

นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เป็นประธานการประชุมชี้แจงโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เส้นทางถนนประชาธิปก (ช่วงแยกบ้านแขก ถึงวงเวียนใหญ่) และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยมีผู้แทนจากองค์กร หน่วยงานราชการ และหน่วยงานผู้ใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจต่าง ๆ ในพื้นที่ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงรายละเอียดแผนดำเนินงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการก่อสร้าง ณ ห้องประชุม Venita 2 โรงแรม อเวย์ บางกอก ริเวอร์ไซด์ คีน ถนนเจริญนคร กรุงเทพฯ

รองผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า ตามที่ MEA ได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาล เร่งดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินมาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุด MEA จะดำเนินโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เส้นทางถนนประชาธิปก (ช่วงแยกบ้านแขก ถึงวงเวียนใหญ่) และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยมีพื้นที่ดำเนินการ 3.4 กิโลเมตร ดำเนินการก่อสร้างบริเวณผิวจราจรและผิวทางเท้า เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2568 – ปี 2572 (รื้อถอนเสาสายแล้วเสร็จ ภายในปี 2572) โดย MEA จะดำเนินการก่อสร้างไปพร้อมกับโครงการรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 05.00 น. ของทุกวันเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผลกระทบต่อการจราจร

ในด้านการก่อสร้างของโครงการดังกล่าว ประกอบด้วยงานก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน งานก่อสร้างฐานอุปกรณ์และติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า งานลากสายไฟฟ้าใต้ดิน และการเปลี่ยนระบบการจ่ายไฟจากสายอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานครั้งนี้จะช่วยพัฒนาเสถียรภาพ และความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าของภาคธุรกิจและหน่วยงานเอกชนในพื้นที่ในอนาคต รวมถึงช่วยเสริมสร้างทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครให้มีความสวยงาม ตลอดจนช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้แสดงความคิดเห็น พร้อมให้ข้อมูลสำคัญ เพื่อให้ MEA ได้นำมาพิจารณาปรับปรุงแผนงานให้มีความเหมาะสม และส่งผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร MEA ร่วมด้วย นายชัชชญา ขำจันทร์ รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบความพร้อมระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ ทั้งนี้ MEA ได้บำรุงรักษาและติดตั้งอุปกรณ์เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำ อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อม และซักซ้อมแผนเพื่อบูรณาการความร่วมมือกับสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมอบอุปกรณ์ตรวจจับไฟฟ้ารั่วในน้ำ นวัตกรรมซึ่งออกแบบและผลิตโดย MEA เพื่อความปลอดภัยสามารถตรวจสอบกระแสไฟฟ้ารั่วในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพให้แก่สำนักการระบายน้ำ คลองบางซื่อ ณ สถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ กรุงเทพมหานคร

ผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านระบบจำหน่ายระบบไฟฟ้าสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับคุณภาพการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการรองรับเหตุฉุกเฉินและขัดข้องต่างๆ พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแลการจ่ายไฟฟ้าของสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และบ่อสูบน้ำของกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ที่ MEA ดูแลด้านระบบไฟฟ้า จำนวน 638 แห่ง โดย MEA มีการเชื่อมโยงระบบจ่ายไฟฟ้าหลัก และระบบจ่ายไฟฟ้าสำรองให้กับสถานีสูบน้ำทุกแห่ง เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และสามารถบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) ตลอดจนได้นำระบบ DMS (Distribution Management System) มาใช้ในระบบการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย ติดตั้งอยู่บนเสาไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยบริหารควบคุมสั่งการได้จากส่วนกลาง ทราบสาเหตุ และสั่งการอัตโนมัติ ทำให้เกิดความมั่นคงในระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็ว

ผู้ว่าการ MEA กล่าวต่อว่า สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นการติดตามตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ ถือเป็นสถานีสูบน้ำที่สำคัญ ซึ่งสอดรับกับนโยบายกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการความร่วมมือเพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดย MEA จ่ายกระแสไฟฟ้าให้สถานีสูบน้ำ อุโมงค์บางซื่อ ด้วยระบบแรงดันไฟฟ้า 24 กิโลโวลต์ (kV) ให้กับระบบสูบน้ำขนาด 1,950 กิโลวัตต์ (kW) จำนวน 6 เครื่อง ความสามารถในการระบายน้ำ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รองรับปริมาณน้ำฝนได้ไม่น้อยกว่า 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง โดยสถานีสูบน้ำอุโมงค์บางซื่อ จะรับน้ำจากอาคารรับน้ำถนนกำแพงเพชร อาคารรับน้ำถนนวิภาวดีรังสิต และอาคารรับน้ำถนนรัชดาภิเษก ซึ่งรับน้ำในพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เขตห้วยขวาง เขตดินแดง เขตพญาไท เขตจตุจักร เขตวังทองหลาง เขตบางซื่อ และเขตดุสิต ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 56 ตารางกิโลเมตร

นอกจากนี้ที่ผ่านมา MEA ยังมีแผนการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้กับสถานีสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาด้านระบบไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ที่จะต้องมีการตรวจสอบในลักษณะทางกายภาพ เช่น การตัดแต่งกิ่งไม้ และตรวจสอบป้ายต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกลมพายุพัดหลุดห้อยหรือทำให้กระทบกับระบบไฟฟ้าของ MEA ให้เกิดความเสียหายได้ ทั้งนี้ MEA ยังได้ประสานกับกรุงเทพมหานครตรวจสอบโคมไฟส่องสว่าง ไฟฟ้าสาธารณะให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ส่งผลต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภายในสถานีสูบน้ำแต่ละแห่ง โดยประสานงานใกล้ชิดกับศูนย์ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ เพื่อการแก้ไขเหตุไฟฟ้าดับฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจน MEA จัดเจ้าหน้าที่บูรณาการระบบไฟฟ้าประจำจุดที่สำคัญทุกแห่งพร้อมดูแลระบบไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง จากการดำเนินงานทั้งหมดนี้ MEA จึงมีความมั่นใจในการดูแลระบบไฟฟ้าสำหรับสถานีสูบน้ำเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมั่นคงและปลอดภัยอย่างเต็มที่ในช่วงฤดูฝน

ทั้งนี้ หากประชาชนประสบเหตุสาธารณภัย หรือต้องการความช่วยเหลือจากเหตุสาธารณภัยต่าง ๆ สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วนนิรภัย โทร. 1784 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 24 ชั่วโมง รวมถึงหากประชาชนในพื้นที่ให้บริการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุดอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย หรือต้องการความช่วยเหลือด้านระบบไฟฟ้ารวมถึงขอเลื่อนเครื่องวัดฯ สามารถแจ้งการไฟฟ้านครหลวงเขตใกล้บ้าน ทุกเขต หรือแจ้งเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ได้ที่ MEA Smart Life Application ดาวน์โหลดฟรี ได้ที่ App Store และ Play Store เท่านั้น หรือช่องทางโซเชียลมีเดียทางการต่าง ๆ MEA ได้ที่ Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง และติดตามข่าวสารงานบริการของ MEA ผ่านทางเว็บไซต์ www.mea.or.th
นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้ข้อมูลประชาสัมพันธ์การทำงาน โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของ MEA ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตลอดจนหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านการก่อสร้าง โดยมีผู้แทนจาก 50 สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร และคณะเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุม ณ MSC HALL โรงแรมแม่น้ำ รามาดา พลาซา บาย วินด์แฮม กรุงเทพมหานคร

รองผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า ปัจจุบัน MEA มีการดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่รวม 26 โครงการ โดย 23 โครงการ อยู่ในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งวัตถุประสงค์ของการประชุมในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และให้ข้อมูลการดำเนินงานอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มต้นจนถึงการจบโครงการ โดยเน้นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชน รวมถึงช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน เพื่อให้สำนักงานเขตมีความเข้าใจในกระบวนการทำงาน และสามารถให้ข้อมูลแก่ประชาชนได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้ง MEA ได้มีการนำเอานวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีจากประเทศสวีเดนมาใช้ในเรื่องของการสแกนโพรงใต้ชั้นผิวถนนและทางเท้า อีกหนึ่งแนวทางในการป้องกันปัญหาการทรุดตัวของผิวจราจรโดยรอบบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ทั้งนี้ MEA ให้ความสำคัญกับการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และการรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อให้โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเป็นไปอย่างราบรื่น ตามมาตรฐานตามที่ MEA กำหนด และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่

สำหรับประชาชน หากพบว่ามีการดำเนินการก่อสร้างของ MEA ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย หรือพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเหตุได้ที่ MEA Smart Life Application หรือสอบถามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการเลือกเมนูติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
MEA เดินหน้าปรับโฉมเมืองด้วยโครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน เสริมความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้า พร้อมสร้างทัศนียภาพที่งดงามให้กับกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานสะพรั่ง เปลี่ยนเมืองให้เป็นมุมถ่ายภาพสุดโรแมนติกที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก !

MEA มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่สวยงาม น่าอยู่ และปลอดภัยสำหรับทุกคน เพราะเราเชื่อว่าเมืองที่ดี คือเมืองที่ทุกคนอยู่แล้วมีความสุข
MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ล่าสุดได้ดำเนินโครงการสำรวจ และตรวจสอบโพรงใต้ชั้นผิวถนนและทางเท้าบริเวณบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ด้วยวิธี Ground Penetration Radar (GPR) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดให้มีมาตราการเชิงป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากโพรงใต้ดิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ถนนสายหลัก โดยเริ่มต้นการตรวจสอบโพรงที่ถนนแจ้งวัฒนะเป็นเส้นทางแรกของปี 2568 (เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา) และจะดำเนินการต่อเนื่องในอีก 19 เส้นทางได้แก่ ถนนหลังสวน ถนนสารสิน ถนนศรีนครินทร์ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว ถนนสุขุมวิท ถนนรามคำแหง ถนนเจริญราษฎร์ ถนนสาทร ถนนพระรามที่ 4 ถนนอรุณอมรินทร์ ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถนนประชาราษฎร์สาย2 ถนนเพชรบุรี ถนนอังรีดูนังต์ ถนนวิทยุ ถนนเทพารักษ์ และถนนจรัญสนิทวงศ์ ครอบคลุมพื้นที่จำนวนบ่อพักทั้งสิ้น 300 บ่อ

ทั้งนี้ MEA มุ่งมั่นพัฒนา และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการตรวจสอบ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากโพรงใต้ผิวถนน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดทั้งต่อประชาชน และการให้บริการระบบไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการดังกล่าวนี้ใช้เทคโนโลยี Ground Penetrating Radar (GPR) MALAMIRA Compact จากประเทศสวีเดน ที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับการสำรวจตำแหน่งวัตถุ หรือวัสดุที่ฝังอยู่ใต้ดิน หรือใต้พื้นผิวถนน โดยมีความสามารถในการตรวจสอบโพรงใต้ดินอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังใช้อุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมแบบสองความถี่ (Dual Frequency) พร้อมด้วยเครื่องควบคุม เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่งการสำรวจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสำรวจจะดำเนินการในบริเวณโดยรอบบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งกำหนดระยะสำรวจในแนวขนานกับทิศทางจราจร เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่อาจเกิดโพรงได้อย่างครบถ้วน

อย่างไรก็ตามเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานดังกล่าว MEA จะมีการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ก่อสร้าง ตลอดจนประสานการจัดการงานจราจรกับตำรวจท้องที่ และดำเนินงานตามวิธีการที่กำหนด (Method Statement) เพื่อให้การสำรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการของ MEA รวมถึงพบสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเหตุได้ที่ MEA Smart Life Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนระบบ iOS และ Android ดาวน์โหลดฟรีได้ที่ App Store และ Google Play หรือช่องทางโซเชียลมีเดียทางการของ MEA ได้ที่ Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวงได้ตลอด 24 ชั่วโมง