บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา เดินหน้าพัฒนาศักยภาพตัวแทนประกันชีวิต หัวใจสำคัญของธุรกิจประกันชีวิต ตอกย้ำคุณภาพตัวแทนประกันชีวิตด้วยรางวัลระดับเอเชีย ประเภท “ตัวแทนประกันชีวิตรายใหม่แห่งปี” (Rookie Insurance Agency Leader of The Year) ในงาน 9th Asia Trusted Life Agents & Advisor Awards 2024 (Asia Insurance Review) เวทีประกวดระดับเอเชียของธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร Asia Insurance Review และ Asia Advisers Network จากประเทศสิงคโปร์
นายวิรงค์ พัฒนะกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า “อลิอันซ์ อยุธยา ยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางตัวแทน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการดำเนินธุรกิจ จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของอลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยรับรวมที่ 19,249 ล้านบาท ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโตมากถึง 28% อยู่ที่ 4,580 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 1,542 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า ช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางที่สำคัญของธุรกิจประกันชีวิตที่ทำให้บริษัทเติบโต ด้วยกรมธรรม์ประกันชีวิตมีรายละเอียดที่แตกต่าง ซับซ้อน อาทิ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ Unit linked ประกันชีวิตควบการลงทุน จึงต้องอาศัยการสื่อสาร แนะนำจากตัวแทน รวมไปถึงการให้บริการหลังการขาย
ในปัจจุบันคนไทยมีประกันชีวิตไม่เกิน 40 % รวมไปถึงตัวแทนประกันชีวิตที่มีเพียงหลักแสนคนเท่านั้น ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับผู้ยังไม่มีประกันชีวิต โดยอาชีพตัวแทนประกันชีวิตยังถือเป็นอาชีพที่น่าสนใจ ซึ่งบริษัทมีการพัฒนาตัวแทนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้น บริษัทฯมี Agency Academy สอนพื้นฐานธุรกิจประกันชีวิต รายละเอียดของสินค้าแต่ละรูปแบบ รวมถึงเครื่องมือในการเสนอขาย ปิดยอด และบริการหลังการขาย หากใครสนใจอยากเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต ขอเพียงมีความตั้งใจ มุ่งมั่น โอกาสไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน
คุณธนินนัทธ์ อนันตจริยะพล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตัวแทนประกันชีวิตรุ่นใหม่ในวัย 34 ปี ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะดูแลลูกค้าทั้งในเรื่องสุขภาพและการเงิน ด้วยความตั้งใจนี้ทำให้ธนินนัทธ์ หรือมาร์ค ประสบความสำเร็จในธุรกิจประกันชีวิต ก้าวขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย พร้อมคว้าตำแหน่ง Rookie Insurance Agency Leader of The Year ในงาน 9th Asia Trusted Life Agents & Advisor Awards 2024 (Asia Insurance Review) จัดขึ้นที่ PARKROYAL COLLECTION, Marina Bay ประเทศสิงคโปร์
จุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต
เข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตมาประมาณ 5 ปี โดยก่อนเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตทำงานด้านหลักทรัพย์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนให้กับโบรคเกอร์ ประมาณ 7 ปี โดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจด้านการเงินมาตั้งแต่เด็ก จุดที่ทำให้สนใจเข้ามาทำธุรกิจประกันชีวิต ศึกษาจากพฤติกรรมของนักลงทุนในหลักทรัพย์ใช้เงินที่จัดสรรมาลงทุนเพียง 10% ของทรัพย์สิน แต่ยังมองหาอีก 90% ที่จะนำไปลงทุนที่ต่างๆ จึงมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปดูแลสินทรัพย์ให้กับลูกค้าได้ครอบคลุม
เป้าหมายในอาชีพตัวแทนประกันชีวิต
ในแต่ละช่วงชีวิตของทุกคน มักจะมีเหตุการณ์สำคัญไม่กี่เหตุการณ์ เช่น เรียนจบ แต่งงาน คลอดลูก เกษียณ ในแต่ละช่วงเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ประกันชีวิตสามารถไปแทรกในทุกช่วงชีวิตได้ จึงอยากจะสร้างอิมแพคเรื่องประกันชีวิตให้กับทุกคน มีการตั้งเป้าหมายกรมธรรม์ในทีมงานให้ถึง 1 ล้านกรมธรรม์ ภายในปี 2030 รวมถึงการขยายทีมงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย
แนวคิดในการทำงาน ก้าวสู่ความสำเร็จ
ทุกครั้งที่ไปเจอลูกค้า สิ่งที่นำเสนอให้กับลูกค้าคือ การวางแผนการเงิน ก่อนที่จะขายผลิตภัณฑ์ใดๆให้ลูกค้า ต้องเข้าใจเป้าหมายของลูกค้า ซื้อเพื่ออะไร ได้อะไร ต้องสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ตั้งแต่ซื้อ เคลม รวมถึงเยี่ยมลูกค้ากรณีเจ็บป่วย ทำให้เกินความคาดหวังของลูกค้า จนเกิดเป็นความประทับใจและความเชื่อใจ รวมถึงทีมงาน ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน แนวคิดการทำงานของทีม เน้นการฟัง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้อย่างตรงเป้าหมาย
อลิอันซ์ อยุธยา แรงผลักดันสู่ความสำเร็จ
อลิอันซ์ อยุธยา มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างที่ปรึกษาด้านการเงิน จากการจัดกิจกรรมฝึกอบรม นำเสนอเนื้อหาที่จะพัฒนาตัวแทนได้เป็นอย่างดี แคมเปญการแข่งขัน เพื่อผลักดันการทำงานให้ไปถึงเป้าหมาย
เคล็ดลับความสำเร็จ คว้ารางวัล Rookie Insurance Agency Leader of the year 2024
เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับรางวัลนี้ ถือเป็นรางวัลของทีมงานทุกคน โดยได้เขียนเรื่องราวบอกเล่าการทำงานของทีม ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ประเภท Rookie Insurance agency Leader of the year 2024 จากผู้เข้าชิงจากหลายประเทศในเอเชีย เคล็ดลับความสำเร็จในครั้งนี้ การสร้างทีมงานที่เป็นตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงิน ไม่ได้มองแค่มุมทีมงานหรือลูกค้า แต่มองถึงภาพรวมทั้งหมด ทั้งบริษัท ทีมงานเบื้องหลัง ปลูกฝังทีมงานถึงความสำเร็จแบบองค์รวม สร้างแนวทางการทำงานให้คนในองค์กรทำงานในทิศทางเดียวกัน ทำกิจกรรมในทีม การตั้งเป้าหมายร่วมกัน เป้าหมายคือ การมีกรมธรรม์ในทีมงานให้ถึง 1 ล้านกรมธรรม์ ภายในปี 2030 รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคม จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการเงินกับคนที่ขาดแคลนการเงิน ขาดโอกาสการเข้าถึง คนที่มีหนี้สิน ทำมาอย่างสม่ำเสมอตลอด 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต
ธุรกิจประกันชีวิตเปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ เริ่มจากหว่านเมล็ด อาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี กว่าจะออกผล สำหรับตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต ต้องให้เวลากับการทำงาน เอาใจใส่ ทำต่อเนื่องสม่ำเสมอ พัฒนาตัวเอง วางแผนการทำงาน ในช่วงเริ่มต้นให้เวลากับการขายให้มากประมาณ 90% เมื่อเริ่มเติบโต เริ่มวางแผนการสร้างทีม การบริหารงาน ปรับสัดส่วนการขายอยู่ที่ 30% มองภาพรวมกันทำงานแบบทีม ไม่ยึดติดการทำงานแบบเดิมๆ กล้าที่จะลองทำ
อาชีพตัวแทนประกันชีวิต เป็นอาชีพอิสระ อิสระทางความคิด ความก้าวหน้า การทำงาน ขอเพียงแค่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ให้เวลา พัฒนาความรู้ สั่งสมประสบการณ์ เพื่อไปสู่ความสำเร็จได้ตามความตั้งใจ และสิ่งสำคัญคือการได้รับการสนับสนุนจากบริษัทตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการดูแลลูกค้าหลังการขาย ช่วยให้ตัวแทนประกันชีวิตสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
อลิอันซ์เปิดรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างรอบด้านสำหรับปี 2567-2569 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับปานกลางแต่จะมีเสถียรภาพท่ามกลางปัญหาที่ยังคงดำเนินต่อไป และคาดว่าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 2.8% ต่อปี โดยเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะเป็นกำลังสำคัญของการเติบโตในปี 2567 แม้จะยังคงมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะถดถอย เศรษฐกิจโลกจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยุโรปจะมีการเติบโตที่ช้าแต่คงที่ มาตรการรัดเข็มขัด การขึ้นภาษี และกลยุทธ์ลดต้นทุนในทั้งสองภูมิภาคจะส่งผลต่อจีดีพี
มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ สามารถผ่อนปรนนโยบายการเงินได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป นโยบายเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค การขึ้นค่าจ้างจะช่วยกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น แม้ว่าเงินเฟ้อในระดับสูงในบางภาคส่วนจะยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ภาคธุรกิจยังฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอ โดยมีสัญญาณของการเพิ่มการลงทุน แต่มีความกังวลเรื่องการล้มละลายในภาคธุรกิจ นโยบายของธนาคารกลางจะทำให้เกิดข้อจำกัดในตลาดการเงินโลก ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
การเติบโตและความท้าทายของเอเชียแปซิฟิก
เศรษฐกิจจีนในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตในอัตราประมาณ 5% แม้จะยังคงมีความเสี่ยงยังคงอยู่ ปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณสินค้าคงคลังจำนวนมากและราคาบ้านที่ลดลง ยังคงส่งผลต่อการบริโภคในภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของจีนยังคงมีแนวโน้มที่ดีซึ่งส่งแรงหนุนให้ภาคการผลิตของประเทศ ธนาคารกลางจีนผ่อนปรนนโยบายและคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2568 อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้อาจช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่อาจจะไม่ได้ช่วยกอบกู้สถานการณ์
ในทางกลับกัน เศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกในภาพรวมจะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าจีดีพีจะเพิ่มขึ้น 4.2% ในปี 2567 จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของอินเดียและประเทศในกลุ่มอาเซียน การผ่อนคลายนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อที่เป็นไปตามเป้าหมายของธนาคารกลาง และการค้าโลกที่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจของภูมิภาค ธนาคารกลางของเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชียจะได้ประโยชน์จากพลวัตที่เปลี่ยนไปของโลกาภิวัตน์และการปฏิรูปนโยบายในประเทศ เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม ไทย และไต้หวัน จะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของความต้องการในภาคการส่งออก โดยเฉพาะในตลาดอย่างสหรัฐอเมริกา ประเทศต่างๆ หลายประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจากการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์การเมืองและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภูมิภาค สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงความตึงเครียดที่มากขึ้นในทะเลจีนใต้และไต้หวันยังคงสร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุน แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ โดยมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากรมนุษย์ ประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์และจีนเป็นผู้นำในแง่ของความสะดวกในการทำธุรกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะยังคงมีปัญหาในด้านต่างๆ เช่น การมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานและทรัพย์สินทางปัญญา
ประเทศไทย: ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจและความท้าทาย
เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตถึง 2.7% ในปี 2567 และ 3.1% ในปี 2568 เมื่อเทียบกับการเติบโตเพียง 1.9% ในปี 2566 ความต้องการภายในประเทศยังสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดงานที่กำลังปรับตัวดีขึ้น ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และกิจกรรมการผลิต ในภาคบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 19
นโยบายแบบผสมผสานของไทยคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตนี้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนนโยบายการเงินด้วยความระมัดระวังในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องหาจุดสมดุลระหว่างการผ่อนคลายมาตรการและการรักษาวินัยทางการคลัง
แม้ว่าสินทรัพย์ในภาคครัวเรือนจะเติบโต แต่ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายทางด้านการเงินที่ไม่เหมือนประเทศอื่นๆ โดยสินทรัพย์ทางการเงินรวมลดลง 1.9% ในปี 2566 ถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกในปี 2551 การลดลงของหลักทรัพย์และเงินฝากธนาคารเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดลงนี้ อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ประเภทประกันและเงินบำนาญมีการเติบโตเล็กน้อย แม้จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตก็ตาม อัตราหนี้สินที่สูงของประเทศไทย ซึ่งอยู่ที่ 91% ของจีดีพีที่เป็นตัวเงิน ยังคงเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในภูมิภาค
นอกจากนี้ การกระจายความมั่งคั่งในประเทศยังคงไม่สมดุลอย่างมาก โดยประชากรกลุ่มมั่งคั่งเพียง 10% เป็นเจ้าของสินทรัพย์ทางการเงิน 76% ของสินทรัพย์ทางการเงินรวมสุทธิของประเทศ ความไม่เท่าเทียมนี้เกิดขึ้นเป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้ว โดยสถานการณ์แทบไม่ดีขึ้นเลย ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากรมากขึ้นในอนาคต
นายลูโดวิค เซอร์บราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของกลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจที่อลิอันซ์คาดการณ์สะท้อนถึงการมองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังของเราท่ามกลางความท้าทายทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค แม้ว่าการเติบโตคาดว่าจะคงที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เรายังคงต้องเฝ้าระวังต่อไป ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ วินัยทางการเงิน และความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนที่ยังคงมีอยู่ จะยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่เราต้องแก้ไขเพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและเข้มแข็งในระยะยาว"
อลิอันซ์ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทประกันภัยอันดับหนึ่งของโลกในการจัดอันดับแบรนด์ระดับโลกที่ดีที่สุดประจำปี 2567 โดย บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ Interbrand ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ด้วยอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 13% จาก 20.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 23.56 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ และเติบโตเพิ่มขึ้นในกลุ่มการเงิน 7% จากความสำเร็จนี้ทำให้อลิอันซ์ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามแบรนด์ด้านบริการการเงินที่ดีที่สุดในโลก
ด้วยรายได้ที่สูงขึ้นและกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รากฐานที่สำคัญของแบรนด์ จากความไว้วางใจของลูกค้ากว่า 124 ล้านคนในตลาด 70 ประเทศทั่วโลก รวมถึงพนักงานกว่า 157,000 คน และตัวแทนและโบรกเกอร์กว่า 120,000 คน ทั่วโลก ทำให้อลิอันซ์ไม่เพียงมีการเติบโตที่เหนือคู่แข่ง แต่ยังเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมประกันโดยรวมอีกด้วย
ในปีนี้ อลิอันซ์ ได้ร่วมสนับสนุนงานระดับโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์ 2024 และพาราลิมปิกเกมส์ 2024 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แสดงถึงความสามารถในการสนับสนุนนักกีฬา พร้อมทุกความท้าทายและความพยายามของนักกีฬาจากกว่า 200 ประเทศ และถ่ายทอดให้ผู้ชมทั่วโลกได้เห็น นอกจากนี้ ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน Fortune Top 100 บริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานในยุโรป ประจำปี 2024 อีกด้วย
การจัดอันดับครั้งนี้ จัดทำขึ้นโดยองค์กร Interbrands ผู้นำด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ตั้งแต่ปี 2531 โดยเป็นบริษัทแรกที่ได้รับการรับรอง ISO10668 สำหรับวิธีการประเมินมูลค่าแบรนด์ (กฎระเบียบสำหรับการประเมินมูลค่าแบรนด์เป็นตัวเงิน) นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานแบรนด์ ตั้งแต่ปี 2543 การจัดลำดับและรายงาน Best Global Brands ได้รับการตีพิมพ์ทุกปีและเป็นหนึ่งในการจัดลำดับที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดด้านการบริหารแบรนด์
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมยินดี ทัพตัวแทนไทย 31 คน ได้รับคัดเลือกร่วมโครงการ Allianz Pinnacle Excellence Program เดินหน้าพัฒนาความเป็นมืออาชีพในหลักสูตรพัฒนาตัวแทนระดับเวิร์ดคลาสกับสถาบัน INSEAD จัดโดยความร่วมมือของ อลิอันซ์ เอเชีย แปซิฟิก และ INSEAD สถาบันการศึกษาด้านธุรกิจระดับท๊อปของโลก มุ่งเพิ่มทักษะและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการตัวแทนประกันชีวิตและสุขภาพให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในวันนี้และอนาคต
นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารตัวแทน อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทฯมีความภาคภูมิใจกับความเป็นมืออาชีพของตัวแทนของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 31 ตัวแทน ประกอบด้วย AVP ใหม่ปี 2567 จำนวน 10 คน ผู้บริหารตัวแทนระดับ Elite จำนวน 16 คน Elite Builder จำนวน 5 คนที่ได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นและมีการแข่งขันสูง ทั้ง 31 คนจะได้เข้าร่วมการอบรมร่วมกับตัวแทนที่มีผลงานยอดเยี่ยมกว่า 200 คนจาก 7 ตลาดทั่วเอเชีย โดยกลุ่มผู้เข้าร่วมประกอบด้วยผู้นำและตัวแทนที่มีประสบการณ์ทั้งใหม่และเก่า ถือเป็นโอกาสดีของตัวแทนคุณภาพของเราที่ได้เข้าร่วมเพื่อรับความรู้ใหม่ในการพัฒนาตนเองในฐานะตัวแทน และจะสามารถนำความรู้อันมีค่าเหล่านี้กลับมาพัฒนาทีม และตัวแทนรุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต
โครงการอบรมนี้ประกอบด้วย 4 โมดูลหลัก ได้แก่ การสื่อสาร จิตวิทยาลูกค้า ภาวะการเป็นผู้นำ และแนวคิดกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับประยุกต์ใช้โดยตรงผ่านโครงการ Action Learning Projects ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการจบโครงการและการเติบโตในสายอาชีพ ผู้ที่จบการศึกษาจะได้รับการสนับสนุนให้แบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดกับทีมของพวกเขา ช่วยขยายผลจากการฝึกอบรมให้สามารถพัฒนาตนเองและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโครงการมีระยะเวลา 6 เดือน และจะเริ่มต้นด้วยหลักสูตรแบบตัวต่อตัวเป็นเวลา 2 วัน ที่ INSEAD Asia Campus ในสิงคโปร์ และจะสิ้นสุดด้วยพิธีจบการศึกษาที่สถานที่เดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
มร.โมหิด บาโฮเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทน การตลาดและการจัดจำหน่ายดิจิทัลประจำภูมิภาค กล่าว "โครงการ Pinnacle Excellence Program เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของอลิอันซ์ ในการเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างความเชี่ยวชาญให้กับตัวแทนของเรา เพื่อให้พวกเขามีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการรับมือกับการ เปลี่ยนแปลงและความท้าทายในอนาคต ด้วยความริเริ่มนี้ เราไม่เพียงแต่เสริมสร้างเครือข่ายการขายของเราเท่านั้น แต่ยังมั่นใจว่าลูกค้าของเราจะได้รับการบริการที่ดีที่สุด"
มร.เจมส์ คอสตันนินิ ศาสตราจารย์ผู้ช่วยอาวุโสด้านกลยุทธ์ของ INSEAD และผู้อำนวยการโครงการ Allianz Pinnacle Excellence Program กล่าวเพิ่มเติมว่า "เส้นทางการเรียนรู้ของโครงการถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อสนับสนุนตัวแทนชั้นนำให้ไปถึงจุดสูงสุดของพวกเขา โดยเน้นการผสมผสานระหว่างความรู้ทางวิชาการและประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเพื่อสร้างแนวปฏิบัติผ่านการประยุกต์ใช้ความรู้ โดยในโมดูลแรก เรามุ่งเน้นการศึกษาและทำความเข้าใจปัจจัยที่ทำให้การสื่อสารมีอิทธิพลและผลกระทบมีความสำคัญอย่างไรต่อตัวแทน และวิธีการนำความรู้นี้ไปปฏิบัติ"