นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย รับมอบรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลัง” (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) ในสาขาแพลตฟอร์มส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ GrabFood ได้ัรับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 29 แบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย จากการสำรวจและเก็บข้อมูลผู้บริโภคมากกว่า 24,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ ครอบคลุมใน 4 มิติ ได้แก่ ความตระหนักในแบรนด์ ความชื่นชอบในแบรนด์ การใช้ผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็ว ๆ นี้
“แกร็บรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แบรนด์แกร็บฟู้ด (GrabFood) ได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง (The Most Powerful Brands of Thailand) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 โดยจากผลการวิจัยในปีนี้ แกร็บฟู้ดยังคงเป็นแบรนด์ที่ครองใจคนไทยทุกช่วงวัย (18-69 ปี) ทุกเพศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้แพลตฟอร์มของแกร็บสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกยุคทุกสมัย โดยยังคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจในการดำเนินธุรกิจที่เรียกว่า GrabForGood” นายวรฉัตร กล่าวเสริม
สำหรับการประกาศรางวัล "สุดยอดแบรนด์ทรงพลังของประเทศไทย 2024" (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) จัดขึ้นในปีนี้เป็นครั้งที่ 7 โดยภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยและสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องทุก 2 ปี โดยปีนี้มีการเก็บข้อมูลจาก 24,000 ตัวอย่าง แบ่งเป็นกลุ่มในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 12,000 ตัวอย่าง และใน 13 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศอีก 12,000 ตัวอย่าง เพื่อจัดอันดับความแข็งแกร่งของแบรนด์ พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้แบรนด์แข็งแกร่ง เพื่อนำมาเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดต่อไป
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย รับมอบรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลัง” (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) ในสาขาแพลตฟอร์มส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ GrabFood ได้ัรับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 29 แบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย จากการสำรวจและเก็บข้อมูลผู้บริโภคมากกว่า 24,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ ครอบคลุมใน 4 มิติ ได้แก่ ความตระหนักในแบรนด์ ความชื่นชอบในแบรนด์ การใช้ผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็ว ๆ นี้
“แกร็บรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แบรนด์แกร็บฟู้ด (GrabFood) ได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง (The Most Powerful Brands of Thailand) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 โดยจากผลการวิจัยในปีนี้ แกร็บฟู้ดยังคงเป็นแบรนด์ที่ครองใจคนไทยทุกช่วงวัย (18-69 ปี) ทุกเพศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้แพลตฟอร์มของแกร็บสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกยุคทุกสมัย โดยยังคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจในการดำเนินธุรกิจที่เรียกว่า GrabForGood” นายวรฉัตร กล่าวเสริม
สำหรับการประกาศรางวัล "สุดยอดแบรนด์ทรงพลังของประเทศไทย 2024" (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) จัดขึ้นในปีนี้เป็นครั้งที่ 7 โดยภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยและสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องทุก 2 ปี โดยปีนี้มีการเก็บข้อมูลจาก 24,000 ตัวอย่าง แบ่งเป็นกลุ่มในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 12,000 ตัวอย่าง และใน 13 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศอีก 12,000 ตัวอย่าง เพื่อจัดอันดับความแข็งแกร่งของแบรนด์ พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้แบรนด์แข็งแกร่ง เพื่อนำมาเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดต่อไป
แต่ก่อนถ้าไปเที่ยวเชียงใหม่ หรือหาดใหญ่ หลายคนคงต้องเคยได้นั่ง “รถแดง” หรือ “ตุ๊กตุ๊ก” รถสาธารณะของคนท้องถิ่นที่กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด ที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวชาวไทย หรือชาวต่างชาติต้องขอมาถ่ายรูป และลองนั่งดูสักครั้ง แต่เมื่อวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป ทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกสบายมีมากขึ้น ทำให้การนั่ง “รถแดง” หรือ “ตุ๊กตุ๊ก” ไม่ได้รับการนิยมเหมือนแต่ก่อน ทำให้คนขับรถรับจ้างเหล่านี้ต้องปรับตัวให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่ เหมือนเช่นสองคนขับ ไพรัช ชัยลำพูน คนขับรุ่นใหญ่ที่ให้บริการรถแดงที่เชียงใหม่เป็นเวลากว่า 20 ปี และ ธนัท กิตติภูริคุณ คนขับรถตุ๊กตุ๊กในหาดใหญ่ผู้มีใจรักงานบริการ ที่เริ่มหันมาให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันแกร็บเพื่อเป็นรายได้เสริม
“รถแดง” เป็นรถโดยสารสาธารณะที่อยู่คู่จังหวัดเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน การขึ้นรถแดงเดินทางรอบเมืองเชียงใหม่ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสัมผัสวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด โดย “ไพรัช ชัยลำพูน” หรือ พี่ไพรัช คนขับรถแดงวัย 53 ปี ที่ให้บริการขับรถแดงมากว่า 20 ปี เล่าว่า เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถทำอาชีพนี้มาได้อย่างยาวนาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาภูมิใจที่สิ่งที่ตัวเองทำ รถแดงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ และยังสนุกที่ได้พานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมเชียงใหม่ เมืองบ้านเกิดที่เขารัก
พี่ไพรัช เผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเริ่มโบกเรียกรถแดงน้อยลง เนื่องจากความกังวลในราคาที่ไม่ชัดเจน หรือเคยโดนโก่งราคาแบบไม่สมเหตุสมผลมาก่อน ซึ่งในขณะที่เขากังวลว่าจะไปไม่รอด เป็นจังหวะเดียวกับที่แกร็บติดต่อเข้ามาผ่านสหกรณ์ เพื่อชวนคนขับรถแดงให้มาร่วมให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งพี่ไพรัชก็ไม่รอช้า ตัดสินใจเข้าร่วมให้บริการผ่านแกร็บเป็นกลุ่มแรกๆ “ผมไม่เคยมีรายได้เยอะขนาดนี้มาก่อน จนได้ลองมารับผู้โดยสารกับแกร็บ” พี่ไพรัชกล่าว การเข้าให้บริการผ่านแอปพลิเคชันเพื่อหารายได้เสริมทำให้เขาเห็นแสงสว่างของการรักษาอาชีพที่เขารักเอาไว้
“ปกติถ้าจะขึ้นรถแดงเที่ยวเชียงใหม่ ผู้โดยสารสามารถโบกรถขึ้นได้เลยตามทาง ซึ่งส่วนใหญ่รถแดงจะจอดอยู่ตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในเมือง อย่างสถานีขนส่ง หรือโซนนิมมาน ในขณะที่เวลาให้บริการบนแกร็บ ผู้โดยสารจะเรียกเราจากที่ไหนก็ได้ จะเรียกไปส่งไกลถึงแม่สอด ปาย หรือแม้แต่เชียงรายก็ได้ ซึ่งง่ายต่อทั้งผู้โดยสารและคนขับ”
พี่ไพรัชเล่าต่อว่าตั้งแต่ให้บริการผ่านแกร็บมา 5 ปี เขามีโอกาสรับส่งลูกค้าในระยะที่ไกลขึ้น มีรายได้มากขึ้น อีกทั้งการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังสะดวกสบาย คนขับไม่ต้องถูกต่อราคา ผู้โดยสารก็ไม่ต้องกลัวโดนเรียกค่าบริการที่แพงเกินไป
“การเรียกรถแดงผ่านแอปฯ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวในเรื่องของราคาที่มีมาตรฐาน ในขณะที่คนขับก็สามารถพาผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายได้อย่างถูกต้องตาม GPS ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจและอยากกลับมานั่งรถแดงอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นของเชียงใหม่เอาไว้”
พี่ไพรัชยังเสริมว่า นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปกับรถแดง เพราะให้ความรู้สึกว่ามาถึงเชียงใหม่แล้ว บางคนไม่ได้เป็นลูกค้าแต่ขอถ่ายรูปกับรถ เขาก็ไม่เคยเก็บเงิน ยินดีให้ถ่ายเต็มที่ เพราะการที่คนให้ความสนใจถ่ายรูปกับรถแดง ถือว่าได้โปรโมทเชียงใหม่ไปในตัวด้วย
นอกจากจังหวัดท่องเที่ยวสุดฮอตอย่างเชียงใหม่แล้ว รถสองแถวที่คนหาดใหญ่เรียกกันว่า “รถตุ๊กตุ๊ก” ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่อยู่ไม่ไกลจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
“ธนัท กิตติภูริคุณ” หรือ พี่ธนัท คนขับตุ๊กตุ๊กวัย 47 ปีจากหาดใหญ่ เล่าว่า “รถตุ๊กตุ๊ก คือรถที่สามารถสร้างความสุขให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวแนวครอบครัว เพราะเด็กๆ จะรู้สึกสนุก แฮปปี้ ส่วนผู้สูงอายุก็มีพื้นที่ในการยืดขา อายุเท่าไหร่ก็เลยขึ้นได้ไม่มีปัญหา”
พี่ธนัท ยังเสริมว่า “การขับรถตุ๊กตุ๊กที่หาดใหญ่ค่อนข้างสบายและเป็นอิสระ เพราะสามารถเลือกเวลาทำงานได้เอง ไม่เหมือนรถสาธารณะประเภทอื่นที่ต้องมีตารางเวลางานที่ชัดเจน” การเลือกเวลาทำงานได้เป็นข้อดีที่ตรงกับวิถีการใช้ชีวิตของพี่ธนัท เพราะเขาสามารถช่วยภรรยาดูแลสวนยางที่บ้านตอนเช้าก่อนออกไปขับตุ๊กตุ๊ก พร้อมได้มีเวลาอยู่ดูแลลูกที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายได้มากขึ้น
พี่ธนัทขับตุ๊กตุ๊กมาเกือบ 17 ปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานขับรถบรรทุก ก่อนที่จะผันตัวมาขับตุ๊กตุ๊กบริเวณตลาดอาเซียน ไนท์บาซาร์ และ บขส.หาดใหญ่ เป็นหลัก รวมถึงให้บริการบริเวณตัวเมืองสงขลา ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และด่านศุลกากรสะเดา เป็นครั้งคราว เนื่องจากตลาดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย “ผมตัดสินใจเข้าร่วมให้บริการผ่านแกร็บมาได้กว่า 6 เดือนแล้ว ตั้งแต่นั้นก็ทำให้มีรายได้เข้ามาตลอดไม่ขาดมือ เพราะนักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถจากตรงไหนก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอช่วงไฮซีซั่นหรือบริเวณที่มีคนมาก ถึงแม้ในช่วงโลว์ซีซั่นรายได้จะลดลงบ้าง แต่ว่ายังดีกว่าช่วงก่อนเข้าร่วมกับแกร็บ ก่อนนั้นถือว่าค่อนข้างลำบาก ต้องคอยรอนักท่องเที่ยวจากจุดประจำที่มีคนเยอะบ้างน้อยบ้างตามเวลา เนื่องจากรายได้หลักของครอบครัวมาจากการขับตุ๊กตุ๊ก ถือว่าแกร็บได้ช่วยเพิ่มทางเลือก ทำให้เราได้มีลูกค้ามากขึ้นนอกจากการรอลูกค้าที่โบกรถ” พี่ธนัทกล่าว
“จริงๆ นักท่องเที่ยวหลายคนมีรถตู้ส่วนตัวไว้เดินทางกัน แต่พอถึงหาดใหญ่เขาเลือกที่จะจอดไว้ที่โรงแรม แล้วกดแอปฯ เรียกรถตุ๊กตุ๊กกัน เพราะเขาชอบที่ได้เห็นวิว บรรยากาศรอบเมืองโดยไม่ต้องมีกระจกมากั้น” พี่ธนัทเล่าด้วยความดีใจผ่านน้ำเสียงที่ซาบซึ้ง ที่รถตุ๊กตุ๊กยังเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวมองหาและเลือกใช้บริการ
“แกร็บเป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างคนขับและนักท่องเที่ยว คนขับไม่ต้องหาลูกค้าเอง ราคาชัดเจน ไม่ต้องต่อรอง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงประสบการณ์ท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด ได้รู้จักเอกลักษณ์การเดินทางของประเทศไทยแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหน” พี่ธนัทกล่าวทิ้งท้าย
แกร็บฟู้ด (GrabFood) แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม เผยอินไซต์คนไทยนิยมสั่งอาหารผ่านแอปฯ เพื่อบริโภคเป็นกลุ่ม ระบุ 93% ของผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ดสั่งอาหารมากินด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
แต่กว่า 75% พบปัญหาในการแบ่งจ่ายหรือโอนเงินคืนกัน สบช่องผุดไอเดียอัปเกรดฟีเจอร์ “คำสั่งซื้อกลุ่ม” (Group Order) เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารร่วมกันได้สะดวกขึ้น สามารถเลือกเมนูโปรดได้ตามใจ และเพิ่ม 3 ออปชันการจ่ายเงินได้ตามต้องการ พร้อมส่งแคมเปญ “รักนะกรุ๊ปๆ กินกับกรุ๊ป สั่งกับ Grab” เจาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ ครอบครัวและเพื่อน มาพร้อมโปรโมชันรูปแบบใหม่ ยิ่งสั่งกรุ๊ปใหญ่ ยิ่งลดเยอะ ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 15% เมื่อสั่งอาหารเป็นกลุ่มตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป พร้อมส่วนลด 30% สำหรับผู้ใช้ใหม่เพียงใส่โค้ด “NEWGROUP”
นายจิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “จากการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของผู้ใช้บริการ หนึ่งในอินไซต์ที่น่าสนใจคือคนไทยนิยมรับประทานอาหารด้วยกันหรือใช้เวลาร่วมกันในมื้ออาหาร โดย 93% ของผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ดในประเทศไทยจะสั่งอาหารมารับประทานร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป[1] ทั้งนี้ แกร็บได้พัฒนาและเปิดตัวฟีเจอร์ ‘คำสั่งซื้อกลุ่ม’ (หรือ Group Order) มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ต้องการสั่งอาหารร่วมกันภายในออเดอร์เดียว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ โดยกว่า 85% ของผู้ใช้บริการฟีเจอร์ Group Order เลือกสั่งอาหารเพื่อมารับประทานร่วมกันในมื้อหลัก[2] โดยเฉพาะมื้อเที่ยงและมื้อเย็น รองลงมาคือสั่งอาหารร่วมกันเพื่อฉลองในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ และรับประทานระหว่างการประชุม”
“หนึ่งในปัญหา (Pain Point) หลักของผู้ใช้บริการเมื่อสั่งอาหารร่วมกันคือ คนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ ไม่กล้าทวงเงิน โดย 75% ของผู้ใช้บริการระบุว่า มักมีปัญหากับการแบ่งจ่ายเงิน[3] ไม่ว่าจะเป็น การคำนวณยอดสั่งและการหารค่าอาหาร หรือความวุ่นวายในการโอนเงินคืนกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าบ่อยครั้งที่การสั่งอาหารร่วมกันในออเดอร์เดียวใช้เวลานาน บางครั้งเกิดความยืดเยื้อเพราะต้องรอให้แต่ละคนใส่รายละเอียดที่ต้องการโดยไม่มีการกำหนดเวลาปิดรับออเดอร์ ล่าสุดเราจึงได้พัฒนาและอัปเกรดฟีเจอร์ Group Order ให้ตอบโจทย์มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการแบ่งจ่ายและลดเวลาในการสั่ง” นายจิรกิตต์ กล่าวเสริม
ฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) รูปแบบใหม่มาพร้อม 3 ไฮไลท์สำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาของผู้ใช้บริการได้แบบตรงจุด คือ
นอกจากนี้ แกร็บฟู้ดได้เปิดตัวแคมเปญ “รักนะกรุ๊ปๆ กินกับกรุ๊ป สั่งกับ Grab” ภายใต้คอนเซปต์ “MEALATIONSHIP SAVER” เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่มในฐานะตัวช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และเพิ่มความสุขให้กับการรับประทานอาหารร่วมกัน จัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาด 360 องศา ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มคนทำงานออฟฟิศ กลุ่มครอบครัว และกลุ่มเพื่อน พร้อมให้ส่วนลดพิเศษสูงสุด ถึง 15% เมื่อสั่งอาหารร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป (สูงสุด 10 คน) พิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ รับส่วนลดเพิ่ม 30% (สูงสุด 100 บาท เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 200 บาท) เพียงใส่โค้ด ‘NEWGROUP’ ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 สิงหาคม 2567 เท่านั้น
ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) และแคมเปญ “รักนะกรุ๊ปๆ กินกับกรุ๊ป สั่งกับ Grab”
ทรูมันนี่ (TrueMoney) ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ แกร็บ (Grab) ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศผนึกความร่วมมือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นผสานระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้รอยต่อ มอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ เล็งขยายฐานลูกค้าระหว่างกัน พร้อมเปิดตัวแคมเปญพิเศษ “แท็กทีมคุ้ม” โดยคว้าคู่จิ้นสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์หวังเจาะกลุ่มนิวเจน มอบส่วนลดค่าบริการ Grab สูงสุดถึง 50% เมื่อชำระผ่าน TrueMoney
นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เผยว่า “การผนึกความร่วมมือกับ แกร็บ ประเทศไทย ในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ ทรูมันนี่ ในการส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มีความต้องการใช้จ่ายออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ของเราที่มุ่งสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่ ‘เป็นไปได้ ได้ทุกคน’ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง TrueMoney และ Grab ครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก คือ การเชื่อมต่อระบบชำระเงินระหว่างกัน โดยผู้ใช้บริการ Grab สามารถชำระค่าบริการได้ผ่าน TrueMoney ได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดร่วมกันเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าของทั้ง TrueMoney และ Grab และยกระดับประสบการณ์การใช้บริการ ตลอดจนการต่อยอดความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันต่อไป”
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “การประกาศความร่วมมือกับ TrueMoney ในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ แกร็บ ประเทศไทย ในการพัฒนาและยกระดับแพลตฟอร์มของเราเพื่อ
ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ Grab ให้สามารถชำระเงินได้ผ่าน TrueMoney ถือเป็นการสร้างประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้รอยต่อที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย
ด้วยระบบป้องกันการดูดเงินถึง 3 ชั้นของ TrueMoney นอกจากนี้ ด้วยฐานผู้ใช้บริการของ TrueMoney ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกระดับ โดยมียอดผู้ใช้บริการทั่วประเทศถึงกว่า 30 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่ ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในเชิงธุรกิจ รวมถึงการขยายฐานกลุ่มผู้ใช้บริการระหว่างกันด้วย โดยนอกจากการเปิดตัวแคมเปญพิเศษร่วมกันในช่วงกลางปีแล้ว เรายังเตรียมกิจกรรมทางการตลาดที่มีสีสันและน่าตื่นเต้นอีกมากมาย เพื่อนำเสนอความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการของทั้งสองแบรนด์ในอนาคตด้วย”
เพื่อประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการ TrueMoney และ Grab ยังได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษที่ชื่อ “แท็กทีมคุ้ม” นั่งฟิน กินคุ้ม จิ้ม จ่าย จบ ด้วยทรูมันนี่ พร้อมคว้าสองหนุ่มคู่จิ้นสายวายสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อนำเสนอความคุ้มแบบดับเบิ้ลจากทั้งสองแบรนด์