November 22, 2024

พฤกษา โฮลดิ้ง แตกไลน์ธุรกิจรับเทรนด์ตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต็ต็Hออนไลน์ ปั้น ‘Clickzy Mart’ แพลตฟอร์มเดลิเวอรีรวมสินค้าอุปโภค บริโภค ของกินของใช้ เชื่อมต่อผู้บริโภคและร้านค้าใกล้บ้าน ให้ซื้อขายได้ง่ายขึ้นใน ‘คลิก’ เดียว จัดส่งรวดเร็ว แก้ Pain Points ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y ที่มีเวลาจำกัด ต้องเผชิญปัญหาการจราจร ความแออัดของร้านค้า เครียดกับการแพลนเรื่องมื้ออาหาร และระบบการจัดส่งแบบเก่าที่ต้องเลือกเวลารวมทั้งมีค่าจัดส่งที่สูง พร้อมส่งเสริมร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่ม คาดผลตอบรับดี ปี 67 ตั้งเป้าโกยรายได้ 70 ล้านบาท

นายบุญไทย แก้วโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด ผู้บริหารกลุ่มงานสตาร์ทอัพ ในเครือ พฤกษา โฮลดิ้ง กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าราว 50 ล้านล้านบาท ในปี 2570  ขณะที่ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y (อายุ 25-40 ปี) ซึ่งเป็นฐานผู้บริโภคสำคัญ อยู่ในวัยทำงาน และมีกำลังซื้อ มักต้องเผชิญกับปัญหาการขาดเวลา ปัญหาการจราจรบนท้องถนน ความแออัดของร้านค้า ความเครียดที่เกิดจากการตัดสินใจว่าจะทำอาหารอะไรในแต่ละวัน ตลอดจนปัญหาจากการจัดส่งแบบเก่าที่ต้องเลือกเวลาในการจัดส่ง และมีค่าจัดส่งที่สูง ขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ซึ่งเติบโตมาในยุคดิจิทัล ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย การประหยัดเวลา และสนใจสิ่งแวดล้อม โดยมีการใช้เวลาบนโลกออนไลน์เฉลี่ย 8 ชั่วโมง 55 นาทีต่อวัน และพร้อมที่จะลงทุนในสินค้าและประสบการณ์ที่เพิ่มคุณภาพชีวิตและความสุขของตนเอง จึงเป็นที่มาที่ทำให้ พฤกษา โฮลดิ้ง ตัดสินใจเพิ่มบริการเดลิเวอรี Clickzy Mart (คลิกซิมาร์ท) ภายใต้แนวคิด Local Market and Premium Healthy Groceries’ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่และมุ่งเน้นส่งเสริมร้านค้าท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมการจัดส่งที่รวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง*  ซึ่งสอดคล้องตามกรอบแนวคิด ‘อยู่ดี มีสุข’ ของกลุ่มพฤกษา โฮลดิ้ง  

Clickzy Mart เป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ www.clickzy.com ในรูปแบบ Hyperlocal Marketplace ที่รวบรวมสินค้าเอาไว้มากมาย เพียงคุณมีคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถช้อปปิงที่ Clickzy Mart ได้จากทุกที่ตลอด 24 ชม. และเรายังมีระบบบริการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร จะสั่งเยอะ สั่งน้อย Clickzy Mart ก็พร้อมบริการจัดส่งให้ถึงมือ นอกจากนั้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ เลือกช็อปสินค้าได้แบบไร้กังวล Clickzy Mart ยังมีฟังก์ชันดีๆ ไว้ให้บริการ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า เพียงแค่เลือกสินค้าที่ต้องการแล้วกดเปรียบเทียบราคาได้เลยง่ายๆ ทั้งนี้ สำหรับ Clickzy Mart นอกจากจะมุ่งมั่นช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภค เรายังมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการที่ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการบนแพลตฟอร์มของเราด้วย” นายบุญไทย กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซินเนอร์จี โกรท ยังกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับสินค้าที่นำมาให้เลือกสรรบนแพลตฟอร์มของ Clickzy Mart มีทั้งสินค้าจากร้านค้าในท้องถิ่นใกล้บ้านลูกค้า ตลอดจนสินค้าอุปโภค บริโภค  ระดับพรีเมียมจาก Villa Market ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Clickzy Mart โดยกลุ่มลูกค้าของ Clickzy Mart หลักๆ คือผู้บริโภคกลุ่ม Millennials หรือ Gen Y รวมถึงผู้ที่ต้องการใช้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็วทันใจ ซึ่งในปีนี้ Clickzy Mart จะเริ่มให้บริการลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนกลางก่อน และจะปูพรมขยายบริการไปยังพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (รวม 79 พื้นที่) ในปี 2568  

“จากการที่ Clickzy Mart สามารถช่วยแก้ Pain Points ของลูกค้าในด้านต่างๆ รวมถึงจุดเด่นในเรื่องของสินค้าที่มีความหลากหลายในราคาที่เหมาะสม การจัดส่งที่รวดเร็วทันใจ และยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายเล็กในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น เชื่อว่า Clickzy Mart จะได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยในปี 2567 คาดว่า Clickzy Mart จะสร้างรายได้ประมาณ 70 ล้านบาท และคาดว่าจะโตขึ้นอีก 200% ในปีหน้า สอดคล้องกับเทรนด์ของตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว” นายบุญไทย กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่รวมสินค้าอุปโภค บริโภค ของกินของใช้จากร้านค้าใกล้บ้าน พร้อมการจัดส่งที่รวดเร็ว สามารถสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก Clickzy Mart ได้ที่ https://clickzymart.com/ ซึ่งสำหรับลูกค้าใหม่ รับส่วนลดทันที 50 บาท ไม่มียอดสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำ เพียงใส่โค้ด "CMNM50" ตั้งแต่วันนี้-31 ส.ค. 2567

“พฤกษา โฮลดิ้ง” เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ทำรายได้ 4,171 ล้านบาท ได้รับการตอบรับดีเกินคาดจากการออกหุ้นกู้  2 ชุด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โฟกัสเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มพรีเมียม เดินหน้าตามแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสสอง  7 โครงการ มูลค่า 7,100 ล้านบาท  ธุรกิจเฮลท์แคร์เติบโตในทุกมิติ ทำรายได้สูงขึ้น 21%  สานต่อความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ พร้อมลงทุนเพิ่มสัดส่วนการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อย่างต่อเนื่อง

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ว่า บริษัททำรายได้ราว 4,171 ล้านบาท  ในช่วงไตรมาสแรก ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นที่ 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ 31.5% และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.31 เท่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ แบบมีผู้ค้ำประกัน จำนวน 2 ชุด ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งได้ออกหุ้นกู้แล้วเสร็จในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีอายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.18% ต่อปี และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.48% ต่อปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ระดับ A-  ซึ่งบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจ ทำให้ได้รับยอดจองสูงกว่ามูลค่าที่ทำการเสนอขายประมาณ 1.5 เท่า ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จำนวน 4,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และต่อยอดธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวมต่อไป

ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  บริษัทฯ ทำยอดโอนได้ 3,475 ล้านบาท และทำยอดขายได้ 3,374 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมียอดขาย 1,342 ล้านบาท เติบโตราว 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ในขณะที่สินค้าในกลุ่มพรีเมียมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากการเปิดการขายโครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ในช่วงไตรมาสแรก สอดคล้องกับแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มพรีเมียม (มากกว่า 7 ล้านบาท) ให้มากขึ้นเป็น 50%  ในครึ่งปีแรก ยังคงแผนการเปิดโครงการใหม่ รวม 8 โครงการ มูลค่า  9,000 ล้านบาท (เปิดไปแล้ว 1 โครงการ ในไตรมาสแรก ได้แก่ โครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ) และในครึ่งปีหลัง 22 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีโครงการไฮไลท์สำคัญที่กำลังจะเปิดใหม่เร็ว ๆ นี้ อาทิ โครงการแบรนด์ใหม่ “ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น สไตล์ British Timeless Elegance และโครงการ “เดอะปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล” บ้านหรูสไตล์พูลวิลล่า ดีไซน์คลาสสิค French Hussmann พร้อมนวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงานภายในบ้าน (Active Air Quality, Active Air Flow) นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการใช้ชีวิตที่ดี พร้อมมีทีมแพทย์จาก รพ.วิมุต และ Chersery Home International ดูแลสุขภาพทุกคนในครอบครัวถึงที่บ้านเหมือนมีแพทย์ประจำครอบครัว บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Service) และบริการจากแอปพลิเคชัน MyHaus นวัตกรรมระบบบ้านอัจฉริยะ ที่จะเป็นศูนย์กลางดูแลเรื่องความปลอดภัยในบ้าน และอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านและนิติบุคคลเข้ามาใช้ เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างและโดดเด่นให้กับโครงการ  นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 4,429 ล้านบาท และยังมีสินค้าที่ยังเปิดขายอยู่มูลค่ารวม 61,269 ล้านบาท ซึ่งยังคงรองรับการเติบโตได้ถึง 2 ปี

ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ มีทิศทางเติบโตในทุกมิติ ทำรายได้ 499 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 โดยมีรายได้สูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกสูงขึ้น (แบ่งเป็นผู้ป่วยชาวไทย และชาวต่างชาติสูงขึ้น 32% และ 30% ตามลำดับ) ช่วงระหว่างปีที่ผ่านมาเดินหน้าสานต่อแผนสู่ความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ (Trusted Healthcare Platform) ประกาศรีแบรนด์ร.พ.เทพธารินทร์ สู่ “โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์” ชูศักยภาพความเป็นผู้ชำนาญและความเป็นเลิศด้านเบาหวานและต่อมไร้ท่อ  และวางแผนขยายบริการไปถึงกลุ่มลูกบ้านพฤกษาผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ  นอกจากนี้ โรงพยาบาลวิมุต ยังได้ขยายบริการเพิ่มเติม ทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมขากรรไกรและใบหน้า (Maxillofacial Surgery) เปิด “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต (ViMUT LASIK Center)” ชูนวัตกรรมที่ปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมเครื่อง “FEMTO LDV Z8” จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุและครอบครัวในย่านวัชรพล เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพของลูกค้าในโครงการบ้านในละแวกนั้น และชุมชนใกล้เคียงทั้งหมดเพื่อเติมเต็มอีโคซิสเต็มในเครือพฤกษา ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามกรอบแนวคิด “อยู่ดี มีสุข”

ด้านการดำเนินงานต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ประจำตามกลยุทธ์ Seed new business ล่าสุดเดินหน้าตามแผนงานการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” คลังสินค้าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยพร้อมบริการโซลูชันแบบองค์รวม มูลค่า 8,430 ล้านบาท บนพื้นที่ย่านบางบ่อรวมกว่า 200,000 ตารางเมตร ภายใต้บริษัทร่วมทุน 51:49 กับกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund”  โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569 เป็นต้นไป โดยจะมี แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) นำโซลูชันคลังสินค้าแบบอัจฉริยะและครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิส ติกส์ของประเทศไต้หวันมาร่วมให้บริการด้วย

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  และนายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัท จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และทิศทางการเติบโตของธุรกิจในเครือ

การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ได้รับการรับรองการจัดประชุมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนจากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO อีกทั้งยังสอดคล้องตามนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทด้าน Heart to Earth ใส่ใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความ อยู่ดี มีสุข ของคนในสังคม โดย พฤกษา โฮลดิ้ง ได้กำหนดเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และพร้อมมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ดังนั้น การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 จึงได้วางแผนให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการส่งเสริมให้ผู้ร่วมประชุมเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ลดการใช้กระดาษและพลาสติก พร้อมจัดกิจกรรมเพื่อชดเชยคาร์บอนซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 1,101 ต้น 

คลังสินค้าครบวงจร พร้อมชูมาตรฐานบริการด้วยโซลูชั่นครอบคลุมอาเซียน

ชูความเป็นผู้นำและต้นแบบด้านการแพทย์ระดับสากล ดูแลสุขภาพแบบไร้รอยต่อ พร้อมต่อยอดอีโคซิสเต็มภายใต้ พฤกษา โฮลดิ้ง

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click