December 05, 2025

ปัญหามลพิษทางอากาศกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของผู้คนในเขตเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่ระดับฝุ่น PM2.5 มักสูงเกินค่ามาตรฐานอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต และสภาพแวดล้อมโดยรวมของทุกคนในเมือง

การจัดการกับปัญหามลภาวะทางอากาศจำเป็นต้องอาศัยวิธีการที่เห็นผลได้จริง ที่นอกจากจะสามารถลดมลพิษได้แล้ว ยังต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมด้วย บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและผู้ให้บริการโซลูชันสีเขียวอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย IoT ได้นำความเชี่ยวชาญมาพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์ พร้อมแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ต้องเผชิญร่วมกัน

 

นายเคอร์ติส คู ผู้อำนวยการธุรกิจประจำประเทศไทยของเดลต้า ประเทศไทย กล่าว “มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อพวกเราทุกคน อย่างไรก็ตามด้วยความร่วมมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสม เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านการพัฒนาโซลูชันที่ช่วยยกระดับคุณภาพอากาศและคุณภาพชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมา ระบบคุณภาพอากาศภายในอาคารของเดลต้าหรือ Delta Indoor Air Quality (IAQ) ได้รับการติดตั้งในครัวเรือนหลายแห่งทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพอากาศให้กับหลายครอบครัวอย่างมีนัยสำคัญ”

ความอันตรายของฝุ่น PM2.5: ทำไมอากาศสะอาดจึงเป็นเรื่องที่รอไม่ได้

อนุภาคฝุ่น PM2.5 เป็นภัยอย่างมากต่อสุขภาพของทุกคน เพราะมีขนาดเล็กจนสามารถแทรกซึมลึกเข้าไปในปอดได้ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของผู้คน 7 ล้านคนต่อปี และประชากรโลกถึง 92% อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานของ WHO

สำหรับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ รายงานล่าสุดของศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครพบว่า ระดับฝุ่น PM2.5 มักสูงเกินค่าแนะนำที่ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งที่ระดับฝุ่นสามารถพุ่งสูงได้ถึง 70-

100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร การที่ร่างกายต้องสัมผัสกับมลพิษในระดับสูงเช่นนี้เป็นเวลานาน ย่อมเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว

นวัตกรรมเพื่ออากาศบริสุทธิ์

เดลต้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชันเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพอากาศ ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงความยั่งยืน โดยได้ออกแบบเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพอากาศภายในอาคารซึ่งเป็นสถานที่ที่คนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ถึง 90% ในแต่ละวัน และพร้อมสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพอากาศภายนอกอาคารด้วยเช่นกัน

เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ (ERV) และระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ (FAS): เดลต้าได้พัฒนานวัตกรรมประสิทธิภาพสูงเพื่ออากาศบริสุทธิ์ในอาคาร โดยเทคโนโลยีเครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ หรือ ERV นั้นมีความโดดเด่นด้านการรักษาสมดุลอุณหภูมิและความชื้นภายในอาคาร พร้อมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน ในขณะที่ระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ หรือ FAS เป็นระบบที่ช่วยนำอากาศบริสุทธิ์เข้ามาหมุนเวียนภายในอาคารอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองนวัตกรรมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยสามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้สูงถึง 97% ผ่านระบบกรองอากาศหลายชั้นที่มีประสิทธิภาพสูงและแผ่นกรอง HEPA ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานจะได้รับอากาศบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเสียงใบพัดมารบกวนใจ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในที่อยู่อาศัย

พัดลมระบายอากาศ: เดลต้าได้นำมอเตอร์ DC brushless ที่ทันสมัยมาใช้กับพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในด้านการประหยัดพลังงานและการทำงานที่เงียบเป็นพิเศษ พัดลมเหล่านี้ช่วยระบายอากาศภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีเสียงที่เบากว่าพัดลมทั่วไปนอกจากความเงียบแล้ว พัดลมระบายอากาศของเดลต้ายังช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 70% ทำให้ผู้ใช้งานได้รับทั้งความสะดวกสบายและยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

เครื่องตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร UNOnext: เดลต้าได้พัฒนาเครื่องตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคาร UNOnext เพื่อยกระดับการจัดการคุณภาพอากาศให้ดียิ่งขึ้น ด้วยระบบอัจฉริยะที่ติดตามและวิเคราะห์คุณภาพอากาศภายในอาคารได้แบบเรียลไทม์ และยังสามารถตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศได้อย่างครอบคลุม ทั้งปริมาณฝุ่น PM2.5 ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ และความชื้น นอกจากนี้ UNOnext ยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ ERV และระบบระบายอากาศของเดลต้า เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการปรับค่าคุณภาพอากาศในอาคารและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพให้น่าอยู่สำหรับทุกคน

 

สถานีชาร์จ EV ของเดลต้าติดตั้งอยู่ใน 66 ทาวเวอร์ ณ สำนักงานใจกลางเมือง.

การสนับสนุนระบบคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: นอกเหนือจากโซลูชันเพื่อคุณภาพอากาศภายในอาคาร เดลต้ายังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่เมืองที่มีสาเหตุหลักจากการคมนาคมขนส่ง โดยเดลต้าได้เร่งขยายโครงข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ปี 2553 กลุ่มบริษัทเดลต้าได้จัดส่งสถานีชาร์จ EV กว่า 1.5 ล้านเครื่องทั่วโลก เพื่อสนับสนุนทางเลือกด้านการคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการปล่อยมลพิษในระดับสากล

เดลต้าให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งชุมชน ภาครัฐ และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิต ท่ามกลางแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากการขยายตัวของเมืองและมลพิษที่เพิ่มขึ้น บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออากาศบริสุทธิ์และเมืองที่ยั่งยืนต่อไปอย่างไม่ลดละ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป

บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพต้อนรับคณะผู้แทนจากมหาวิทยาลัยพันธมิตรทั้ง 7 แห่งของไทยในการประชุมโครงการมหาวิทยาลัยเดลต้าประจำปี 2567 ร่วมกับสมาคมมหาวิทยาลัย ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู โดยงานประจำปีนี้มุ่งหวังให้พันธมิตรทุกภาคส่วนได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับความร่วมมือที่กำลังดำเนินอยู่ของโครงการห้องปฏิบัติการเดลต้า ออโตเมชัน (Delta Automation Lab) และห้องปฏิบัติการพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ (Delta Power Electronics Lab) ตลอดจนหารือเกี่ยวกับวิธีการยกระดับการฝึกอบรมและการวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งเสริมความสามารถและการพัฒนานวัตกรรมในท้องถิ่น

นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเดลต้า ประเทศไทย ได้กล่าวต้อนรับคณาจารย์และสรุปแผนงานปี 2567 สำหรับโครงการพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ว่า “ปีนี้ถือเป็นก้าวใหม่ของการเติบโตสำหรับเดลต้า ประเทศไทย โดยเรามีการขยายการผลิตอุปกรณ์พาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและการวิจัยและพัฒนาสำหรับลูกค้าทั่วโลก เพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มของรัฐบาลในการส่งเสริมเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value-Based Economy) นอกจากนี้ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า เราจะเปิดตัวการแข่งขันเดลต้า คัพ (Delta Cup) ในประเทศไทยหลังจากประสบความสำเร็จในการร่วมแข่งขันมาหลายปี พร้อมกันนี้เรายังมีจุดมุ่งหมายที่จะขยายโครงการดังกล่าวไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผมรอคอยที่จะได้ร่วมหารือเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตของทั้งโครงการเดลต้า ออโตเมชัน อะคาเดมี (Delta Automation Academy) และโครงการห้องปฏิบัติการพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย"

นายแจ็คกี้ จาง ประธานบริษัทเดลต้า ประเทศไทย กล่าวว่า “เดลต้า ประเทศไทยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมซึ่งมอบโอกาสพิเศษให้กับชาวไทยที่มีความสามารถด้านวิศวกรรม โดยเราแตกต่างจากผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในประเทศ เนื่องจากแผนกวิจัยและพัฒนาของเรามอบโอกาสและขอบเขตการทำงานที่กว้างขึ้นให้กับวิศวกรในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมด นอกจากนี้ในทุกปีเรารับยังนักศึกษาฝึกงานกว่า 100 คนสำหรับการฝึกอบรมที่โรงงานเดลต้าประเทศไทย รวมทั้งเรายังเป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาไทยได้มีโอกาสศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของไต้หวัน และได้ทำงานที่โรงงานของเดลต้าในประเทศไต้หวันในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือนักศึกษาฝึกงาน”

ผู้จัดการจากหน่วยงานภาครัฐและกิจการสาธารณะ (GPA) พร้อมทั้งฝ่ายวิจัยและพัฒนา ฝ่ายระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม (IA) ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และฝ่ายสื่อสารองค์กรของเดลต้า ได้นำเสนอข้อมูลอัปเดตล่าสุดและการดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับด้านนวัตกรรม ธุรกิจ บุคลากรศักยภาพสูง และการสร้างแบรนด์ในประเทศไทย นอกจากนี้ทางคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยบูรพา ยังได้นำเสนอเกี่ยวกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ของแต่ละมหาวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการเดลต้า และกิจกรรมที่ทำร่วมกัน

ตั้งแต่ปี 2559 เดลต้าได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยพันธมิตร 7 แห่งในประเทศไทย ในโครงการเดลต้า ออโตเมชัน อะคาเดมี (Delta Automation Academy) ซึ่งมีบุคลากรศักยภาพสูงในระดับแนวหน้าเข้าร่วมแข่งขันในรายการการแข่งขัน Advance Automation ระดับนานาชาติ หรือเดลต้า คัพ (Delta Cup) ซึ่งในปีนี้เดลต้า ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยพันธมิตรยังได้มีการหารือเกี่ยวกับการการเปิดตัวการแข่งขันระดับภูมิภาคด้านอุตสาหกรรมอัตโนมัติ และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย เพื่อแทนที่การแข่งขันเดลต้า คัพ (Delta Cup) ระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในประเทศจีน การพัฒนานี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในด้านการผลิตในระดับโลก และการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน  

ในปี 2565 เดลต้า ประเทศไทย ได้เปิดตัวห้องปฏิบัติการพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ (Power Electronics Lab) แห่งแรก ที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่มจพ. ทั้งนี้ในปี 2566 เดลต้ายังได้เปิดตัวห้องปฏิบัติการพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ (Power Electronics Lab) แห่งที่สองที่สจล. ซึ่งบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยพันธมิตร โดยห้องปฏิบัติการเดลต้าพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ (Delta Power Electronics Labs) มีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบห้องปฏิบัติการในการทดลองที่ได้มาตรฐานระดับโลกให้แก่นักศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ของไทยให้สามารถพัฒนาทักษะขั้นสูงได้ อีกทั้งยังส่งเสริมการวิจัยด้านพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ในท้องถิ่นด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์พาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของเดลต้า 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เดลต้าได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยพันธมิตรในพื้นที่ เพื่อฝึกอบรมนักศึกษาวิศวกรรมไทยประมาณ 3,000 คนและคณะอาจารย์กว่า 30 คนในโครงการเดลต้า ออโตเมชัน อะคาเดมี (Delta Automation Academy) นอกจากนี้เดลต้ายังได้มอบอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกมูลค่า 5.3 ล้านบาท ให้กับห้องปฏิบัติการเดลต้าพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ (Delta Power Electronics Labs) ทั้ง 2 แห่ง ซึ่งมีนักศึกษากว่า 60 คนเข้าร่วมกับห้องปฏิบัติการเดลต้าพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ (Delta Power Electronics Labs) แห่งแรกที่มจพ. ในปีแรกที่เปิดตัว

X

Right Click

No right click