมากมายทำให้เริ่มต้นทำธุรกิจได้ง่าย โดยผู้ประกอบการหน้าใหม่เพียงแต่มุ่งไปที่การสร้างแบรนด์ การวางแผนการตลาด การบริหารจัดการ และการจัดส่งสินค้า
ในส่วนของ e-BIZ Expo จะเน้นการจัดแสดงเทคโนโลยีบริการดิจิทัลและโซลูชั่นทางธุรกิจ เช่น การตลาดดิจิทัล โซลูชั่นทางธุรกิจ (SAP, ERP, MRP) FinTech โลจิสติกส์และการจัดการ ระบบความปลอดภัยการชำระเงินออนไลน์ คลาวด์ AI IoT และ 5G ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประสบการณ์และโอกาสในการพบปะกับผู้ให้บริการที่สามารถสนับสนุนการเติบโตในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ งาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 ยังเป็นช่องทางที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเครื่องมือที่จำเป็นในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งการเรียนรู้เทรนด์ใหม่ ๆ การพบปะกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรทางธุรกิจ และการได้รับคำแนะนำในการปรับตัวพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังมีการจัดการเสวนาเกี่ยวกับวิธีการขยายธุรกิจ การหาตลาดใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถพบปะกับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งสามารถนำไปสู่การร่วมทุนและการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้ในงานครั้งนี้เหมาะสมกับผู้ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ หรือผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 12,000 คน เกิดการจับคู่ทางธุรกิจ 570 คู่ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 500 ล้านบาท
บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จับมือพันธมิตร รัฐและเอกชน เตรียมจัดงาน InterCare Asia 2024 ระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 2567 โดยจัดควบคู่กับงาน Medical & Wellness Travel Fair 2024 หวังส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจด้านสุขภาพของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดึงนวัตกรรมสุขภาพทั่วโลกจัดแสดง พร้อมผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจ และนวัตกรรมสุขภาพของอาเซียน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศในระยะยาว
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางและโอกาสของธุรกิจสุขภาพในประเทศไทยปี 2567 ว่าประเทศไทยยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การเติบโตของเทคโนโลยีทางการแพทย์และนวัตกรรมต่างๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจสุขภาพให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และด้วยศักยภาพของประเทศไทยในด้านการแพทย์และการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพในระดับสากล ประกอบกับความพร้อมด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในฐานะหนึ่งในศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ในภูมิภาคเอเชีย
เอ็น.ซี.ซี. เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจสุขภาพ จึงได้เตรียมจัดงาน InterCare Asia 2024 งานแสดงสินค้าและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตสำหรับทุกวัย ระหว่างวันที่ 1 - 3 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00-19.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสุขภาพ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านสุขภาพ ตลอดจนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญภายในงาน InterCare Asia 2024 จะมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลาย อาทิ การแสดงนิทรรศการสินค้าและบริการด้านสุขภาพจากผู้ประกอบการชั้นนำ การสัมมนาและเวิร์คช็อปจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพ็กเกจตรวจสุขภาพและรักษากับโรงพยาบาลชั้นนำ การสาธิตการใช้งานเทคโนโลยีและอุปกรณ์ด้านสุขภาพใหม่ ๆ แพ็กเกจท่องเที่ยวโดนใจสไตล์วัยเก๋า เป็นต้น
ในปีนี้ได้มีความร่วมมือกับสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทยในการจัดงาน Medical & Wellness Travel Fair 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยจะจัดพร้อมกับงาน InterCare Asia 2024 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทย ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังระหว่างสองอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและส่งเสริมการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพในประเทศไทย พร้อมทั้งขยายสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจและนวัตกรรมทางด้านสุขภาพของอาเซียน อันจะนำมาซึ่งเม็ดเงินมหาศาลสู่ประเทศในระยะยาว
งานนี้เปิดสำหรับผู้เข้าชมงานทั้งภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป โดยมีพันธมิตร O-lunla, Go Mamma และหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมจัดกิจกรรมน่าสนใจมากมายทั้งด้านการพัฒนาสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวม อาทิ เสวนาพิเศษ "วิธีฮีลใจ ในวันที่อะไร ๆ ก็ไม่เป็นใจ" จากคุณหมอเจี๊ยบ ลลนา, ฟังเพลงไพเราะพร้อมเสวนาพิเศษ "สูงวัยสุขใจ ใช้ชีวิตแบบชื่นบาน" โดยแม่เม้า สุดา ชื่นบาน, เสวนา “มิตรจริงหรือมิจจี้ - เทคนิคสแกนคนร้ายในวันที่มิจฉาชีพเต็มเมือง" โดยเพจมนุษย์ต่างวัย, กิจกรรมออกกำลังกายไกลโรคกิจกรรมทำลูกบีบกุ๊กไก่บริหารมือ, บริการตรวจสุขภาพฟรีโดยโรงพยาบาลชั้นนำ ฯลฯ และกิจกรรมเชิงธุรกิจ ประกอบด้วย Business Matching ที่นำผู้ซื้อคุณภาพมาพบกับผู้ขาย เพื่อร่วมเจรจาต่อยอดธุรกิจ และมีกิจกรรม Networking ที่นำคณะผู้บริหารสถานประกอบการ Senior Care ต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัลจากทั่วประเทศ มาพบกับผู้ขายภายในงาน เพื่อหารือโอกาสการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 20,000 ราย และสามารถสร้างเงินสะพัดภายในงานและต่อเนื่องในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้กว่า 300 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีสัมมนาหัวข้อ "FROM LEGEND TALK TO THE MARS" ที่จัดขึ้นพร้อมกัน ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจด้านการเงิน การลงทุน และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม รวมไปถึงกลุ่มนักธุรกิจผู้ที่สนใจทำการค้ากับจีน ได้มาร่วมอัปเดตเทรนด์โลกล่าสุดกับทิศทางเศรษฐกิจ การเงินและการแพทย์ย้อนวัย กับคณะวิทยากรชื่อดัง ได้แก่ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญอิสระ, ดร.พนา สถิตศาสตร์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านจีน, พ.ท.นพ.ธรณัส กระต่ายทอง Founder & CME of V Precision
พญ. ประภา วงศ์แพทย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย กล่าวว่าภาพรวมตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทยในปี 2567 ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ความสนใจมาใช้บริการด้านการแพทย์และสุขภาพในประเทศไทย เนื่องจากมีคุณภาพและมาตรฐานสูง รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ขณะเทรนด์สินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพที่กำลังมาแรงในปีนี้ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการดูแลสุขภาพ การให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม การใช้สมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ รวมถึงการให้บริการด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล
สำหรับการจัดงาน Medical & Wellness Travel Fair 2024 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพของไทย โดยเป็นเวทีในการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ รวมทั้งเป็นการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SME ในการเข้ามาสู่ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพผ่านการจัดงาน InterCare Asia 2024 และ Medical & Wellness Travel Fair 2024 เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการของตนให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายปรัชญา เพิ่มทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโอกาสทางธุรกิจ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า ISMED มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs สำหรับการเข้าร่วมแสดงสินค้าและบริการในงาน InterCare Asia 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดย ISMED มีโปรแกรมสนับสนุนและบริการต่างๆ ที่จะช่วยให้ SMEs สามารถพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ อาทิ การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ การสนับสนุนด้านการตลาดและการเงิน รวมถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ
นอกจากนี้รัฐบาลได้ผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME อย่างเร่งด่วน เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ได้สนับสนุนงบประมาณผ่าน โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือที่รู้จักในชื่อ “SME ปัง ตังค์ได้คืน” ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงิน 50–80% ผ่านการอบรม การโค้ชชิ่ง (Coaching) การให้คำปรึกษาแนะนำ (Consult) รวมทั้งการขยายช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมอบให้ ISMED เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างรายได้ รวมถึงการต่อยอดธุรกิจจากการเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงาน InterCare Asia 2024 และ Medical & Wellness Travel Fair 2024 ได้ในระหว่างวันที่ 1 - 3 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00-19.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.intercare-asia.com หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ได้ทาง www.facebook.com/intercareexpo
มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับนานาชาติ พร้อมนำเสนอ ‘บัญชีบริการดิจิทัล’ อำนวยความสะดวกให้ผู้พัฒนาเมืองสามารถเลือกสินค้าและบริการ ด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับบริบทของตนเอง
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) โดย ดีป้า พร้อมด้วย บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เตรียมจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับนานาชาติที่จะมีขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 6 – 8 พฤศจิกายน 2567 ฮอลล์ 3 – 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยปีนี้มาพร้อมแนวคิด ‘Towards Smart Data Era’ ซึ่งแสดงถึงความตื่นตัวของทุกภาคส่วนที่จะนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า Thailand Smart City Expo 2024 จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมโครงการพัฒนาเมืองในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมือง การประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติโดยผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่จะเกิดการต่อยอดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการพัฒนาเมือง
“นอกจากนี้ กระทรวงดีอี โดย ดีป้า ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พัฒนานโยบายกระตุ้นการลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในพื้นที่เมืองอัจฉริยะผ่านมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 100% ของเงินลงทุนด้านดิจิทัล ระยะเวลาสูงสุด 3 ปี เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการที่ขึ้นทะเบียนใน ‘บัญชีบริการดิจิทัล’ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้พัฒนาเมืองสามารถเลือกสินค้าและบริการด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับบริบทของตนเอง ขณะที่หน่วยงานภาครัฐสามารถเลือกใช้สินค้าและบริการในบัญชีบริการดิจิทัลได้ด้วยระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง ส่วนภาคเอกชนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการลดหย่อนภาษีสูงถึง 200%” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า เทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้รูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คนในชุมชนเมืองปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้พัฒนาเมืองจำเป็นต้องยกระดับเมืองไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในเมืองรอบด้าน เช่น ด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านจราจรและขนส่ง ด้านการยกระดับการประกอบอาชีพและการศึกษา และด้านพลังงานสะอาด เป็นต้น
ทั้งนี้เทคโนโลยีด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเมืองให้ตรงกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในเมือง ช่วยแก้ไขปัญหา และเสริมจุดเด่นของแต่ละเมืองที่มีความแตกต่างกัน ได้อย่างตรงจุด ดังนั้น อ็น.ซี.ซี. จึงได้ร่วมกับ ดีป้า จัดงาน Thailand Smart City Expo 2024 ซึ่งเป็น
การต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้าเป็นจำนวนมาก และมีผู้เข้าชมตลอดระยะเวลาการจัดงานกว่า 8,600 คน อีกทั้งได้รับความสนใจจากผู้นำท้องถิ่นและผู้พัฒนาเมืองเข้าร่วมเจรจาธุรกิจกว่า 100 เมือง
สำหรับงาน Thailand Smart City Expo 2024 ได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะไว้ 7 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย SMART Telecom, SMART Energy, SMART Living, SMART Industry & Retail, SMART Mobility, SMART Environment และ SMART Healthcare เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเมืองในทุกมิติ โดยคาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานราว 10,000 ราย มีผู้ประกอบการเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 150 ราย
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดงานในครั้งนี้จะเป็นช่องทางให้ชุมชนต่าง ๆ มาศึกษาเรียนรู้และนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่เหมาะสมกลับไปพัฒนาชุมชนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตและก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด” นายสุรพล กล่าว
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีเมืองที่ผ่านการรับรองเป็นเมืองอัจฉริยะแล้วจำนวน 36 เมืองจาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในปี 2567 – 2570 รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะยกระดับเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ไม่น้อยกว่า 105 เมือง อีกทั้งมีการประเมินว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้สนใจสามารถร่วมงาน Thailand Smart City 2024 มหกรรมแสดงสินค้าและเทคโนโลยีด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับนานาชาติระหว่างวันที่ 6 - 8 พฤศจิกายน 2567 ณ ฮอลล์ 3 - 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandsmartcityexpo.com
“เอ็น.ซี.ซี.” ร่วมกับ “ททท.” เปิด 3 งานใหญ่ “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” เอาใจสายเที่ยวไลฟ์สไตล์ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง คาดมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 55,000 คน เกิดเงินสะพัดในงานกว่า 200 ล้านบาท เชื่อทั้ง 3 งานจะช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งไทยและต่างชาติมากยิ่งขึ้น ดันธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องขยายตัวตามไปด้วย
นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงานทั้ง 3 งานในครั้งนี้จัดขึ้นจากการที่มองเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพทางการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ส่งผลให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และกระจายไปทุกตลาดการท่องเที่ยว โดยหนึ่งในตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ที่เติบโตในระดับสูง คือ การท่องเที่ยวกลางแจ้งทั้งการเล่นกอล์ฟ การดำน้ำ และกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่มนี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยว ที่มียอดการใช้จ่ายต่อหัวสูง และมีระยะเวลาการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป “เอ็น.ซี.ซี.” จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชนทั้งในและต่างประเทศจัดงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่เป็นการรวม 3 งานแสดงสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยว ทั้งด้านกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และท่องเที่ยวแนวกิจกรรมกลางแจ้ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ภายในงานจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานมากกว่า 500 บูธ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 25% ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการต่างชาติประมาณ 20% สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ได้มีแบรนด์ดังเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษที่มีส่วนลดสูงถึง 80% และมีกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าร่วมมากมาย
“การจัดงานทั้ง 3 งานนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้ามาร่วมงานตลอดทั้ง 4 วันนี้ไม่น้อยกว่า 55,000 คน และมียอดซื้อขายภายในงานและต่อเนื่องไปในอุตสาหกรรมนี้กว่า 200 ล้านบาท โดยงานนี้นับเป็นหนึ่งในกลไกส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี” นายสุรพล
งาน "Thailand Dive Expo :TDEX" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร มีสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำ ตั้งแต่คอร์สเรียนไปจนถึงทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ จากสถาบันสอนดำน้ำที่ได้มาตรฐาน รีสอร์ตใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำ อุปกรณ์เสริมแบรนด์ดังและสุดยอดอุปกรณ์ดำน้ำจากแบรนด์ชั้นนำ กล้องถ่ายภาพและวีดิโอใต้น้ำพร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพ ในราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ มาจัดแสดงกว่า 285 บูธ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “TDEX Diver’s Talk” ในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น เทคนิคการถ่ายภาพใต้น้ำ การดำน้ำกับวาฬออร์กา ฯลฯ นิทรรศการภาพถ่ายใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 17” และคลิปวีดิโอใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Moment VDO Contest” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก อีกทั้งปีนี้เป็นการฉลองครบรอบ 20 ปี ของการจัดงาน Thailand Dive Expo จึงได้จัดทำของที่ระลึกสุดพิเศษ Limited Edition 3 รูปแบบ ได้แก่ “Aroma Book กลิ่น Aqua de TDEX” สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าภายในงานครบ 25,000 บาท (จำนวนจำกัด ตามเงื่อนไขที่กำหนด) เซทผ้าปิดตา “TDEX Eyerest & Escape Set” และตุ๊กตาผ้าห่มสีสันสดใส “TDEX Box Fish” มาจำหน่ายภายในงาน โดยรายได้ส่วนหนึ่งนำไปมอบให้กับมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ สำหรับผู้เข้าชมงานทั้ง 3 งาน จะได้รับสิทธิ์ลุ้นของรางวัลต่าง ๆ อาทิ คอร์สเรียนดำน้ำขั้นพื้นฐาน ขั้นแอดวานซ์ และฟรีไดวิ่ง, อุปกรณ์ดำน้ำแบรนด์ดัง, Gadget นักดำน้ำ และรางวัลอีกมากมาย พร้อมชิมกาแฟหอมกรุ่นสูตรพิเศษจาก Nespresso (จำนวนจำกัดต่อวัน)
งาน "Thailand Golf Expo 2024" งานมหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 ได้รวบรวมผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าเข้ามานำเสนอแพ็กเกจกรีนฟีสนามกอล์ฟ การจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ อุปกรณ์เสริม ชุดกีฬากอล์ฟหลากหลายแบรนด์ดัง ภายในงานได้จัดกิจกรรมแข่งขันพัตต์กอล์ฟ “1 พัตต์ 1 แสน” ซึ่งเป็นกิจกรรมไฮไลต์และได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก และกิจกรรม “Swing Quick Fix” กับเครื่อง Golf Simulator ที่จะช่วยนักกอล์ฟปรับวงสวิงให้ตีกอล์ฟได้ดีขึ้น ทั้งนี้ประเทศไทยมีจำนวนสนามกอล์ฟอยู่ประมาณ 200 กว่าแห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นสนามกอล์ฟของภาคเอกชนที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ประมาณ 160 แห่ง อีก 40 แห่งเป็นสนามกอล์ฟของหน่วยงาน ราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสนามกอล์ฟของประเทศไทย เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากราคาค่าบริการสนามกอล์ฟในประเทศไทยมีราคาที่ถูกกว่าในหลายประเทศ อีกทั้งการให้บริการของสนามกอล์ฟมีคุณภาพและได้มาตรฐาน จึงเป็นที่ดึงดูดให้นักกอล์ฟชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเล่นกอล์ฟกันมากขึ้น
งาน "Outdoor Fest 2024" งานมหกรรมท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 โดยได้ขยายการจัดงานออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดยได้รวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำจากไทยและต่างประเทศ ยกขบวนเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ทสกี คายัค ที่พักรีสอร์ต รวมถึงแพ็กเกจกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งมาไว้ในงานครั้งนี้ โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวกลางแจ้ง การผจญภัย การท่องเที่ยวทางเลือก และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก และตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามความก้าวหน้าของตลาดในด้านเทคโนโลยี และการโฆษณา จึงทำให้การท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของตลาดที่รวดเร็ว ทำให้ในการจัดงาน Outdoor Fest 2024 ในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ได้เลือกซื้อสินค้าในเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมด้วยข้อเสนอดีที่สุดของกลุ่มสินค้าที่หลากหลาย รวมทั้งการสัมผัสประสบการณ์กิจกรรมผจญภัย และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เสวนาบนเวทีกับกูรูกาแฟแนวแคมป์ปิ้ง และร่วมลุ้นโชคที่จะแจกรางวัลมากมายภายในงาน และยังมีกิจกรรมในงาน ได้แก่ โซนคอมมูนิตี้คอกาแฟ Caff ‘n Camp (คาฟ แอนด์ แคมป์), โดมดูดาวและดวงจันทร์จำลอง จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) และโปรโมชั่นกับบัตร KTC และ Central รับ cash back, e-Coupon และของสมนาคุณในงานมากมาย
ด้านนางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท. ได้ให้การสนับสนุนบริษัท เอ็น.ซี.ซี.ฯ ในการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความพร้อมและศักยภาพของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกิดจากการซื้อขายแพ็กเกจท่องเที่ยว อุปกรณ์ต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมทั้งได้สนับสนุนให้มีการสอดแทรกแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาวด้วย เชื่อว่าการจัดงานในครั้งนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ททท. ยังคงมุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้ เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ผ่าน Soft Power ประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน จึงมุ่งเน้นสร้างการรับรู้และนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ อาทิ กิจกรรมทางน้ำ แคมป์ปิ้ง และกิจกรรมกอล์ฟ ที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจเข้าชมงานสามารถติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมดำน้ำได้ทาง Facebook: Thailand Dive Expo (TDEX) หรือ www.ThailandDiveExpo.com กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Thailand Golf Expo หรือ www.ThailandGolfExpo.com กิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Outdoor Fest ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Traveler & Outdoor Expo หรือ www.traveloutdoorexpo.com
เอ็น.ซี.ซี. เปิดงาน PET EXPO THAILAND 2024 อย่างยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 24 ปีของการจัดงาน รวบรวมเหล่าสัตว์เลี้ยงมาประชันโฉมในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก รับกระแส Petsumer และเทรนด์ Pet Humanization - Pet Celebrity ทำตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตแรงต่อเนื่อง คาดตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ยังคงเป็นกระแสยอดนิยม และขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นอกจากกระแสของ Pet Humanization แล้ว สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจพัฒนาบทบาทจากลักษณะนิสัยส่วนตัวที่สามารถยกระดับจากสมาชิกในครอบครัวปกติ จนกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ ผ่านรูปแบบลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ “Pet Celebrity” ส่งผลให้ภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยยังมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5-10% อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 นี้คาดการณ์ว่าตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท มูลค่ายอดใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยต่อคนที่สูงถึง 10,000 - 20,000 บาทต่อปี
นอกจากมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยที่ขยายตัวจากเทรนด์การเลี้ยงที่เปลี่ยนไปดังกล่าว รูปแบบการเลี้ยงนี้ยังส่งผลทางอ้อมไปยังธุรกิจและบริการที่สามารถรองรับมูลค่าที่ขยายตัวนี้ได้ เช่น กลุ่มโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ธุรกิจรับฝึกสัตว์เลี้ยงให้กลายเป็น Petfluencer รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับบริการรักษาสัตว์ที่อาจมีการขยายขอบเขตบริการ Veterinary Telemedicine หรือ Virtual Vet ที่อาจเข้ามาตอบโจทย์กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เจ้าของอาจไม่สะดวกเดินทางพาสัตว์เลี้ยงเข้ารับการรักษา เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ของการเลี้ยงสัตว์ที่เปลี่ยนไป เจ้าของจะเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของตัวเองมากขึ้น เอ็น.ซี.ซี.ฯ จึงได้จัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 งานแสดงสินค้าและบริการ ด้านสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุด เพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 ภายในงานยังได้เตรียมกิจกรรมสนุกๆ ไว้มากมาย โดยปีนี้จัดขึ้นในธีมโจรสลัดสุดน่ารัก “Friendship Treasure ขุมทรัพย์เพื่อนรักสุดขอบฟ้า” โดยได้รวบรวมสินค้าและบริการ สำหรับสัตว์เลี้ยงจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 บริษัท 700 บูธ
“ด้วยปีนี้เราได้จัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำการจัดแสดงงานด้านสัตว์เลี้ยง เราได้รวบรวมสินค้าจากทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าชั้นนำมาจัดรายการในราคาสุดพิเศษ พร้อมทั้งได้มีกิจกรรมให้คนรักสัตว์ได้ร่วมสนุกตลอดทั้ง 4 วัน โดยเชื่อว่าตลอดการจัดงานนี้จะมีเงินสะพัดภายในงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท” นายสุรพล กล่าว
สำหรับไฮไลท์ภายในงาน PET EXPO THAILAND 2024 ได้รวบรวมกิจกรรมการแข่งขันและการประกวดชิงรางวัลสนุก ๆ ของเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย พร้อมของรางวัลแบบจัดเต็มตลอดระยะเวลา 4 วัน รวมถึงการโชว์ตัวครั้งแรกในประเทศไทยของ Blue Holicer Rabbit กระต่ายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ลำดับที่ 52 ของโลก และยังมีเหล่าผู้ประกอบธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยงที่พาเหรดยกทัพสินค้าและบริการจากแบรนด์ชั้นนำมาให้ผู้รักสัตว์เลี้ยงได้เลือกซื้ออย่างจุใจ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ทั้งกลุ่มอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ อาหารเสริม แชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงขน อุปกรณ์ตัดแต่งขน เสื้อผ้าและเครื่องประดับ และอุปกรณ์และของเล่นพัฒนาทักษะ นอกจากนี้ภายในงานยังมีบริการมากมาย โดยเฉพาะบริการทางด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากโรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำของไทยมาให้เลือกใช้บริการ และรับคำปรึกษา แนะนำจากสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ 11 และวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 ในโซนกระต่าย ท่านจะได้ชมการประกวดกระต่ายระดับโลกมาตรฐานสายพันธุ์ ARBA การประกวดหนูเควี่ และหนูแฮมเตอร์ ตัดสินโดยกรรมการ 3 ท่านจากสหรัฐอเมริกา
ส่วน โซนสัตว์ Exotic Pet หรือโซนสัตว์พิเศษได้รวบรวมสัตว์ต่างๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัตว์พิเศษที่หาดูได้ยาก เช่น งูหลามบอล ทามารินมือทอง ตุ๊กแกหางอ้วนแอฟริกา จิ้งจอกทะเลทราย สกั๊งค์ กบต้นไม้ ตัวกินมด หนูไร้ขน หมาน้ำ แมงมุมทารันทูล่า และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งยังมีการประกวดแมงมุม Thailand's Grand Tarantulas ครั้งที่ 1 ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567, การประกวดงูใหญ่ Thailand Giant Snake Contest 2024 วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567
ในขณะที่ โซน Pet Village ท่านจะได้พบกับคาพิบาร่า วัววาตูซี จิ้งโจ้แคระ แพะแองโกล่า แกะคาทาดิน White Face Owl นกแก้วซันคอนัว และอีกมากมาย
“ภายในงานยังมีกิจกรรมการแข่งขันบริเวณลานกิจกรรมพร้อมของรางวัลมากมาย อาทิ เกมฮาเฮ เหมียวหม่ำๆ เหมียวยอดนักตบ ด่านกำแพงใสไหนทางออก การแข่งขันหมาน้อยลมกรด การแข่งขัน My Dog Anywhere การแข่งขัน Dog Agility เป็นต้น โดยตลอดระยะเวลา 4 วันของการจัดงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 180,000 คน” นายสุรพล กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งต้องการเลือกชมสินค้าและบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง สามารถเข้าชมได้ภายในงาน “PET EXPO THAILAND 2024” จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข่าวสาร และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.petexpothailand.net หรือ เฟซบุ๊ก Petexpoclub หรือช่องทางทวิตเตอร์ @PetexpoclubTH1 หรือแอดไลน์เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของงานและโปรโมชั่นเด็ด ๆ ก่อนใครได้ที่ @petexpoclub