December 22, 2024

ไม่ใช่แค่สร้างบ้านคุณภาพเพียงอย่างเดียวแต่ต้องสร้างเสริมชุมชนที่ปลอดภัยน่าอยู่ด้วย นี่คือความเชื่อของ วรยุทธ กิตติอุดม ซีอีโอ บมจ.ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ มาโดยตลอด ซึ่งได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อลูกบ้านและชาวบ้านโดยรอบได้มาแจมกันอยู่เสมอ เช่น กิจกรรมมินิคอนเสิร์ต Zenex Limitless Party ที่สร้างความบันเทิงให้กับลูกบ้าน พนักงาน และชุมชน ทั้งยังมีไอเดียจะเพิ่มกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ เวิร์คช็อป หรือการแสดง เพื่อช่วยลดความเหงาและส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีในกลุ่มญาติผู้ใหญ่ ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของบริษัทฯ ที่สนับสนุนในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน และใส่ใจต่อสังคมผู้สูงวัยอีกด้วย

นายวรยุทธ กิตติอุดม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) Zenex Property (RK) และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีนั้น ว่าตลาดโดยรวมในระยะสั้นจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร เนื่องจากมีกลไกกระตุ้นภาคอสังหาฯ ของประเทศหลายอย่างที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว และอยู่ในขั้นตอนที่จะนำมาใช้ในอนาคต และเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ยังคงให้ความสำคัญกับภาคอสังหาฯ เพราะมีส่วนช่วยให้ GDP ของประเทศเติบโตขึ้น

“โจทย์หลักในขณะนี้คือความเร็วในการผลักดันให้นโยบายและโครงการต่างๆ ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในวาระต่อไป ให้เดินหน้าต่อไปโดยไม่สะดุดเนื่องจากภาวะสุญญากาศทางการเมือง ดังนั้นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และสามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ทั้งหมดจะต้องเกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุด”

นายวรยุทธ กล่าวเสริมว่า การสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยของตัวเองเป็นภารกิจของรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม ดังนั้นทุกปีจึงมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ทั้งในฝั่งดีมานด์และซัพพลายเชนของอุตสาหกรรม อย่างที่เห็นกันในปีนี้ รัฐบาลก็มีมาตรการที่ช่วยให้ประชาชนได้ซื้อหรือเช่าบ้านได้มากขึ้น อาทิ การลดค่าโอนและค่าจดจำนองบ้านและอาคารชุดที่ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท การลดหย่อนภาษีฯ สำหรับผู้ปลูกสร้างบ้านเอง หรือมาตรการด้านดอกเบี้ย ผ่านทางสถาบันการเงินของรัฐ เช่น สินเชื่อบ้าน Happy Home และ Happy Life ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสินเชื่อบ้านธนาคารออมสิน หรือโปรโมชัน ‘ตามใจเลือกตามชอบ’ ของการเคหะแห่งชาติ หรือโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 ไปจนถึงมาตรการผ่อนคลาย LTV หรือล่าสุด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ยังได้จัดทำ ‘โครงการสินเชื่อบ้าน DD (ดี๊ดีย์)’ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหรืออาคารชุดกับดีเวลอปเปอร์ที่มีข้อตกลงร่วมกับธนาคารฯ โดยได้รับดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.80%

"สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่เข้าสู่ครึ่งปีหลังของปี 2567 ระดับดีมานด์ที่อยู่อาศัยในตลาดยังคงลดลง ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มอาคารชุดและบ้านแนวราบที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งปัญหาหลักที่ยืดยาวมาตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมาคือเรื่องหนี้ครัวเรือน จนปัจจุบันมีอัตราสูงกว่า GDP ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีของคนที่ต้องการซื้อบ้าน เพราะค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับเป็น 600 บาท ยังไม่ประกาศใช้ทำให้ต้นทุนวัสดุและค่าแรงงานก่อสร้างยังไม่ถูกปรับขึ้น ราคาบ้านก็ยังไม่ถูกปรับตาม ประกอบกับการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการค่อนข้างเข้มข้น ทำให้ผู้ซื้อได้เปรียบในการเลือกซื้อบ้านที่มีคุณภาพที่ดี ในราคาที่ยังไม่สูงมากนัก"

“โดยส่วนตัวมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะยังคงยกประเด็นหนี้ครัวเรือนเป็นวาระสำคัญ และจะให้ความสำคัญกับการที่คนไทยได้เป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ในราคาที่เหมาะสม เพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ดีขึ้น นอกจาก นี้ ยังหวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์จะร่วมกันพิจารณาลดดอกเบี้ยหรือกำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ระยะยาว เพื่อช่วยลดภาระและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้กู้ในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายย่อย เข้าถึงแหล่งเงินทุนและช่วยลดภาระหนี้” นายวรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย

นายวรยุทธ กิตติอุดม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะอุปนายก สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่รัฐบาลมอบนโยบายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้มีการยืดการผ่อนชำระไปจนถึงอายุ 80-85 ปี ว่าเป็นการช่วยลดภาระการผ่อนชำระรายเดือนของผู้กู้ในแต่ละเดือนลดลง ช่วยให้ผู้กู้สามารถวางแผนการเงินระยะยาวได้ง่ายขึ้น และมีเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นขึ้น ซึ่งช่วยผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ที่มีภาระทางการเงินอื่นๆ มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านได้มากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งการยืดอายุการผ่อน ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในระยะยาวเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนรวมของบ้านสูงกว่าการผ่อนในระยะสั้น และผู้กู้มีภาระผ่อนบ้านจนถึงอายุ 85 ปี อาจทำให้ผู้กู้ต้องรับ ภาระการเงินในช่วงวัยเกษียณ ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่รายได้ลดลง

“โดยส่วนตัว ตนมองว่านอกจากมาตรการดังกล่าวซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้น รัฐบาลควรดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น โดยเน้นที่การลดภาระทางการเงินและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย อาทิ รัฐบาลควรสนับสนุนธนาคารให้เสนอสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ที่ซื้อบ้านครั้งแรก จัดตั้งกองทุนสนับสนุนที่อยู่อาศัยที่สามารถให้สินเชื่อบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือมีเงื่อนไขการชำระเงินที่ยืดหยุ่น รวมถึงมาตรการส่งเสริมการออมและการวางแผนการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งโปรแกรมการออมเงินเพื่อการซื้อบ้าน โดยมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือการให้เงินสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ออมเงินเพื่อการซื้อบ้าน รวมไปถึงการส่งเสริมให้มีกองทุนต่างๆ ให้ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินได้ เช่น กองทุนพัฒนาโครงการบ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นต้น”

“การดำเนินมาตรการของรัฐดังกล่าว สามารถช่วยลดภาระทางการเงินและเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้า ของบ้านได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งเสริมความมั่นคงในชีวิตและสังคมในระยะยาวได้ แต่หากภาครัฐมีการส่งเสริมให้มีกองทุนหรือโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนการเป็นเจ้าของบ้าน ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการซื้อบ้านและสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับผู้ซื้ออีกทางหนึ่ง” นายวรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย

วรยุทธ กิตติอุดม ซีอีโอแห่ง บมจ.ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ยกมือขอเป็นอีกเสียงที่เรียกร้องให้แบงก์ชาติยกเลิกมาตรการ Loan-to-Value (LTV) ชั่วคราว หมดยุคแล้วที่คนจองคอนโดหลายๆ ห้อง หวังขายต่อเพื่อได้กำไร พอขายไม่ได้ไม่มาโอนทำให้สต๊อกค้างในตลาด เพราะยุคนี้เป็นยุคของคนต้องการซื้อที่อยู่อาศัยตัวจริง โดยฉพาะโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์ ที่ไม่ได้ตั้งเป้าเรื่องการเก็งกำไร แต่เป็นกลุ่มที่ซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 และมีความต้องการกู้ 100% การยกเลิกมาตรการ LTV ชั่วคราวน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสม และช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ได้นั่นเอง

วรยุทธ กิตติอุดม ซีอีโอ บมจ.ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ และบจ.รุ่งกิจ เรียลเอสเตท เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของวงการอสังหาฯ ที่เดินหน้าหนุนกระแสความยั่งยืนเต็มตัว เมื่อถอดสูตรเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ SDGs นำมาจับใส่เต็มในโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ตระกูล The Rux ของบริษัท อาทิ The Rux รามคำแหง-กรุงเทพกรีฑา และ The Rux รามอินทรา-จตุโชติ รวมไปถึงพรีเมียมทาวน์โฮมอย่าง Zenex พหลโยธิน-รามอินทรา 5  ซึ่งมีทั้ง EV charger กระจกเขียวตัดแสงสะท้อนความร้อน ระแนงบังแดดแบบเปิดปิดได้ หรือแผง Solar Cell สำหรับไฟและเครื่องปรับอากาศในพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน เป็นต้น ทั้งยังได้จัดกิจกรรม Limitless Zenex Party ขึ้นเป็นประจำ เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกบ้านและพนักงาน และยังสร้างรายได้ให้กับร้านค้าในชุมชนโดยรอบ วรยุทธยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการก่อสร้างที่ต้องได้คุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ไปคู่กับการลดปริมาณขยะหน้างาน ลดมลภาวะทุกด้าน และลดระยะเวลาการก่อสร้างอีกด้วย

 

X

Right Click

No right click