โครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 กลับมาอีกครั้งกับงาน SPACE-F Batch 4 Incubator Demo Day ด้วยอีเวนท์การนำเสนอผลงานด้านเทคโนโลยีอาหารของสตาร์ทอัพภายใต้โปรแกรมบ่มเพาะสตาร์ทอัพ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือขององค์กรชั้นนำ
ได้แก่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) ร่วมกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท ดีลอยท์ ประเทศไทย และบริษัท ล็อตเต้ ไฟน์ เคมิคอล จำกัด
ครั้งนี้ โครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 ได้นำ 10 สตาร์ทอัพจากโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพขึ้นเวที เพื่อนำเสนอผลงานแก่นักลงทุน และผู้ที่สนใจในนวัตกรรมด้าน FoodTech โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมบน FoodTech Stage ในงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีแห่งปีอย่าง Techsauce Global Summit 2023 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 16 สิงหาคม 2566
ด้วยศักยภาพและความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยี สตาร์ทอัพทั้ง 10 ทีมได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโปรแกรมบ่มเพาะสตาร์ทอัพ ผ่านการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้ และพัฒนาโซลูชั่นให้มีความเฉียบคมยิ่งขึ้น พร้อมออกสู่ตลาด รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการระดมเงินทุนในระดับ Series A และ Seed Funding
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวเปิดงาน SPACE-F Batch 4 Incubator Demo Day ว่า "NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม หรือ Focal Conductor มุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ภายใต้แนวคิด Create the Dot - Connect the Dot - Value Creation ผ่านกลยุทธ์ “2 ลด 3 เพิ่ม” ได้แก่ ลดความเหลื่อมล้ำ ลดอุปสรรคการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพิ่มจำนวนนวัตกรและผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม และเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม
โครงการ SPACE-F นับเป็นแพลตฟอร์มเริ่มต้นสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และด้วยความร่วมมือของผู้สนับสนุนของโครงการ เราสามารถกระตุ้นนวัตกรรมและสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยสนับสนุนให้กับสตาร์ทอัพเติบโต
ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นของสตาร์ทอัพในโครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 ถือเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการเติบโตของสตาร์ทอัพ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในระดับโลกอีกด้วย"
ดร. ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรม บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนเชื่อว่าโครงการ SPACE-F จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารให้มีความยั่งยืนอย่างมีนัยยะ และสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมการนำเสนอในงานในปีนี้ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการพัฒนาเทคโนโลยีที่สร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งครอบคลุมสาขาต่าง ๆ ตั้งแต่การนำผลผลิตรองมาผ่านกระบวนการเพื่อเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ไปจนถึงการนำเสนออาหารทางเลือกแห่งอนาคต อย่างผลิตภัณฑ์ที่มาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ”
สตาร์ทอัพ 10 ทีมในโปรแกรมบ่มเพาะสตาร์ทอัพ โครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 ประกอบไปด้วย
· BIRTH2022 เครื่องดื่มกาแฟสกัดเย็นจากเมล็ดกาแฟหมักด้วยแบคทีเรียโพรไบโอติก ที่มีส่วนช่วยให้มีรสชาติที่แตกต่าง มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเก็บรักษาได้นานขึ้น
· ImpactFat: ไขมันปลาจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ อุดมไปด้วยสารอาหาร โอเมก้า 3 และไม่มีกลิ่นคาวปลา และสามารถช่วยเสริมรสชาติของอาหารได้ดียิ่งขึ้น
· Marinas Bio: อาหารทะเลจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ เน้นวัตถุดิบที่เป็นอาหารทะเล เช่น ไข่ปลาคาร์เวีย และ ไข่ปลาแซลมอน ที่ไม่สามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
· Mycovation: นำเสนอวัตถุดิบอาหารรูปแบบใหม่จากรากเห็ดที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีการหมัก
· NutriCious: เครื่องดื่มไข่ขาวแคลอรี่ต่ำเพื่อสุขภาพ รสชาติดี และอุดมไปด้วยสารอาหารจากนม และโปรตีน
· Plant Origin: ผลิตภัณฑ์ไข่ทดแทนจากโปรตีนรำข้าว
· Probicient: เบียร์โพรไบโอติกเจ้าแรกของโลก ทางเลือกของเครื่องดื่มสังสรรค์ที่ให้ผลดีต่อสุขภาพของคุณ!
· The Kawa Project: ผงโกโก้ทดแทนจากกากกาแฟ ที่มีรสชาติและรสสัมผัสที่ไม่แตกต่างจากต้นฉบับ มีราคาที่ถูกกว่า และสามารถนำไปประยุกต์ได้หลากหลาย
· Trumpkin: ชีสทางเลือกที่ผลิตจากเมล็ดฟักทอง สามารถทดแทนชีสจากผลิตภัณฑ์นม
· Zima Sensors: เซ็นเซอร์ตรวจจับการรั่วไหลของอากาศในบรรจุภัณฑ์โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบการรั่วไหลได้อย่างต่อเนื่อง
รองศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวปิดกิจกรรม SPACE-F Batch 4 Incubator Demo Day โดยกล่าวถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการวิจัย ที่สนับสนุนทรัพยากร เครื่องมือ และผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขาให้แก่ผู้ประกอบการด้าน FoodTech
มหาวิทยาลัยมหิดลริเริ่มโครงการ Mahidol Pre-incubation for SPACE-F เป็นโครงการบ่มเพาะทีม Startup ที่มาจากการรวมตัวของนักศึกษา อาจารย์ และนักวิจัยในมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีการติวเข้มในด้านต่างๆ ได้แก่ การพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์และตลาด การจัดทำแบบจำลองธุรกิจและแผนพัฒนาธุรกิจ รวมถึงทักษะการเป็นผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน
“หนึ่งในสตาร์ทอัพที่นำเสนอผลงานในวันนี้ นับเป็นผลงานจากโครงการ Mahidol Pre-incubation for SPACE-F เช่นกัน ทางมหาวิทยาลัยมหิดลตั้งใจที่จะสนับสนุน และยินดีต้อนรับสตาร์ทอัพที่มีความสนใจในการพัฒนาโซลูชั่นด้านอาหาร เพื่อเข้าร่วมโครงการในปีถัด ๆ ไป”
ปิดท้ายด้วย คุณต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เน้นถึงบทบาทสำคัญของโครงการ SPACE-F ที่มีส่วนในการเชื่อมโยงนวัตกรรมต่าง ๆ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับนวัตกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มในระดับโลก “ไทยเบฟมองว่าโครงการ SPACE-F นั้นเป็นแพลทฟอร์มที่ช่วยส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงการสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ รวมถึงการดำเนินการเพื่อสิ่งแวดล้อม”
ด้วยความสำเร็จของสตาร์ทอัพทั้ง 4 รุ่น โครงการ SPACE-F นับเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพได้เข้าถึงการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ การเชื่อมโยงทางธุรกิจ และพื้นที่ทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพเหล่านั้นสามารถต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร (FoodTech) และนวัตกรรมในระดับสากล
สตาร์ทอัพที่สนใจ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สามารถสมัครเข้าร่วมในโครงการ SPACE-F รุ่นที่ 5 เพื่อเข้าสู่เครือข่ายของกลุ่มผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านอาหาร และรับโอกาสในการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ร่วมงานกับเพื่อนร่วมโครงการที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน และเข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณค่า ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ
ติดตาม SPACE-F ได้ทางเว็บไซต์ www.space-f.co หรือผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมของโครงการ SPACE-F รวมถึงความสำเร็จและผลงานของสตาร์ทอัพในโครงการรุ่นต่าง ๆ รวมถึงข่าวสารเกี่ยวกับโครงการ SPACE-F รุ่นที่ 5
กรุงเทพฯ 28 มีนาคม 2566 - สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) ร่วมกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด เปิดตัว 20 สตาร์ทอัพ ภายใต้โครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โครงการ SPACE-F นั้น มุ่งเน้นให้สตาร์ทอัพในธุรกิจเทคโนโลยีอาหารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม รองรับกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตที่ต้องเผชิญในอุตสาหกรรม สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายและแหล่งเงินทุน เพื่อการเติบโตของธุรกิจ
นอกจากนี้ สตาร์ทอัพทุกทีมที่เข้าร่วมโครงการยังมีโอกาสเข้าใช้สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงโอกาสในการสร้างผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดร่วมกับ Thai Union Group PCL หนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในปีนี้ เรามีสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการ SPACE-F รุ่นที่ 4 ทั้งสิ้น 20 ราย แบ่งออกเป็น 10 ราย จาก 3 ประเทศ เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะ (Incubator program) และ 10 ราย จาก 6 ประเทศ เข้าร่วมโครงการเร่งการเติบโต (Accelerator program)
ดร. ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ Group Director, Global Innovation บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานเปิดตัวโครงการว่า ประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ที่สุดโลก จนได้รับการขนานนามว่า “ครัวของโลก” แต่หากมองในมุมการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหาร หรือสตาร์ทอัพที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ก็จะพบว่าประเทศไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้วไม่ได้มีความโดดเด่นทางด้านนี้เลย ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จึงจับมือกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) และมหาวิทยาลัยมหิดล สร้างแพลตฟอร์มที่ดึงดูดสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหาร ที่น่าสนใจมาบ่มเพาะ และเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพในประเทศไทยผ่าน SPACE-F Global FoodTech Incubator and Accelerator ที่มีการเตรียมการระบบนิเวศ และความเชี่ยวชาญให้เพรียบพร้อม เพื่อผลักดันให้สตาร์ทอัพเติบโตและประสบผลสำเร็จได้เร็ว สร้างอิมแพคให้อุตสาหกรรมได้ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มของเราได้มีการสนับสนุนสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมอย่างเต็มที่ โดยวันนี้เรามีสตาร์ทอัพกว่า 90% ที่ยังคงมีการเติบโตทางธุรกิจ และสร้าง
คุณค่าต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เราเชื่อว่าประเทศไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหารของโลก เป็นศูนย์กลางเพื่อสร้าง บ่มเพาะ เร่งการเติบโตเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านอาหารระดับโลก”
FoodTech startups 10 ราย เข้าร่วม Incubator program
1. ImpacFat (Singapore): Enhancing nutrition and taste of alternative meats with fish cell-based fat
2. Marina Biosciences (Singapore): cultivate seafood delicacies to make exquisite foods more exquisite, whilst saving the lives of animals
3. Mycovation (Singapore): Transforming Mycelium into novel ingredients using fermentation technology
4. Nutricious (Thailand): Egg White Protein-Rich Beverage
5. Plant Origin (Thailand): Egg Alternative from Rice Bran Protein
6. PROBICIENT (Singapore): the world’s first probiotics beer
7. Rak THAIs by Angkaew Lab (Thailand): Fermented espresso cold brew coffee
8. The Kawa Project (United States): sustainable alternative to cocoa powder
9. Trumpkin (Thailand): non-dairy cheese from pumpkin seed
10. Zima Sensors (Singapore): Package Leak Detection, made seamless
FoodTech startups 10 ราย เข้าร่วม Accelerator program
1. Genesea (Israel): Seaweed food tech company, producing alternative protein extraction & ingredients from macro-algae
2. Lypid (United States): Alternative fat solutions
3. NovoNutrients (United States): The low-cost, globally scalable solution for making alternative protein by capturing carbon
4. TeOra (Singapore): Building the future of sustainable food for 10 billion humans
5. AlgaHealth (Israel): We put healthy into food!
6. Seadling (Malaysia): Seaweed Functional Nutrition
7. MOA (Spain): healthy food for a sustainable future
8. Pullulo (Singapore): ACHIEVING A SUSTAINABLE FUTURE WITH MICROBIAL PROTEIN
9. The Leaf Protein Co. (Australia): Unlocking Earth’s most abundant source of protein
10. AmbrosiaBio (Israel): Enabling a healthy lifestyle without compromising the product's taste
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ SPACE-F สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.space-f.co