October 03, 2024

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และ ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพิ่มเติมแนบท้าย (Addendum) เรื่อง การส่งเสริมการลงทุนและบริการทางการเงินเพื่อพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ระหว่าง EXIM BANK กับ สกพอ. เพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนใน EEC ในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ การแพทย์และสุขภาพ ดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจชีวภาพหมุนเวียน และภาคบริการ รวมถึงการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) การส่งออก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน สอดรับกับเป้าหมายของ EXIM BANK ที่มุ่งสู่บทบาท Green Development Bank สนับสนุนธุรกิจไทยสู่เวทีโลกด้วยการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน ณ สกพอ. เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567

ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ สกพอ. ในครั้งนี้เป็นการสานพลังจุดแข็งของทั้ง 2 หน่วยงาน ในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาธุรกิจการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทย โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของ EXIM BANK และ สกพอ. ต่อยอดความร่วมมือจากเดิม EXIM BANK ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ EEC ไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการค้าการลงทุนให้เกิด Supply Chain การส่งออกที่มีความยั่งยืน ต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับชุมชน สังคม ประเทศ และโลกโดยรวม

ขอเชิญผู้ประกอบการที่สนใจขยายธุรกิจสู่ตลาดการค้าออนไลน์ระดับโลกเข้าร่วมอบรมโครงการ “The Road to Global E-Commerce 2024” จัดโดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมกับ Ablibaba, AJ e-commerce, Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ในวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 9.00-16.00 น.EXIM BANK สำนักงานใหญ่

ผู้เข้าร่วมอบรมโครงการจะได้รับการ “เติมความรู้” Global E-commerce Trends 2024 ชี้โอกาสการขายสินค้าออนไลน์และการเริ่มต้นธุรกิจส่งออก พร้อมช่องทางขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกกับ E-commerce Platform ระดับโลก เช่น Alibaba ซึ่งมีจำนวนสมาชิก 305 ล้านคน และ Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ซึ่งมีจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้บริการกว่า 2 ล้านคนทั่วโลก อัปเดตข้อมูลการจัดการขนส่งสินค้า การบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ พร้อมรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อ “เติมโอกาส” ความสำเร็จบนตลาดการค้าออนไลน์ รวมทั้ง “เติมเงินทุน” เพื่อเริ่มต้นธุรกิจส่งออกจาก EXIM BANK สมัครฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด ตั้งแต่บัดนี้-20 พฤษภาคม 2567

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999 และติดตามข่าวสารของ EXIM BANK ได้ที่ Facebook Fanpage : EXIM Bank of Thailand, EXiM SMEs Plus และ Line Official : @EXIMThailand

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายบุญชัย โอภาสเอี่ยมลิขิต ประธานธุรกิจ-สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอังกฤษ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และนายสมบูรณ์ เลิศสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด (Altervim) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “สนับสนุนสินเชื่อพลังงานสะอาดแก่ Supply Chain” ซึ่ง EXIM BANK จะสนับสนุนบริการทางการเงินแบบครบวงจรเพื่อสร้าง Green Supply Chain ให้แก่ Altervim ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาและลงทุนด้านพลังงานสะอาดแบบครบวงจรในประเทศไทย มาเลเซีย และจีน และบริษัทอื่น ๆ ตลอดจนผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในเครือ CP เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจเข้าร่วมกระบวนการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกโดยใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ EXIM BANK นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้แก่ Supply Chain ของเครือ CP ผ่าน Altervim เริ่มต้นจากการสนับสนุน Suppliers ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอด Supply Chain ของ CP ครอบคลุม Suppliers ผู้ส่งออก และดีลเลอร์ ด้วยการให้สินเชื่อระยะยาวสนับสนุนการลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งการลงทุนในลักษณะ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) ให้ Altervim เป็นผู้ลงทุนและติดตั้ง Solar Rooftop ให้ลูกค้าใน Supply Chain ของบริษัท หรือกรณีกลุ่มลูกค้าใน Supply Chain ต้องการเป็นผู้ลงทุนเอง EXIM BANK มีบริการทางการเงินสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดด้วยต้นทุนที่ต่ำและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถขอขึ้นทะเบียนเพื่อรับผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต โดย EXIM BANK เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนให้ เป็นการสนับสนุนให้ธุรกิจไทยดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ตลอดจนตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวนโยบายและการดำเนินงานของเครือ CP ในการผลักดันธุรกิจและผู้ประกอบการใน Supply Chain สู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions โดย Altervim เป็นผู้ลงทุน ผลิต ติดตั้ง และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทดแทนของเครือ CP ด้วยประสบการณ์การพัฒนา ลงทุน และติดตั้ง Solar Rooftop มากกว่า 2,500 โครงการให้แก่บริษัทชั้นนำหลายแห่ง อาทิ CPF, Makro, 7-11, Lotus และ TRUE และให้บริการระบบ Digital Energy Platform สนับสนุนการจัดการพลังงานของผู้ประกอบการโดยใช้พลังงานสะอาดแบบครบวงจร นอกจากนี้ Altervim ยังขยายกลุ่มลูกค้าไปยัง Supply Chain ของเครือ CP จำนวนกว่า 30,000 ราย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

“ท่ามกลางโอกาสและความท้าทายของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยปี 2567 EXIM BANK เดินหน้าพัฒนา Greenovation และขยายพันธมิตรทั้งกับภาครัฐและภาคเอกชน นำผู้ประกอบการไทยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้ง Supply Chain ปรับตัวและ Go Green ไปด้วยกัน เพราะนั่นคือ ทางรอดเดียวของการดำรงอยู่อย่างยั่งยืนของภาคธุรกิจ ประชาชน และสิ่งแวดล้อม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ดร.รักษ์ กล่าว

ชูนวัตกรรมการเงินดอกเบี้ยผ่อนปรนทุกขนาดธุรกิจตลอด Green Export Supply Chain

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.25% ต่อปี จาก 6.60% เหลือ 6.35% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการขานรับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางและ SMEs โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.15% ต่อปีเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 เพื่อเป็นของขวัญแก่ผู้ประกอบการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา และเมื่อรวมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ EXIM BANK จึงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 0.40% ต่อปี เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และ SMEs สอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ บรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ และสามารถปรับตัวให้แข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง

X

Right Click

No right click