

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์และแฟชั่นระดับโลก โดยร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) จัดงานยิ่งใหญ่แห่งปี "Central Dolce Italia" มหกรรมที่ร่วมเฉลิมฉลองวัฒนธรรมของอิตาลี รวมที่สุดของแบรนด์และสินค้ากว่า 72 แบรนด์ ที่คัดสรรมาแล้วอย่างพิถีพิถัน นำเสนอสุดยอดแห่งแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง น้ำหอม และของตกแต่งบ้านสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ส่งตรงมาให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ช้อปสินค้า 'Made in Italy' คุณภาพเยี่ยมที่โดดเด่นด้านดีไซน์และรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ เสมือนช้อปอยู่ที่ประเทศอิตาลี
มหกรรม Central Dolce Italia ตกแต่งในคอนเซ็ปต์ "A Celebration of Italian Excellence" ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์เมืองริมทะเล พร้อมบูธในดีไซน์เรืออิตาเลียนที่บรรทุกสินค้าคุณภาพส่งตรงมาที่งาน ให้เหล่านักช้อปได้อัปเดตเทรนด์ล่าสุด และดื่มด่ำกับประสบการณ์ช้อปปิ้งสไตล์อิตาเลียนแท้ พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษ โปรโมชั่นเหนือระดับและของขวัญพรีเมียมที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งความอิตาเลียนให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาทิ การขับร้องเพลงโอเปร่าและดนตรีสดสไตล์อิตาเลียน การสาธิตทำอาหาร และเวิร์กช็อป รวมถึงโปรโมชั่นจากแบรนด์ชั้นนำเฉพาะงานนี้ และในปีนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Dolce Italia ขยายการจัดงานไปยังภูมิภาค ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ มุ่งเน้นให้กลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้าท้องถิ่น และชาวต่างชาติได้สัมผัสเสน่ห์สินค้าและแบรนด์อิตาลีอย่างใกล้ชิดไปจนถึงเดือนตุลาคม ณ ห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่ และห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต
เปาลา กีดา ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ฝ่ายส่งเสริมการค้าแห่งสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) กล่าวถึงบทบาทสำคัญของ ITA ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ "Made in Italy" ว่า "สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนมุ่งมั่นที่จะสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และเอกลักษณ์ของสินค้าอิตาลีในกลุ่มผู้บริโภคไทย การจัดงาน Central Dolce Italia ร่วมกับห้างเซ็นทรัลในปีนี้ จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันสินค้าอิตาลีให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากความสำเร็จอย่างสูงในปี 2566 เราตั้งเป้าที่จะเชื่อมโยงลูกค้าไทยกับแบรนด์อิตาลีระดับโลก กระตุ้นการจับจ่ายและสร้างประสบการณ์ที่เข้าถึงวัฒนธรรมอิตาลีอย่างแท้จริง งานในปีนี้ได้ขยายขอบเขตการนำเสนอสินค้าอิตาลีให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งในกลุ่มแฟชั่น แว่นตา เครื่องสำอาง ของตกแต่งบ้าน และไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนถึงความงดงามของงานฝีมือและนวัตกรรมอิตาเลียน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปอิตาลีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและนิยมเลือกซื้อสินค้าคุณภาพจากอิตาลี"

ธาพิดา นรพัลลภ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารสินค้าออมนิชาแนล กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัลรีเทล เผยถึงความยินดีในการสานต่อความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน ด้วยการจัดงาน Central Dolce Italia ขึ้นอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 และได้รับผลตอบรับที่ดีมาตลอดจากลูกค้า สะท้อนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของเราในการขับเคลื่อนห้างเซ็นทรัล สู่การเป็นแฟชั่นเดสติเนชั่นระดับโลก งานนี้ไม่เพียงแต่รวบรวมที่สุดของแบรนด์อิตาลีและประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ยังตอกย้ำบทบาทของเราในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีก ที่มีส่วนผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Global Shopping Destination ผ่านการสร้างสรรค์ประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ ที่ผสานศิลปะ นวัตกรรม และวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะพลังของ 'แบรนด์อิตาเลียน' ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ความหรูหรา งานฝีมือ และการใส่ใจในรายละเอียด มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างให้กับห้างเซ็นทรัล"
“ระหว่างปี 2021–2024 การนำเข้าสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังจากอิตาลีเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 45.7% ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้ามองหาสินค้าที่มีเอกลักษณ์และรสนิยม ไม่เพียงชื่อเสียงของแบรนด์ แต่รวมถึงเรื่องราว ความเป็นมา คุณภาพวัสดุ และงานฝีมือที่สะท้อนตัวตน ห้างเซ็นทรัลจึงพิถีพิถันคัดสรรแบรนด์อิตาลีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการสินค้าพรีเมียมของลูกค้าอย่างรอบด้าน ในปีที่ผ่านมา (2024) เราได้ต่อยอดความแข็งแกร่งของพอร์ตแบรนด์อิตาเลียนให้เติบโตมากถึง 79% ด้วยการเสริมทัพแบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลก อาทิ Miu Miu, Gucci, Bvlgari, Prada และ Fendi ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น พร้อมยกระดับความร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ITA) ด้วยการเปิดตัว 5 แบรนด์ใหม่วางขายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ได้แก่ Manebi, Mauna-Kea, Prosperine, Arcadia และ Iuri ซึ่งสะท้อนพลังของพันธมิตรและความมุ่งมั่นร่วมกันในการมอบประสบการณ์อิตาเลียนแท้ให้กับลูกค้าชาวไทย การเสริมทัพครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มความหลากหลายของสินค้า แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้าอิตาลีให้เติบโต ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มลักซ์ชัวรีโดยตรง เราเชื่อมั่นว่า Central Dolce Italia ซึ่งรวบรวมทั้งแบรนด์ระดับโลกและบูทีคแบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Made in Italy ไว้ในที่เดียว จะมอบโอกาสให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสเสน่ห์และความประทับใจของประสบการณ์อิตาลีอย่างแท้จริง” ธาพิดา กล่าวเสริม
ภายในงาน พบกับการรวมตัวของแบรนด์อิตาเลียนครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่แฟชั่น บิวตี้ และของตกแต่งบ้าน โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
พลาดไม่ได้ในวันที่ 3 ก.ย. กับแฟชั่นโชว์จากแบรนด์ Barrow, C.P. Company, Diesel, Emilio Pucci, Emporio Armani, Emporio Armani Junior, Missoni, Moschino Kids, Pierre-Louis Mascia, Versace Kids, Weekend MaxMara และเมคอัพจากแบรนด์ Armani Beauty และ Gucci Beauty สัมผัสประสบการณ์ภายในงานด้วยไวน์รสเลิศจาก Tops Wine Cellar, Malfy Gin จากอิตาลี และกาแฟสกัดเย็นเสิร์ฟโดย De’Longhi
เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งเวิร์กช็อป งานคราฟท์ อาหาร ไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมสุดพิเศษ A TASTE OF LA DOLCE VITA ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรก! ณ Luxe Galerie ห้างเซ็นทรัลชิดลม ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 3 ถึง 7 กันยายน 2025 มาร่วมเปิดประสบการณ์แห่งรสชาติอิตาเลียนในบรรยากาศสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ ให้เหล่านักช้อปร่วมดื่มด่ำรสชาติแห่งอิตาลีในบรรยากาศสุดหรู และเพลิดเพลินกับการชิมไวน์และเครื่องดื่มชั้นเลิศจากอิตาลี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดงาน และพลาดไม่ได้กับ Mozza Aperitivo Happy Hour ที่พร้อมเสิร์ฟความสดชื่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอิตาลีให้ได้ลิ้มลอง ตั้งแต่เวลา 17:00 – 20:00 น. และสัมผัสเมนู Italiano Americano จาก %Arabica Bar ที่รังสรรค์พิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น พร้อมเสิร์ฟให้ได้ลิ้มลองตั้งแต่เวลา 17:00 – 22:00 น. และตลอดเดือนกันยายนนี้ เตรียมพบกับประสบการณ์สุดพิเศษที่ผสานแฟชั่น ความงาม ไลฟ์สไตล์ และรสชาติระดับสากลไว้ในที่เดียว ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม หลากหลายกิจกรรมรอให้คุณมาสัมผัส ตั้งแต่เวิร์กช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ การแสดงดนตรีสด ไปจนถึงเมนูและบริการพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเลือกสรรสินค้าอิตาลีคุณภาพเยี่ยม พร้อมอัปเดตเทรนด์แฟชั่นล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำ และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสุดพิเศษที่จัดเต็มทั้งความสนุกและความหรูหรา ในงาน Central Dolce Italia ซึ่งจะจัดขึ้นใน 3 พื้นที่หลักทั่วประเทศ เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม ระหว่างวันที่ 3 - 30 กันยายน 2568 ต่อด้วยกิจกรรม Dolce Italia ที่ภาคเหนือ ณ ห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 10 - 16 ตุลาคม 2568 และปิดท้ายที่ ห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 24 - 31 ตุลาคม 2568
พิเศษ! เมื่อช้อปสินค้าแบรนด์อิตาเลียนที่ร่วมรายการภายในงานครบ 10,000 บาท หรือตามเงื่อนไขที่กำหนด รับทันที แก้วกาแฟเอสเปรสโซคัพเซตสุดพรีเมียม หรือช้อปครบ 5,000 บาท รับกระเป๋า Dolce Italia เป็นของสมนาคุณพิเศษเพื่อเติมเต็มบรรยากาศสไตล์อิตาเลียนให้ครบทุกอรรถรส ระหว่างวันที่ 3 กันยายน - 31 ตุลาคม 2568 พร้อมช้อปสะดวกผ่านทุกช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น CENTRAL APP, เว็บไซต์ www.central.co.th, ช้อปผ่านบริการ Central Chat & Shop บนแพลตฟอร์ม Line @centralofficial, รวมถึงช้อปผ่าน Central Facebook Live และ Facebook Inbox ที่ facebook.com/CentralDepartmentStore
ไฮไลต์กิจกรรมพิเศษตลอดทั้งเดือนกันยายน ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม
เพาเวอร์บาย ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล กางแผนงานไตรมาสแรกปี 68 ดึงมาตรการ "Easy E-Receipt 2.0” เป็นจุดขายหลักมัดใจผู้บริโภค ชูจุดเด่นช้อปง่าย-ลดหย่อนภาษีได้ทุกช่องทาง ทั้งหน้าร้านเพาเวอร์บาย และออนไลน์ พร้อมจัดเต็มกับแคมเปญ “เฮงรับปีมะเส็ง” แจกทอง และคูปองส่วนลด รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท ช้อปคุ้มตั้งแต่วันนี้ – 5 มีนาคมนี้ มั่นใจแคมเปญการตลาดที่เตรียมไว้จะช่วยสร้างบรรยากาศการช้อปปิ้งให้กับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

นายสุวิณ โกษีอํานวย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “บรรยากาศการจับจ่ายของผู้บริโภคช่วงต้นปี 2568 นี้ มีแนวโน้มคึกคักต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะยาวจนถึงช่วงมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 คาบเกี่ยวไปยังเทศกาลตรุษจีน และวาเลนไทน์ สำหรับปีนี้ เพาเวอร์บาย ยังคงขานรับนโยบายรัฐบาลเข้าร่วมโครงการ "Easy E-Receipt 2.0" เพื่อสร้างดีมานด์ปลุกกำลังซื้อ และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสแรก พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าร่วมโครงการได้ทุกช่องทาง ทั้งร้านเพาเวอร์บายทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน นอกจากนี้เรายังเตรียมแคมเปญพิเศษต้อนรับตรุษจีน “เฮงรับปีมะเส็ง” ไว้เอาใจผู้บริโภคด้วยส่วนลด โปรโมชั่น และสิทธิพิเศษมากมากมาย
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2567 มาตรการ Easy E-Receipt เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างแรงขับเคลื่อนให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและมือถือไทยเติบโตอย่างชัดเจน ส่งผลให้มูลค่าการจับจ่ายในช่วง 2 เดือนแรกรวมกว่า 40,000 ล้านบาท สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ มือถือ, แอร์, ทีวี, ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า โดยพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเข้าร่วมโครงการสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ ในขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวยังเป็นแรงหนุนดันยอดขาย “เพาเวอร์บาย” เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566 โดยมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อใบเสร็จราว 15,000 บาท”

ไม่เพียงเท่านี้ เพาเวอร์บาย ยังคงเดินหน้าดันยอดขายอย่างต่อเนื่อง จัดแคมเปญ “เฮงรับปีมะเส็ง” ตั้งแต่วันนี้ – 5 มีนาคม 2568 พบโปรโมชั่นสุดเฮง ได้แก่
“เพาเวอร์บาย คาดว่ามาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ในปีนี้จะได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ผสานกับโปรโมชันที่ครอบคลุมทุกช่องทางจะช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่คุ้มค่า พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่” นายสุวิณ กล่าวปิดท้าย
กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมมือกับ The 1 ผู้นำ Digital Lifestyle และ Loyalty Platform อันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล เปิดตัว The 1 EXPAT โปรแกรมสมาชิกบน The 1 APP ที่จะสร้างประสบการณ์การช้อปเหนือระดับสำหรับชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expats) โดยมอบสิทธิพิเศษและประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร รวมทั้งสร้าง Expat Community Hub ในไทย มาพร้อมกับความสะดวกสบายสูงสุดโดยผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน (Online-to-offline) เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า Expats โดยเฉพาะ
นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าว “กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในแง่ของกำลังซื้อ ข้อมูลจาก The 1 พบว่า ในปี 2023 กว่า 65% ของกลุ่ม Skilled Expats ในไทยมีการใช้จ่ายในกลุ่มเซ็นทรัล โดยมียอดการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 2.5 เท่า และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นได้ชัดว่ากลุ่มลูกค้า Expats มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของหน่วยธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล เป็นที่มาของการเปิดตัว The 1 EXPAT โปรแกรมสมาชิกที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปเพื่อกลุ่มลูกค้า Expats โดยเฉพาะ ทั้งนี้ กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็น Shopping Destination ที่ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่ม Expats มาอย่างยาวนาน ครอบคลุมในทุกๆ ด้านของการใช้ชีวิต อีกทั้ง ความร่วมมือในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ Customer-centric ของกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในปี 2024 ที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตของกลุ่มลูกค้า Expats ซึ่งเป็นหนึ่งใน Key focus และมุ่งหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับ Expat Community ในประเทศไทย”
เดินหน้าสู่ Expat Community Hub ชั้นนำของไทย
ด้วยวิสัยทัศน์ของ The 1 EXPAT ที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การมอบสิทธิประโยชน์ แต่ยังพร้อมที่จะเป็นหนึ่งใน Expat Community Hub (ศูนย์กลางชุมชนของชาวต่างชาติ) ชั้นนำในประเทศไทย The 1 EXPAT มาพร้อมกับกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสำหรับสมาชิกคนสำคัญและการเฉลิมฉลองในเทศกาลนานาชาติต่างๆ ตลอดทั้งปี พร้อมมอบประสบการณ์การช้อปอย่างเต็มรูปแบบและร่วมฉลองไปกับโอกาสพิเศษสำหรับสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมงาน Pre-Sale ล่วงหน้า โปรโมชันพิเศษต่างๆ หรือ เพลิดเพลินกับประสบการณ์การช้อปพิเศษเพื่อลูกค้ากลุ่ม Expats โดยเฉพาะ

สิทธิประโยชน์ในการช้อปที่เหนือระดับ ภายใต้ความแข็งแกร่งของกลุ่มเซ็นทรัล
The 1 EXPAT สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า Expats ได้อย่างครอบคลุม ด้วยความหลากหลายของธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล โดยมอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกได้เพลิดเพลินตลอดทั้งปี นอกจากที่ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันแล้ว สมาชิกยังได้รับสิทธิประโยชน์อีกมากมายจากแบรนด์ชั้นนำภายในกลุ่มเซ็นทรัล เช่น TOPS, Supersports, PowerBuy, B2S, CMG, Centara Hotels & Resorts, Thai Watsadu, goWow, BnB Home และ Auto1 ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้ The 1 EXPAT ยังมีแผนขยายความร่วมมือกับโรงพยาบาล สายการบิน ศูนย์สุขภาพ โรงแรม และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกด้วย
ด้วยการผนึกกำลังทั้งกลุ่มเซ็นทรัล The 1 EXPAT พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นโปรแกรมสมาชิกชั้นนำของประเทศไทย เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปที่สมบูรณ์แบบและสร้างการมีส่วนร่วมของกลุ่มลูกค้า Expats พร้อมก้าวไปสู่การเป็น Expat Community Hub ชั้นนำได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับ The 1 ลอยัลตี้แพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวนสมาชิกมากกว่า 21 ล้านราย ครอบคลุมมากกว่า 30% ของประชากรไทยทั้งประเทศ โดย The 1 มุ่งมอบประสบการณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร เพื่อมอบที่สุดแห่งความคุ้มค่าและความสะดวกสบายสูงสุดให้กับสมาชิกผ่านพันธมิตรใน Ecosystem ที่แข็งแกร่งกว่า 3,000 ราย และจุดบริการกว่า 32,000 แห่งทั่วประเทศ
นายกวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ The 1 กล่าวว่า "ในฐานะ Digital Lifestyle และ Loyalty Platform อันดับหนึ่งของไทย The 1 มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่ไร้รอยต่อและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ให้กับสมาชิก รวมไปถึงกลุ่ม Expats ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกกลุ่มสมาชิกสำคัญ เราได้ออกแบบประสบการณ์ให้ตรงความต้องการและสะดวกสบายสำหรับสมาชิกกลุ่มนี้อย่างแท้จริง โดยในปัจจุบัน เมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ The 1 EXPAT สมาชิกจะได้รับความสะดวกสบายมากมายผ่าน The 1 APP อาทิ การเช็กและแลกคะแนน เช็กโปรไฟล์ และเข้าถึงสิทธิพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่ม Expats โดยเฉพาะ และจากนี้ไป เราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดร่วมกับ The 1 EXPAT เพื่อยกระดับสิทธิประโยชน์และบริการที่ตรงใจยิ่งขึ้น"

เข้าร่วมกับ The 1 EXPAT
เมื่อเข้าร่วม The 1 EXPAT สมาชิกสามารถสะสมคะแนน The 1 จากการซื้อสินค้าจากแบรนด์และร้านค้าภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลและเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังสามารถรับความสะดวกสบายสูงสุดบน The 1 APP อาทิ แลกคะแนนเป็นคูปองแทนเงินสด ดีลสุดพิเศษจากแบรนด์ต่างๆ และบริการที่หลากหลายประเภท รวมถึงการเข้าใช้บริการในโรงแรม สถานบันเทิง โปรแกรมเสริมความงาม และอื่นๆ นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถเช็กยอดคะแนน เข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ จัดการโปรไฟล์ และดูข้อเสนอพิเศษที่คัดสรรสำหรับสมาชิก และอื่นๆ อีกมากมาย
วิธีการเป็นสมาชิก The 1 EXPAT
ห้างเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำผู้นำค้าปลีกในรูปแบบ Omni – Channel ที่ผสานทุกช่องทางการช้อปปิ้ง ทั้งห้างเซ็นทรัล 28 สาขาทั่วประเทศ, Central App, TikTok Shop Central Department Store และโซเชียลคอมเมิร์ซ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การช้อปลูกค้าที่มีความชื่นชอบแตกต่างกัน โดยล่าสุด! เดินหน้ากวาดนักช้อปศึกวันเลขคู่ จัดแคมเปญ “Central 9.9 Sale 2024” ดีเดย์วันที่ 30 ส.ค.67 - 12 ก.ย.67 ในคอนเซ็ปต์ “ช้อปพีคทุกวัน โปรปังทุกช่องทาง” ชู 3 จุดแข็งสุดพีค ได้แก่

นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “ช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีเป็นช่วงไฮซีซั่นการทำตลาดของธุรกิจค้าปลีกเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อจากลูกค้า เพราะมีทั้งเทศกาลและอีเว้นต์ต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมโปรโมชั่นที่ได้รับ ความนิยมอย่างมากจากนักช้อปไทย คือการช้อปปิ้งในช่วง 9.9 ซึ่งปีนี้ ห้างเซ็นทรัล และ Central App ได้จัดต่อเนื่องจนถึง 12.12 เริ่มต้นด้วย Central 9.9 Sale 2024 ‘ช้อปพีคทุกวัน โปรปังทุกช่องทาง’ หรือ Peak Deals Every Day มอบข้อเสนอพิเศษแจกโค้ดส่วนลดและเอ็กซ์คลูซีฟโปรโมชั่นที่หาที่ไหนไม่ได้ เพราะเป็นแบรนด์ที่มีเฉพาะห้างเซ็นทรัล อย่าง Augustinus Bader และ Officine Universelle Buly หรือบน Central App เท่านั้น เช่น Vivienne Westwood, Samo Ondoh, Mardi Mercredi, Sanrio, Muji ซึ่งยังเจาะกลุ่มเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ผ่าน KOL, KOC และอินฟูลเอ็นเซอร์ มาร่วมทำคอนเท้นต์สนุกๆ สร้างสีสันให้การช้อปปิ้งสนุกมากยิ่งขึ้น”
“จุดเด่นสำคัญที่เราต่างจากที่อื่นๆ คือ เราเป็นห้างสรรพสินค้าในรูปแบบออมนิชาแนล รีเทลเลอร์ที่มีสาขาทั่วประเทศ และมีช่องทางให้ลูกค้าเลือกช้อปครบครัน ทั้ง Central App โซเชียลคอมเมิร์ซ รวมถึง TikTok Shop ที่ตอนนี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม และได้รับการตอบรับจากแบรนด์ชั้นนำมากมายร่วมทำดีลในเชิงกลยุทธ์เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าและประสบการณ์การช้อปที่ดีที่สุด ทำให้มั่นใจได้เลยว่า โปรโมชั่นที่ลูกค้าได้รับจะมาพร้อมคุณภาพสินค้าที่การันตีแบรนด์แท้ 100% ไม่ต้องกังวลในการช้อปออนไลน์กับเรา ซึ่ง Central 9.9 Sale 2024 นี้ เราคาดว่าแคมเปญนี้ จะมียอดจับจ่ายเติบโตขึ้นมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน” รวิศรา กล่าว

สำหรับ แคมเปญ Central 9.9 Sale 2024 ช้อปพีคทุกวัน โปรปังทุกช่องทาง ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ส.ค.67 – 12 ก.ย. 67 มีสินค้าแบรนด์ชั้นนำที่เข้าร่วม อาทิ แบรนด์ DIOR, CLARINS, BOBBI BROWN, HOURGLASS, PAUL SMITH, GIORGIO ARMANI, MARDI MERCREDI, SAMO ONDOH, NIKE, DIESEL, PANDORA, MARKS & SPENCER, PASAYA, GARMIN, SMIGGLE, AMERICAN TOURISTER, DELONGHI, DYSON พร้อมโปรสุดพีคมากมาย อาทิ

เตรียมช้อปสุดพีคใน Central 9.9 Sale 2024 ที่ห้างเซ็นทรัล, Central App และทุกช่องทางช้อปของห้างฯ พร้อมร่วมทำคอนเท้นต์ร่วมกับห้างเซ็นทรัลและอินฟลูเอนเซอร์มากมาย แล้วติดแฮชแทกสนุกๆที่ #Central99Sale2024 #CentralDepartmentStore #CentralApp #PeakDealsEveryDay #ช้อปพีคทุกวันโปรปังทุกช่องทาง
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง ประกาศความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ผ่านการร่วมมือกับ Alipay+ (อาลีเพย์พลัส) โซลูชันการชำระเงินข้ามพรมแดน และการตลาดดิจิทัล ที่ดำเนินการโดย Ant International (แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล) ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในเครือของเซ็นทรัล รีเทล จำนวนการทำธุรกรรมผ่านพาร์ทเนอร์อื่น ๆ ของ Alipay+ นั้นก็เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 โดยลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดที่มาจากประเทศ ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ มีการชำระเงินผ่าน AlipayHK, Touch ‘n Go eWallet, GCash และ Kakao Pay ตามลำดับ

เซ็นทรัล รีเทล เริ่มให้บริการรับชำระเงินผ่าน Alipay แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนตั้งแต่ปี 2558 และต่อมาได้ขยายความร่วมมือกับ Alipay+ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2566 เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่นิยมชำระเงินแบบดิจิทัล โดยรองรับการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือระหว่างประเทศจาก 13 ประเทศทั่วโลก ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้ากว่า 3,000 แห่งในเครือเซ็นทรัล รีเทล
นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ, รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราต้องการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งเหนือระดับให้กับลูกค้าทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งมีพฤติกรรมการชำระเงินที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามเทรนด์ดิจิทัล โดยความร่วมมือกับ Alipay+ ผู้นำด้านการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมในการสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ที่นิยมมาเที่ยวในประเทศไทย พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ว่าทุกธุรกรรมชำระเงินที่ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าในเครือของเซ็นทรัล รีเทล มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย”
เซ็นทรัล รีเทล มุ่งยกระดับนวัตกรรมค้าปลีกและค้าส่งด้วยการเข้าร่วมกับ Amazing Thailand e-card โปรแกรมสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่ง Alipay+ ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Amazing Thailand e-card จะช่วยให้เซ็นทรัล รีเทล เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน เป็นการเพิ่มการมองเห็นของร้านค้า พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษ และกิจกรรมที่ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น โดยจะเริ่มจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ให้บริการผ่าน Alipay ก่อน แล้วจึงขยายไปยังผู้ใช้งาน Alipay+ ในประเทศอื่น ๆ ต่อไป

Amazing Thailand บนแอป Alipay เพื่อนักท่องเที่ยวชาวจีน
“เซ็นทรัล รีเทล ได้ขยายความร่วมมือกับ Alipay+ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทยในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี โดยมุ่งเน้นการทำการตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวโดยตรงผ่าน e-wallet พร้อมนำเสนอแคมเปญที่ตรงใจผู้ใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากห้างสรรพสินค้าและร้านค้าในเครือของเซ็นทรัล รีเทล เป็นหนึ่งในสถานที่ช้อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบ และด้วย Amazing Thailand e-card ใหม่ รวมถึงแคมเปญที่เราร่วมดำเนินการกับ Alipay+ อยู่ เช่น แคมเปญสำหรับ Golden week ที่กำลังจะมาถึง เราพร้อมนำเสนอแคมเปญที่น่าตื่นเต้นสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเราจะมุ่งมั่นพัฒนาระบบรับชำระเงิน และกิจกรรมทางการตลาดในแอปของเราต่อไป เพื่อเข้าถึงนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่น ๆ ให้ได้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยการมอบสิทธิพิเศษที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนมากขึ้น และกระตุ้นการเติบโตของร้านค้าในห้างร้านของเรา” นางสาวปิยวรรณ กล่าวเพิ่มเติม
ด้วยเครือข่ายห้างสรรพสินค้าและร้านค้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศของเซ็นทรัล รีเทล ผู้ใช้งาน e-wallet ที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ Alipay+ จึงชำระเงินได้อย่างสะดวกและรวดเร็วทั่วไทย โดย 3 จังหวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้จ่ายในร้านค้าของเครือเซ็นทรัล รีเทล มากที่สุดในปีนี้ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ทั้งนี้การช้อปปิ้งยังคงเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่การจับจ่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตถือเป็นหมวดที่เติบโตสูงสุด เห็นได้จากยอดขายของท็อปส์ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นกว่า 4 เท่า ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 โดยปัจจุบันนอกจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสันแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ยังให้บริการชำระเงินผ่าน Alipay+ ในร้านค้าอื่น ๆ ในเครือด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซูเปอร์สปอร์ต, ท็อปส์, เพาเวอร์บาย, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ท็อปส์วีต้า, มัทสึคิโยะ และมูจิ อีกด้วย
นายสิทธิพงษ์ กิตติประภาพงศ์, ผู้จัดการทั่วไป ด้าน Global Merchant Partnership ประจำประเทศไทย, Ant International กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และเซ็นทรัลรีเทล ถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของไทยที่มีร้านค้ายอดนิยมของนักท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ นับตั้งแต่เริ่มความร่วมมือกับเซ็นทรัล รีเทล เพื่อรองรับระบบชำระเงินระหว่างประเทศผ่าน เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่าความร่วมมือของเรากับเซ็นทรัล รีเทล ประสบความสำเร็จ ทำให้มีคนมาใช้บริการจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้น ทั้งในร้านค้าหลายประเภท และในหลายเมืองใหญ่ แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชอบจ่ายเงินผ่านแอปที่ตัวเองคุ้นเคยตอนมาเที่ยวประเทศไทย การเปิดตัว Alipay+ D-hub และบัตร Amazing Thailand e-card เมื่อไม่นานมานี้ คือความตั้งใจช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยว นวัตกรรมค้าปลีก รวมไปถึงพาร์ทเนอร์อื่น ๆ ในประเทศ และเราก็มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลยกระดับธุรกิจท่องเที่ยว และประสบการณ์ท่องเที่ยวในไทยให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง”
เซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับ Alipay+ จัดโปรโมชั่นและดีลสุดพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นบัตร Amazing Thailand Card, แคมเปญหน้าร้อน และ Golden Week (กรกฎาคม-ตุลาคม 2567) และโปรโมชั่นช่วงสิ้นปี (ธันวาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568)
โปรโมชั่นพิเศษเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและส่งเสริมการจับจ่ายที่ร้านค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งของเซ็นทรัล รีเทล ให้มั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น