งาน Meta Marketing Summit ประจำปี Meta นำเสนอนวัตกรรมด้านการตลาดล่าสุดสำหรับธุรกิจไทย ผู้ประกอบการและนักการตลาดและตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมพลังให้กับธุรกิจไทยด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่จะเข้ามาพลิกโฉมการทำธุรกิจและสร้างการเติบโตพร้อมยกระดับพลังเศรษฐกิจไทยบนเวทีโลก
ลงทุนเพื่ออนาคต: ประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI กับ Meta Advantage
การลงทุนด้าน AI ของ Meta กำลังปฏิวัติวิธีการที่ธุรกิจเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานประจำวันกว่า 3.27 พันล้านคนบนแพลตฟอร์มปัจจุบัน Meta ลงทุนไปแล้ว 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ทั่วทั้งบริษัท โดย 81% ของการลงทุนนี้ได้ถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงแอปพลิเคชันหลัก ซึ่งรวมถึง Facebook, Instagram และ Messenger ตลอดจนบริการอื่นๆ สำหรับผู้ใช้งาน ครีเอเตอร์ และธุรกิจต่างๆ
ในงานประจำปีด้านการตลาดของ Meta ได้โชว์เคสชุดโซลูชัน AI ล่าสุดสำหรับภาคธุรกิจ นำโดย Meta Advantage+ ชุดเครื่องมือด้านการตลาดที่ครอบคลุม ออกแบบมาเพื่อเสริมพลังให้กับธุรกิจทุกขนาด ด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ปรับแต่งเฉพาะ เช่น Advantage+ Shopping Campaigns หรือ Advantage Apps+ Campaigns บริการนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาพร้อมทั้งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนด้านโฆษณา (ROAS) ที่สูงขึ้น โดยนำระบบ AI เข้ามาใช้ตั้งแต่การระบุกลุ่มเป้าหมาย ไปจนถึงการปรับปรุงกระบวนการเชิงกลยุทธ์ การวางตำแหน่งโฆษณา และการทำความเข้าใจเส้นทางของผู้บริโภค Meta Advantage ช่วยเสริมพลังให้กับธุรกิจด้วยการปรับปรุงที่วัดผลได้
ประสิทธิภาพจากการใช้งาน Meta Advantage+ สร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่นให้กับธุรกิจ: Advantage+ Shopping Campaigns ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการใช้จ่ายด้านโฆษณา (ROAS) ถึง 32% และสำหรับโซลูชัน Advantage+ app campaigns ผลศึกษาชี้ว่าช่วยลดต้นทุนต่อการดำเนินการ (cost per action) ลงกว่า 9% นอกจากนั้น ยังพบว่าทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่ใช้จ่ายใน Advantage+ Shopping Campaigns สามารถสร้างรายได้เฉลี่ย 4.52 ดอลลาร์สหรัฐกลับคืนมาให้กับธุรกิจ หรือคิดเป็นสัดส่วนของ ROAS ที่เพิ่มขึ้นกว่า 22% ในช่วงปีที่ผ่านมา
Generative AI: ยุคใหม่แห่งความคิดสร้างสรรค์ในการโฆษณา
การสร้างชิ้นงานโฆษณา (creative) นับเป็นกลยุทธ์สำคัญยิ่ง ในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและมีส่วนในการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้เป็นผู้ซื้อ (conversion) Meta ได้เปิดตัวการอัปเดตที่น่าสนใจหลายอย่างสำหรับชุดบริการและเครื่องมือ Advantage+ Creative ซึ่งรวมถึง Meta Gen AI ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการเวลา ทรัพยากร และประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยเครื่องมือ Meta Gen AI นักสร้างสรรค์สามารถออกแบบเนื้อหาโฆษณาที่หลากหลายได้อย่างง่ายดายและสร้างรูปแบบโฆษณาที่แตกต่างกันให้เหมาะสมกับความชอบของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
Meta Gen AI: ประโยชน์ที่ธุรกิจไทยจะได้รับ
คุณแพร ดํารงค์มงคลกุล Country Director ประจำ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า "ด้วยรูปแบบกระบวนการสร้างสรรค์แบบอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ธุรกิจสามารถสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ที่หลากหลายได้ง่ายขึ้น ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเพิ่มอัตราการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้เป็นผู้ซื้อ จึงช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร ทำให้ Meta เป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือสร้างสรรค์อันทรงพลังและโซลูชันที่สร้างผลลัพธ์ได้จริง"
"เครื่องมือและนวัตกรรมเพื่อการค้นพบ (discovery engine) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเราได้พลิกโฉมวิธีที่ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ที่แท้จริง เครื่องมือด้าน AI ของ Meta ตั้งแต่แชทบอท AI ที่สามารถฝึกฝนได้สำหรับการส่งข้อความทางธุรกิจ ไปจนถึงผู้ช่วยเสมือนฟรีที่สามารถถามคำถามเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเทคโนโลยีที่ให้บริการผ่านชุดเครื่องมือ Meta Advantage+ ของเรา มุ่งสร้างการเชื่อมต่อเชิงลึกและมีความหมายมากขึ้นผ่านการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม" คุณแพรกล่าวเสริม
Meta Llama 3.1: ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติและเศรษฐกิจซอฟต์พาวเวอร์ของไทย
Meta Llama 3.1 (ลาม่า) เวอร์ชันล่าสุดของ AI แบบโอเพ่นซอร์สของ Meta มีทิศทางที่จะมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากโมเดลประมวลผลด้วยภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ล่าสุดเพิ่มการรองรับภาษาไทย มอบความยืดหยุ่น การควบคุม และความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับนักพัฒนาในประเทศไทย
ดร. ราฟาเอล แฟรงเคิล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะของ Meta ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงแผนการของ Meta สำหรับ Llama 3.1 ในประเทศไทยว่า "Llama 3.1 เวอร์ชันล่าสุดของเรากำลังยกระดับมาตรฐานใหม่สำหรับโมเดล AI ที่เปิดให้ใช้งานได้อย่างอิสระ ซึ่งทั้งหมดนี้รองรับภาษาไทยแล้ว การเปิดให้โมเดลของเราเป็นโอเพ่นซอร์สทำให้นักพัฒนาทั่วทุกมุมโลก รวมถึงในประเทศไทย สามารถพัฒนานวัตกรรมและแอปพลิเคชันได้อีกมากมาย ซึ่งพิสูจน์ได้จากตั้งแต่การเปิดตัว Llama รุ่นแรกเมื่อปีที่แล้ว มียอดดาวน์โหลดกว่า 300 ล้านครั้ง และมีโมเดลถูกพัฒนาต่อยอดมากว่า 20,000 โมเดล เราเชื่อว่า AI มีศักยภาพมากกว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่อื่นๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ รวมถึงเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ช่วยปลดล็อกความก้าวหน้าสำหรับธุรกิจและชุมชนทั่วโลกและในประเทศไทย"
เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกของ Meta Llama ให้มากยิ่งขึ้น Meta ได้จัดแคมเปญและโครงการต่างๆ ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ ซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนนักพัฒนาและชุมชนผู้ใช้ Llama ประกอบด้วยโครงการให้ความรู้ด้าน AI สำหรับธุรกิจท้องถิ่น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายธุรกิจ, เงินทุนสนับสนุนเพื่อสร้างประโยชน์สู่สังคม มูลค่าสูงสุด 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, การแข่งขันสำหรับนักพัฒนา Llama ในระดับประเทศและระดับภูมิภาค โดยผู้เข้าร่วมมีโอกาสชิงเงินทุนสนับสนุนพิเศษมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำโครงการที่ใช้ AI เพื่อสังคมไปสู่การใช้งานจริง
ความร่วมมือในประเทศไทยของ Meta: ผลักดันการท่องเที่ยวและการค้าข้ามพรมแดน
นอกเหนือจากการนำเสนอโซลูชัน AI ที่ล้ำสมัยแล้ว Meta ยังมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนวาระแห่งชาติของไทยเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจซอฟต์พาวเวอร์ (Economic Soft Power) ของประเทศ ด้วยเหตุนี้ Meta จึงได้จับมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเสริมพลังให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้วยความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของการทำความเข้าใจเส้นทางความสนใจของผู้บริโภค นอกจากนี้ Meta ยังประกาศเปิดตัว "คู่มือการท่องเที่ยว" (Travel Playbook) ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งจะมอบข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่ธุรกิจการท่องเที่ยวสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดคู่มือท่องเที่ยวได้จากช่องบรอดแคสสำหรับธุรกิจ “Meta Thailand for Business” ของเพจ Meta Thailand ที่ https://m.me/j/Abb33bI6aY9FYiBx/ หรือผ่านทางเพจพันธมิตรได้ที่นี่
นอกเหนือจากความร่วมมือในภาคการท่องเที่ยวแล้ว Meta ยังร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ของไทยในการปลดล็อกการค้าข้ามพรมแดนให้กับธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการเจาะตลาดใหม่ๆ และสร้างการเติบโตได้มากกว่าการดำเนินธุรกิจเฉพาะในตลาดภายในประเทศถึงสองเท่า เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ Meta จะเปิดอบรมหลักสูตรการตลาดด้วย AI สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย เพื่อสอนแนวปฏิบัติเชิงกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตไปสู่ตลาดนอกประเทศ
ดร. ราฟาเอล เสริมว่า "ประเทศไทยเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ สำหรับการเติบโตผ่านเทคโนโลยี ด้วยการมอบเครื่องมือและข้อมูลเชิงลึกด้าน AI ที่ล้ำสมัยให้กับธุรกิจไทย เราไม่เพียงแต่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกำลังสำคัญให้พวกเขาสามารถแบ่งปันวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ในระดับโลกอีกด้วย"
Meta ประกาศอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดของ AI ของ Meta ได้แก่ ‘Llama 3.1’ (ลาม่า) ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้โมเดลประมวลผลด้วยภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) การเปิดตัวในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Meta ในการส่งเสริมนวัตกรรมและความร่วมมือภายในชุมชน AI โดยการมอบเครื่องมือ AI ที่ล้ำสมัยมากขึ้นให้แก่นักพัฒนา นักวิจัย และธุรกิจต่างๆ
การเปิดตัวได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญต่างๆ ดังนี้
มีอะไรใหม่ใน Llama 3.1
Llama 3.1 มาพร้อมกับโมเดล 8B และ 70B ซึ่งมีการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติม รวมถึงการเปิดตัว Llama 3 405B ซึ่งเป็นโมเดลแบบโอเพนซอร์สที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ใช้งานได้ง่าย และมีความสามารถมากกว่าที่เคย
หลังจาก Meta ได้เปิดตัวโมเดล Llama รุ่นแรกเมื่อปีที่แล้ว มียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 300 ล้านครั้ง และมีการพัฒนาโมเดลต่อยอดกว่า 20,000 โมเดลสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ปัจจุบัน Meta AI เป็นผู้นำทั้งในด้านความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในภาพรวม ที่มีทั้งความคิดสร้างสรรค์ ความชาญฉลาด และเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย
การขยายการรองรับภาษาไทยของ Llama 3.1
ภายในงาน คุณราฟาเอล แฟรงเคิล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Meta ได้กล่าวถึงแผนงานเกี่ยวกับ Llama 3.1 ในประเทศไทยไว้ว่า "Llama 3.1 อัปเดตล่าสุดของเรากำลังยกระดับมาตรฐานสำหรับโมเดล AI แบบโอเพนซอร์สอีกครั้ง โดยการเปิดตัว Llama 3 405B ครั้งนี้นับเป็นการเปิดตัวโมเดลโอเพนซอร์สที่ใหญ่ที่สุดและก้าวหน้าที่สุดในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ Llama 3.1 ยังรวมถึงการอัปเดตโมเดล 8B และ 70B ซึ่งขณะนี้รองรับภาษาไทยแล้ว โมเดลโอเพนซอร์สนี้จะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวไทยสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับประเทศไทยได้มากขึ้น เราเชื่อว่า AI มีศักยภาพมากกว่าเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน และความคิดสร้างสรรค์ให้แก่มนุษย์ รวมถึงยังช่วยเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมปลดล็อกความก้าวหน้าให้กับธุรกิจและชุมชนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย"
นักพัฒนาสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์นี้เพื่อเข้าถึงการใช้งานโมเดล Llama ได้ที่ https://llama.meta.com/
ปลดล็อกโอกาสด้าน AI สำหรับธุรกิจและชุมชนในประเทศไทย
นอกจาก Llama AI จะเพิ่มการรองรับภาษาไทยแล้ว Meta ยังจะจัดการอบรมและโครงการต่างๆ เพิ่มเติมและให้ทุนสนับสนุนมูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับนักพัฒนาและองค์กรทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
1) ทุนสนับสนุน Llama 3.1 Impact Grants จาก Meta
ทุนสนับสนุน Llama Impact Grants ของ Meta เป็นโปรแกรมระดับโลกที่เปิดรับข้อเสนอโครงการต่างๆ ที่ใช้ Llama AI และฟีเจอร์อื่นๆ ในโมเดล เพื่อเสริมสร้างผลกระทบทางสังคมและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายต่างๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation)
Meta เปิดรับสมัครสำหรับทุนสนับสนุน Llama 3.1 Impact Grants ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องค์กรที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์สามารถส่งข้อเสนอโครงการที่เล่าถึงการใช้ Llama 3.1 ในการแก้ไขปัญหาสังคมในชุมชนของตน โดยผู้ชนะที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับเงินทุนสนับสนุนโครงการสูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ การประกาศผู้ชนะคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปีพ.ศ. 2568
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมทุนสนับสนุน Llama 3.1 Impact Grants ได้ที่นี่ และสมัครเข้าร่วมได้แล้ววันนี้
2) โครงการ AI Accelerator Program สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Meta จะจัดโครงการในระดับภูมิภาคเพื่อให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และโอกาสในการสร้างเครือข่ายสำหรับนักพัฒนา AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
หนึ่งในกิจกรรมอีกมากมายที่จะจัดขึ้นคือโครงการ AI Accelerator Program สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับภูมิภาคที่นักพัฒนา Llama จะส่งข้อเสนอโครงการที่แสดงให้เห็นว่า Llama AI สามารถใช้แก้ไขปัญหาสังคมในประเทศของตนได้อย่างไร ผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน Hackathon ออนไลน์ในสิงคโปร์ เพื่อชิงทุนพิเศษสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนโครงการ โดยโครงการที่มีศักยภาพสูงสุดจะได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัลพิเศษมูลค่าถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ในประเทศไทย Meta ได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)AI Governance Clinic และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) เพื่อจัดการแข่งขันและคัดเลือกผู้ชนะระดับประเทศจำนวนหนึ่งรายเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาคในสิงคโปร์
3) หลักสูตร AI สำหรับ SMEs ในประเทศไทย
Meta ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อเปิดหลักสูตรการตลาดด้วย AI สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย เพื่อเสริมสร้างทักษะและความรู้ในการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ
นอกจากนี้ Meta จะจัดงานสัมมนาด้านการตลาด Meta Marketing Summit ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม โดยจะเชิญผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกว่า 800 รายเข้าร่วมงานเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือและบริการด้าน AI ของ Meta
Meta อัปเดทหลากหลายฟีเจอร์ใหม่บน Messenger ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้การสนทนาและการเชื่อมต่อของผู้คนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเป็นไปอย่างราบรื่นและช่วยเติมเต็มอรรถรสยิ่งขึ้น
ส่งรูปภาพที่มีความละเอียดสูงผ่านแชท
เริ่มแล้ว สายแชทบน Messenger สามารถส่งรูปภาพที่มีความคมชัดมากขึ้นผ่านทางแชทได้แล้ว เพียงเลือกรูปภาพจากปุ่มตัวเลือกในช่องแชท จากนั้นเปิดใช้งานการส่งรูปภาพในรูปแบบความละเอียดสูงด้วยการกดปุ่ม HD ก่อนกดส่ง และยังสามารถเลือกส่งรูปภาพละเอียดสูงได้หลายภาพพร้อมกันอีกด้วย
สร้างอัลบั้มไว้แชร์รูปภาพกับเพื่อนๆ
ผู้ใช้สามารถสร้างอัลบั้มภาพหรือวิดีโอได้จากในกลุ่มแชทโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นภาพความประทับใจจากทริปการเดินทางช่วงสงกรานต์ในช่วงปีที่ผ่านมา หรือโมเมนต์ฉลองวันเกิดของคนในครอบครัว ก็สามารถเก็บช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ในอัลบั้มในกลุ่มแชทได้โดยตรง เพื่อความสะดวกในการแชร์ จัดระเบียบ และเก็บภาพเหล่านี้ไว้เป็นความทรงจำ
ผู้ใช้สร้างอัลบั้มใหม่ในกลุ่มแชท ได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังนี้
· เลือกภาพต่าง ๆ จากเมนูส่งรูปภาพที่อยู่ด้านข้างของช่องส่งข้อความ
· เมื่อกด 'สร้างอัลบั้ม' (Create album) ก็จะมีอัลบั้มไว้เก็บรูปภาพและวิดีโอต่าง ๆ ได้ทันที
· หรือกดค้างที่รูปภาพที่มีอยู่แล้วในแชท แล้วกด 'สร้างอัลบั้ม'
· นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มภาพลงในอัลบั้มที่มีอยู่แล้วได้ง่าย ๆ โดยกดไปที่ 'เพิ่มไปยังอัลบั้ม’ (Add to album)
และยังสามารถเปลี่ยนชื่ออัลบั้มได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังนี้
· กดไปที่อัลบั้มที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ
· กดที่ไอคอนสามจุดเพื่อเปิดเมนู
· กดเลือก 'แก้ไขชื่อ' (Edit name)
· เปลี่ยนและยืนยันชื่ออัลบั้มใหม่
ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มแชทจะสามารถดู เพิ่ม ลบ และดาวน์โหลดรูปภาพและวิดีโอจากอัลบั้มที่ถูกแชร์ได้ และเมื่อไรก็ตามที่ต้องการค้นหาอัลบั้มที่สร้างไว้ ผู้ใช้สามารถกดไปที่ชื่อกลุ่มแชทและเลือกที่เมนู 'สื่อ' (Media) ได้ทันที
เพิ่มเพื่อนใหม่ผ่าน QR code
ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์เพื่อเพิ่มเพื่อนใน Messenger อีกต่อไป เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้นด้วยฟีเจอร์ใหม่ในการเพิ่มเพื่อนผ่านการสแกน QR code ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งจากการสแกน QR code โดยตรง รวมถึงการแชร์ QR code ผ่านลิงก์
ผู้ใช้สามารถให้อีกฝ่ายเพิ่มเป็นเพื่อนทาง Messenger ได้ง่าย ๆ โดยไปที่การตั้งค่าและกดเลือกไอคอน QR code ด้านบน จากนั้นให้เพื่อนสแกน QR code ด้วยกล้องถ่ายภาพบนมือถือ หรือส่งลิงก์ให้อีกฝ่ายโดยการกด 'แบ่งปัน' (Share)
ส่งไฟล์ที่มีขนาดใหญ่สูงสุด 100MB ได้จากมือถือโดยตรง
ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอีเมลในการส่งไฟล์ขนาดใหญ่อีกต่อไป ขณะใช้งาน Messenger ผู้ใช้สามารถเลือกปุ่มเครื่องหมายบวก ‘+’ และเลือกไฟล์ที่มีขนาดสูงสุด 100MB เพื่อแชร์ระหว่างการสนทนาผ่านการแชท โดยฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถรองรับไฟล์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Word, PDF, Excel, และ ZIP
Meta ยังคงเดินหน้าพัฒนา Messenger อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ Messenger เป็นแพลตฟอร์มที่มอบพื้นที่ในการแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล การสนทนาที่เป็นส่วนตัว และการเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงและครอบครัว หรือชุมชนออนไลน์ในวงกว้างขึ้น โดยเราหวังว่าผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินไปกับการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้ และอย่าลืมติดตามอัปเดทเพิ่มเติมที่กำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ผ่านทาง Meta Thailand Facebook Page https://www.facebook.com/MetaTH
ปัจจุบัน มีการประมาณการณ์ว่ามีผู้ระบุว่าตนมีความพิการมากกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลก