SiteMinder ผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะเข้ามาปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้เต็มรูปแบบให้กับโรงแรม เดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของการจัดการรายได้สำหรับโรงแรม เปิดตัว ‘Dynamic Revenue Plus’ โซลูชันที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาดได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถดำเนินการจัดการทั้งห้องพักที่ว่างให้บริการ ราคา หรือกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายห้องพักได้ในทันที ซึ่งนับเป็นการพัฒนาที่แตกต่างจากระบบการจัดการรายได้แบบเดิมที่สามารถเข้าถึงโรงแรมได้อย่างจำกัด โดย Dynamic Revenue Plus ทำให้โรงแรมทุกขนาดสามารถจัดการรายได้ได้ตามต้องการผ่านระบบที่ออกแบบสำหรับใช้งานบนมือถือโดยเฉพาะ
จุดแข็งของ Dynamic Revenue Plus คือการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มของ SiteMinder ซึ่งรวบรวมข้อมูลการจองห้องพักกว่า 120 ล้านรายการต่อปี ทำให้ผู้ใช้งาน Dynamic Revenue Plus ได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งรวมถึงตลาดสำคัญๆ และในเร็วๆนี้ จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมด้านการแนะนำราคาห้องที่เหมาะสมแบบไดนามิกจาก IDeas ซึ่งเป็นบริษัท SAS และผู้ให้บริการซอฟท์แวร์ด้านการจัดการรายได้ชั้นนำของโลกเพิ่มเข้ามาอีกด้วย ซึ่งจากการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งในการกำหนดราคาแบบไดนามิกของ IDeaS และแพลตฟอร์มช่องทางการจัดจำหน่ายห้องพักที่มาพร้อมข้อมูลเชิงลึกของ SiteMinder นั้น จะช่วยมอบความสามารถในการจัดการรายได้ที่มีประสิทธิภาพ ให้สามารถตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดให้กับโรงแรมทุกขนาด รวมถึงโรงแรมที่มีทรัพยากรจำกัดด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีโซลูชันที่รวมทั้งสองการจัดการเข้าด้วยกัน รวมถึงมีข้อจำกัดที่สามารถเข้าถึงเฉพาะโรงแรมที่มีการจัดสรรทรัพยากรสำหรับจัดการด้านรายได้เท่านั้น
การใช้โซลูชันที่ครบวงจรนี้เอง จะทำให้โรงแรมต่างๆ สามารถเปลี่ยนวิธีการจัดการรายได้แบบเดิมที่มีการปรับเปลี่ยนได้ช้าและไม่สม่ำเสมอไปสู่วิธีการแบบไดนามิก ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอเผื่อตอบสนองต่อตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาทิเช่น การอัปเดตอัตราห้องพักจำนวนมาก การกำหนดขั้นต่ำของอัตราห้องพัก และระยะเวลาการเข้าพักใหม่ ข้อจำกัดในการขาย การปรับรายการห้องพักที่ว่างให้บริการ รวมไปถึงโปรโมชันการตลาดรูปแบบใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป
Klaus Kohlmayr ตำแหน่ง Chief Evangelist and Development Officer ของ IDeaS กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะทำให้การจัดการรายได้สามารถเข้าถึงได้ และสร้างประโยชน์ของการกำหนดราคาแบบไดนามิกที่พิจารณาจากความต้องการตลาดให้กับโรงแรมทั่วโลก ซึ่งความร่วมมือนี้จะเข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือให้กับโรงแรมทุกขนาด รวมไปถึงช่วยลดการสูญเสียรายได้จากวิธีการและเครื่องมือการจัดการรายได้แบบแมนนวลที่ล้าสมัย”
Dynamic Revenue Plus ก่อตั้งขึ้นช่วงปลายปี 2566 เพื่อสะท้อนข้อมูลจากการจัดจำหน่ายห้องพัก การเพิ่มประสิทธิภาพของรายได้ และกลยุทธ์การวิเคราะห์ข้อมูลตลาดที่ SiteMinder มองเห็นจากโรงแรมทั่วโลก เพื่อส่งเสริมกลยุทธ์ทำรายได้ให้กับแผนกต่างๆของโรงแรม โดยในช่วงแรก Dynamic Revenue Plus พร้อมให้ใช้งานสำหรับโรงแรมในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เท่านั้น และจะขยายสู่ตลาดอื่นๆในปี 2025 ซึ่ง Dynamic Revenue Plus ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ Smart Platform ของ SiteMinder ในการทำให้การจัดการรายได้ที่ซับซ้อนสามารถเข้าถึงได้สำหรับโรงแรมทุกขนาดทั่วโลก
การเปิดตัว Dynamic Revenue Plus เกิดขึ้นท่ามกลางการเพิ่มขี้นของการเดินทางระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมการจัดงานที่กำลังเฟื่องฟู ซึ่งส่งเสริมเศรษฐกิจโรงแรมทั่วโลก โดยข้อมูลจาก SiteMinder ชี้ให้เห็นว่าเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวันสำหรับโรงแรมในประเทศไทยมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลในปีก่อนหน้า และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว โซลูชัน Dynamic Revenue Plus สามารถมอบข้อมูลการจัดงานครบถ้วนที่สุดในตลาด พร้อมทั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้โรงแรมสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของกระแสการเดินทาง การจัดงานต่างๆ และโอกาสสำคัญอื่นๆ ที่สามารถช่วยเพิ่มรายได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
Leah Rankin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ SiteMinder กล่าวว่า “แม้ข้อมูลเชิงลึกของตลาดจะไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ Dynamic Revenue Plus ของ SiteMinder มีความโดดเด่นเหนือโซลูชันที่มีอยู่ สำหรับขีดความสามารถที่มอบให้กับเจ้าของโรงแรม ที่ไม่เพียงแต่การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเท่านั้น แต่ยังสามารถดำเนินการหลายอย่าง นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงราคา ภายในเวลาไม่กี่นาทีได้อีกด้วย นอกจากนี้ โซลูชันที่เน้นสำหรับใช้งานบนมือถือนี้ จะช่วยให้โรงแรมประเมินประมาณและช่วงเวลาของความต้องการในอนาคต ทำให้เจ้าของโรงแรมสามารถปรับตัวตามตลาดได้เป็นอย่างดี โดย Dynamic Revenue Plus เป็นโซลูชันแรกที่รวมความสามารถทั้งหมดเข้าด้วยกัน จากการร่วมมือของทีม IDeaS และ SiteMinder ซึ่งเรามีความยินดีที่จะนำเสนอความสามารถนี้ให้กับโรงแรมทุกแห่งที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ไปสู่การจัดการรายได้แบบไดนามิกและขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้อย่างมีนัยสำคัญ”
Fready Goenawan ตำแหน่ง Revenue and Distribution Manager AU ที่ Ovolo Hotels กล่าวว่า “การแจ้งเตือนที่เราได้รับผ่าน Dynamic Revenue Plus ทำให้เราไม่จำเป็นต้องค้นหาข้อมูลนี้บนอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ปฏิทินวันหยุดที่เราเคยต้องจัดการเอง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาให้กับทีมของเราได้อย่างมาก รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกที่เราใช้สำหรับการศึกษาตลาดทางภูมิศาสตร์ของเราซึ่งไม่มีอยู่ในระบบอื่นๆ อีกด้วย โดยการใช้แพลตฟอร์มของ SiteMinder เราสามารถเห็นได้ทันทีว่าแขกผู้เข้าพักจากประเทศใดกลับมาใช้บริการที่โรงแรมของเรา และยังสามารถแบ่งข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ระยะเวลาการเข้าพัก ซึ่งทำให้เราสามารถเปิดตัวโปรโมชันใหม่ที่เหมาะสมได้ หรือเมื่อต้องการเพิ่มรายได้สูงสุด เราต้องรู้ว่ารายได้นั้นมาจากตลาดใดเป็นหลัก ทำให้สามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสมหรือการมีข้อมูลของตลาดปลายทางก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรู้ว่าเรากำลังนำหน้าหรือตามหลังจังหวะของตลาดซึ่งโซลูชันของ SiteMinder นับว่ามีประสิทธิภาพมากในด้านนี้”
โรงแรมที่สนใจ Dynamic Revenue Plus สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่
SiteMinder ผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะเข้ามาปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้เต็มรูปแบบให้กับโรงแรม ร่วมกับ Cloudbeds แพลตฟอร์มชั้นนำด้านการบริหารจัดการโรงแรม (PMS) สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อขยายการเชื่อมต่อระหว่างสองแพลตฟอร์ม และเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ให้กับโรงแรมกว่า 60,000 แห่งทั่วโลก
ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของ Cloudbeds สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการจัดการรายได้ของ SiteMinder ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงลูกค้าทางฝั่ง SiteMinder ยังสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มระบบจัดการโรงแรม (PMS) ชั้นนำของ Cloudbeds อีกทั้งยังเป็นการขยายขีดความสามารถในการจัดจำหน่ายห้องพัก และให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการโรงแรม เพื่อช่วยให้พวกเขาตัดสินใจทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
ความร่วมมือครั้งนี้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพันธมิตรระหว่างแพลตฟอร์ม เพื่อมอบประสบการณ์ในการเริ่มต้นการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความแม่นยำในการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้บริการโรงแรมของทั้งสองแพลตฟอร์ม
“ปลายปี 2566 เราได้ประกาศพันธกิจในการทำให้โรงแรมทุกแห่งในโลกสามารถเข้าถึงการจัดการรายได้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับผู้นำในอุตสากรรมอย่าง Cloudbeds เพื่อขับเคลื่อนพันธกิจนี้ โดยการลดการกระจัดกระจายของข้อมูลจากการเป็นระบบจัดการแบบแยก” Sankar Narayan ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการของ SiteMinder กล่าว “ความร่วมมือในครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความสามารถของแพลตฟอร์ม SiteMinder ที่มีการจัดการรายได้ให้กับโรงแรมถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รวมถึงจุดยืนที่เราเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการรายได้ให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมทั่วโลก สานต่อพันธกิจที่มีมาอย่างยาวนานของ SiteMinder ในการลดข้อจำกัดต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่มีการกระจายตัวของข้อมูล”
Adam Harris, CEO ของ Cloudbeds กล่าวว่า “ความร่วมมือของเรากับ SiteMinder เป็นการรวมตัวกันของยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างแพลตฟอร์มโรงแรม และสร้างมาตรฐานใหม่สําหรับผู้ประกอบการโรงแรมทั่วโลกอีกทั้งความร่วมมือนี้ ยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการโรงแรมทั่วโลก โดยเพิ่มการมองเห็นผ่านการควบคุมจากตัวกลางบนแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งเรามีความยินดีอย่างยิ่งในการมอบโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรม ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความยุ่งยากให้กับการดำเนินงานของโรงแรม”
ผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศไทย เดินหน้าปรับตัวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการท่องเที่ยว หลังปี 2566 อัตราการเข้าพักในโรงแรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33% โดยในประเทศไทยเอง อัตราการเข้าพักในโรงแรมกว่า 90% มาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แม้ว่าราคาห้องพักโรงแรมโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นถึง 19% ก็ตาม ตอกย้ำถึงความสนใจในการเดินทางสู่จุดหมายปลายทางชั้นนำของโลกที่กำลังเติบโตขึ้นของนักท่องเที่ยว
เทศกาลสำคัญของประเทศไทยมีส่วนช่วยกระตุ้นอัตราการจองโรงแรมให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการท่องเที่ยวนี้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เทศกาลสงกรานต์ที่จัดขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นำมาซึ่งการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกือบ 2 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 38% เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่คึกคักไม่แพ้กัน มีอัตราการจองโรงแรมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยสูงถึง 23% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์กว่า 13%
ตัวเลขเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแสดงถึงความน่าสนใจของการท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในปีนี้ คาดการณ์ได้ว่าอัตราของห้องพักอาจมีเพิ่มขึ้นถึง 10,000 ห้อง เตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย ที่อาจมีมากขึ้น จากนโยบายยกเว้นวีซ่าสำหรับทั้งสองสัญชาติของรัฐบาล
จากการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมโรงแรมที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีความตื่นตัว เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยในประเทศไทย โรงแรมที่มีความได้เปรียบในด้านรายได้มากที่สุด คือโรงแรมที่สามารถปรับตัวเข้ากับเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นได้เสมอ ผ่านการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับโอกาสในการสร้างรายได้ที่ต้องอาศัยความรวดเร็วให้กับผู้ประกอบการ เช่น การจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสำคัญ หรือการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่แข่ง รวมไปถึงการเกิดขึ้นของตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ
การจัดการรายได้ ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกหรือจำกัดเพียงแบรนด์โรงแรมใหญ่ๆอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากขึ้นสำหรับโรงแรมทุกแห่งในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงแรมบูติกขนาดเล็ก หรือบังกะโลริมชายหาดก็ตาม คุณปณานันท์ ลียะวัฒนากุล Director of Sales โรงแรม Neera Retreat กล่าวถึงความจำเป็นนี้ว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทาง ทำให้เกิดความต้องการในการเดินทางไปพักผ่อนในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแม้ปัจจุบันเรายังไม่มีคู่แข่งโดยตรงภายในพื้นที่ แต่เรายังคงทำการสำรวจโรงแรมที่มีลักษณะใกล้เคียงในบริเวณใกล้เคียง เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันด้านกลยุทธ์ราคาของเราต่อไป”
ผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศไทย เดินหน้าปรับตัวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการท่องเที่ยว หลังปี 2566 อัตราการเข้าพักในโรงแรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33% โดยในประเทศไทยเอง อัตราการเข้าพักในโรงแรมกว่า 90% มาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แม้ว่าราคาห้องพักโรงแรมโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นถึง 19% ก็ตาม ตอกย้ำถึงความสนใจในการเดินทางสู่จุดหมายปลายทางชั้นนำของโลกที่กำลังเติบโตขึ้นของนักท่องเที่ยว
เทศกาลสำคัญของประเทศไทยมีส่วนช่วยกระตุ้นอัตราการจองโรงแรมให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการท่องเที่ยวนี้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เทศกาลสงกรานต์ที่จัดขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นำมาซึ่งการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกือบ 2 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 38% เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่คึกคักไม่แพ้กัน มีอัตราการจองโรงแรมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยสูงถึง 23% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์กว่า 13%
ตัวเลขเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแสดงถึงความน่าสนใจของการท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในปีนี้ คาดการณ์ได้ว่าอัตราของห้องพักอาจมีเพิ่มขึ้นถึง 10,000 ห้อง เตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย ที่อาจมีมากขึ้น จากนโยบายยกเว้นวีซ่าสำหรับทั้งสองสัญชาติของรัฐบาล
จากการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมโรงแรมที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีความตื่นตัว เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยในประเทศไทย โรงแรมที่มีความได้เปรียบในด้านรายได้มากที่สุด คือโรงแรมที่สามารถปรับตัวเข้ากับเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นได้เสมอ ผ่านการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับโอกาสในการสร้างรายได้ที่ต้องอาศัยความรวดเร็วให้กับผู้ประกอบการ เช่น การจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสำคัญ หรือการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่แข่ง รวมไปถึงการเกิดขึ้นของตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ
การจัดการรายได้ ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกหรือจำกัดเพียงแบรนด์โรงแรมใหญ่ๆอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากขึ้นสำหรับโรงแรมทุกแห่งในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงแรมบูติกขนาดเล็ก หรือบังกะโลริมชายหาดก็ตาม คุณปณานันท์ ลียะวัฒนากุล Director of Sales โรงแรม Neera Retreat กล่าวถึงความจำเป็นนี้ว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทาง ทำให้เกิดความต้องการในการเดินทางไปพักผ่อนในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแม้ปัจจุบันเรายังไม่มีคู่แข่งโดยตรงภายในพื้นที่ แต่เรายังคงทำการสำรวจโรงแรมที่มีลักษณะใกล้เคียงในบริเวณใกล้เคียง เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันด้านกลยุทธ์ราคาของเราต่อไป”
ผลสำรวจล่าสุดของ SiteMinder ผู้นำแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะเข้ามาปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้เต็มรูปแบบให้กับโรงแรม เผยให้เห็นว่าเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ส่งผลให้อัตราค่าห้องพักโดยเฉลี่ยพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว
โดยอัตราเฉลี่ยรายวัน (ราคาห้องพัก) ในประเทศไทยระหว่างวันที่ 11-18 เมษายน เพิ่มขึ้นเป็น 5,421 บาท (148 เหรียญสหรัฐ) จาก 4,087 บาท (120 เหรียญสหรัฐ) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเฉลี่ยรายวันดังกล่าว เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนสงกรานต์ที่มีอัตราเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 4,949 บาท (135 เหรียญสหรัฐ) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเทศกาลสงกรานต์ที่มีต่อโรงแรมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ
“ในช่วงเทศกาลสำคัญของประเทศไทยอย่างเทศกาลสงกรานต์ นับเป็นช่วงเวลาที่สร้างรายได้ให้กับโรงแรมได้อย่างดีเยี่ยม” แบรด ไฮนส์ รองประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค บริษัท SiteMinder กล่าว “โรงแรมต่าง ๆ ไม่เพียงแค่สร้างรายได้มากขึ้นกว่าที่เคย ซึ่งเห็นได้จากอัตราเฉลี่ยรายวันที่สูงขึ้น แต่ผลการดำเนินงานในปีนี้ ยังเผยให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับเรทราคาแบบเรียลไทม์ตามแนวโน้มของตลาดในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยรายวันของช่วงสัปดาห์สงกรานต์ปีที่ผ่านมา และช่วงสัปดาห์ก่อนสงกรานต์ในปีนี้”
ข้อมูลจากผลสำรวจของ SiteMinder ยังแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวที่วางแผนการเข้าพักช่วงสงกรานต์ในปีนี้ มีการจองล่วงหน้านานถึง 42 วัน โดยระยะเวลาการจองล่วงหน้านานกว่าเดิมถึง 56% เมื่อเทียบกับการจองล่วงหน้า 27 วันในปีที่แล้ว
การเดินทางภายในประเทศยังเพิ่มขึ้นสูงสุดในเดือนเมษายน นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2566 โดยนักเดินทางภายในประเทศคิดเป็น 23% ของการเช็คอินทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเพียง 13% ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของปีนี้ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จองเข้าพักในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับโรงแรมและที่พักต่าง ๆ ในเครือข่ายของ SiteMinder ส่วนใหญ่มาจากสหราชอาณาจักร เยอรมนี อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และออสเตรเลียตามลำดับ
“แม้ว่าอัตราค่าห้องพักจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากที่เข้ามาพักที่โรงแรมในไทยในเดือนที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความนิยมที่แพร่หลายของเทศกาลสงกรานต์ นอกจากนี้ยังเห็นได้จากระยะเวลาการจองล่วงหน้าที่นานกว่าเดิมถึง 15 วัน แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นที่ผู้คนมีต่อช่วงเทศกาล และเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่วางแผนและจองการเดินทางล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสำคัญ โรงแรมจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยว ซึ่งโรงแรมจะสามารถสร้างรายได้สูงสุดจากการตอบสนองและปรับกลยุทธ์ราคาห้องตามการคาดการณ์ หรือเสนอการอัปเกรดและสิทธิพิเศษให้แขกก่อนเช็คอิน” ไฮนส์ กล่าว
airasia MOVE หรือที่รู้จักกันภายใต้ชื่อเดิมว่า airasia Superapp ได้ประกาศความร่วมมือกับ SiteMinder ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ ที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับโรงแรมอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการนำเสนอตัวเลือกที่พัก และโรงแรมที่หลากหลายสำหรับผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม
การร่วมมือกันในครั้งนี้ ทำให้ airasia MOVE สามารถมอบบริการการจองที่พัก จากโรงแรมพาร์ทเนอร์หลายพันรายของ SiteMinder ในภูมิภาคเอเชีย และในขณะเดียวกัน พาร์ทเนอร์โรงแรมต่างๆ ของ SiteMinder ก็สามารถมอบข้อเสนอที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ผ่าน SNAP แพ็คเกจพิเศษที่รวมที่พักพร้อมเที่ยวบิน ให้แก่ผู้ใช้งานหลายล้านคนของ airasia MOVE ได้
ความร่วมมือดังกล่าว มีที่มาจากเป้าหมายของ airasia MOVE ในการเพิ่มตัวเลือกของโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอ ควบคู่ไปกับการให้บริการจองเที่ยวบิน มุ่งหน้าสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดจากการตอบรับการกลับมาของการเดินทางทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย
แทน ไม ยิน (Tan Mai Yin) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ airasia MOVE กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับผู้นำด้านเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจโรงแรม ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานทั้งในเอเชียและทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการสร้างยอดขายห้องพัก ด้วยตัวช่วยการจัดการแบบรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวต่างให้ความสำคัญกับการหาดีลพิเศษเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจับมือกับ SiteMinder ที่มีความพร้อมของฐานลูกค้าที่เป็นธุรกิจโรงแรมทั่วทั้งเอเชีย และรอบโลก ก็จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจโรงแรมเหล่านี้ สามารถตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเติบโตได้มากขึ้น”
คุณแบรด ไฮนส์ รองประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค บริษัท SiteMinder กล่าวว่า “airasia MOVE นับเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งทำให้การเสนอความคุ้มค่าในครั้งนี้ ยิ่งมีความน่าดึงดูดต่อทั้งฝั่งของโรงแรมและนักท่องเที่ยว โดยแพลตฟอร์มดังกล่าว ไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจองเที่ยวบิน โรงแรม และบริการเรียกรถได้เท่านั้น แต่ยังสามารถซื้อสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ รวมถึงค้นหาดีลที่ดีที่สุดได้อีกด้วย สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวเพื่อตอบรับต่อความต้องการของผู้บริโภคของ airasia MOVE ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SiteMinder ในการช่วยโรงแรมต่างๆ ในการสร้างประสบการณ์ที่น่าทึ่งให้กับผู้เข้าพักที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”