December 22, 2024

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี นำโดย นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ส่งมอบ ถุงผ้า จำนวน ๒,๐๐๐ ใบ ภายใต้โครงการ “ถุงผ้าใส่ยาให้ผู้ป่วยกลับบ้าน” ซึ่งได้จากการร่วมเพ้นท์ถุงผ้าของผู้บริหาร พนักงาน และประชาชนจิตอาสา โดยมี รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้รับมอบ โดยจะส่งต่อให้กับผู้ป่วยและผู้ใช้บริการในโรงพยาบาล ฯ เพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม และเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็น ๑ ใน ๗๒ โครงการของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗

มูลนิธิบีเจซี บิ๊กซี เปิดให้บริการ “บีเจซี บิ๊กซี คิดส์ แคร์” ศูนย์ดูแลเด็กอายุ 1-3 ปี สนับสนุนดูแลลูกของพนักงานที่ทำงานในบีเจซี บิ๊กซี สำนักงานใหญ่ในระหว่างวันทำงาน นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย โภชนาการที่ดี มีความปลอดภัย พร้อมส่งเสริมนโยบายเป็นมิตรสำหรับครอบครัว ดูแลเด็กอย่างมีคุณภาพ สร้างสมดุลระหว่างงานและครอบครัว

 

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการ เลขานุการ และเหรัญญิก มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี เปิดเผยว่า “บีเจซี บิ๊กซี เปิดให้บริการศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก “บีเจซี บิ๊กซี คิดส์ แคร์” เพื่อช่วยดูแลเด็กเล็กที่เป็นบุตรของพนักงานในกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี สำนักงานใหญ่ในระหว่างวันทำงาน เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนให้พนักงานได้ใช้เวลากับบุตรหลานมากที่สุด โดยสภาพการเดินทางและการทำงานในยุคปัจจุบันอาจทำให้พ่อแม่มีเวลาอยู่กับลูกน้อยลง มีความลำบากในการหาสถานที่ดูแลเด็กที่มีคุณภาพดี ไว้ใจได้ สามารถดูแลลูกได้อย่างใกล้ชิด ดังนั้นการตั้งศูนย์ฯ นี้จะช่วยตอบโจทย์ผู้ปกครองได้มาก สำหรับศูนย์ฯ ดังกล่าว ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับอาคารสำนักงานใหญ่บีเจซี บิ๊กซี เริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567

“บีเจซี บิ๊กซี คิดส์ แคร์” คือ ศูนย์เด็กที่ออกแบบตามมาตรฐาน ยึดหลักความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเด็กที่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กปฐมวัยมากกว่า 10 ปี รวมถึงมีพี่เลี้ยงเด็กที่จบการศึกษาด้านปฐมวัยโดยตรง จึงสามารถส่งเสริมการเรียนรู้และออกแบบกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกหลานพนักงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ทั้งยังมีหลักการดูแลเด็กๆ ให้ได้รับโภชนาการที่ดี นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์การเรียนรู้ หนังสือ ของเล่นเด็กต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็กมากขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ดังกล่าวเปิดให้บริการสำหรับกลุ่มพนักงานที่ลูกมีอายุระหว่าง 1-3 ปี เปิดดำเนินการวันจันทร์ - วันศุกร์  เวลา 07.30 – 18.00 น.

นางฐาปณี กล่าวว่า “บีเจซี บิ๊กซี เชื่อว่าการเนรมิตศูนย์เด็ก “บีเจซี บิ๊กซี คิดส์ แคร์” นี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับพนักงานที่จะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ในการดูแลลูก และตัวเด็กที่จะได้รับการดูแลที่เหมาะสม เรามุ่งเน้นสร้างสรรค์การเป็นองค์กรที่เป็นมิตรกับครอบครัว เราอยากให้พนักงานที่มีบุตรหลานได้ทำงานอย่างสบายใจ และเด็ก ๆ ก็สามารถเล่นได้อย่างปลอดภัย เราเข้าใจและใส่ใจพนักงานทุกคนและมุ่งมั่นที่จะทำให้สถานที่ทำงานเปรียบเสมือนบ้านของครอบครัว”

 

มูลนิธิบีเจซี บิ๊กซี ได้ให้การสนับสนุนยูนิเซฟ ประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพ การเปิดศูนย์ดูแลเด็กแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของบริษัทในการ "ลงมือทำจริง" ด้วยนโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัว โดย นางคยอนซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ทุกวันนี้ครอบครัวต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาศูนย์ดูแลเด็กที่เหมาะสมและราคาไม่แพง โดยเฉพาะหลังจากสิ้นสุดช่วงลาคลอดที่แม่ต้องกลับไปทำงาน ซึ่งศูนย์ดูแลเด็กที่เปิดในวันนี้จะช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ให้กับพนักงาน และเปลี่ยนแปลงชีวิตของพ่อแม่และลูก ๆ ไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัย คือการสนับสนุนให้นายจ้างนำนโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัวมาใช้ เช่น นโยบายลาคลอดที่ได้รับค่าจ้าง เวลาพักให้นมแม่ บริการดูแลเด็กที่มีคุณภาพ ตลอดจนสวัสดิการสำหรับเด็ก  ศูนย์ดูแลเด็กแห่งนี้จึงถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับสถานประกอบการและบริษัทอื่น ๆ ต่อไป”

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 41,774
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603 ล้านบาทจากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,825 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 14.2% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิปกติเติบโตขึ้นอยู่ที่ 905 ล้านบาท เติบโต 34.8% จากยอดขายที่เติบโตขึ้น และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มสินค้าและบริการ รวมไปถึงการจัดทำโครงการลดต้นทุนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ จากยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 5,876 ล้านบาท ลดลง 205 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วมียอดขายที่ลดลงเล็กน้อยจากการปรับราคาลงตามราคาวัตถุดิบที่ลดลง หลัก ๆ จากราคาโซดาแอชที่ลดลง ในขณะที่กลุ่มบรรจุภัณฑ์กระป๋องมียอดขายที่ลดลงจากธุรกิจในประเทศเวียดนาม จากผลกระทบของสถานการณ์น้ำท่วมและการบริโภคที่ชะลอตัวลง อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ร้อยละ 22.0 เพิ่มขึ้น 220 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาจากทั้งกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์กระป๋อง จากราคาวัตถุดิบที่ลดลง ทั้งโซดาแอชและเศษแก้ว และการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ปกติของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ร้อยละ 16.3 เพิ่มขึ้น 210 bps จากไตรมาสเดียวกันของ
ปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น กำไรสุทธิปกติสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.6 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค จากยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภคในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 5,311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.1 เมื่อเปรียบเทียบ กับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภค โดยยอดขายในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัวเติบโตจากสบู่แพรอท
สินค้าใหม่ (ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม แบรนด์ Promise) และยอดขายสินค้า OEM นอกจากนี้ ยอดขายในกลุ่มสินค้ากระดาษของแบรนด์บริษัท (owned brand) เพิ่มขึ้นเช่นกัน อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค
ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ร้อยละ 19.4 เพิ่มขึ้น 92 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภค จากการขายสินค้าที่มี Margin สูงกว่าได้มากขึ้น (Product mix) ในขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ปกติในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ร้อยละ 7.5 เพิ่มขึ้น 170 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น กำไรสุทธิปกติสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภคในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25.8 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค ยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค
ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 2,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.0 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายกลุ่มเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น จากการออกสินค้าใหม่ และยอดขายกลุ่มเครื่องมือแพทย์ที่เพิ่มขึ้นจาก งบประมาณภาครัฐที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค
ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ร้อยละ 31.3 เพิ่มขึ้น 162 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการขายสินค้าที่มี Margin
สูงกว่าได้มากขึ้น (Product mix) ในขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ปกติไตรมาส 3/67 อยู่ที่ร้อยละ 13.8 เพิ่มขึ้น 150 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิปกติสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิคในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 18.8 เมื่อเปรียบเทียบกับ
ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น
กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ จากรายได้รวมในกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 28,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 769 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.8 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 25,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 777 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.2 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมในไตรมาสอยู่ที่ร้อยละ 0.02 (ไม่รวมยอดขายสินค้าบีทูบี) ซึ่งรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของ
ปีก่อนหน้าเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในหมวดอาหาร สด (Fresh Food) และรายได้อื่นอยู่ที่ 3,160
ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 25 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.8 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผล
มาจากการลดลงของรายได้ค่าเช่าและการให้บริการ โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าเช่าที่ลดลง อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ร้อยละ 17.5 เพิ่มขึ้น 14 bps เมื่อเปรียบเทียบกับ
ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักจาก Sales mix การบริหารจัดการสต๊อกสินค้าที่ดี และการลดลงของต้นทุนค่าขนส่ง ขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายปกติ (EBITDA margin) ในไตรมาส 3/67
อยู่ที่ร้อยละ 11.0 เพิ่มขึ้น 10 bps เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นและต้นทุนการขนส่งที่ลดลง กำไรสุทธิปกติสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.9 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3/67 โดยได้เปิดบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต ในจังหวัดยะลาภาคใต้ ของประเทศไทยจำนวน 1 สาขา บิ๊กซี มินิจำนวน 11 สาขา (รวมบิ๊กซี มินิจำนวน 1 สาขาในประเทศกัมพูชา) ร้านขายยาเพรียวจำนวน 4 สาขา และร้าน หนังสือเอเซียบุ๊คส์จำนวน 3 สาขาในระหว่าง
ไตรมาส และมีการปิดบิ๊กซิ ไฮเปอร์มาร์เก็ตที่กำลังจะหมดสัญญาเช่าจำนวน 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี สุขาภิบาล 3-2 และบิ๊กซี รังสิต 2 โดยหลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว บริษัทได้ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญาเช่าของร้านค้าสาขาดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมี สาขาอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถรองรับลูกค้าได้อย่างเพียงพอ และบริษัทได้ปรับเปลี่ยนบิ๊กซี ฟู้ดเพลสจำนวน 1 สาขาที่ตึกสำนักงานใหญ่บีเจซี เป็นบิ๊กซี มินิ ในรูปแบบแนวคิดใหม่เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อย

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอย่างมั่นคง ด้วยวิสัยทัศขององค์กรที่ตั้งเป้าหมาย เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือ เพื่อร่วมสร้างให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์เพื่อเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี โดย คุณฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง ประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กทั้งในด้านการลดต้นทุนการทำธุรกิจและด้านการเพิ่มพื้นที่ค้าขายสินค้า ที่สำคัญคือการลดค่าครองชีพให้ประชาชนจัดงานลดราคาสินค้าทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 - มกราคม 2568 โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์  ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ในโอกาสงานนี้ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ได้จัดบูธประชาสัมพันธ์ แสดงสินค้าที่ให้การสนับสนุนในโครงการดังกล่าวด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการร่วมผนึกกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในการนี้ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ให้ความร่วมมือในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศครั้งสำคัญนี้ โดยในสมัยรัฐบาลนี้ได้เปิดพื้นที่ให้โอกาสสร้างรายได้กับกลุ่มเกษตรกร ชุมชน ผู้ประกอบการรายเล็กมาจำหน่ายสินค้าในสาขาบิ๊กซีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายกว่า 90 ครั้งรวมเป็นพื้นที่ กว่า 16,000 ตารางเมตร ในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้มีการส่งเสริมและรับซื้อสินค้ากว่า 530 ล้านบาทจากเอสเอ็มอี 171 ราย มาจำหน่ายในสาขาบิ๊กซี โดยในส่วนของการลดค่าครองชีพให้ประชาชนมีการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่องในบิ๊กซีทุกรูปแบบทุกสาขา อีกด้วย

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)  ได้รับการประกาศจาก “นิตยสารฟอร์จูน” จัดอันดับให้ติด 1 ใน 100 “Fortune’s Most Powerful Women Asia 2024” ในฐานะ “สตรีผู้ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก” ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านการบริหาร ความเป็นเลิศทางนวัตกรรม การช่วยเหลือสังคม และการขับเคลื่อนการเติบโตของกลุ่มบริษัทบีเจซีให้สามารถขยายธุรกิจเเละเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การจัดอันดับครั้งนี้ในปี 2567 ประกาศให้ นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 14 ผู้บริหารสตรีสัญชาติไทย

Thapanee Techajareonvikul in Fortune Most Powerful Women Asia 2024

Mrs. Thapanee Techajareonvikul, Chief Executive Officer & President of Berli Jucker Public Company Limited has been recognized as one of Fortune Most Powerful Women Asia 2024. Fortune magazine ranking highlights influential women across the Asia Pacific region. This recognition derives from Mrs. Thapanee’s outstanding role in management, innovative initiatives, relentless support of society, while continuously driving the growth and expansion of BJC Group.

Mrs. Thapanee Techajareonvikul, Chief Executive Officer & President of Berli Jucker Public Company Limited, has been selected as 1 of 14 Thai female executives in this ranking.

Page 1 of 9
X

Right Click

No right click