โค้งสุดท้ายของปี 2567 ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษี การซื้อประกันชีวิตถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่าจากการได้รับความคุ้มครองทั้งชีวิต ช่วยวางแผนการเงินที่ดี และยังสามารถสร้างเงินก้อนพร้อมใช้ในอนาคตไปพร้อม ๆ กัน แบบประกันที่ว่านั้นเรียกว่า “ประกันสะสมทรัพย์” หรือ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ซึ่งในระหว่างระยะเวลาสัญญาผู้ทำประกันจะได้รับความคุ้มครองชีวิตควบคู่กับได้รับผลประโยชน์เงินคืนในแต่ละปีซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละแบบประกันตามที่บริษัทกำหนด รวมถึงเมื่อครบกำหนดสัญญา ก็จะได้รับผลประโยชน์เงินคืนก้อนใหญ่ช่วยสร้างความมั่นคงสำหรับชีวิตในอนาคตได้อย่างสบายใจ และหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างกรณีเสียชีวิต ครอบครัวหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนคืนเพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงอีกด้วย
5 เหตุผลดีๆ ของการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
1. สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด โดยเงื่อนไขคือ กรมธรรม์ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป กรณีที่มีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา
2. ช่วยสร้างเงินออมเพื่ออนาคต วางแผนทางการเงินได้ ประกันสะสมทรัพย์แต่ละแผน จะมีรูปแบบในการชำระเบี้ยในระยะเวลาแตกต่างกันออกไป เช่น 1 ปี จ่ายครั้งเดียวจบ จ่ายเบี้ยฯสั้น 2 ปี หรือ 5 ปี โดยผู้เอาประกันภัยจะได้รับผลประโยชน์เงินคืนในรูปแบบที่แตกต่างออกไปตามแต่ละแผนปี ซึ่งรูปแบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการจะนำเงินออกมาใช้ก่อนถึงครบกำหนด เป็นตัวช่วยสร้างวินัยการออมเงินและวางแผนทางการเงินในอนาคตได้อย่างแน่นอน
3. ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ประกันสะสมทรัพย์เป็นประกันชีวิตในรูปแบบการสร้างเงินออมที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยแต่ละแบบประกันจะมีแผนความคุ้มครองและรูปแบบผลประโยชน์เงินคืนที่กำหนดเอาไว้ ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ไม่ต้องรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ ช่วยให้สามารถวางแผนทางการเงินในอนาคตได้อย่างแม่นยำ รู้ผลประโยชน์เงินคืนที่ได้รับแน่นอนและสร้างเงินออมให้งอกเงยได้
4. ได้รับความคุ้มครองชีวิต ช่วยให้ผู้ทำประกันเตรียมพร้อมกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น กรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินก้อนคืนตามทุนประกันชีวิตโดยมอบให้ผู้รับผลประโยชน์ รวมถึงสามารถกำหนดสัดส่วนของผลประโยชน์เงินคืนนี้ได้อีกด้วย เหมาะกับผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ในการเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น หรือในมุมของพ่อแม่สูงวัย ที่ต้องการสร้างความมั่นคงและลดภาระค่าใช้จ่ายกรณีที่ตนเองเสียชีวิตให้กับลูกหลานที่ยังอยู่ได้อีกด้วย เนื่องจากประกันสะสมทรัพย์บางแผน มีอายุรับประกันภัยสูงถึงอายุ 80 ปี
5. ผลประโยชน์เงินคืนได้จากประกันสะสมทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษี เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่น่าสนใจ เนื่องจากผลประโยชน์เงินคืนที่ได้รับจะได้รับแบบเต็มจำนวน ต่างจากผลประโยชน์เงินคืนจากการสร้างเงินออมรูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนกับหุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารที่ยังต้องเสียภาษี
ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ ง่าย สะดวก อนุมัติไว
กรุงเทพประกันชีวิต มีบริการประกันชีวิตออนไลน์ที่มีหลากหลายแผนเพื่อให้ผู้ทำประกันสามารถเลือกได้ตรงกับเป้าหมายทางการเงินได้มากที่สุด สามารถดูรายละเอียดความคุ้มครอง กดคำนวณเบี้ย เพื่อเปรียบเทียบผลประโยชน์ด้วยตัวเองได้ โดยปัจจุบันมีแบบประกันที่น่าสนใจ คือ
ประกันสะสมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1 หรือประกัน 10/1
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคล่องตัว เพราะจ่ายเบี้ยครั้งเดียวจบ พร้อมรับเงินคืนทุกๆปีละ 1.75%* รวมตลอดสัญญา 117.5%* เบี้ยประกันภัยรายปี เริ่มต้นปีละ 50,000 บาท
ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 หรือ ประกัน 10/5
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างเงินออมก้อนใหญ่ นำไปใช้จ่ายหรือลงทุนต่อยอด โดยแบบประกันนี้คืนเงินไวกว่ากองทุน SSF โดยในปีที่ 7-9 รับเงินคืน 100%* และปีที่ 10 รับเงินคืนถึง 205%* รวมตลอดสัญญา 525%* และ ชำระเบี้ยประกันภัยรายปีระยะเวลา 5 ปี เริ่มต้นปีละ 20,000 บาท เฉลี่ยเดือนละหลักพันต้น ๆ
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี บีแอลเอ ฟาสต์ รีเทิร์น 10/2
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสภาพคล่องทางการเงินสูง เพราะจ่ายเบี้ยฯ สั้น 2 ปี ได้รับเงินก้อนคืนไวในปีที่ 3 รับเงินก้อนคืน 100%* และปีครบกำหนดสัญญา รับเงินคืนอีก 100%* กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รับผลประโยชน์เพิ่ม 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยเบี้ยประกันภัยรายปี เริ่มต้นปีละ 29,100 บาท
นอกจากประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์แล้ว กรุงเทพประกันชีวิต ยังขอให้พิจารณาประกันชีวิตแบบบำนาญควบคู่กันไป เพราะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด โดยแบบประกันที่แนะนำ คือ ประกันบํานาญ ลดหย่อนภาษี แฮปปี้ เพนชั่น (มีเงินปันผล) ที่เหมาะสำหรับคนที่เตรียมพร้อมวางแผนวัยเกษียณ แบบประกันนี้จะช่วยให้เกษียณได้อย่างสบายใจ มีเงินบำนาญใช้ถึงอายุ 99 ปี โดยการันตีรับเงินบำนาญ ตั้งแต่อายุ 60-99 ปี มีโอกาสรับเงินบำนาญเพิ่มพิเศษตลอดสัญญา** และ เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยได้เอง 1 ปี/ 5 ปี/ 10 ปี หรือจนถึงอายุ 60 ปี
จะเห็นได้ว่า นอกจากลดหย่อนภาษีแล้ว การทำประกันชีวิตยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ซึ่งช่วยสร้างเงินก้อนในอนาคต ไปพร้อม ๆ กับรับความคุ้มครองชีวิต ซึ่งสามารถเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์แผนการเงินที่ต้องการได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ พร้อมรับสิทธิพิเศษเฉพาะการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ในแต่ละเดือน เพื่อความคุ้มครองที่คุ้มค่า ผู้สนใจดูแบบประกันเพิ่มเติมได้ที่ https://bla.bangkoklife.com/onlinepr
หมายเหตุ
* %ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
** ผลประโยชน์ที่ไม่รองรับการจ่าย
โปรดทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ iFlight Technology บริษัทผู้ผลิตโดรนภายใต้ชื่อ DJI จากประเทศจีน และ Peak3 บริษัทอินชัวร์เทคจากประเทศสิงคโปร์ มอบความคุ้มครองประกันภัยโดรนการเกษตรให้แก่ลูกค้า เพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในการเกษตร และสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย
โครงการดังกล่าวเป็นการผสานความร่วมมือระหว่าง 3 บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตโดรน ด้านอินชัวร์เทค และด้านการรับประกันภัย ที่จะช่วยยกระดับภาคการเกษตรของไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะของโดรนการเกษตรมาช่วยการทำงานของเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร อีกทั้งยังลดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน และเนื่องจากโดรนการเกษตร DJI เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง กรุงเทพประกันภัยจึงได้จัดทำแผนประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับโดรนการเกษตร เพื่อช่วยแบ่งเบาความเสี่ยง บรรเทาความเดือนร้อนทางการเงิน เป็นการสร้างความอุ่นใจให้เกษตรกร โดยมี Peak3 เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้วยเทคโนโลยี SaaS ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการทำประกันภัยและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
สำหรับแผนประกันภัยดังกล่าวให้ความคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุต่อตัวโดรนการเกษตร DJI รุ่น T25 ทุนประกันภัย 263,500 บาท และรุ่น T50 ทุนประกันภัย 347,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี โดยลูกค้าที่ซื้อโดรน DJI รุ่นดังกล่าวสามารถลงทะเบียนรับสิทธิประกันภัยโดรนการเกษตรได้ฟรี ณ ตัวแทนจำหน่าย DJI ทั่วประเทศ
กรุงเทพประกันชีวิตเดินหน้าเจาะกลุ่มแม่และเด็ก ถ่ายทอดความใส่ใจผ่านผลิตภัณฑ์ “กรุงเทพ สมาร์ทคิดส์” ที่คิดมาอย่างรอบด้านเพื่อความอุ่นใจของครอบครัว จนสามารถคว้ารางวัล Best Insurance for Kids and Family ประเภท Editor’s Choice จากเวที Amarin Baby & Kids Awards 2024 มาได้สำเร็จ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ เตรียมพบกับผลิตภัณฑ์เพื่อเด็กและครอบครัวอีกมากพร้อมกิจกรรมและโปรโมชันโดนใจในงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024 ระหว่าง 28 พ.ย. ถึง 1 ธ.ค.นี้ ที่ ไบเทค บางนา
นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและการบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงเทพประกันชีวิตรู้สึกยินดีที่ “กรุงเทพ สมาร์ทคิดส์” ประสบความสำเร็จอีกครั้งกับรางวัลผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์เพื่อเด็กและครอบครัว “Best Insurance for Kids and Family” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่ได้รับจากเวที Amarin Baby & Kids Awards ตอกย้ำความสำเร็จของการพัฒนาแบบประกันที่ตอบโจทย์ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากปณิธานของแบรนด์ที่มุ่งมั่นเรื่องความใส่ใจ และเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ผ่านการทำวิจัยอย่างสม่ำเสมอทำให้ได้อินไซต์และสามารถพัฒนาแบบประกันที่ครบเครื่อง ตอบโจทย์ทั้งคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูก
“กรุงเทพ สมาร์ทคิดส์” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้พ่อแม่วางแผนอนาคตให้กับลูกโดยเฉพาะเป้าหมายทางการศึกษาในทุกระดับชั้น สามารถเลือกตามระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการ 15 ปี 18 ปี และ 21 ปี มีจุดเด่นที่ให้มากกว่าการออม คือ 1) คุ้มครองผู้ชำระเบี้ย 2) ครอบคลุมค่ารักษาจากอุบัติเหตุ 3) คุ้มครองโรคร้ายแรง เด็ก 4 โรค และ 4) ความคุ้มครองชีวิต โดยมีเบี้ยประกันคงที่เริ่มต้นเพียง 200 บาทต่อเดือน สามารถสมัครได้ตั้งแต่แรกเกิด – อายุ 14 ปี
“เราเชื่อว่า เมื่อเราใส่ใจลูกค้าได้ดีและตรงตามความต้องการ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอยู่กับเรา และให้โอกาสเราได้ดูแลลูกค้าตลอดไป กรุงเทพประกันชีวิตขอขอบคุณ Amarin Baby & Kids ที่ได้มอบรางวัล The Best Insurance for Kids and Family Award ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรางวัลแห่งความภาคภูมิใจสำหรับทีมงานทุกคน และเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนให้เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ครอบครัวคนไทยต่อไป” นางสาวอรนาฎกล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า
คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจ สามารถพบกับแผนความคุ้มครองที่คัดสรรมาด้วยความใส่ใจ ตอบโจทย์ความต้องการทุกครอบครัวจากกรุงเทพประกันชีวิตได้ในงาน Amarin Baby & Kids Fair 2024 ได้ในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม ศกนี้ ที่ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 103-104 บูท CS5 ระหว่าง 10.00 – 20.00 น. พบกับกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อย การวางแผนเตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล และเตรียมเงินออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกรัก พร้อมให้คำปรึกษาวางแผนการเงินกับคุณพ่อคุณแม่ตามเป้าหมายที่ต้องการ พิเศษในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 13:30 น. ร่วมฟังเสวนาห้องเรียนพ่อแม่ โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกและการส่งเสริมทักษะสมอง EF สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษภายในงาน และโปรโมชันอื่น ๆ อีกมากมายศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bangkoklife.com/th/promotion
กรุงเทพประกันชีวิตเผยผลดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกปี 2567 กวาดเบี้ยรับรวม 26,400 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ส่วนไตรมาส 3 ปี 67 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 10,315 ล้านบาท มาจากเบี้ยรับปีแรก 1,550 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 614 ล้านบาท ประกาศสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ ในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม พร้อมดูแลลูกค้าด้วยความคุ้มครองที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์และบริการที่เป็นเลิศ
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 10,315 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจำนวนทั้งสิ้น 1,550 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากช่องทางธนาคารที่มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกลดลง โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 614 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในช่วง 9 เดือนของปี 2567 จำนวน 26,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 2,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 จำนวน 313,594 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่ร้อยละ 4 จากการลดลงของสินทรัพย์ลงทุนจากกรมธรรม์ที่ครบกำหนด ทั้งนี้ สินทรัพย์ลงทุนและรายการเทียบเท่าเงินสดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95 ของสินทรัพย์รวม และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ร้อยละ 433 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่กฎหมายระบุไว้ที่ 140% อย่างมีนัยสำคัญ
นายโชน กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ To be the Most Caring Life Insurance Company เพื่อขับเคลื่อนองค์กรทำหน้าที่ด้วยความใส่ใจต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม พร้อมเปิดตัวสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้านตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และยกระดับการให้ความคุ้มครองและการบริการแก่ผู้ถือกรมธรรม์ให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดอายุสัญญา
“บริษัทฯ ยังได้สร้างความผูกพันธ์กับผู้ถือกรมธรรม์ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers เพื่อขอบคุณลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ให้ความไว้วางใจส่งมอบความคุ้มครองเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงทางการเงินมามากกว่า 20 ปี และ กิจกรรมคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 73 ปี BLA Feel Good Concert รวมไปถึงการพัฒนาบริการและบริการเสริมด้านสุขภาพ ‘BLA EveryCare’ ที่กรุงเทพประกันชีวิตให้มากกว่าความคาดหวังของผู้ถือกรมธรรม์ โดยมีการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง” นายโชนกล่าวในที่สุด
กรุงเทพประกันชีวิต ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรทำหน้าที่ด้วยความ “ใส่ใจ” ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม พร้อมเปิดตัวแบรนด์แคมเปญ “ใส่ใจ” สื่อภาพลักษณ์ผ่านปรัชญาการทำงานบนความ “เชื่อมั่นในพลังของความใส่ใจ” ในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งด้านความใส่ใจ (The Most Caring Insurance Brand) และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงเป้าหมายในการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กร เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งในด้านความใส่ใจ ว่า กรุงเทพประกันชีวิตได้ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการใส่ใจมาอย่างยาวนาน และถือเป็นจุดแข็งขององค์กร หลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้นำแนวทางการทำงานอย่างใส่ใจมาใช้ในด้านต่างๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ บุคคลากรของบริษัทรวมถึงตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน และบริการเสริม BLA Every Care ที่ตอบโจทย์ความใส่ใจลูกค้าแบบครบวงจร ซึ่งจากการสำรวจกลุ่มลูกค้า พบว่า เมื่อนึกถึงกรุงเทพประกันชีวิต ลูกค้าต่างพูดถึงเรื่องความใส่ใจมาเป็นอันดับต้น ๆ
“เราเชื่อว่า พลังของการใส่ใจนั้นมีผลต่อแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตอย่างมาก จึงมุ่งหวังให้ กรุงเทพประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งด้านความใส่ใจในทุกมิติ ตั้งแต่ลูกค้า ตัวแทน ที่ปรึกษาทางการเงิน พันธมิตรทางการค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น สังคมและสิ่งแวดล้อม” นายโชนกล่าว
ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศจากความใส่ใจ เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ถือกรมธรรม์ด้านความมั่นคงในชีวิต ผ่านตัวแทนที่มีความจริงใจ เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการที่ดี และ สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของทุกเจนเนอเรชั่น สำหรับตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน เราส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของทีมงานให้สามารถทำงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมรับมือกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างพลังบวกและการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการใส่ใจ เพื่อให้ทุกคนสามารถส่งต่อการให้บริการที่ประทับใจไปสู่ลูกค้าอย่างดีที่สุด และสำหรับพนักงาน เราส่งเสริมให้ทุกคนมีความสุข มีความก้าวหน้าและมีความมั่นคงในอาชีพ มีการเพิ่มพูนทักษะให้สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ เคารพในความแตกต่าง ให้ความเสมอภาค ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
“สิ่งสำคัญคือ ความใส่ใจที่มีต่อสังคม ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ด้านการวางแผนการเงินเห็นประโยชน์ในการทำประกันชีวิตและการมีสุขภาพที่ดีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น และท้ายสุด เราให้การใส่ใจในสิ่งแวดล้อม เราพร้อมจะขับเคลื่อนองค์กร สู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน บริหารจัดการด้านพลังงาน ทรัพยากรน้ำ และ ขยะ ซึ่งทั้งหมดเป็นการสร้างพลังของความใส่ใจและจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งด้านการใส่ใจและมีการเติบโตอย่างยั่งยืนในที่สุด” นายโชนกล่าว
ด้านนางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้บริหารสายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า เปิดเผยถึงแนวคิดการปรับภาพลักษณ์องค์กรในครั้งนี้ว่า มาจากผลการสำรวจเพื่อต้องการหา Insight กลุ่มผู้บริโภคและลูกค้า ที่มีความคาดหวังต่อธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งพบว่าคนแต่ละเจนเนอเรชั่นมีความต้องการที่ไม่เหมือนกันทั้งผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขายและการบริการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนทุกเจนคาดหวังและต้องการเหมือนกันคือ “ความใส่ใจ” ในบริการหลังการขาย ซึ่งการสื่อสารแบรนด์แคมเปญนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเห็นความแตกต่างและรับรู้ถึงความใส่ใจได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการขยายการรับรู้ และต้องการเข้าไปมีส่วนช่วยด้านการวางแผนการเงินในช่วงเริ่มต้นวัยทำงาน
“แคมเปญ “ใส่ใจ” ครั้งนี้ จะถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง ซึ่งได้ผลมาจากงานวิจัยที่น่าสนใจ คือ ในยุคที่เทคโนโลยีมีผลกับชีวิตผู้คน ทำให้คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ผ่านเทคโนโลยี จนละเลย หลงลืม ขาดความผูกพันที่อบอุ่น โดยเรื่องแรก จะสะท้อนความสัมพันธ์ที่เล็กแต่แข็งแรงที่สุด คือ คนในครอบครัว ด้วยความเชื่อที่ว่า พลังของความใส่ใจ ถ้าในสังคมไทยมีให้กันมากพอ จะทำให้ทุกคนมีความสุข ความอุ่นใจและความมั่นใจในการใช้ชีวิต ไม่ว่าสังคมจะพัฒนาด้านเทคโนโลยีไปอย่างไร เรื่องที่ 2 คือ เป็นการนำเสนอบริการเสริมที่ได้มาจากการทำวิจัยจากลูกค้าชื่นชอบ คือ Driving Home และ Home Health Care เป็นการดูแล ใส่ใจลูกค้า หากลูกค้าเจ็บป่วยต้องไปโรงพยาบาล หรือ มีการต้องพักรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยมีกำหนดการเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาในวันที่ 13 พฤศจิกายนศกนี้ ผ่านสื่อ TV, Out Of Home, Online และ KOL” นางสาวอรนาฎกล่าวในที่สุด
กรุงเทพประกันชีวิตคาดหวังว่า แคมเปญใส่ใจนี้จะเป็นแรงกระเพื่อมให้สังคมได้หันกลับมาคิด และเลือกที่จะสร้างความสุขให้ตนเองและคนรอบตัว เมื่อทุกครอบครัวเห็นคุณค่าของการใส่ใจซึ่งกันและกัน ก็จะส่งผลกับระดับสังคมไม่มากก็น้อย ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรุงเทพประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งดีๆอีกมากเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าด้วยความตั้งใจ เพื่อให้แบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตอยู่ในใจผู้บริโภค และ ก้าวสู่การเป็น The Most Caring Insurance Brand ได้ในที่สุด