

ทรู คอร์ปอเรชั่น รุกสกัดต้นทางหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลุยคุมกำเนิดซิมผี เพิ่มประสิทธิภาพการลงทะเบียนซิมด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน ดึงศักยภาพ AI พัฒนาระบบอัจฉริยะพิสูจน์อัตลักษณ์ขั้นสูง ชูระบบ Liveness Detection ที่ผ่านการรับรองจาก iBeta ระดับ 2 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลระดับสูงสุด พร้อมฟีเจอร์ตรวจจับการปลอมแปลงและความผิดปกติทั้งเอกสารและไบโอเมทริกซ์แบบเรียลไทม์ทุกขั้นตอนของการลงทะเบียนซิม ตั้งแต่การถ่ายภาพนิ่งและ Liveness ตรวจสอบคุณภาพของภาพถ่าย พิสูจน์อัตลักษณ์ขั้นสูงในการยืนยันตัวตน เปรียบเทียบภาพได้แม่นยำมากกว่า 99% พร้อมตรวจสอบเอกสารที่ใช้ลงทะเบียนและอ้างอิงข้อมูลกับกรมการปกครอง สอดรับกับมาตรการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของภาครัฐ พร้อมเปิดให้ลูกค้าทรู ดีแทค ลงทะเบียนซิมและยืนยันตัวตนด้วยระบบพิสูจน์อัตลักษณ์ขั้นสูงได้ง่ายๆด้วยตนเองผ่านทรูแอป (True App) แล้ววันนี้ และเตรียมเปิดใช้งานเต็มรูปแบบครบทุกช่องทางการลงทะเบียนซิมในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้
![]()
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การสกัด ตัดวงจรเหล่ามิจฉาชีพที่ใช้ซิมผีหลอกลวงประชาชน เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเน้นและร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐดำเนินมาตรการต่างๆอย่างต่อเนื่องมาตลอด เพื่อป้องกันความเสียหายและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าทรู ดีแทค รวมถึงผู้บริโภคชาวไทย ล่าสุด ทรู ยกระดับมาตรการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างรัดกุมและเข้มข้นมากขึ้น โดยพัฒนาระบบลงทะเบียนซิมรูปแบบใหม่ที่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ขั้นสูงด้วย AI ที่มีความแม่นยำมากกว่า 99% และอีกหลายฟีเจอร์อัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยคัดกรอง เปรียบเทียบ และตรวจจับการปลอมแปลงและข้อมูลเท็จได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความมั่นใจในการปกป้องลูกค้าจากภัยไซเบอร์แบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียนซิม ไปจนถึง การบล็อกลิงก์อันตรายและแจ้งเตือนสายเรียกเข้าที่อาจเป็นมิจฉาชีพผ่าน True CyberSafe ที่ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์และตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัย เราเชื่อมั่นว่า การลงทุนในเทคโนโลยี AI นำมาพัฒนาระบบอัจฉริยะเพื่อรับมือกับภัยไซเบอร์ ไม่เพียงช่วยแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางไซเบอร์และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่ยังสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาลของบริษัทในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางแห่งความยั่งยืน นับเป็นความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้านมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้บริการ ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้บริการของทรู
![]()
ระบบลงทะเบียนซิมรูปแบบใหม่ของทรู ดีแทค มาพร้อมความสามารถในการพิสูจน์อัตลักษณ์ขั้นสูงได้แบบเรียลไทม์ ประยุกต์ใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการลงทะเบียน ด้วยฟีเจอร์เด่น ดังนี้
1) ตรวจสอบคุณภาพของภาพถ่าย ทั้งบัตรประชาชน และภาพหน้าตรงแบบ Liveness
2) ตรวจสอบสภาพแวดล้อมขณะทำการยืนยันตัวตน เช่น แสงสว่าง และสิ่งปกปิดใบหน้า
3) ตรวจจับการปลอมแปลงในการทำอัตลักษณ์แบบ Liveness ใช้ AI ขั้นสูง ที่ได้รับการรับรอง iBeta ระดับ 2 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลระดับสูงสุด การันตีความสามารถในการตรวจจับความผิดปกติได้ทั้งภาพนิ่ง การเล่นวิดีโอจากหน้าจอ การใช้ Deepfake บนหน้าจอ และการใช้หน้ากากปลอมทั้ง 2D และ 3D
4) AI เปรียบเทียบอัตลักษณ์ ตรวจสอบภาพใบหน้าจริงกับฐานข้อมูล ด้วยความแม่นยำมากกว่า 99%
5) ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่ใช้ลงทะเบียน ทั้งจับแสงสะท้อน ความคมชัด ตรวจจับการแก้ไข ปลอมแปลง ตัดต่อ สำเนา หรือใช้เอกสารที่ไม่ใช่เอกสารจริง
6) ตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ กับกรมการปกครอง ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ลูกค้าที่ซื้อซิมทรู ดีแทค ผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถลงทะเบียนซิมและยืนยันตัวตนด้วยระบบพิสูจน์อัตลักษณ์ขั้นสูงผ่านทรูแอป (True App) ได้แล้ววันนี้ และจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบครบทุกช่องทางการลงทะเบียนซิมในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ ทรู 1242 หรือ ดีแทค 1678
ทรู คอร์ปอเรชั่น ลุยเข้มหยุดภัยมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน โดยคณะผู้บริหารระดับสูง นำโดย นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร และนางสาวทิพยรัตน์ แก้วศรีงาม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการจัดการระดับภูมิภาค เข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีแนวคิดตั้ง “วอร์รูม” ร่วมกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
การปรึกษาหารือครั้งนี้ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทรู คอร์ปอเรชั่น จะร่วมมือกันในแนวทางการจัดตั้ง "วอร์รูม" ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบูรณาการข้อมูลเชิงลึกจากทั้งสองฝ่าย นำมาวิเคราะห์เพื่อป้องปรามและจับกุมแก๊งมิจฉาชีพ โดยเฉพาะการทลายเครือข่ายที่ใช้อุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ (Simbox) และการตรวจจับพฤติกรรมการโทรหรือส่ง SMS ที่ผิดปกติ เพื่อหยุดยั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และทลายแหล่งมิจฉาชีพในการสร้างความเสียหายและการสูญเสียทรัพย์สินจากการหลอกลวงประชาชน
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของประเทศไทย เราตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง จึงได้มุ่งมั่นดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างเข้มข้น เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากมิจฉาชีพที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน ทั้งในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการส่งข้อความ SMS หลอกลวง โดยบริษัทได้กำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของลูกค้าและสังคมอย่างเป็นระบบ มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยคัดกรองและเฝ้าระวังพฤติกรรมที่ผิดปกติ พร้อมทั้งจัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจในการตรวจสอบและป้องกันการกระทำผิดอย่างเข้มงวด ล่าสุด เราได้ยกระดับความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบูรณาการการทำงานเชิงลึก ด้วยการเตรียมจัดตั้งวอร์รูมร่วมกัน เพื่อผสานความเชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึกจากทั้งสองฝ่าย การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ยับยั้งและทลายเครือข่ายมิจฉาชีพ เพื่อปกป้องประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้”
นับตั้งแต่ปี 2567 บริษัทได้เพิ่มความเข้มงวดในการลงทะเบียนซิมการ์ดและเลขหมาย พร้อมนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการคัดกรอง มีการยกเลิกความร่วมมือกับคู่ค้าที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย และระงับการใช้งานซิมการ์ดที่อาจถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ รวมถึงจัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจด้านการป้องกันการทุจริต (Fraud Team)
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังได้พัฒนาบริการ "ทรูไซเบอร์เซฟ" (True CyberSafe) เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์แก่ผู้ใช้บริการ โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อพบลิงก์ต้องสงสัย ซึ่งลูกค้าทรู-ดีแทค และทรูออนไลน์สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยล่าสุดได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน Cyber Check ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถคัดกรองเบอร์โทรศัพท์และตรวจสอบเลขบัญชีธนาคารที่ต้องสงสัยได้ โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลจากการร้องเรียนและการดำเนินคดีจริง
ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินที่ถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพ สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชน รวมถึงการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี