โลกการเงินได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ กับการที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกได้ทำการอนุมัติ Spot Bitcoin Exchange Traded Funds (ETFs) เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งรายย่อยและนักลงทุนสถาบันได้ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ผ่านช่องทางการลงทุนแบบดั้งเดิม โดยนักลงทุนจะสามารถลงทุน Spot Bitcoin ETFs ได้โดยตรงผ่านสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดหลักทรัพย์แบบเรียลไทม์ ด้วยราคาที่โปร่งใส ซึ่งจะแตกต่างจากการเทรด Futures ETFs ที่อาศัยสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้าของคริปโตเคอร์เรนซี

 

ริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance

ริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance กล่าวว่า “การอนุมัติกองทุน Spot Bitcoin ETFs จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างรากฐานด้านความไว้วางใจในตลาดคริปโตให้แก่ผู้คนในวงกว้าง โดย Spot Bitcoin ETFs ถือเป็นใบเบิกทางที่จะนำพาคนให้เข้าสู่ตลาดคริปโตได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังช่วยดึงดูด

นักลงทุน และเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การลงทุนผ่านบิทคอยน์โดยตรง รวมถึงช่องทางการลงทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจะยังคงดำรงอยู่ต่อไป เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับกลยุทธ์การลงทุน รูปแบบความเสี่ยง และความต้องการที่หลากหลาย ซึ่งความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ นับเป็นสัญญานที่บ่งบอกถึงยุคสมัยแห่งการยอมรับและความชอบธรรมของการใช้งานบิทคอยน์ เช่นเดียวกันกับการขยายพื้นที่ของคริปโตเคอร์เรนซีให้มากยิ่งขึ้น”

ลิสต์ของกองทุน Spot Bitcoin ETFs ที่ได้รับการอนุมัติ

ลิสต์ของกองทุน Spot Bitcoin ETFs ที่ได้รับการอนุมัติในเดือนมกราคม 2024 มีดังต่อไปนี้ ARK 21 Shares Bitcoin ETF (NYSE:ARKB) Bitwise Bitcoin ETF (NYSE:BITB) Blackrock’s iShares Bitcoin Trust (NASDAQ:IBIT) Fidelity Wise Origin Bitcoin Trust (NYSE:FBTC) Franklin Bitcoin ETF (NYSE:EZBC) Grayscale Bitcoin Trust (NYSE:GBTC) Hashdex Bitcoin ETF (NYSEARCA:DEFI) Invesco Galaxy Bitcoin ETF (NYSE:BTCO) Valkyrie Bitcoin Fund (NASDAQ:BRRR) VanEck Bitcoin Trust (NYSE:HODL) และ WisdomTree Bitcoin Fund (NYSE:BTCW)

ข้อได้เปรียบสำคัญของ Spot Bitcoin ETFs คือความสามารถในการขยายการเข้าถึงการลงทุนสู่ผู้คนในวงกว้าง พร้อมเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ต้องถือครองบิทคอยน์โดยตรง ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนสถาบันอย่างเช่น ผู้จัดการความมั่งคั่ง (Wealth Managers) และผู้ให้บริการสำหรับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง (Private Banking) ที่ต้องการก้าวเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ที่มีความกระจายความเสี่ยงเหมาะสม (Passive Investment) ทั้งนี้ จากข้อมูลอ้างอิงของสถาบัน Investment Company ที่ชี้ให้เห็นถึงภูมิทัศน์ทางการเงินของตลาดสหรัฐฯ ซึ่งมีทรัพย์สินรวมกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์ 401(k) การอนุมัติในครั้งนี้จึงถือเป็นสัญญานที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในด้านกลยุทธ์การบริหารความมั่งคั่ง และการมีส่วนร่วมของสถาบันที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

Spot Bitcoin ETFs ยังได้มอบโอกาสอันน่าสนใจให้กับนักลงทุนสถาบันที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ ด้วยความสัมพันธ์อันน้อยนิดระหว่างบิทคอยน์และสินทรัพย์แบบดั้งเดิม อย่างเช่น หุ้นและพันธบัตร จึงทำให้ Spot Bitcoin ETFs สามารถกระจายความเสี่ยงไปพร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพอร์ตของเหล่านักลงทุนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น การที่นักลงทุนสามารถติดตามราคาบิทคอยน์ได้แบบเรียลไทม์ยังช่วยให้พวกเขาทราบสถานะการลงทุนของตนเองได้อย่างชัดเจนโปร่งใสตลอดช่วงเวลาการซื้อขายส่งผลให้เกิดการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที รวมถึงทยังช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความลึกของตลาด อิทธิพลของสภาพคล่อง การลดความผันผวนของตลาดให้กับเหล่านักลงทุนด้วยเช่นกัน

การที่ ก.ล.ต. อนุมัติให้มีการซื้อขาย Spot Bitcoin ETFs ในตลาดหุ้นอย่าง the New York Stock Exchange (NYSE) และ Nasdaq ถือเป็นการดึงดูดนักลงทุนสถาบันที่คุ้นเคยกับการดำเนินงานภายใต้ขอบเขตการกำกับดูแลได้เป็นอย่างดี โดยการอนุมัติครั้งนี้ได้ผสานกฎระเบียบของตลาดการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับโลกแห่งนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งช่วยขยายการมีส่วนร่วมของสถาบันไปยังโลกคริปโตเคอร์เรนซี พร้อมสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งให้กับตลาด

การขยายตัวของ Spot ETFs ไปยังหลากหลายตลาดการเงินหลักได้ส่งเสริมให้ระบบนิเวศน์ทางการเงินระดับโลกมีความครอบคลุม หลากหลาย และแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากเมื่อภูมิทัศน์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโต การมีส่วนร่วมของสถาบันก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องและความลึกของตลาดสูงขึ้น ราคามีความเสถียรมากขึ้น ความผันผวนลดลง จนสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดให้พร้อมดึงดูดเหล่านักลงทุนให้เกิดขึ้นในระยะยาว

การมาถึงของ Spot Bitcoin ETFs ของสหรัฐฯ ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะการลงทุนทางการเงินที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมในคริปโตให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักลงทุนสถาบัน ผ่านวิธีการที่พวกเขาคุ้นเคย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ถือเป็นการวางรากฐานสำคัญสู่การพัฒนา ETFs ของสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นในอนาคต รวมถึง Spot ที่มีศักยภาพและ future-based Etheruem ETFs ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่สถาบันการเงินต้องปรับตัวให้เข้ากับไดนามิกของภูมิทัศน์ทางการเงินที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วให้ทันต่อไป

1 มีนาคม 2024

 เนื่องในวันการกุศลสากล Binance Charity หรือหน่วยงานการกุศลของ Binance ผู้นำบล็อกเชนอีโคซิสเต็ม (Blockchain Ecosystem) ระดับโลก ได้เผยผลสำรวจล่าสุดจากผู้คนกว่า 1,126 ราย ที่มาจากตัวแทนของผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Binance และสาธารณชนในวงกว้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบของการบริจาคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อเป็นแนวทางให้กับ Binance Charity ในการริเริ่มสิ่งใหม่ที่สอดคล้องกับความคิดเห็นและความต้องการของสาธารณชนในด้านการกุศลได้ดียิ่งขึ้น

ประเด็นสำคัญจากผลสำรวจ

● ถึงแม้ว่าการบริจาคด้วยวิธีดั้งเดิม อย่างเช่น การใช้เงินสด เช็ค และบัตรเครดิต จะยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็น 43% ของผู้ตอบแบบสอบถาม แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนอีก 32% ได้ให้คำตอบว่าพวกเขาชื่นชอบที่จะทำการกุศลด้วยการบริจาคเหรียญคริปโตมากกว่า

● การสำรวจยังเผยให้เห็นถึงรากฐานอันแข็งแกร่งของการบริจาคและการทำการกุศลด้วยคริปโต เพราะถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่กว่า 71% จะยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการบริจาคสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการกุศล อย่างไรก็ตาม อีกกว่า 29% ของผู้ตอบแบบสอบถามนั้นได้เริ่มนำแนวทางใหม่ในการบริจาคมาใช้แล้ว

· ผู้ตอบแบบสอบถามได้ชี้ให้เห็นถึง 3 จุดแข็งหลักของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทำให้คริปโตได้รับความนิยมยิ่งขึ้น โดยกว่า 37% ได้กล่าวชมความสามารถในด้านความโปร่งใส 32% ชื่นชอบประสิทธิภาพต่างๆ ซึ่งรวมถึงความคุ้มค่าของเหรียญคริปโต นอกจากนี้กว่า 28% ได้มองเห็นความสามารถอันแสนเฉพาะตัวของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มอบความเชื่อมั่นให้กับผู้บริจาค เนื่องจากพวกเขาสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้ด้วยตนเองอีกด้วย

● ผลการสำรวจของ Binance Charity ยังได้เผยให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้คนในการเลือกสนับสนุนกองทุนการกุศลต่างๆ ดังนี้

o ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ: ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 27% ยืนยันอย่างชัดเจนว่าการมีจริยธรรมและการรายงานแบบเปิดถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่สามารถสร้างความเชื่อใจให้กับผู้บริจาคได้

o วัตถุประสงค์ขององค์กรการกุศล: เกือบ 26% ของผู้ตอบแบบสอบถามร่วมบริจาคเพราะพันธกิจขององค์กร ซึ่งสิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนนั้นมีพลังในการดึงดูดผู้คนได้อย่างมหาศาล

o ผลกระทบทางสังคม: ผู้คนกว่า 18% ให้ความสนใจในด้านผลประโยชน์ที่สังคมจะได้รับ ซึ่งข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเช่นทุกวันนี้

● เมื่อลงรายละเอียดถึงประเภทองค์กรการกุศลที่ผู้คนให้ความสนใจ ผลสำรวจได้ชี้ให้เห็นว่า

o การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม: 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามตระหนักถึงความสำคัญของการมอบความช่วยเหลือให้กับผู้คนที่ประสบภัยได้อย่างทันท่วงทีใน

o การศึกษา: 20% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีความปรารถนาที่จะช่วยยกระดับสังคมผ่านการให้ความรู้และการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส

o ด้านสุขภาพ: 19% เล็งเห็นถึงการมอบโอกาสทางสุขภาพเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการสนับสนุนด้านการศึกษา

· นอกจากนี้ ผลสำรวจยังได้แสดงให้เห็นถึงระดับการมีส่วนร่วมของสาธารณชนในด้านการกุศล โดยพบว่าผู้คนส่วนใหญ่กว่า 51% จะเข้าร่วมงานการกุศลเมื่อมีเวลาและทรัพยากรที่เอื้ออำนวย ในขณะที่ อีกกว่า 20% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่าพวกเขามีความมุ่งมั่นและแสวงหาโอกาสที่จะมอบความช่วยเหลือให้กับผู้ด้อยโอกาสอย่างสม่ำเสมอ

องค์กรการกุศล Binance Charity กับการขับเคลื่อนและส่งต่อพลังอันดีให้กับโลกใบนี้

ผลสำรวจของ Binance Charity ได้แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของการบริจาคเพื่อการกุศล ซึ่งสะท้อนถึงกระแสของการนำ คริปโตมาใช้ในบริจาคเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เป็นแหล่งอ้างอิงในการริเริ่มสิ่งใหม่ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่โลกใบนี้ ซึ่ง Binance Charity จะพยายามนำความสามารถของเทคโนโลยีบล็อกเชนมาพัฒนาและสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านการทำการกุศล ทั้งในด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภาวะฉุกเฉิน การสนับสนุนด้านการศึกษา ไปจนถึงการพัฒนาด้านสาธารณสุข

ที่ผ่านมา Binance ได้บริจาคเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศยูเครน พร้อมทั้งยังได้เปิดตัวบัตร Binance Refugee Card เพื่อให้การโอนเงินอย่างเร่งด่วนไปยังผู้ที่ต้องการเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ถูก และปลอดภัย นอกจากนี้ Binance ยังได้บริจาคเงินโดยตรงกว่า 5 ล้านดอลลาร์ให้กับเหยื่อที่เผชิญเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศตุรกีเพื่อช่วยบรรเทาความสูญเสียให้กับเหยื่อเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ Binance Charity ยังได้ริเริ่มโครงการด้านการศึกษา ด้วยการสนับสนุนของ Binance Academy รวมถึงสถาบันการศึกษาและสถาบันอาชีวศึกษาชั้นนำ อย่าง Women in Tech และ Utiva เพื่อมอบทุนการศึกษาด้านเทคโนโลยีและบล็อกเชน รวมถึงการส่งเสริมผู้หญิงในอุตสาหกรรมคริปโตเพื่อช่วยลดช่องว่างที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมามีผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการดังกล่าวกว่า 57,000 คนจาก 5 ทวีปทั่วโลก

ไม่เพียงเท่านั้น Binance Charity ยังได้บริจาคเงินกว่า 5.7 ล้านดอลลาร์ผ่านแคมเปญ Crypto Against Covid ในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ผ่านการส่งมอบชุด PPE จำนวนกว่า 2 ล้านชุดและวัคซีนอีกกว่า 500,000 ยูนิตทั่วโลก

Binance Charity ถือเป็นผู้บุกเบิกในด้านการบริจาคคริปโตเพื่อการกุศล พร้อมส่งเสริมและผลักดันให้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรทั่วโลกยอมรับการบริจาคโดยคริปโตผ่านการใช้งาน Binance Pay หรือ แอปพลิเคชัน DeFi Wallet

 Binance ผู้นำบล็อกเชนอีโคซิสเต็ม (Blockchain Ecosystem) และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศแต่งตั้ง นางสาว คริสเทน เฮกท์ (Kristen Hecht) อดีตประธานฝ่ายกำกับดูแลองค์กรระดับโลก ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานและประธานเจ้าหน้าที่การรายงานการฟอกเงินระดับโลกของ Binance

ทั้งนี้ ก่อนร่วมงานกับ Binance คริสเทน ได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานมานานกว่า 17 ปี ทั้งการเป็นที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายให้กับสำนักงานต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการตรวจจับการทุจริตของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กว่าทศวรรษ ตามด้วยการดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายกำกับดูแลอาชญากรรมทางการเงินของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ (HSBC) ประจำประเทศจีน โดยมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติตามกฎระเบียบช่วงการผัดผ่อนการฟ้องคดีอาญาของบริษัท รวมถึงดูแลและควบคุมการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน หลังจากนั้น คริสเทน ได้เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารของบริษัท Novi Financial เพื่อดูแลโครงการนำร่องกระเป๋าเงินคริปโตดิจิตอลแห่งแรกของ Meta อีกด้วย

ในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของ Binance คริสเทนจะทำงานขึ้นตรงกับ โนอาห์ เพิร์ลแมน (Noah Perlman) ประธานเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงาน เพื่อสานต่อการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการ

ปฏิบัติตามกฎระเบียบในอุตสาหกรรม รวมถึงการรักษานโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่การรายงานการฟอกเงินระดับโลกของ Binance คริสเทน จะกำกับดูแลเจ้าหน้าที่รายงานการฟอกเงินทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค พร้อมสนับสนุนเครื่องมือที่จำเป็นในการจัดการความเสี่ยง และส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อกำหนดของเขตอำนาจศาลและแนวทางปฏิบัติสากล เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอาชญากรรมทางการเงินต่อไป

นอกจากนี้ คริสเทน ยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะเร่งทำงานเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล องค์กรระหว่างรัฐบาล และหน่วยงานในอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลการปฏิบัติงานที่ดีที่สุด พร้อมร่วมมือกับเหล่าทีมผู้บริหารของ Binance เพื่อดำเนินการปกป้องผู้ใช้และปฏิบัติตามข้อกำกับอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเดินหน้าพิชิตเป้าหมายระยะยาวในการควบคุมอาชญากรรมทางการเงินผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดยร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลในอุตสาหกรรมและพันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อถือได้

นางสาว คริสเทน เฮกท์ (Kristen Hecht) กล่าวว่า "ก่อนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมนี้ ฉันได้เห็นถึงการปฏิวัติของบล็อกเชนที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีการถ่ายโอนสินทรัพย์ไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านความเปิดกว้างและความโปร่งใสที่มากขึ้น ความสะดวกในการเข้าถึงบุคคลและธุรกิจ ซึ่งฉันเข้าใจดีว่าสินทรัพย์ดิจิทัลต้องเผชิญความเสี่ยงจากการโจรกรรมบ่อยครั้งเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมใหม่อื่นๆ ดังนั้น ฉันจึงพร้อมที่จะนำความสามารถที่มีมาใช้เพื่อพัฒนาการกำกับดูแลการปฏิบัติงานตามข้อกำหนด พร้อมปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยฉันหวังว่าจะสามารถสร้างความตระหนักรู้ด้านกฎระเบียบแก่พันธมิตรและผู้เล่นในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความไว้วางใจ และส่งเสริมการทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้”

นาย โนอาห์ เพิร์ลแมน (Noah Perlman) ประธานเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของ Binance กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคริสเทนสู่บทบาทใหม่ เพื่อร่วมส่งเสริมแนวทางการกำกับดูแลการปฏิบัติงานทั่วโลกของ Binance พร้อมพัฒนาแนวทางเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนากฎระเบียบและความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยการที่คริสเทนเข้าใจถึงความสำคัญของการทำงานกับรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศจะทำให้เกิดความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม รวมถึงการต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงินในระบบนิเวศอย่างยั่งยืน”

 Binance Academy ศูนย์การเรียนรู้แบบเปิดกว้างด้านบล็อกเชนและคริปโต ภายใต้การดูแลของ Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเยาวชนเริ่มสนใจการศึกษาเกี่ยวกับบล็อกเชนมากขึ้น โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีอายุระหว่าง 19 - 25 ปี มากถึง 36%

ตามด้วยผู้ใช้ที่มีอายุระหว่าง 31 - 40 ปี อยู่ที่ 22% และกลุ่มอายุ 26 – 30 ปี อยู่ที่ 18%

ทั้งนี้ Binance Academy เปิดตัวครั้งแรกในปี 2561 โดยนำเสนอเนื้อหาด้านการศึกษาในรูปแบบต่างๆ แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ประกอบไปด้วย บทความ คู่มือ วิดีโอ และรายการอภิธานศัพท์ ซึ่งจำแนกไว้ตามระดับทักษะและความสนใจด้านต่างๆ เพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาด้านคริปโต เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและปรับใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย

ส่งเสริมความสนใจด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนในคนรุ่นใหม่

ผู้คนเริ่มตระหนักถึงศักยภาพและกรณีการใช้งานของเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ โดยหลักสูตรของ Binance Academy ได้รับความสนใจและมีจำนวนการเข้าใช้งานสูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ประกอบไปด้วยหลักสูตร ‘Introduction to Blockchain’ ‘GameFi’ และ ‘Brief history of Blockchain technology’ ทั้งนี้ความนิยมของหลักสูตรพื้นฐานและหลักสูตรเบื้องต้นของ Web3 ยังแสดงถึงการยอมรับในเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้นอีกด้วย

โดยองค์กรที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยรายงาน “Time for trust” ของ PwC1 เผยว่า ภายในปี 2573 เทคโนโลยีบล็อกเชนจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพ

และสร้างงานได้มากถึง 40 ล้านตำแหน่งทั่วโลก เนื่องจากความต้องการผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคริปโตและบล็อกเชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ จากการรวบรวมแบบประเมินทักษะกว่า 200,000 รายการของ DevSkiller2 ในปีที่ผ่านมา ยังได้แสดงให้เห็นว่า มีความต้องการผู้ที่มีทักษะด้านการเขียนโปรแกรมบล็อกเชนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 552% ด้วยเช่นกัน

จากผลการศึกษาดังกล่าว ทำให้องค์กรภาครัฐในแต่ละประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการศึกษาด้าน Web3 เพื่อส่งเสริมความรู้และขยายการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม ยกตัวอย่างเช่น รัฐอุตตรประเทศ ของประเทศอินเดีย มีการทำงานร่วมกับคณะกรรมการการศึกษาระดับมัธยมศึกษาเพื่อเพิ่มเนื้อหาด้านคริปโตเข้าไปในหลักสูตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ แก่นักเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่อนาคต ในขณะเดียวกัน เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ได้ร่วมมือกับบริษัท Web3 เพื่อส่งเสริมความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนแก่เยาวชน โดยมีการจัดสรรงบประมาณกว่า 1,330 ล้านวอน หรือ 35 ล้านบาท สำหรับโครงการริเริ่มในการสนับสนุนการศึกษาด้านบล็อกเชนให้แก่นักเรียนในเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี ดังนั้น การสร้างชุมชน Web3 ที่แข็งแกร่งจะช่วยส่งเสริมระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบ่มเพาะเยาวชนและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Web3 เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และการเติบโตของอุตสาหกรรมต่อไป

ศึกษาเทคโนโลยี Web3 ผ่าน Binance Academy

Binance Academy เป็นแหล่งข้อมูลด้านการศึกษาจาก Binance ผ่านเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย และไม่มีค่าใช้จ่าย โดยผู้เข้าชมมากกว่าแสนรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในสองไตรมาสแรกของปี 2566

นอกจากการเข้าถึงข้อมูลทางการศึกษาได้อย่างง่ายดายผ่านแพลตฟอร์ม Binance Academy แล้ว Binance ยังได้ขยายการศึกษา Web3 ไปสู่สถาบันท้องถิ่นอีกด้วย โดยในปีนี้ Binance Academy ได้ร่วมมือกับ Edukasyon.ph ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อมอบทุนการศึกษา ‘Binance Scholar Philippines Web 3.0’ โดยนักเรียนที่ได้รับทุนสามารถเข้าร่วมหลักสูตร Web3 ที่ประกอบไปด้วยเนื้อหาเทคนิคขั้นสูงได้

นางสาว หยี่ เหอ (Yi He) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานฝ่ายการตลาดของ Binance กล่าวว่า “Binance Academy เชื่อมั่นว่าการศึกษาเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างนวัตกรรมและส่งเสริมความก้าวหน้า เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน ผ่านการมอบองค์ความรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุด Binance มุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานและผลักดันการนำไปใช้ของเทคโนโลยี Web3 ต่อไป”

Binance ผู้นำบล็อกเชนอีโคซิสเต็ม (Blockchain Ecosystem) และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click