December 05, 2025

2C2P จัดหนัก! ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากกิจกรรมสุดพิเศษ "ฟิน 2 ต่อ" พร้อมแจกทองคำแผ่นขนาด 1 กรัม จำนวน 60 รางวัล ให้กับผู้ใช้บริการ easyBills+ ที่ชำระบิลรายเดือนผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ด ณ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้น 51

นายคณิต เสนีบุรพทิศ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แคมเปญ "ฟิน 2 ต่อ" ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยก่อนหน้านี้มีผู้ใช้บริการ easyBills+ ที่ลงทะเบียนตัดบิลรายเดือนผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ด และมียอดตัดเงินสำเร็จอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 เดือน (สิงหาคม 2567 - มกราคม 2568) กว่า 500 ท่านได้รับ Grab e-Voucher Promo Code มูลค่า 200 บาทไปแล้ว

และในวันนี้ ผู้ที่ชำระบิลผ่าน easyBills+ ด้วยบัตรมาสเตอร์การ์ดยังได้ลุ้นรับรางวัลใหญ่ "ฟินทองหล่นทับ" ทองคำแผ่นขนาด 1 กรัม มูลค่ารางวัลละ 3,274.32 บาท (ราคาทองคำ ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2567) จำนวน 60 รางวัล เพื่อแทนคำขอบคุณจาก 2C2P และ easyBills+

เช็กเลย! ประกาศรายชื่อผู้โชคดี โดยสามารถติดตามการประกาศรายชื่อผู้โชคดีได้ที่ เฟสบุ๊ค www.facebook.com/easyBills.TH ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับผู้โชคดีต้องยืนยันสิทธิ์ภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2568

รายละเอียดการรับรางวัล

  • ผู้โชคดีสามารถเข้ารับรางวัลได้ระหว่างวันที่ 7-31 กรกฎาคม 2568
  • สถานที่: บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้น 51
  • เวลาทำการ: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 00 – 17.00 น. (เว้นวันหยุดราชการ)

ติดตามกิจกรรมดี ๆ จาก easyBills+ และ มาสเตอร์การ์ด ได้ทาง www.facebook.com/easyBills.TH แล้วอย่าลืม! ใครที่ยังไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ รีบสมัครใช้ easyBills+ และชำระบิลผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ดกันเลย!

รายงานล่าสุดจาก IDC บริษัทวิจัยข้อมูลตลาด ซึ่งจัดทำตามคำสั่งของ 2C2P แพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก และแอนทอม (Antom) คาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึง 11.21 ล้านล้านบาท (หรือราว 325,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในปี 2571 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการชำระเงินดิจิทัลและการทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการปลดล็อคเพิ่มโอกาสของธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนให้มากขึ้นกว่าเดิม

รายงาน “How Southeast Asia Buys and Pays 2025” ในปีนี้ เป็นรายงาน IDC InfoBrief ฉบับที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2564 จากผู้ตอบแบบสอบถาม 600 รายในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยตรวจสอบภูมิทัศน์การชําระเงินดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งภาพรวมและในแต่ละตลาด ในฐานะที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับที่ 5 ของโลก แนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับแรงขับเคลื่อนโดยภาคอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยหนุนจากการใช้ระบบชำระเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น

รายงานฉบับนี้สำรวจภูมิทัศน์การชำระเงินดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปในภูมิภาค ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการชำระเงินในแต่ละตลาด รวมถึงข้อมูลเชิงลึกว่าแนวโน้มต่างๆ เหล่านี้จะมีส่วนช่วยพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ และวางรากฐานสำหรับโอกาสการเติบโตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตได้อย่างไรบ้าง?

ประเด็นสำคัญจากรายงาน:  การทำความเข้าใจภาพรวมของภูมิทัศน์การชำระเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างครบถ้วน เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงเศรษฐกิจที่มีมูลค่าถึง 11.21 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ การเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงตลาดท้องถิ่นจำเป็นต้องนำเสนอวิธีการชำระเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับประสบการณ์โดยรวมของผู้บริโภค แต่ยังเพิ่มแนวโน้มในการซื้อสินค้า (conversion rate) อีกด้วย

· การเติบโตของการชำระเงินดิจิทัลในอีคอมเมิร์ซ: คาดการณ์ว่าภายในปี 2571 การชำระเงินดิจิทัลจะมีสัดส่วนถึง 94% ของการชำระเงินทั้งหมดในตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการเติบโตที่สำคัญที่สุดจะเป็นช่องทางการชำระเงินภายในประเทศ (97.9%) และกระเป๋าเงินดิจิทัล (94.9%) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคที่มีการใช้บัตรเครดิตน้อยกว่า

· การเพิ่มขึ้นของการชำระเงินแบบเรียลไทม์ (RTPs): การชำระเงินแบบเรียลไทม์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2571 โดยคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 379.5 ล้านล้านบาท (หรือราว 11 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเริ่มเห็นการเติบโตของ RTPs อย่างชัดเจนแล้วในสิงคโปร์ เช่น PayNow เป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับสาม จากผลสำรวจผู้ค้าในปี 2567 การเติบโตของการชำระแบบเรียลไทม์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับแรงผลักดันจากโครงการริเริ่มของรัฐบาลที่มุ่งลดการพึ่งพาเงินสดและส่งเสริมวิธีการชำระเงินที่รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ ซึ่งตอบสนองความต้องการของทั้งผู้บริโภคและผู้ค้า

· กระเป๋าเงินดิจิทัลและช่องทางการชำระเงินภายในประเทศครองความนิยม: กระเป๋าเงินดิจิทัลและช่องทางการชำระเงินภายในประเทศเป็นที่นิยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2566 กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่ช่องทางการชำระเงินภายในประเทศครองความนิยมในสิงคโปร์ และไทย แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567 โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับสองจากผลสำรวจผู้ค้าในสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ และเป็นอันดับสามในอินโดนีเซียและไทย

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสำคัญอีกมากมายจากธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

· โอกาสในตลาดของธุรกิจการค้าข้ามพรมแดน: คาดว่าธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีมูลค่าสูงถึง 5.04 แสนล้านบาท (หรือราว 14.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2571 ซึ่งนับว่าเติบโตขึ้น 2.8 เท่าจากปี 2566 อีกสิ่งที่น่าสนใจคือมูลค่าเฉลี่ยของการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อผู้บริโภค 1 คนมักจะมีมูลค่าสูงกว่าการทำธุรกรรมภายในประเทศ ยกเว้นที่เวียดนามและอินโดนีเซีย สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคนี้

· การขับเคลื่อนธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนด้วยโครงการ Regional Payment Connectivity (RPC): ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากโครงการ RPC ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศทั้ง 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างและปรับปรุงระบบชำระเงินระหว่างประเทศให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และคุ้มต้นทุนยิ่งขึ้น

· ธุรกรรมข้ามพรมแดนให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น: จากการสำรวจพบว่า 62% ของผู้ค้าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนสามารถทำรายได้จากธุรกรรมดังกล่าวสูงกว่าธุรกรรมภายในประเทศ โดยเฉลี่ย 21% ดังนั้น ผู้ค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้จากการมองหาตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน

· ศักยภาพของการค้าภายในภูมิภาคที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่: แม้ว่าการค้าภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังมีการใช้ประโยชน์น้อยกว่าที่ควรในแต่ละตลาด ดังนั้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ผู้ค้าจำเป็นต้องทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ พร้อมทั้งใช้ข้อได้เปรียบร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม ธุรกิจสามารถปลดล็อกศักยภาพของการค้าภายในภูมิภาคและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้

แอกเนส ฉัว (Agnes Chua) กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ 2C2P กล่าวว่า "ภูมิทัศน์ของ อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผู้ค้าต่างตระหนักถึงโอกาสมหาศาลจากการเติบโตนี้ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนรายได้จากอีคอมเมิร์ซ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เช่น การให้บริการแก่ผู้บริโภค การแก้ไขปัญหา การผสานระบบช่องทางชำระเงิน และปัญหาทางเทคโนโลยี 2C2P ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจ โดยนำเสนอโซลูชันการชำระเงินที่ช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน เพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดน และขับเคลื่อนการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคนี้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ค้าสามารถปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง”

แกรี่ หลิว ผู้จัดการทั่วไปของแอนทอม - แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซและนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องอาศัยระบบธุรกรรมที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพในการขยายการเติบโตข้ามพรมแดน และเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน แอนทอมมองว่าระบบการชำระเงินไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นตัวเร่งการเติบโตของธุรกิจ เราได้ทำงานร่วมกับ 2C2P และบริษัทอื่นๆ ในเครือข่ายของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ค้าด้วยการมอบโซลูชันส์ด้านการชำระเงินดิจิทัลที่ครบวงจร ในขณะเดียวกัน ยังค้นหาโอกาสใหม่ๆ ด้านบริการระบบบัญชี การจัดหาเงินทุน และการบริหารการเงินระดับโลก เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต บริษัทของเรายังได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลระดับท้องถิ่นและพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจทุกขนาด ช่วยให้พวกเขาเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง"

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร กรรมการผู้จัดการ บริษัททูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เปิดตัวบริการ Qwik by 2C2P เมื่อ 3-4 ปีก่อน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มชำระเงิน ที่อำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าในการรับชำระเงิน โดยร้านค้าสามารถสร้าง QR ชำระเงินให้ลูกค้าหน้าร้านสแกนเพื่อจ่าย หรือส่งลิงก์ชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มให้ลูกค้าผ่านช่องทางการติดต่อทั้ง SMS อีเมล์และแชทบนทุก social media อาทิ facebook, Instagram, Line, Viber, What’s app, twitter, etc. ลูกค้าเพียงกดลิงก์ที่ร้านค้าส่งให้ผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเลือกชำระเงินให้กับร้านค้าได้อย่างหลากหลาย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย จากนั้นในปีถัดมาจึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มเป็นแอปเต็มตัว “Qwik Mobile” ที่สามารถใช้งานได้สะดวก และตอบสนองลูกค้าที่ต้องการผ่อนชำระ โดยมีให้เลือกผ่อนชำระกับบัตรเครดิตเกือบทุกธนาคาร

“สำหรับปีนี้ Qwik Mobile เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ “Tab to phone” ให้ลูกค้าสามารถแตะบัตรเครดิต บัตรเดบิตที่เป็น contactless ผ่านมือถือของร้านค้าได้โดยไม่ต้องกรอข้อมูลให้ยุ่งยาก เลือกจ่ายเต็มหรือผ่อนก็ได้ เพื่อทำให้ลูกค้ากลุ่ม SME เปิดใจมาลองใช้งาน “Qwik Mobile” ทางทูซีทูพีจึงได้ปล่อยหนังโฆษณา #อั๊วรับ ผลงานแบบตีแผ่ความจริงที่ร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่มีช่องทางให้ลูกค้าชำระเงิน ขึ้นป้ายรับเฉพาะเงินสด เนื้อหาหยิบจับแก่น “ไม่รับ” ในสังคมไร้เงินสด ที่คนส่วนใหญ่ต้องการช่องทางจ่ายเงินที่ตนเองสะดวก นำมาเปรียบเทียบ กับร้านค้าที่ใช้บริการ Qwik Mobile Mood & Tone การเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ จะเป็นภาพจำลองสถานการณ์สนุกๆ แบบเกินจริง ที่ร้านค้าทุกวันนี้ไล่ลูกค้าโดยไม่รู้ตัว จากนั้นให้รายละเอียดของฟีเจอร์สำคัญต่างๆ ของ Qwik Mobile อย่างการรับชำระด้วยบัตร การสแกนจ่าย ชำระด้วย Alipay การผ่อนจ่ายได้และ tap to pay ที่แสดงให้เห็นถึงความสะดวกของลูกค้าที่สามารถเลือกจ่ายตามใจได้ โดยหนังโฆษณานี้มีความยาว 50 วินาที เจาะลึกความต้องการของลูกค้าของกลุ่มเป้าหมาย ที่ไม่ว่าจะจ่ายแบบไหนก็รับ ซึ่งได้ทำการเผยแพร่เป็นที่เรียบร้อย โดยสามารถติดตามรับชมได้ที่ช่องทางยูทูป : https://www.youtube.com/watch?v=p_KGs7Ezfrc” นายปิยชาติ กล่าว

 

เพิ่มความปลอดภัย อุ่นใจแก่ร้านค้าและผู้ใช้บริการอยู่เสมอ สำหรับค่าย 2C2P ผู้นำในการให้บริการระบบการชำระเงินออนไลน์ครบวงจรในประเทศไทยและอาเซียน โดยบอสใหญ่ พี่เต้ - ปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุด 2C2P เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริการชำระเงินออนไลน์ โดยได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลการชำระเงินผ่านบัตร PCI DSS version 4.0 (เวอร์ชั่นล่าสุด Level 1 สูงสุด) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกที่กำหนดขึ้นโดยบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ เวอร์ชั่นล่าสุด ระดับสูงสุด เน้นความเข้มข้นในควบคุมความเสี่ยงจากการฉ้อโกง รวมถึงป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในการรับชำระเงินผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์

“ตลอด 20 ปีในวงการรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทูซีทูพี ได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI DSS (Level 1 สูงสุด) อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัย เช่น PCI-3DS, ISO27001, ISO27701, SOC2 Type2 and CSA STAR Level 2 Attestation สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์องค์กร 2C2P ที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยสูงสุดในการเก็บรักษาข้อมูล การป้องกันการเข้าถึงข้อมูล และการควบคุมความเสี่ยงจากการฉ้อโกงในการใช้บัตรเครดิต และบัตรเดบิตที่ลูกค้าทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านระบบของ 2C2P เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับร้านค้าผู้ใช้บริการ และลูกค้าจากทั่วโลก ว่าข้อมูลสำคัญจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย มีการควบคุม และป้องกันไม่รั่วไหลอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้สำหรับพันธมิตรรวมทั้งลูกค้าผู้ใช้บริการต่างมั่นใจใน 2C2P มาอย่างยาวนาน” นายปิยชาติ กล่าว

อนึ่ง PCI DSS หรือ The Payment Card Industry Data Security Standard (PCI DSS) คือมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ออกแบบมาสำหรับทุกองค์กรที่ รับ ประมวลผล จัดเก็บ และส่งต่อข้อมูลบัตรเครดิต เพื่อให้มั่นใจว่า หากได้ทำตามมาตรฐานแล้วจะทำให้ระบบขององค์กรมีความมั่นคงปลอดภัยและจะช่วยลดโอกาสในการรั่วไหลของข้อมูลบัตรเครดิต  

PCI DSS บริหารโดย PCI SSC หรือ สภามาตรฐานความปลอดภัยอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน PCI DSS Service Provider Level 1 ถือเป็นมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสูงสุดของข้อมูลของอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน โดยมาตรฐาน PCI-DSS เวอร์ชั่น 4.0 ล่าสุด จะบังคับใช้ตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2024 เป็นต้นไป 

ทูซีทูพี ประเทศไทย (2C2P) บริษัทผู้ให้บริการอีเพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย ประกาศข่าวดีรับต้นปีมังกร โชว์ผลประกอบการธุรกิจอีเพย์เม้นท์ในประเทศไทยของปี 2566 ที่ผ่านมา ทำรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท ทะลุเป้าที่วางไว้ โดยเติบโตจากปีที่แล้วเกือบ 30% พร้อมเดินหน้าปี 2567 ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก เตรียมลุยบริการใหม่ แตะเพื่อจ่าย tap to phone เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมประเทศไทยให้มีระบบเศรษฐกิจที่รองรับการทำธุรกรรมทางออนไลน์ที่ครบถ้วน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ในปี 2570 ทั้งนี้ 2C2P พร้อมวางกำหนดเปิดฟีเจอร์ใหม่ภายในไตรมาส 2 ของปี 2567 และเน้นย้ำให้บริการแบบเต็มรูปแบบในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด (2C2P)  ผู้นำในการให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร ทั้งในส่วนของการรับเงินและการชำระเงิน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า ในปี 2567 นี้ บริษัทได้ฤกษ์เปิดบ้านใหม่ ณ สำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพ เอ็มไพร์ทาวเวอร์ ชั้น 51 ภายใต้วิสัยทัศน์การทำงานร่วมกันเป็นทีม และก้าวไปให้ไกลกว่าเดิม “Go Further” เพื่อตอบสนองการขยายตัวอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจ ทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นในฐานะผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินแบบครบวงจรระดับสากล อีกทั้งบริษัทยังเปิดศักราชใหม่ด้วยการรับรู้รายได้ในปี 2566 ที่ผ่านมา เฉพาะบริษัท 2C2P สาขาประเทศไทย สามารถทำรายได้จากการให้บริการรวมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 700 ล้านบาท โดยมีธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ผ่านระบบของบริษัทกว่า 150 ล้านรายการต่อปี ในมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท โดยสัดส่วนของรายการปีนี้มาจากมาร์เก็ตเพลส ฟู้ดเดลิเวอรีซูเปอร์แอป สายการบิน ขายตรง และท่องเที่ยว

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทเดินหน้าด้วยกลยุทธ์เชิงรุก ลุยบริการใหม่เพื่อให้สอดคล้องและตอบสนองนโยบาย cashless store ของภาครัฐ บริษัทจึงได้เพิ่มฟีเจอร์ของระบบชำระเงิน Qwik ขึ้นมาที่เรียกว่า “แตะเพื่อจ่าย” หรือ tap to pay โดยร้านค้าที่มีหน้าร้านหรือมีหลายสาขา สามารถใช้มือถือ Android ทุกรุ่นที่มี NFC ยื่นให้ลูกค้า แตะบัตรเครดิตจ่ายเงินที่หน้าร้านได้สบายๆ ไม่ต้องกรอกเลขบัตรให้ยุ่งยาก เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่และกลางที่มีหลายสาขา และกลุ่ม SME เพื่อเป็นตัวช่วยให้ร้านค้าสามารถปิดการขายได้ไวและง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีช่องทางรับชำระอื่น เช่น Alipay และ Wechatpay เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย นายปิยชาติ กล่าวทิ้งท้าย

 

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click