

สยามคูโบต้า เปิดตัว “โรงเรียนดินและปุ๋ย” พื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาดินและการตรวจคุณภาพดินจากหมอดินอาสาของจังหวัดอุดรธานี ภายใต้โครงการ “คูโบต้า พลิกฟื้นผืนดิน” โดยมีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ร่วมสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญหมอดินอาสา มุ่งถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรและผู้สนใจ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพดินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิตในการเพาะปลูก ต่อยอดสู่การทำเกษตรยั่งยืน ณ วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัว “โรงเรียนดินและปุ๋ย” จังหวัดอุดรธานีว่า “ภาคการเกษตรถือเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต เพราะหนึ่งในปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตที่ดีมาจากผลิตผลทางการเกษตรที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ทางการเกษตรรวม 147.73 ล้านไร่ หรือร้อยละ 46.7 ของเนื้อที่ทั้งประเทศ ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญความท้าทายที่หลากหลาย อาทิ ความเสื่อมโทรมของดิน การปนเปื้อนของสารเคมีจากการใช้ปุ๋ยและสารเคมีที่ทำให้ศักยภาพของดินลดลง เมื่อดินอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของพืชจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาก่อให้เกิดประโยชน์ รวมถึงส่งเสริมการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน ผนวกกับการใช้เทคโนโลยีและความรู้ใหม่ ๆ อย่างเหมาะสมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา
“โรงเรียนดินและปุ๋ย” ภายใต้โครงการ “คูโบต้า พลิกฟื้นผืนดิน” จึงเกิดขึ้นบนแนวคิดที่อยากให้เกษตรกร และผู้สนใจทำการเกษตรทุกคนเห็นความสำคัญของดิน เรามุ่งหวังเป็นพื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาดินและการตรวจคุณภาพดินซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับทุกชีวิตบนโลกรวมถึงการทำเกษตร สยามคูโบต้า จึงได้ร่วมกับ กรมพัฒนาที่ดิน เพื่อพัฒนาจัดการดินเพื่อการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการ เทคโนโลยีสารสนเทศ การตรวจวิเคราะห์ดิน ผลิตภัณฑ์ พด. และเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด รวมทั้งบุคลากรจากกรมพัฒนาที่ดิน และวิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า ที่สยามคูโบต้าเข้าไปร่วมพัฒนาจนเกิดเป็น ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า – ห้วยตาดข่า เมื่อปี 2560 และขยายผลสู่การสร้างโรงเรียนดินและปุ๋ย พร้อมกันนี้ยังมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ตามเป้าหมายที่ 15 (Goal 15 : Life on land) ปกป้อง ฟื้นฟู สนับสนุนการใช้ระบบนิเวศ ฟื้นสภาพการเสื่อมโทรมของที่ดิน และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
ดร. ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “การพัฒนาคุณภาพดินเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะดินเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นรากฐานของการผลิตทางการเกษตร กรมพัฒนาที่ดินได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นองค์กรอัจฉริยะทางดิน เพื่อขับเคลื่อนการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม โดยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการดินที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ พร้อมสร้างศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะทางดินเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินอย่างยั่งยืน รวมถึงพัฒนาระบบการบริหารจัดการที่ดินเชิงรุกผ่านการมีส่วนร่วม เพื่อรักษาสมดุลความเสื่อมโทรมของที่ดินและระบบนิเวศทางการเกษตร ซึ่งการจัดตั้งโรงเรียนดินและปุ๋ย ถือเป็นส่วนหนึ่งของก้าวสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์นี้เช่นกัน สำหรับกรมพัฒนาที่ดิน เราให้ความร่วมมือในการถ่ายทอดข้อมูลผ่านบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านดิน อาทิ หมอดินอาสา เพื่อรองรับผู้ที่สนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับดินและปุ๋ย ในรูปแบบของการเรียนทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพดิน ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกรและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และต่อยอดในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นายฉัตรเชาวสิโรตม์ ยอดคีรี ประธานวิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า และประธานศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า – ห้วยตาดข่า กล่าวถึงการสานต่อโครงการนี้ว่า “วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า มุ่งให้ความสำคัญกับการดูแลดินตลอดมา เพราะเรามองว่า ดินกับการทำเกษตรเป็นของคู่กัน แต่ในอดีตที่ผ่านมาเกษตรกรต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเรื่องดิน แม้จะได้รับการให้ความรู้ทั้งเรื่องธาตุอาหารในดิน การปรับปรุงดิน การเตรียมดิน แต่ในการปฏิบัติจริงเกษตรกรมักวัดเอาจากประสบการณ์ตามความเคยชิน ซึ่งในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา กลุ่มวิสาหกิจฯ และเกษตรกรในพื้นที่ได้เข้าอบรมองค์ความรู้เรื่องปุ๋ยทำให้เรามีวิธีการจัดการดินที่ดีขึ้น ซึ่งการก่อตั้งโรงเรียนดินและปุ๋ยจะช่วยให้เกิดเป็นพื้นที่ให้ความรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนให้บริการตรวจดินและปุ๋ยจากหมอดินอาสาของชุมชนที่มีความเชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ช่วยให้เกษตรกรได้เข้าใจสภาพดินในพื้นที่การเกษตรของตนเอง และสามารถนำความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับธาตุอาหารในดิน การใส่ปุ๋ยในสูตรหรือปริมาณที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด นำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งสร้างโอกาสในการต่อยอดความรู้ให้แก่ชุมชนข้างเคียงได้ ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรจากการทำปุ๋ยสั่งตัดด้วย
นอกจากนี้คณะทำงานของวิสาหกิจชุมชนฯ ที่มีความรู้เรื่องดินจะมาช่วยกันต่อยอดบริหารจัดการโรงเรียนดินและปุ๋ย พร้อมรองรับผู้สนใจเข้าศึกษาดูงานโดยเน้นการปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงเรียน ซึ่งเราเชื่อว่าเมื่อเกษตรกรรู้ดิน รู้พืช ก็จะรู้การจัดการที่ดี ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อผลผลิตที่ดีต่อไป สำหรับแผนงานต่อไปของโรงเรียนดินและปุ๋ย เราจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานราชการท้องถิ่นในพื้นที่ของชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนขยายผลให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถเพิ่มเติมองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตรได้ด้วย เราหวังให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นพื้นที่ให้เกษตรกรทุกคนสามารถเข้าถึงได้และเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะรายได้จากการทำเกษตรกรรมต้องเริ่มต้นจากดินที่ดี” ประธานวิสาหกิจฯ กล่าว
“สยามคูโบต้าเชื่อว่า เมื่อดินดี ผลผลิตดี คุณภาพชีวิตดีแล้ว จะช่วยให้การทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเราจะสามารถสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ตลอดจนความยั่งยืนในภาคการเกษตร อยากให้ทุกคนที่เข้ามาสัมผัสโรงเรียนแห่งนี้ ได้เรียนรู้การปรับปรุงบำรุงดิน การตรวจวิเคราะห์ดินกับหมอดินอาสา เพราะเราอยากให้โรงเรียนดินและปุ๋ยแห่งนี้ สามารถมอบประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนและเกษตรกร จนเกิดการต่อยอดในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งแผนการต่อยอดในอนาคตสยามคูโบต้าเตรียมก่อตั้งโรงเรียนดินและปุ๋ย แห่งที่ 2 ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวหอมมะลิหนองผักบุ้งพัฒนา จังหวัดเพชรบูรณ์ในปีนี้ และมุ่งมั่นจะสร้างการขยายผลในชุมชนที่สยามคูโบต้าให้การสนับสนุนต่อไป” นางวราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
“โรงเรียนดินและปุ๋ย” ภายใต้โครงการ “คูโบต้า พลิกฟื้นผืนดิน” เปิดให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้ ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ 09.00 – 15.00 น. ณ วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี (ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยาม คูโบต้า – ห้วยตาดข่า) โทร : 063 601 7455 Facebook: https://www.facebook.com/huaitadkha/
สยามคูโบต้า ตอกย้ำการเดินหน้าก้าวสู่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก (Global Major Brand) ล่าสุดครองแชมป์สุดยอดแคมเปญการตลาด GRAND PRIZE พร้อมกวาด 4 รางวัลจากเวที Marketing Awards of Thailand 2024 ร่วมด้วยรางวัล GOLD AWARD สุดยอดแคมเปญการตลาดประเภท Strategy Marketing ด้วยผลงาน “จากแปลงนาสู่สนามแข่งมิติใหม่ของกีฬาเพื่อเกษตรกรไทย” พร้อมคว้าอีก 2 รางวัล BRONZE AWARD การตลาดยอดเยี่ยมประเภท Innovation and Martech จากผลงาน “KUBOTA SERVICE DA(Y)TA รู้ก่อนพร้อมกว่า” และประเภท Sustainable Marketing จากผลงาน “Turn waste to Agri-Wear” โดย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงการได้รับรางวัลในครั้งนี้ว่า สยามคูโบต้าขอขอบคุณคณะกรรมการสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ที่เล็งเห็นศักยภาพและความมุ่งมั่นของสยามคูโบต้าและทุกองค์กรที่เข้าร่วมประกวด ซึ่งรางวัลเหล่านี้จะสร้างกำลังใจในการร่วมมือพัฒนาวงการการตลาดของประเทศไทยให้เติบโต สำหรับสยามคูโบต้าเรามุ่งหวังพัฒนาเกษตรกรและภาคการเกษตรของไทย ตลอดจนต่อยอดธุรกิจของเราให้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนพวกเขาผ่านแคมเปญหรือกิจกรรมการตลาดต่างๆ รางวัลที่ได้รับจึงเป็นสิ่งการันตีถึงคุณค่าที่เราตั้งใจทำตลอดมา และสยามคูโบต้าขอมอบความสำเร็จนี้ให้กับผู้ที่อยู่เคียงข้าง และอยู่เบื้องหลังโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรไทย ทุกคน
สำหรับรางวัลที่สยามคูโบต้าได้รับในครั้งนี้ ได้แก่ รางวัล GRAND PRIZE สุดยอดแคมเปญการตลาดแห่งปี ร่วมด้วยรางวัล GOLD AWARD สุดยอดแคมเปญการตลาดประเภท Strategy Marketing จากผลงาน “จากแปลงนาสู่สนามแข่งมิติใหม่ของกีฬาเพื่อเกษตรกรไทย” การสร้างประสบการณ์ที่ผสานทักษะการขับขี่แทรกเตอร์ในรูปแบบกีฬาเข้ากับการทดสอบสมรรถนะของแทรกเตอร์โดยจำลองสนามการทำงานจริง เพื่อสร้างมิติใหม่ในการเข้าถึงลูกค้าด้วยกลยุทธ์ แตกต่างแต่ตอบโจทย์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด ต่อยอดสู่การขายและสร้างฐานลูกค้าใหม่ ผ่านการจัดการแข่งขันแทรกเตอร์ที่ชูศักดิ์ศรีกีฬาความภาคภูมิใจของเกษตรกรไทยทั่วประเทศ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในขณะเดียวกัน ยังคว้าอีก 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล BRONZE AWARD การตลาดยอดเยี่ยมประเภท Innovation and Martech จากผลงาน “KUBOTA SERVICE DA(Y)TA รู้ก่อนพร้อมกว่า” ภายใต้คอนเซ็ปต์ เข้าถึงทุกหัวใจ แม้ใกล้ไกลใจไม่ห่างกัน โดยการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแบบเชิงลึกในการเตรียมความพร้อมให้กับเครื่องจักรฯ ก่อนฤดูกาลทำเกษตร ผ่านเครื่องมือที่ช่วยจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่แสดงผลบนแดชบอร์ด โดยใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายของศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายคูโบต้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการบริการของลูกค้า พร้อมสร้างความสัมพันธ์อันดีผ่านการบริการที่ครอบคลุม และรางวัล BRONZE AWARD การตลาดยอดเยี่ยมประเภท Sustainable Marketing จากผลงาน “Turn waste to Agri-Wear” แคมเปญที่สยามคูโบต้าจับมือเกรฮาวด์ ออริจินัล นำฟางข้าวเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ผ่านงานวิจัยนวัตกรรมเส้นใยฟางข้าวผสมเส้นใยจากรังไหมเหลือใช้ และถักทอโดยงานฝีมือช่างทอผ้าไทยจังหวัดสุรินทร์ สู่การต่อยอดเป็นเสื้อผ้าสุดเท่สไตล์สตรีทแฟชั่น เพื่อจุดประกายการ Upcycling เศษวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ พร้อมตั้งเป้าปลุกกระแส Sustainable Fashion ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงโลกที่ดีกว่าเดิม ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และดร.ลักขณา ลีลายุทธโยธิน กรรมการอิสระ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้มอบรางวัล
สำหรับรางวัลนี้จัดโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นงานประกวดแคมเปญการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนและยกย่องผลงานฝีมือของนักการตลาดในประเทศไทยที่มีความโดดเด่นไม่ซ้ำใครในด้านความคิดสร้างสรรค์ มีการนำนวัตกรรมการตลาดหรือแนวคิดด้านการตลาดต่าง ๆ มาเป็นเครื่องมือในการตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับองค์กรได้อย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม สามารถวัดได้เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จ พร้อมสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างยั่งยืน
บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เดินหน้าสานต่อโครงการ “คูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 25 นำคาราวานแห่งไออุ่น ลงพื้นที่มอบเสื้อกันหนาว 10,000 ตัว ร่วมกับกองทัพบกใน 4 จังหวัด ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจับมือร้านค้าผู้แทนจำหน่ายมอบสิ่งของจำเป็นให้โรงเรียนและชุมชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมอบเสื้อกันหนาว 3,000 ตัว ผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อกระจายความอบอุ่นไปยังผู้ที่ขาดแคลน ตอกย้ำการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันในการมุ่งมั่นเคียงข้างสังคมและเกษตรกรไทย
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) ก่อให้เกิดภัยธรรมชาติจากสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างภัยหนาว เราเล็งเห็นว่าเสื้อกันหนาวถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สามารถพกพาหรือสวมใส่เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและป้องกันความหนาวที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย เราจึงตั้งใจดำเนินโครงการคูโบต้าพลังใจสู้ภัยหนาว อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 25 ในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ห่างไกล และถือเป็นการแสดงความห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เด็กๆ เยาวชน รวมถึงพี่น้องเกษตรกรทุกคน โดยตลอดระยะเวลา 46 ปี เราตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของสยามคูโบต้า ทั้งนี้ สยามคูโบต้าได้รับความร่วมมือจากกองทัพบกที่ทำงานใกล้ชิดดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกล จึงมีความเข้าใจและเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในการกำหนดพื้นที่เป้าหมายร่วมกัน โดยเราจะพิจารณาพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล และมีประชาชนที่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว นอกจากนี้ยังคำนึงถึงความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ภัยหนาวด้วย
สำหรับในปีนี้ สยามคูโบต้าได้ร่วมจัดคาราวานแบ่งปันความอบอุ่นผ่านเสื้อกันหนาว 4 จังหวัด ในพื้นที่ ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหาร และได้รับความร่วมมือจากร้านค้าผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้ามอบสิ่งของจำเป็นให้โรงเรียนและชุมชนในพื้นที่ พร้อมกันนี้ยังได้ส่งมอบเสื้อกันหนาวผ่านกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการป้องกันบรรเทา และช่วยเหลือฟื้นฟูในทุกภัยพิบัติ ตลอดจนเป็นที่พึ่งให้แก่ผู้ประสบภัยทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 13,000 ตัว มูลค่ารวมกว่า 3,900,000 บาท ทั้งนี้ สยามคูโบต้าต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ให้ความร่วมมือในการเดินหน้าส่งเสริมคุณภาพชีวิต และแบ่งปันพลังแห่งความอบอุ่นเคียงข้างพี่น้องประชาชนและสังคมไทย”
พลเอก วสุ เจียมสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า “กองทัพบกเป็นหน่วยงานที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ พร้อมเข้าให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนในทุกกรณีที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสยามคูโบต้าเป็นภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนกองทัพบกมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 11 ปี ซึ่งในปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศให้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงเดือนพฤศจิกายน ดังนั้นการรับมอบเสื้อกันหนาวในครั้งนี้ จึงนับว่าเป็นการร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น ระหว่างกองทัพบกและสยามคูโบต้าในการเข้าถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยหนาวได้อย่างทันท่วงที
ด้าน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า “สำหรับปีนี้ เป็นการดำเนินโครงการร่วมกันระหว่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กับ สยามคูโบต้า ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ในฐานะหน่วยงานกลางของภาครัฐในการดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ เราได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวโดยเป็นศูนย์กลางการประสานการช่วยเหลือฯ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่เสี่ยงภัยหนาว เน้นกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ที่ห่างไกลทุรกันดาร โดยได้วางแผนส่งมอบเสื้อกันหนาว ในพื้นที่เป้าหมาย 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงเชียงราย พะเยา และเลย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความต้องการเครื่องนุ่งห่มกันหนาวและเป็นพื้นที่ที่คาดว่าจะเกิดภัยหนาวตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา”
จากวันแรกของการริเริ่มโครงการจวบจนปีที่ 25 วันนี้สยามคูโบต้าได้บรรเทาความหนาวให้พี่น้องประชาชนไปแล้วกว่า 183,000 ราย ด้วยความมุ่งหวังสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ของสหประชาชาติ พร้อมมุ่งมั่นตอบแทนสังคมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกร และร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดียิ่งขึ้น