December 19, 2024

แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยข้อมูลสถิติ “ที่สุดแห่งปี 2024” ครอบคลุมทั้งธุรกิจการเดินทางและเดลิเวอรีในประเทศไทย โดยปีที่ผ่านมา บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ที่เติบโตขึ้นกว่า 400% พบกระแส “หมูเด้งฟีเวอร์” ดันยอดเรียกรถไปสวนสัตว์เขาเขียวเพิ่มขึ้น 267% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนและประเทศในอาเซียนติดท็อป 5 ใช้บริการมากที่สุด โดยเน้นเรียกรถไปห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้ง ฟากบริการฟู้ดเดลิเวอรี เมนู “อาหารไทย” และ “อเมริกาโน่เย็น” ยังครองใจผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่ง กระแสไวรัลของหมีเนยดันยอด Butterbear พุ่งเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ “ดูไบช็อคโกแลต” “ชาผลไม้พรีเมียม” และ “สมูตตี้เพื่อสุขภาพ” เป็นเมนูมาแรงแห่งปี

 

บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน

ปี 2567 เรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงเติบโต รับอานิสงส์ “ท่องเที่ยวคึกคัก-หมูเด้งฟีเวอร์-ไลน์อัพอีเวนท์”

· บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยและต่างชาติ โดยมียอดใช้บริการสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเรียกรถในราคาที่ประหยัดลง โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึงกว่า 400% ในหัวเมืองหลัก

· กระแส “หมูเด้ง” ที่กลายเป็นขวัญใจของคนทั่วโลก ไม่เพียงช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวในประเทศ แต่ยังดันยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เดินทางไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวให้เติบโตขึ้นกว่า 267%

· นโยบายรัฐบาลที่ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น “World Class Event Hub” ทำให้ปีนี้เราได้เห็นความคึกคักของวงการอีเวนท์ ไม่ว่าจะเป็น งานประชุมและนิทรรศการ งานแฟร์ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินไทยและเทศ ซึ่งส่งผลให้ยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไปงานเหล่านี้เติบโตขึ้นถึง 25% โดยเฉพาะการเดินทางไปราชมังคลากีฬาสถาน ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อิมแพ็คอารีนา และไบเทค บางนา

ต่างชาติมั่นใจใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไป “สนามบิน แหล่งช้อปปิ้ง และเที่ยวเมืองรอง”

· ด้วยบริการที่สะดวกสบายและราคาที่โปร่งใสทำให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว สะท้อนผ่านยอดใช้บริการที่สนามบินต่าง ๆ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 67% โดย 5 ชาติที่ใช้บริการมากที่สุด คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม

· ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไป โดย 5 สถานที่ยอดฮิต คือ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) เซ็นทรัลเวิลด์ (CentralWorld) สยามพารากอน (Siam Paragon) ถนนข้าวสาร และตลาดนัดจตุจักร นอกจากนี้ อีกหนึ่งห้างที่มาแรงที่สุด คือ เอ็มสเฟียร์ (EMSPHERE) ไลฟ์สไตล์มอลล์ใจกลางสุขุมวิท ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมา

· จังหวัดเมืองรองยังได้รับความนิยมต่อเนื่องจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สะท้อนผ่านยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เติบโตขึ้นกว่า 90% โดยเฉพาะใน 5 เมืองน่าเที่ยวอย่างเชียงราย ตาก อุดรธานี อุบลราชธานี และพิษณุโลก

ฟีเจอร์มาแรง “จองรถล่วงหน้า ใช้รถอีวี”

· ฟีเจอร์จองรถล่วงหน้า (Advance Booking) กลับมาได้รับความนิยมหลังแกร็บประกาศปรับโฉมใหม่ โดยสามารถจองรถล่วงหน้าได้ถึง 7 วันและมีประกันคุ้มครองสูงสุดถึง 800,000 บาท โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่นิยมใช้บริการเพื่อเดินทางไปสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และกระบี่

· คนไทยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สะท้อนผ่านจำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้ฟีเจอร์เลือกใช้รถอีวี (Grab EV Rides) เพิ่มขึ้นกว่า 200% โดยฟีเจอร์ดังกล่าวพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสค้นหารถ EV ในพื้นที่และช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้บริการเป็นตัวเลือกแรก

 

บริการฟู้ดเดลิเวอรี

“อาหารไทย” และ “อเมริกาโนเย็น” ครองใจคนไทยเป็นอันดับหนึ่ง

· อาหารไทยยังคงครองใจผู้ใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี โดยเฉพาะเมนูสั่งง่ายในราคาสบายกระเป๋า โดย 5 เมนูขายดีแห่งปี คือ ส้มตำ ไก่ทอด ข้าวมันไก่ หมูปิ้ง รวมถึงเมนูที่ทำจากหมูอย่าง “ไข่พะโล้” และ “ข้าวขาหมู” ซึ่งมียอดสั่งในเดือนกันยายนเติบโตขึ้นกว่า 38% จากอิทธิพลของ “หมูเด้ง” ฟีเจอร์

· ขณะที่กาแฟและชายังคงเป็นเมนูเครื่องดื่มขายดีตลอดปี นำโดย “อเมริกาโน่เย็น” กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลที่ตอบโจทย์คอกาแฟสายสุขภาพ โดยมียอดสั่งรวมทั้งปีถึง 5 ล้านแก้ว รองลงมา คือ “ชาไทย” โดยเฉพาะเมนู “เสลอปี้ชาไทย” สุดฮิตที่แทบทุกแบรนด์ส่งมาชิงตลาด ตามมาด้วยเอสเพรสโซ่เย็น ชาเขียวเย็น และชานมไข่มุก

กระแส “บัตเตอร์แบร์” แรงไม่หยุด “ดูไบช็อคโกแลต ชาผลไม้ สมูตตี้” เมนูมาแรงแห่งปี

· กระแสไวรัลของหมีเนยขวัญใจโซเชียลมาแรงไม่แผ่วตลอดทั้งปี ทำให้ยอดสั่งเมนูต่าง ๆ ของบัตเตอร์แบร์ (Butterbear) พุ่งเป็นประวัติการณ์โดยเติบโตกว่า 1,200%

· ชาผลไม้พรีเมียมแบรนด์ดังจากประเทศจีนที่ตบเท้าเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เจี้ยนชา (JIAN CHA) ชาจี (CHAGEE) และ ไนซือ (NaiXue) ได้รับกระแสความนิยมจากคนไทยไม่ขาดสาย โดยมียอดขายเฉลี่ยเติบโตขึ้นถึง 10 เท่า โดยเฉพาะ “ชาองุ่นปั่นครีมชีส” ที่กลายเป็นไอเทมที่มาแรงที่สุดในปีนี้

· เมนูเพื่อสุขภาพยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มฟู้ดดี้สายเฮลท์ตี้ ไม่ว่าจะเป็น อาซาอิโบลว์ที่ดังต่อเนื่องข้ามปี สลัดแร็ปผักล้น ไปจนถึงสมูตตี้เพื่อสุขภาพที่เป็นกระแสจาก “น้ำปั่น Erawon” จนกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูฮิตติดลมบน โดยเฉพาะ Oh! Juice แบรนด์น้องใหม่จากโอ้กะจู๋ ที่ปั่นทั้งกระแสและยอดขายไปอย่างถล่มทลายจนเติบโตขึ้นกว่า 400% ภายในระยะเวลา 3 เดือน

· ฟากของหวานอย่าง “ดูไบช็อกโกแลต” รวมถึงเมนูขนมหวานที่มีส่วนผสมของถั่วพิตาชิโอ กลายเป็นไอเท่มสุดฮอตแห่งปี โดยเฉพาะแบรนด์ The Rolling Pinn ที่มียอดขายถล่มทลายในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า

 

ฟีเจอร์มาแรง “สั่งเป็นกลุ่ม กินที่ร้าน”

· ฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้นสองเท่าหลังแกร็บฟู้ดอัปเกรดฟีเจอร์ให้สามารถสั่งอาหารร่วมกันได้สูงสุดถึง 10 คนและเพิ่มทางเลือกในการแบ่งจ่ายได้ถึง 3 ออปชัน

· เทรนด์การกินข้าวนอกบ้านดันให้ฟีเจอร์กินที่ร้าน (Dine Out) เติบโตขึ้น โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่าในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในร้านบุฟเฟต์ ซึ่ง 3 ร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ โม โม่พาราไดซ์ (Mo-Mo-Paradise) โคเอ็น (Kouen) และซูกิชิ (Sukishi)

แกร็บฟู้ด ตอกย้ำผู้นำแพลตฟอร์มเดลิเวอรียอดนิยม เขย่าตลาดด้วยแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ผนึกพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศหั่นราคา-แจกโค้ดส่วนลดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 90% ทุกชั่วโมงแบบไม่มีขั้นต่ำ พร้อมส่งดีลสั่งอาหารราคาพิเศษเริ่มต้น 19 บาทกว่า 16,000 ดีล มาพร้อมโปรโมชันพิเศษส่งฟรี 0 บาท จัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาด 360 องศา โดยเพิ่มสัดส่วนของสื่อออฟไลน์ถึงสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) และ สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่าและปลุกกำลังซื้อในช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มรัดเข็มขัดจากสถานการณ์เศรษฐกิจ เสริมทัพด้วยกลยุทธ์ Music Marketing ปรับลุคพรีเซนเตอร์ “เบลล่า ราณี” เป็นแรปเปอร์สาวในแคมเปญโฆษณาล่าสุด ชวนสั่งอาหารเป็นกลุ่มต้อนรับช่วงเทศกาลปลายปีที่คนนิยมสั่งอาหารมาเลี้ยงฉลองร่วมกัน หลังยอดใช้บริการฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) เติบโตขึ้นกว่า 90%

นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดฟู้ดเดลิเวอรีและปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญใหญ่ ‘GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด’ สร้างปรากฏการณ์คุ้มส่งท้ายปีเพื่อคืนกำไรให้กับผู้ใช้บริการ โดยเราได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มเชนร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ร้านฮิตติดเทรนด์ ไปจนถึงร้านสตรีตฟู้ด หั่นราคาและมอบส่วนลดสูงสุดถึง 90%1 เพียงใส่โค้ด MEGA (ลดสูงสุด 80 บาท ไม่ต้องมียอดสั่งขั้นต่ำ) โดยจะมีการเติมโค้ดส่วนลดทุกชั่วโมง มาพร้อมดีลสั่งอาหารในราคาพิเศษภายใต้ซับแบรนด์ Hot Deals ที่เริ่มต้นเพียง 19 บาทกว่า 16,000 ดีล และโปรโมชันส่งฟรี 0 บาท ซึ่งถือเป็นโปรโมชันที่แรงที่สุดเป็นประวัติการณ์”

ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บฟู้ดเล่นใหญ่ใส่สุดจัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ โดยได้เพิ่มสัดส่วนของการใช้สื่อออฟไลน์สูงขึ้นสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) ทั้งบิลบอร์ดและจอดิจิทัล พร้อมสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่า (Affordability) ในช่วงที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่ายจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ

“นอกจากนี้ เรายังได้เสริมทัพด้วยการใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง (Music Marketing) เพื่อสร้างการจดจำและการเข้าถึงแคมเปญผ่านเพลงแร็พติดหู โดยส่งแคมเปญโฆษณาล่าสุดที่ได้ปรับลุคพรีเซนเตอร์ ‘เบลล่า ราณี’ ให้กลายเป็นแรปเปอร์สาวเพื่อเจาะกลุ่ม Gen Z ชวนผู้ใช้บริการสั่งอาหารเป็นกลุ่มเพื่อฉลองร่วมกันในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะการใช้ฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 3 โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 90%2” นายพนมกร กล่าวเสริม

ติดตามรายละเอียดของแคมเปญ “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ได้ที่ https://www.facebook.com/GrabFoodTH  

รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ได้ผ่านทาง

    

 


หมายเหตุ

1เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

2เปรียบเทียบยอดใช้บริการสั่งอาหารแบบกลุ่มผ่านฟีเจอร์ Group Order ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคมกับช่วงก่อนหน้า

14 พฤศจิกายน 2567 - แกร็บฟู้ด ผู้นำแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม ตอกย้ำความเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ สานต่อกลยุทธ์ Collaborative Marketing คว้าศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่ง NEWYEAR - ปภากร ศรีกัลยกร เจ้าของคาแรคเตอร์ดัชชุนสุดน่ารักอย่าง “Wednesday” พร้อม 5 ร้านดังที่การันตีความอร่อยโดย #GrabThumsUp อย่าง SOURI, เผ็ดเผ็ด, โอ้กะจู๋, ROOTS และ Shake Shack ผุดแคมเปญพิเศษในช่วงปลายปีเพื่อสร้างปรากฏการณ์เชื่อมความอร่อยเข้ากับงานอาร์ตอย่างลงตัวผ่านงาน #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ครั้งแรก! กับการเปิดตัวเมนูพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทั้ง 5 ร้านที่สั่งได้เฉพาะที่ Grab พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ความอร่อยผ่านผลงานศิลปะ ของที่ระลึก และกิจกรรมเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค ยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ของ #GrabThumsUp เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพ

 

นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญพิเศษเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ พร้อมชูแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp โดยเราได้ร่วมมือกับศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่งอย่าง NEWYEAR เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารจานอร่อย พร้อมด้วย 5 ร้านดังที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ และการันตีความอร่อยโดย #GrabThumbsUp ที่มาร่วมสร้างสรรค์เมนูพิเศษเอาใจสายกิน ไม่ว่าจะเป็น เมนู Macaron Cream Cheese Strawberry Rose จากร้าน SOURI เมนูยำบะหมี่หน้าโรงเรียนจากร้านเผ็ดเผ็ด เมนู Fizzy Apple Cold Brew จากร้าน ROOTS เมนูซี่โครงเลดี้ สโมคบาร์บีคิวทรัฟเฟิลชีสจากร้านโอ้กะจู๋ และ เมนู Blackberry Lemonade จากร้าน Shake Shack โดยเราเปิดตัวครั้งแรกในงาน Pop-Up event ที่ชื่อ #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ซึ่งจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิร์ลตลอด 4 วันเต็มเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค โดยแคมเปญนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์เคสสำคัญที่แกร็บฟู้ด มุ่งสร้างสรรค์ผ่านกลยุทธ์ Collaborative Marketing ซึ่งนอกจากจะสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ให้กับแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp ด้วย”

 

ภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถสั่งซื้อเมนูพิเศษได้ผ่านแอปฯ Grab และเลือกรับอาหารได้สะดวกที่งานผ่านฟีเจอร์ Pickup ทัังยังสามารถนำใบเสร็จรับเงินไปแลกรับของที่ระลึกลวดลายสุดลิมิเต็ดที่ออกแบบโดย NEWYEAR ได้ภายในงาน อาทิ กล่องข้าว กระเป๋าผ้า และ Griptok นอกจากนี้ แกร็บฟู้ดยังชวนผู้ใช้บริการเข้าถึงความอร่อยและเพลิดเพลินไปกับงานอาร์ตได้ โดยเลือกสั่งเมนูพิเศษจาก 5 ร้านแบรนด์ดังจาก #GrabThumbsUp ได้ผ่านแอปฯ Grab จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ พร้อมสัมผัสความน่ารักจากดีไซน์พิเศษของศิลปิน NEWYEAR ที่บริเวณหน้าร้านของทั้ง 5 แบรนด์ดังได้อีกด้วย

21 พฤศจิกายน 2567 - แกร็บ ประเทศไทย รุกตลาดเรียกรถผ่านแอปฯ ผ่านกลยุทธ์ Social Marketing ดันบริการ GrabDriveYourCar เต็มสูบ รับดีมานด์พุ่ง 50% ในช่วงเทศกาล ชูจุดเด่นคนขับมืออาชีพมาตรฐานสูง มาถึงไวในเวลา 15 นาที ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาท พร้อมประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองทั้งผู้โดยสารและยานพาหนะด้วยวงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ผุดแคมเปญพิเศษ “โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม” ส่งหนังโฆษณาปลุกจิตสำนึกรณรงค์ดื่มไม่ขับ พ่วงผนึกพันธมิตรผับ-บาร์และสถานบันเทิงให้ส่วนลดนักดื่มในช่วงเทศกาล พร้อมจัดคอร์สอบรมออนไลน์ให้คนขับหวังสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคม

นางสาวเมธินี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงปลายปีถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากผู้คนจะออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีการนัดพบปะสังสรรค์และจัดงานเลี้ยงฉลองกันบ่อยครั้งด้วย ส่งผลให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึง GrabDriveYourCar หรือบริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวมืออาชีพ ที่แกร็บเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2562 โดยได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้บริการในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืนหรือสายดื่มที่เป็นเจ้าของรถยนต์แต่ไม่ต้องการขับ รถเองเมื่อไปปาร์ตี้สังสรรค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเมาไม่ขับ รองลงมาคือกลุ่มผู้ใช้บริการที่ไม่สะดวกขับรถด้วยตัวเองในโอกาส

ต่างๆ จึงต้องการคนขับที่ไว้ใจได้ช่วยขับรถให้ เช่น ไปรับ-ส่งคนในครอบครัวเพื่อไปทำธุระหรือโรงพยาบาล รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่มีประชุมนัดหมายสำคัญหรือเลี่ยงขับรถเองในช่วงเวลากลางคืน เป็นต้น”

“โดยปกติแล้ว บริการ GrabDriveYourCar จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงปลายปีถึงต้นปี (พฤศจิกายน - มกราคม) ซึ่งสะท้อนผ่านยอดเรียกใช้บริการที่สูงขึ้นกว่าช่วงปกติถึง 50%1 ดังนั้น ในปีนี้ แกร็บจึงได้รุกทำตลาดบริการคนขับรถมืออาชีพอย่างจริงจัง โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสังคมหรือ Social Marketing ผ่านการทำแคมเปญพิเศษที่ชื่อ ‘โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม’ พร้อมส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษเพื่อร่วมรณรงค์ด้านความปลอดภัยและกระตุ้นจิตสำนึกให้กับผู้ใช้บริการสายดื่ม โดยนำอินไซต์จริงที่สะท้อนวิธีคิดและพฤติกรรมของนักดื่ม รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งต่อตัวผู้กระทำ คนรอบข้างและสังคมโดยรวม มาเป็นจุดขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความรับผิดชอบร่วมกัน โดยแฝงมุขตลกเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย พร้อมผนึกพันธมิตรกับสถานบันเทิงต่างๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”

 

จุดเด่นของบริการ GrabDriveYourCar คือ

· มีฐานคนขับมืออาชีพพร้อมให้บริการ โดยคนขับแกร็บที่จะสามารถให้บริการ GrabDriveYourCar ได้ต้องผ่านระบบคัดกรองที่เข้มข้น ตั้งแต่การตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลัง การทำแบบทดสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์เพื่อประเมินทักษะด้านการขับรถ ทัศนคติ มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงความสามารถในการจัดการและรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งคนขับกลุ่มนี้สามารถขับรถยนต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ซีดาน รถ SUV รถกระบะ รถตู้ ไปจนถึงซุปเปอร์คาร์

· มาไวทันใจ โดยผู้ใช้บริการจะใช้เวลารอคนขับเฉลี่ยเพียง 15 นาทีหลังจากระบบได้จัดสรรคนขับแล้ว

· ราคาเข้าถึงได้ โดยแกร็บได้ปรับราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาทต่อเที่ยว2

· อุ่นใจ โดยแกร็บได้ทำประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในทุกเที่ยว ซึ่งคุ้มครองทั้งผู้ใช้บริการและยานพาหนะ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อเที่ยว

 

“ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บยังได้มอบส่วนลดบริการ GrabDriveYourCar 30% (สูงสุด 200 บาท) สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ เพียงใส่รหัส DRIVE30 ตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงสิ้นปี พร้อมกันนี้ ยังได้ผนึกความร่วมมือกับคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร และสถานบันเทิงทั่วกรุงเทพฯ อาทิ theCOMMONS Groove @ centralwOrld ร้าน Brick Bar ร้าน Molly ร้าน Mulligans Irish Bar ร้าน Waterside Karaoke และร้าน 12Plato Brewing เป็นต้น เพื่อผลักดันให้คน "ดื่มไม่ขับ เรียก GrabDriveYourCar ขับให้" ให้ทุกคนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนอกจากนี้ เรายังได้จัดคอร์สอบรมออนไลน์สำหรับคนขับแกร็บที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงโทษภัยของการดื่มแล้วขับ พร้อมให้บริการด้วยความปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย” นางสาวเมธิณี ปิดท้าย

แกร็บ ประเทศไทย รุกตลาดเรียกรถผ่านแอปฯ ผ่านกลยุทธ์ Social Marketing ดันบริการ GrabDriveYourCar เต็มสูบ รับดีมานด์พุ่ง 50% ในช่วงเทศกาล ชูจุดเด่นคนขับมืออาชีพมาตรฐานสูง มาถึงไวในเวลา 15 นาที ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาท พร้อมประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองทั้งผู้โดยสารและยานพาหนะด้วยวงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ผุดแคมเปญพิเศษ “โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม” ส่งหนังโฆษณาปลุกจิตสำนึกรณรงค์ดื่มไม่ขับ พ่วงผนึกพันธมิตรผับ-บาร์และสถานบันเทิงให้ส่วนลดนักดื่มในช่วงเทศกาล พร้อมจัดคอร์สอบรมออนไลน์ให้คนขับหวังสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคม

นางสาวเมธินี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงปลายปีถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากผู้คนจะออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีการนัดพบปะสังสรรค์และจัดงานเลี้ยงฉลองกันบ่อยครั้งด้วย ส่งผลให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึง GrabDriveYourCar หรือบริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวมืออาชีพ ที่แกร็บเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2562 โดยได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้บริการในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืนหรือสายดื่มที่เป็นเจ้าของรถยนต์แต่ไม่ต้องการขับรถเองเมื่อไปปาร์ตี้สังสรรค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเมาไม่ขับ รองลงมาคือกลุ่มผู้ใช้บริการที่ไม่สะดวกขับรถด้วยตัวเองในโอกาสต่างๆ จึงต้องการคนขับที่ไว้ใจได้ช่วยขับรถให้ เช่น ไปรับ-ส่งคนในครอบครัวเพื่อไปทำธุระหรือโรงพยาบาล รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่มีประชุมนัดหมายสำคัญหรือเลี่ยงขับรถเองในช่วงเวลากลางคืน เป็นต้น”

“โดยปกติแล้ว บริการ GrabDriveYourCar จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงปลายปีถึงต้นปี (พฤศจิกายน - มกราคม) ซึ่งสะท้อนผ่านยอดเรียกใช้บริการที่สูงขึ้นกว่าช่วงปกติถึง 50%[1] ดังนั้น ในปีนี้ แกร็บจึงได้รุกทำตลาดบริการคนขับรถมืออาชีพอย่างจริงจัง โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสังคมหรือ Social Marketing ผ่านการทำแคมเปญพิเศษที่ชื่อ ‘โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม’ พร้อมส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษเพื่อร่วมรณรงค์ด้านความปลอดภัยและกระตุ้นจิตสำนึกให้กับผู้ใช้บริการสายดื่ม โดยนำอินไซต์จริงที่สะท้อนวิธีคิดและพฤติกรรมของนักดื่ม รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งต่อตัวผู้กระทำ คนรอบข้างและสังคมโดยรวม มาเป็นจุดขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความรับผิดชอบร่วมกัน โดยแฝงมุขตลกเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย พร้อมผนึกพันธมิตรกับสถานบันเทิงต่างๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”

จุดเด่นของบริการ GrabDriveYourCar คือ

  • มีฐานคนขับมืออาชีพพร้อมให้บริการ โดยคนขับแกร็บที่จะสามารถให้บริการ GrabDriveYourCar ได้ต้องผ่านระบบคัดกรองที่เข้มข้น ตั้งแต่การตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลัง การทำแบบทดสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์เพื่อประเมินทักษะด้านการขับรถ ทัศนคติ มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงความสามารถในการจัดการและรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งคนขับกลุ่มนี้สามารถขับรถยนต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ซีดาน รถ SUV รถกระบะ รถตู้ ไปจนถึงซุปเปอร์คาร์
  • มาไวทันใจ โดยผู้ใช้บริการจะใช้เวลารอคนขับเฉลี่ยเพียง 15 นาทีหลังจากระบบได้จัดสรรคนขับแล้ว
  • ราคาเข้าถึงได้ โดยแกร็บได้ปรับราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาทต่อเที่ยว[2]
  • อุ่นใจ โดยแกร็บได้ทำประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในทุกเที่ยว ซึ่งคุ้มครองทั้งผู้ใช้บริการและยานพาหนะ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อเที่ยว

“ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บยังได้มอบส่วนลดบริการ GrabDriveYourCar 30% (สูงสุด 200 บาท) สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ เพียงใส่รหัส DRIVE30 ตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงสิ้นปี พร้อมกันนี้ ยังได้ผนึกความร่วมมือกับคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร และสถานบันเทิงทั่วกรุงเทพฯ อาทิ theCOMMONS Groove @ centralwOrld ร้าน Brick Bar ร้าน Molly ร้าน Mulligans Irish Bar ร้าน Waterside Karaoke และร้าน 12Plato Brewing เป็นต้น เพื่อผลักดันให้คน "ดื่มไม่ขับ เรียก GrabDriveYourCar ขับให้" ให้ทุกคนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนอกจากนี้ เรายังได้จัดคอร์สอบรมออนไลน์สำหรับคนขับแกร็บที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงโทษภัยของการดื่มแล้วขับ พร้อมให้บริการด้วยความปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย” นางสาวเมธิณี ปิดท้าย

รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษได้ที่

รู้หรือไม่:

  • ช่วงเวลาที่มีคนเรียกใช้บริการคนขับส่วนตัวมากที่สุด คือ เวลา 00 - 4.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปาร์ตี้มากที่สุด
  • บริการ GrabDriveYourCar มีให้บริการแค่ในประเทศไทยเท่านั้น
  • ย่านยอดนิยมสำหรับการใช้บริการ GrabDriveYourCar สูงสุด 3 อันดับแรกในกรุงเทพฯ ได้แก่ ย่านทองหล่อ-เอกมัย ย่านอโศก และย่านรัชดา
  • รู้ไหม? ดื่มไวน์ 3 แก้ว หรือวิสกี้ 2 แก้ว หรือเบียร์ 2 ขวดเล็ก ก็ทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร หากดื่มเท่านี้ แนะนำให้เรียก GrabDriveYourCar ได้เลย
  • เมาแล้วขับ โดนปรับหนักแน่! ค่าปรับเริ่มต้นของการเมาแล้วขับ คือ 5,000 บาท เทียบเท่ากับการใช้บริการ GrabDriveYourCar ถึง 14 ครั้ง (เมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้น)

[1] หมายเหตุ: เปรียบเทียบยอดใช้บริการ GrabDriveYouCar เฉลี่ยต่อเดือนระหว่างช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงมกราคม 2567 กับช่วงอื่นๆ ของปี

[2] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด และอัตราค่าบริการเป็นไปตามระยะทางที่ใช้บริการตามที่ปรากฏบนหน้าแอปพลิเคชัน

Page 1 of 10
X

Right Click

No right click