หากกล่าวว่า “ไฟฟ้า” คือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนชีวิต เมือง อุตสาหกรรม และการสัญจรบนท้องถนน “สายไฟฟ้า” ก็เปรียบเสมือน “กระดูกสันหลัง” ที่ค้ำยันให้โครงสร้างพื้นฐานทั้งบนดิน ใต้ดิน ในน้ำ ในบ้าน ในอาคาร ในโรงงานขนาดใหญ่ ขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคงในทุกสภาพแวดล้อม สายไฟเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องมีทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด ถือเป็นหนึ่งในบริษัทคนไทยที่มีบทบาทขับเคลื่อน “กระดูกสันหลัง” ของโครงสร้างพื้นฐานมายาวนาน ตั้งแต่เจเนอเรชันที่ 1 ภายใต้บังเหียนของ “สมพงศ์ นครศรี” จนมาถึงเจเนอเรชันที่ 3 ที่มี “พงศภัค นครศรี” เข้ามาช่วยบริหาร ล่าสุด บางกอกเคเบิ้ล จัดงานฉลองใหญ่ครบรอบ 60 ปี ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ มีผู้บริหารระดับสูงในแวดวงพลังงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมต่างๆ เข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน ภายในงานมีนิทรรศการโชว์บทบาทของสายไฟในการพัฒนาเมือง พร้อมทั้งมีการประกาศเป้าหมายใหม่ในการร่วมเปลี่ยนผ่านพลังงานของไทยสู่โลกแห่งอนาคต
นายพงศภัค นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) ผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า บางกอกเคเบิ้ล ถือเป็นบริษัทคนไทยรายแรกที่บุกเบิกและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนผ่านจากการใช้ไฟฟ้าแบบ 110 โวลต์ เป็น 220 โวลต์ และเดินหน้าพัฒนาสายไฟฟ้าของบริษัทเรื่อยมาตลอด 6 ทศวรรษ เพื่อมีส่วนร่วมใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาสายไฟฟ้าให้เป็นเสมือนเส้นเลือดที่ส่งพลังงานไปยังพื้นที่ต่างๆ เชื่อมโยงประเทศ ภูมิภาค ชุมชน และสังคมเมือง รวมถึงเชื่อมโยงมนุษย์กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น เส้นทางคมนาคม สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนให้สอดคล้องกับทิศทางพัฒนาการของโลก
2.การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย เดินหน้าส่งมอบสายไฟฟ้าคุณภาพและมาตรฐานสูงสุด สำหรับใช้ทั้งในครัวเรือนและในระดับประเทศ เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียที่เกิดจากอัคคีภัยและอุบัติเหตุทางไฟฟ้า พัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบทางไฟฟ้า (Lab) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยเป็นของตัวเอง เดินหน้าพัฒนาโรงงานผลิตสายไฟสู่ Smart Factory และ 3.การเสริมสร้างภูมิทัศน์ของเมืองมหานคร ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) พัฒนา “ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสำหรับเมืองมหานคร” ร่วมเปลี่ยนกรุงเทพฯ และเมืองหลักต่างๆ ในประเทศไทยให้เป็น “มหานครไร้สาย” ด้วยการนำสายไฟลงดิน พัฒนาสิ่งแวดล้อมเมืองให้ทันสมัยและยั่งยืน
“เราพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้ง 3 ด้าน เรายังมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจและสังคมสีเขียว ด้วยสายไฟฟ้าที่รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไปจนถึงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger เราจะไม่หยุดเพียงแค่การส่งผ่านพลังงาน แต่จะมุ่งมั่นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่พลังงานสะอาด เริ่มจากการตั้งเป้าให้องค์กรของเราเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี ค.ศ.2045 โดยจะมี Big Move ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเร็วๆ นี้” นายพงศภัค ระบุ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า สายไฟฟ้า นับเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการปรับเปลี่ยนทิศทางพลังงานของประเทศให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม รวมถึงการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาป มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมีสายไฟฟ้าคุณภาพสูง ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม เพื่ออัปเกรดสายไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ ให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านที่จะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ฉบับใหม่ ยังคงต้องสอดคล้องกับการนำพาประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ให้ได้ภายในปี ค.ศ.2050 และ Net Zero ภายในปี ค.ศ.2065 เรายังมีหลายเรื่องที่ต้องเดินหน้า ทั้งการพัฒนา Smart Grid ควบคู่กับการแก้ปัญหาอื่นๆ ด้านพลังงาน เรามองว่า บางกอกเคเบิ้ล ในฐานะบริษัทสายไฟของคนไทย ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน จะเป็นหนึ่งในองค์กรสำคัญที่มีส่วนช่วยเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ต่างให้ความสำคัญกับการลดอุบัติเหตุภายในโรงงานอุตสาหกรรมให้เป็นศูนย์ (Zero Accident) สายไฟฟ้าที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ผ่านการออกแบบอย่างเหมาะสมให้รองรับต่อทุกสภาพแวดล้อม ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้โรงงานต่างๆ สามารถลดอุบัติเหตุทางไฟฟ้า และลดความเสียหายต่อเครื่องจักร ตลอดจนทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลในโรงงาน สายไฟฟ้า จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้น ในการช่วยนำพาองค์กรธุรกิจและองค์กรในภาคอุตสาหกรรม เปลี่ยนผ่านสู่เส้นทางความยั่งยืน
“วันนี้ ภาคธุรกิจจำนวนมาก ต่างทยอยประกาศทิศทางการขับเคลื่อนองค์กรสู่ Net Zero ภายในปี ค.ศ.2050 ซึ่งเร็วกว่าทิศทางของประเทศ นั่นหมายความว่า องค์กรเอง ก็ต้องทยอยเปลี่ยนผ่านมาใช้พลังงานสะอาด และลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เราเชื่อมั่นว่า บางกอกเคเบิ้ล จะเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรม สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่เส้นทาง Net Zero ได้อย่างแข็งแกร่ง” นายเกรียงไกร กล่าว
สำหรับ บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ.2507 ให้บริการครอบคลุม 7 กลุ่มการใช้งาน ได้แก่
1.ระบบผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า (Transmission)
2.ระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Distribution)
3.ระบบไฟฟ้าภายในบ้านพักและอาคาร (Construction and Building)
4.ระบบขนส่งและคมนาคม (Transportation and Mobility)
5.ระบบไฟฟ้าในโรงงาน และภาคอุตสาหกรรม (Industrial)
6.พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)
และ 7.ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ (Automotive) เพื่อสร้างความปลอดภัยและขับเคลื่อนเมืองสู่อนาคต
ปัจจุบัน มีลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้สายไฟฟ้าของบางกอกเคเบิ้ล อาทิ โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออก โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ เขื่อนอุบลรัตน์
ฉลองใหญ่ 60 ปี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน Electrify Our Future จุดพลังพุ่งทะยานสู่อนาคต ฉลองใหญ่ครบรอบ 60 ปี เส้นทางผู้นำธุรกิจสายไฟของ “บางกอกเคเบิ้ล” โดยมี นายสมพงศ์ นครศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด พร้อมด้วย นายพงศภัค นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด และครอบครัวนครศรี ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมพาชมนิทรรศการ “Wired Through Time: Bangkok Cable's Journey”เส้นทางเติบโตยั่งยืนและสายไฟพัฒนาเมือง รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 การันตีถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิลของไทย ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆ นี้
บุคคลในภาพ (เรียงจากซ้ายไปขวา)
1. นางทิพพา นครศรี (นั่งฝั่งซ้าย) รองประธานกรรมการบริหารกิตติมศักดิ์ บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
2. นางสาวเปมิกา นครศรี ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารแบรนด์ บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
3. ดร.ฐิตินันท์ นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
4. นายธัชพล ปรีชาหาญ ครอบครัวนครศรี
5. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
6. นางกรรติกา ปรีชาหาญ กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
7. นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
8. นายพงศภัค นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
9. นายสมพงศ์ นครศรี (นั่งฝั่งขวา) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
“บางกอกเคเบิ้ล” โชว์วิสัยทัศน์ครบรอบ 60 ปี ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิลของไทย หลังผลวิจัยต่างประเทศพบยุค Net-Zero ดันความต้องการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกพุ่ง 3 เท่าในปี 2050 หนุนความต้องการสายไฟทั่วโลกทะลุ 80 ล้านกิโลเมตร ประกาศแนวคิด “3 เซฟ” เซฟคน-เซฟเมือง-เซฟสิ่งแวดล้อม ยกระดับความปลอดภัยและขับเคลื่อนอนาคตของเมือง ด้วยสายไฟและสายเคเบิลเกรดพรีเมียม-การพัฒนาเทคโนโลยีสายไฟสำหรับ Smart City-การอำนวยความสะดวกการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ลุยสร้างความต่อเนื่องด้านนวัตกรรม 6 ทศวรรษ เปิดตัวสายไฟฟ้าแรงสูง 230kV รองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-นำสายไฟลงดิน-อัปเกรดสู่พลังงานหมุนเวียน เพิ่มกำลังการผลิตสู่ 60,000 ตันต่อปี ตั้งเป้า 3 ปี ชูความล้ำสมัยด้าน R&D บุกตลาดสายไฟอาเซียนและตลาดโลก ควบคู่พัฒนา Smart Factory เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ใส่ใจสังคม ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เตรียมจัดงานฉลองใหญ่ครบรอบ 60 ปี 9 ก.ย.นี้ พร้อมนิทรรศการโชว์เส้นทางเติบโตยั่งยืนและสายไฟพัฒนาเมือง
นายพงศภัค นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) ผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทและสายไฟฟ้าของบริษัทได้มีส่วนช่วยเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคของประเทศ สร้างรากฐานการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม การพัฒนาเมืองและคุณภาพชีวิตของคนไทย อาทิ การพัฒนาสายไฟฟ้าใช้ในโครงข่ายของระบบส่งไฟฟ้าแรงสูง การริเริ่มนำสายไฟฟ้าลงดิน ตลอดจนการเชื่อมต่อสายส่งในระบบรถไฟฟ้า จนถึงวันนี้ที่โลกกำลังเดินหน้าสู่ยุค Net-Zero GHG Emissions มุ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ บริษัทประเมินว่าสายไฟฟ้าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอีกมาก เนื่องจากทั่วโลกจะมีความต้องการการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึงราว 3 เท่าตัว พร้อมทั้งเปลี่ยนผ่านไปใช้แหล่งไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนถึงราว 91% ภายในปี ค.ศ.2050 ส่งผลให้จะมีความต้องการสายไฟฟ้าถึงราว 80 ล้านกิโลเมตร เพื่อใช้อัปเกรดสายไฟฟ้าเดิมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าใหม่ ให้สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานทดแทน
“แนวโน้มในประเทศไทยเอง ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เราเห็นความต้องการสายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากหลากหลายปัจจัย ทั้งนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City ทั่วประเทศ การเดินหน้าแผนพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย หรือ Grid Modernization การขยายตัวต่อเนื่องของธุรกิจที่ต้องการใช้ไฟฟ้ามหาศาลอย่าง Data Center การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้สอดคล้องกับทิศทาง Net Zero สายไฟฟ้าจะเป็นอีกหนึ่ง Key Driver ที่ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน และขับเคลื่อนอนาคตของเมือง” นายพงศภัค กล่าว
บางกอกเคเบิ้ล ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย มุ่งมั่นนำความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมมาพัฒนาเทคโนโลยีสายไฟฟ้าอย่างไม่หยุดยั้งให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก โดยยึดหลักแนวคิด “เซฟคน เซฟเมือง เซฟสิ่งแวดล้อม” เพื่อยกระดับความปลอดภัยของทุกคนและขับเคลื่อนเมืองสู่อนาคต ได้แก่ 1.เซฟคน ปกป้องบ้านจากอันตรายที่มองไม่เห็น มอบความปลอดภัยให้ทุกคนในครอบครัว ด้วยสายไฟที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพสูงสุด อาทิ สายไฟฟ้าจากทองแดงบริสุทธิ์ 99.99% อะลูมิเนียมบริสุทธิ์ 99.7% ที่นำไฟฟ้าได้ดีเยี่ยม ทนทานต่อการกัดกร่อน ปลอดภัยต่อการใช้งาน สายทนไฟที่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติทนความร้อนได้ดี
2.เซฟเมือง ร่วมพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศ รองรับการขยายตัวของเมืองและกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยสายไฟฟ้าที่ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพชั้นนำระดับนานาชาติ การทดสอบคุณภาพสายไฟในห้องปฏิบัติการทดสอบทางไฟฟ้า (Lab) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย การบริการรถทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูงเคลื่อนที่บริเวณหน้างานของลูกค้า ตลอดจนการพัฒนาโปรดักท์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมือง และ 3.เซฟสิ่งแวดล้อม เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนที่เกี่ยวข้องกับสายไฟฟ้า เพื่อเชื่อมโยงประเทศไทยสู่เส้นทางอนาคตในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยบริษัทได้เป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าและเคเบิลรายเดียวในประเทศไทยที่เข้าร่วมในสมาคมเครือข่ายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN Global Compact Network Thailand: UNGCNT) และคว้าการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 เดินหน้าธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
นายพงศภัค กล่าวอีกว่า แนวคิด “3 เซฟ” จะรองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคต และครอบคลุมทุกความต้องการใช้งานของลูกค้าทั้ง 7 กลุ่มของบริษัท โดยในระยะสั้น บริษัทได้พัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์แนวคิดดังกล่าว อาทิ สายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ (Extra High Voltage) ชนิด 230 กิโลวัตต์ รุ่น 230kV CE(CAS) รองรับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้า การนำสายไฟลงดินเพิ่มสุนทรียภาพของเมือง การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตัวนำอะลูมิเนียมคอมโพสิตหลัก (ACCC® Conductor) ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตรายแรกในไทย เพื่อใช้อัปเกรดระบบไฟฟ้าให้รองรับพลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกัน บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตรวมจาก 55,000 ตันต่อปีในปัจจุบัน สู่ 60,000 ตันต่อปีภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสายไฟจาก 25% เป็น 35%
ขณะที่ในระยะกลาง 3 ปี (พ.ศ.2567-2569) บริษัทมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิลในภูมิภาคอาเซียน ตอบโจทย์ความต้องการไฟฟ้าของทั้งไทยและโลก ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.การขยายสู่ตลาดภูมิภาค (Global Expansion) นำงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่ล้ำสมัยของบริษัท นำเสนอเป็นสินค้าที่โดดเด่นสู่เวทีโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน สร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายและซัพพลายเชนของบริษัท 2.การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) บูรณาการเทคโนโลยีใหม่ๆ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสายไฟ มุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0 และ 3.การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) ฉลอง 60 ปีบางกอกเคเบิ้ล ด้วยการยึดมั่นบริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลิตสายเคเบิ้ลที่จำเป็นในการรองรับความต้องการด้านไฟฟ้าของโลกยุค Net-Zero
สำหรับ บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ.2507 ให้บริการครอบคลุม 7 กลุ่มการใช้งาน ได้แก่ 1.ระบบผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า (Transmission) 2.ระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Distribution) 3.ระบบไฟฟ้าภายในบ้านพักและอาคาร (Construction and Building) 4.ระบบขนส่งและคมนาคม (Transportation and Mobility) 5.ระบบไฟฟ้าในโรงงาน และภาคอุตสาหกรรม (Industrial) 6.พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และ 7.ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ (Automotive) เพื่อสร้างความปลอดภัยและขับเคลื่อนเมืองสู่อนาคต ปัจจุบัน มีลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้สายไฟฟ้าของบางกอกเคเบิ้ล อาทิ โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ