November 25, 2024

“ไลอ้อน ประเทศไทย” ส่งรถทันตกรรมเคลื่อนที่ “ไลอ้อน สไมล์ เอ็กซ์เพรส” ปักหมุด “วิหาร อี่ ทง เทียน ไท้” มอบสุขภาพช่องปากที่ดีและรอยยิ้มที่สดใส ให้กับชาวกบินทร์บุรี  ภายใต้โครงการ “ไลอ้อน สไมล์ เอ็กซ์เพรส” (LION Smile Express) เพื่อตอกย้ำถึงการเป็นองค์กรแนวหน้าในการเสริมสร้างสุขภาพช่องปากที่ดีและมอบรอยยิ้มที่สดใสให้คนไทยทุกคนมาตลอด 55 ปี

นายชาติ จันทร์วิจิตร ประธาน บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อคนไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ พัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลา 55 ปี กล่าวถึงการดำเนินโครงการ “ไลอ้อน สไมล์ เอ็กซ์เพรส” (LION Smile Express) ส่งรถทันตกรรมเคลื่อนที่ จำนวน 2 คัน มอบสุขภาพช่องปากที่ดีและรอยยิ้มที่สดใส ให้บริการตรวจฟันและทำฟันฟรี ให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งได้เปิดตัวและเริ่มบริการตั้งแต่เมื่อกลางปี 2567 ที่ผ่านมาได้ให้บริการไปแล้วในหลายพื้นที่ โดยให้บริการทันตกรรมกับกลุ่มเด็ก ประชาชนทั่วไป กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุไปแล้วกว่า 2,600 คน 30 สถานที่  9 จังหวัด มูลนิธิคนพิการและทุพพลภาพ 9 แห่ง มูลนิธิเด็กกำพร้าและเด็กด้อยโอกาส 3 แห่ง สถานดูแลผู้สูงอายุ 4 แห่ง สถานศึกษา 2 โรงเรียน ศาสนสถาน 2 แห่ง และชุมชนทั่วไป 10 สถานที่ 

ล่าสุด ไลอ้อน ประเทศไทย ได้ส่งรถทันตกรรมเคลื่อนที่ “ไลอ้อน สไมล์ เอ็กซ์เพรส” นำสุขภาพช่องปากที่ดี และรอยยิ้มที่สดใส มอบให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยการเปิดให้ใช้พื้นที่บริเวณวิหาร อี่ ทง เทียน ไท้ ซึ่งประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นจุดให้บริการสำหรับรถทันตกรรมเคลื่อนที่พร้อมทีมทันตแพทย์ที่มาให้บริการตรวจสุขภาพฟันฟรี ในวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ลงทะเบียนเข้ารับบริการเต็มจำนวน

นายวุฒิชัย ไผ่หล้า อายุ 32 ปี ประชาชนในพื้นที่ กล่าวว่า ได้เข้ารับบริการขูดหินปูน ซึ่งปกติเวลาพบแพทย์จะไปขูดหินปูนปีละหนึ่งครั้ง นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้บริการกับรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีโดยอยากให้ทางไลอ้อนจัดแบบนี้อย่างต่อเนื่อง

นางดาวรุ่ง เทียมครู อายุ 52 ปี ประชาชนในพื้นที่ กล่าวว่า ได้เข้ารับบริการอุดฟันกับรถทันตกรรมเคลื่อนที่เป็นครั้งแรก รู้สึกประทับใจ ซึ่งภายในรถเองสามารถรองรับได้หลายคน นับเป็นบริการที่ช่วยเสริมนอกเหนือจากสวัสดิการของรัฐ และอยากให้ทางไลอ้อนจัดโครงการนี้อีก

นางสาวสกาวเดือน แสนหาร อายุ 34 ปี และ นางสาวจิรฐิติ จิตสงวนสุข อายุ 29 ปี กล่าวว่า ได้เข้ามารับบริการขูดหินปูน หลังจากการใช้บริการแล้วรู้สึกประทับใจและรู้สึกช่องปากสะอาดขึ้น โดยปกติจะพบทันตแพทย์ปีละครั้ง นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ขอขอบคุณทางไลอ้อน และอยากให้มีโครงการดี ๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ

“ตลอดระยะเวลา 55 ปีที่ผ่านมา ไลอ้อน ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมทันตกรรมป้องกันสำหรับผู้บริโภคทุกช่วงวัย ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแคมเปญและกิจกรรมมากมาย อาทิ โครงการ Kodomo School Roadshow เพื่อให้ความรู้การแปรงฟันที่ถูกวิธีและสร้างเสริมสุขภาพช่องปากให้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียนประถมทั่วประเทศปีละกว่าหนึ่งแสนคน ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี  โครงการส่งเสริมทันตกรรมป้องกันและการดูแลสุขภาพช่องปากให้กับประชาชนทั่วไป  โครงการบริหารช่องปากสำหรับผู้สูงวัยด้วยเทคนิค Kenkobi เป็นต้น บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยคำมั่นสัญญาที่จะนำความดีสู่สังคม และพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกช่วงวัยมีการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง นำไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่ดี” นายชาติ กล่าว

สำหรับรถทันตกรรมเคลื่อนที่ “ไลอ้อน สไมล์ เอ็กซ์เพรส” ให้บริการตรวจสุขภาพฟันและรักษาทางทันตกรรมฟรี ด้วยทีมทันตแพทย์มืออาชีพ ครบครันไปด้วยอุปกรณ์ทันตกรรมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยได้นำ AI เทคโนโลยี มาใช้ในการตรวจสอบปัญหาสุขภาพช่องปาก เอ็กซเรย์ฟันเพื่อให้เห็นปัญหาลึกถึงรากฟัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและรักษาได้ตรงจุด ด้วยมาตรฐานการรักษาระดับเดียวกันกับคลินิกทันตกรรมชั้นนำที่ครบวงจร

โครงการ LION Smile Express ผนึก 5 แบรนด์ใหญ่ภายใต้บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ซิสเท็มมา ซอลส์  โคโดโม กู๊ดเอจ และไฮเฮิร์บ นำสุขภาพช่องปากที่ดีสู่คนไทยทั่วประเทศ รถทันตกรรมเคลื่อนที่ “ไลอ้อน สไมล์ เอ็กซ์เพรส” ยังคงเดินหน้าให้บริการอย่างต่อเนื่องไปทั่วประเทศ ในบางแห่งได้ร่วมกับบุคลากรด้านทันตสาธารณสุขท้องถิ่นมาร่วมดำเนินการ แสดงถึงการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก Oral Care ที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ จนถึงผู้สูงอายุ ในการเสริมสร้างสุขภาพช่องปากที่ดีและมอบรอยยิ้มที่สดใสให้คนไทยทุกคน

“ไลอ้อน ประเทศไทย” หนุน “ผักโมโรเฮยะ” ราชาแห่งผัก ดันเป็นพืชอัตลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น นำมาพัฒนาสารสกัดวัตถุดิบ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อคนไทย เล็งขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่ม รองรับการขยายกำลังการผลิตในอนาคต

นายชูชีพ อภิรักษ์ ผู้จัดการส่วนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อคนไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ พัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ไลอ้อน ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดีอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับกับพฤติกรรมและช่วงวัยของผู้บริโภค โดยเล็งเห็นความสำคัญของพืชพื้นถิ่น ไม่ว่าจะเป็น สารสกัดตรีผลาจากสมอไทยและสมอเทศ สารสกัดมะไฟจีน และสารสกัดผักโมโรเฮยะ เป็นต้น โดยดึงประโยชน์จากพืชพื้นถิ่น นำมาพัฒนาสารสกัดจนนำไปสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อคนไทย ทั้งยังสร้างประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน สิ่งแวดล้อมและสังคม (Sustainable R&D Direction)

“ผักโมโรเฮยะ ถูกขนานนามว่า เป็นพระราชาแห่งผัก ด้วยคุณประโยชน์ที่โดดเด่น มีสารพรีไบโอติกสูง สามารถสกัดนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ไลอ้อนได้ อีกทั้งยังเป็นผักที่เพาะปลูกง่ายมีวงจรการเพาะปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเก็บเกี่ยวประมาณ 2 เดือนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ไลอ้อน จึงส่งเสริมการเพาะปลูกผักโมโรเฮยะให้กับชุมชน เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับไลอ้อน โดยปัจจุบันมีแปลงสาธิตที่ภาคเหนือ จ.น่าน โดยร่วมมือกับศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ (ศนก.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในการส่งเสริมการปลูก รวมไปถึงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลในการวิเคราะห์ตรวจสอบเกี่ยวกับค่าของการลดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเราพบว่านอกจากจะเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้อีกด้วย” นายชูชีพ กล่าว

ด้วยคุณประโยชน์เด่นที่รอบด้านของ “ผักโมโรเฮยะ” ปัจจุบันไลอ้อนได้นำมาพัฒนาผ่านกระบวนการพิเศษในการสกัดจนได้มาซึ่งสารสกัดที่มีคุณภาพ โดยทำการวิจัยและทดสอบอย่างรอบด้าน ผ่านความร่วมมือกับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์กรมหาชน) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ศนส.) รวมทั้งผ่านมาตรฐานความปลอดภัย OECD จากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (The Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) จนได้มาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ที่ส่งเสริมจุลินทรีย์ที่ดีและปกป้องจากจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ได้แก่ ยาสีฟัน Salz King Herb ผลิตภัณฑ์ Shokubutsu Facial gel และ Shower gel ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค การันตีด้วยการคว้ารางวัลด้านนวัตกรรมระดับโลกจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และรางวัลผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านสุขภาพจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

นายวิเชียร โฆษิตวัฒน์ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและธุรการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ดูแลแปลงผักโมโรเฮยะ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เล่าถึงการดูแลแปลงผักโมโรเฮยะตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยวว่า “ผักโมโรเฮยะเป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตตามธรรมชาติ ชอบแสงแดด ศัตรูพืชน้อย เมื่อโตเต็มที่ 45 วัน สามารถตัดยอดได้เลย โดยใช้ประโยชน์จากใบสดและตากแห้งนำมาทำเป็นใบชา สำหรับการเก็บเกี่ยวหลังจากตัดประมาณ 30 เซนติเมตร จากยอดลงมา ส่วนที่ตัดจะนำไปแจกจ่ายชุมชนหรือพนักงานในบริษัท เพื่อนำไปประกอบอาหาร โดยสามารถทำอาหารได้หลายรูปแบบ และหลังจากที่ตัดผักโมโรเฮยะไปแล้ว 30 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย

เสียงตอบรับจากผู้บริโภคที่ได้รับประทานผักโมโรเฮยะ จนนำไปสู่ความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของผักโมโรเฮยะ

นางรุ่งฤดี พรพัฒนไพโรจน์ ผู้ที่ได้บริโภค “ผักโมโรเฮยะ” กล่าวถึงความรู้สึกว่า “เราอยู่ในชุมชนรอบไลอ้อน ได้เห็นว่าทางไลอ้อนได้ปลูกผักโมโรเฮยะและมีการแจกจ่ายให้กับชุมชน จากที่ได้นำไปรับประทาน รู้สึกชอบ จึงได้หาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า เป็นผักที่มีประโยชน์เรียกว่า “ราชาผัก” และมีวิตามินมาก ๆ ซึ่งเป็นผักที่สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ผักโมโรเฮยะผัดไข่ แกงส้มผักโมโรเฮยะ แม้กระทั่งลวกจิ้มกับน้ำพริกก็อร่อย นอกจากการรับประทานผักแล้ว ยังมีโอกาสได้ใช้ผลิตภัณฑ์ไลอ้อน Salz King Herb ที่มีส่วนผสมของผักโมโรเฮยะ รู้สึกประทับใจในคุณภาพ ลมหายใจสดชื่นและปากสะอาดมาก นอกจากนี้ยังได้ใช้โฟมล้างหน้า Shokubutsu ก็ประทับใจเช่นกัน จึงอยากให้ทุกคนลองเปิดใจกับผักโมโรเฮยะและอยากให้ทุกคนได้ทดลองใช้”

นายเทวินทร์ อินทรสว่าง ที่ได้บริโภค “ผักโมโรเฮยะ” กล่าวเปิดใจว่า “ได้รู้จักผักโมโรเฮยะ จากผลิตภัณฑ์ Salz King Herb และโฟมล้างหน้า หลังจากที่ลองใช้ผลิตภัณฑ์ก็รู้สึกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หลังจากที่ใช้ยาสีฟัน Salz King Herb รู้สึกปากสะอาดและสดชื่น ในส่วนของตัวโฟมล้างหน้าหน้ารู้สึกสะอาด ไม่มันและไม่แห้ง และเมื่อได้มีโอกาสไปหาซื้อผักโมโรเฮยะนำมาประกอบอาหารแบบง่าย ๆ ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ใส่ผักโมโรเฮยะ และนำไปผัดใส่น้ำมัน รู้สึกว่ารสชาติของผักโมโรเฮยะไม่ขม และสามารถทานได้ทุกคนและทุกวัย”

“ผักโมโรเฮยะ” เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนหลายพืชพื้นถิ่น ที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านและเป็นผลผลิตชุมชนของชาวบ้านในประเทศไทย ยังมีพืชพื้นถิ่นอีกจำนวนมากที่สามารถนำมาสกัดเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีพืชพื้นถิ่นใดอีกบ้าง ซึ่งไลอ้อน ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยการดึงประโยชน์จากพืชพื้นถิ่นทั่วประเทศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน สิ่งแวดล้อมและสังคม

มุ่งสร้างความตระหนักให้เยาวชนคนรุ่นใหม่รักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

X

Right Click

No right click