มูลนิธิซิตี้ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย (คีนัน) และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ร่วมปั้นโครงการ
ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดตัวซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์ เต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าเดอะคริสตัล วีรันดา เป็นธนาคารสาขาไร้เงินสด ศูนย์รวมบริการธนาคารดิจิทัลทั้ งด้านการเงิน และการลงทุน
ดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า “ซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์” ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการด้านการบริหารการลงทุนและเสริมสร้าง ความมั่งคั่งเป็นหลัก รองรับการให้บริการกลุ่มลูกค้าซิตี้โกลด์โดยเฉพาะ และจากความสำเร็จในการพัฒนาการให้บริการผ่านทางรูปแบบดิจิทัล “ซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์” จึงได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนรูปแ บบการบริหารจัดการไปจากซิตี้แบงก์สาขาทั่วไป ที่จากเดิมให้บริการฝาก ถอน และแนะนำการลงทุนผ่านเคาน์เตอร์ มาเป็นการเน้นให้บริการในรูปแบบ นวัตกรรมดิจิทัลมากขึ้น โดยจะเป็นธนาคารสาขาไร้เงินสดที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมและให้คำปรึกษาการลงทุน การรับฝากหรือให้บริการถอนเงินสดลูกค้าสามารถทำได้โดยใช้บริการ ฝากและถอนเงินได้จากเครื่องอัตโนมัติทั้ง ATM และ CDM ที่ตั้งอยู่ภายในสาขา
ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมบริการดิจิทัลเพื่อการลงทุน อาทิ ระบบโทเทิล เวลท์ แอดไวเซอร์ เครื่องมือวางแผนทางการเงินตามเป้าหมาย ที่ให้ลูกค้าสามารถตั้งเป้าหมาย ทางการลงทุนให้ตรงกับความต้องการสูงสุด และช่วยจัด และวิเคราะห์พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงมี ระบบซิตี้ ฟันด์ เอ็กซ์พลอเรอร์ ระบบประเมินผลการดำเนินงาน และราคาย้อนหลังของกองทุนแต่ละตัว ซึ่งจะให้มุมมองด้านการลงทุนข องลูกค้าแบบองค์รวม รวมไปถึงการให้บริการธุรกรรมผ่านทางวิดี โอคอล ภายใต้แอพพลิเคชั่นของซิตี้ แบงก์ ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่นี้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมที่มีความปลอดภัยได้ แบบเรียลไทม์พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้อีกด้วย
ที่ซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์นี้ จะพลิกโฉมพนักงานประจำเคาน์เตอร์ในธนาคาร ให้เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำใน การจัดพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นแบบการปรับตัวครั้งใหญ่ของธนาคารในประเทศไทยจากแนวโน้มพฤติกรรมการใช้บริการในสาขาลดลง โดยปัจจุบันการคัดเลือกที่ปรึกษาด้านการลงทุนของธนาคารซิตี้แบงก์ จะต้องผ่านมาตรฐานการมีความรู้ ความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง โดยธนาคารซิตี้แบงก์ร่วมมือกับสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลก จัดตั้ง Citi Wharton Global Wealth Institute เพื่อพัฒนาที่ปรึกษาด้านการลงทุนของธนาคารฯ ทั้งนี้ ซิตี้ยังมีบทวิเคราะห์ ทางเศรษฐกิจและข้อมูลเชิงลึกในการลงทุนทั่วโลกเพื่อให้ คำแนะนำด้านการลงทุนแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด
ดอนคาดว่า “ซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์” จะสามารถ อำนวยสะดวกสบายให้กับกลุ่ มลูกค้าซิตี้โกลด์มากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนและผู้ใช้บริการย่านกรุงเทพฝั่งตะวันออกและละแวกใกล้เคียง
วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ในปี 2560 ซิตี้แบงก์มีการปรับปรุงธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) รวมถึงเปิดตัวแคมเปญ Citigold Wealth on Your Terms ซึ่งจะเหมาะกับการลงทุนของแต่ละบุคคล โดยมี Total Wealth Advisor ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริการวางแผนการลงทุนตลอดจนติดตามผลการลงทุนให้กับผู้ลงทุน
นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำถึงประสบการณ์ของลูกค้าที่จะมีได้รับจากบริการของซิตี้โกลด์ จึงมีการเปิดตัวแคมเปญการสื่อสารใหม่ ภายใต้แนวคิด “Wealth on Your Terms” ได้แก่ Travelling the World, Securing A Bright Future และ Pursuing Your Passion เป็นแคมเปญที่ทางซิติ้แบงก์ ทั่วเอเชียแปซิฟิกนำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการให้แก่กลุ่มลูกค้า High Net Worth investor (HNW) โดยแคมเปญนี้จะสะท้อนถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์การลงทุน การบริการตลอดจนเครื่องมือดิจิทัลต่างๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผน เป้าหมายการลงทุนตามความต้องการ ที่หลากหลายของแต่ละบุคคล พร้อมทั้งการนำเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ทั้งด้านการเดินทางและไลฟ์สไตล์ ให้แก่ลูกค้าอีกด้วย เช่น การได้รับสิทธิเป็นสมาชิก Marriott Club Member หรือการรับบริการรถลิมูซีนในการเดินทางเส้นทางยุโรป เป็นต้น
ปัจจุบัน ซิตี้แบงก์ มีบริการภายใต้กลุ่มงานการบริหารความมั่งคั่งหรือ Wealth Management ให้แก่ลูกค้านักลงทุน 2 กลุ่ม ได้แก่ ซิตี้ไพรออริตี้ เป็นลูกค้าที่มีสินทรัพย์กับธนาคารตั้งแต่ 1 ล้านบาท ถึง 5 ล้านบาท และ ซิตี้โกลด์ เป็นลูกค้า High Net Worth ที่มีสินทรัพย์กับธนาคารตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้จากแนวการขยายฐานลูกค้าดังกล่าว ซิตี้แบงก์ตั้งเป้าหมาย จะสามารถเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าในกลุ่มซิตี้โกลด์มากขึ้นกว่า 40% ในปี พ.ศ. 2560 อีกทั้งยังตั้งเป้าเติบโต เป็น 2 เท่า ในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งจากแผนการรุกตลาดในกลุ่มนัก ลงทุนระดับสูงคาดว่าจะทำเงินลงทุนสุทธิ และสินทรัพย์ภาพใต้การจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในปี พ.ศ. 2563