November 08, 2024
EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate สำหรับลูกค้าทั่วไปและ SMEs (เทียบเท่า MRR ของธนาคารพาณิชย์) จากเดิมที่อยู่ในระดับต่ำสุดในระบบ SFIs อยู่แล้ว เหลือเพียง 5.985% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป พร้อมเสนอโปรแกรมสินเชื่อพิเศษช่วยสนับสนุนให้มีเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจหรือนำเข้าเครื่องจักร เทคโนโลยีการผลิต เพื่อขยายกำลังการผลิตหรือปรับปรุงโรงงาน ในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 2% ต่อปี

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน EXIM BANK มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Prime Rate สำหรับลูกค้าทั่วไปและ SMEs (เทียบเท่า MRR ของธนาคารพาณิชย์) อยู่ที่ 6.00% ต่อปี ซึ่งต่ำที่สุดในระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) เนื่องจาก EXIM BANK นำร่องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 อย่างไรก็ตาม เพื่อขานรับนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและตอบสนองทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีจำนวนมากและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย EXIM BANK ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 5.985% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป

นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ภายใต้ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องมาอยู่ในระดับ 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่าขึ้นถึงราว 15% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่เงินบาทเคยอยู่ที่ราว 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จึงถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิต อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในระยะยาว EXIM BANK จึงได้พัฒนาบริการหลากหลายรูปแบบเพื่อกระตุ้นการนำเข้าและการลงทุน ควบคู่กับมาตรการเสริมสภาพคล่องเพื่อกระตุ้นการส่งออก โดยสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของไทยและตลาดโลก ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำกว่า Prime Rate สำหรับผู้ประกอบการทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกขนาด ดังนี้

• มาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นสินเชื่อระยะยาวเพื่อให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่มอุตสาหกรรมใช้ซื้อหรือปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ หรือต่อเติมปรับปรุงโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก อัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก 2% ต่อปี
• มาตรการ EXIM เสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นผู้ส่งออก ผู้นำเข้าเพื่อผู้ผลิตในการส่งออก และผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก สามารถเลือกใช้วงเงินกู้ระยะยาวหรือวงเงินกู้ระยะสั้น สำหรับนำไปลดภาระการชำระหนี้และเพิ่มสภาพคล่องกิจการให้มีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับดำเนินธุรกิจส่งออก หรือปรับปรุงเครื่องจักร โรงงาน เทคโนโลยีการผลิต เป็นต้น อัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก 3.99% ต่อปี
• สินเชื่อส่งออกเพิ่มสุข อัตราดอกเบี้ยปีแรก 5.50% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นส่งออก
• สินเชื่อส่งออกเพิ่มค่า อัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก Prime Rate -1.25% ต่อปี สำหรับกลุ่ม SMEs โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
• สินเชื่อเอ็กซิมเชื่อม SMEs ไทยสู่ CLMV สำหรับผู้ส่งออก SMEs ไปตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) อัตราดอกเบี้ย Prime Rate -1.75% ตลอดอายุโครงการ
• สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อธุรกิจขนาดกลาง สินเชื่อรับซื้อตั๋วเพื่อธุรกิจขนาดกลาง และสินเชื่อเอ็กซิมเพื่อโซนพิเศษ อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ Prime Rate -2.00% สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่

นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีบริการหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการไทยในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า อาทิ มาตรการพักชำระหนี้ ลดภาระผู้ส่งออก สู้ภัยไวรัสโคโรนา พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน ลดภาระลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อระยะยาวและระยะสั้นที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พร้อมขยายความคุ้มครองผู้ส่งออกที่มีการส่งออกแล้วหรืออยู่ระหว่างเตรียมส่งออกไปจีน สินเชื่อเพื่อวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม และบริการประกันการส่งออกสำหรับผู้ส่งออกทั่วไปและผู้ส่งออก SMEs ซึ่งมีขั้นตอนการขอรับบริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น เป็นต้น

“EXIM BANK เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ตามความคาดหวังของทุกฝ่าย ท่ามกลางปัจจัยท้าทายรอบด้านที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยธนาคารจะทำหน้าที่สนับสนุนเครื่องมือทางการเงินให้ผู้ประกอบการไทยทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีสภาพคล่อง ลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจในระยะสั้น ควบคู่กับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดการค้ายุคใหม่ในระยะยาว” นายพิศิษฐ์กล่าว

ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ พร้อมรับรางวัลสูงสุดระดับโกลด์ (Gold Award)

สำหรับทีวีเดอะ เซโร (The Sero) และตู้เย็นบีสโปก (Bespoke) ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ

 

 

กรุงเทพ (7 กุมภาพันธ์ 2563) – ซัมซุง คว้า 61 รางวัล จากงานประกวดการออกแบบระดับโลก International Forum (iF) Design Award 2020 โดยได้รับรางวัลสูงสุดระดับโกลด์ (Gold Award) 2 รางวัล รางวัล ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ 34 รางวัล รางวัล professional concepts design 8 รางวัล รางวัล communication design 17 รางวัล และรางวัลการออกแบบบรรจุภัณฑ์อีก 2 รางวัล

 

ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงที่ได้รับรางวัลระดับโกลด์ ได้แก่ ทีวีเดอะ เซโร (The Sero) และตู้เย็นบีสโปก (Bespoke) ที่ปรับแต่งดีไซน์ได้ตามต้องการ โดย ‘เซโร’ ในภาษาเกาหลีมีความหมายว่า ‘แนวตั้ง’ ซึ่งสอดคล้องกับความสามารถของทีวีรุ่นนี้ ในการสลับปรับเปลี่ยนให้แสดงภาพได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อสะท้อนความทันสมัยและหรูหราสร้าง ความโดดเด่นในทุกพื้นที่ที่นำไปจัดวาง ในขณะที่ตู้เย็นบีสโปกนั้น ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ด้วยดีไซน์ที่มีให้เลือกหลากหลายถึง 8 รูปแบบ ทั้งแบบบานเดี่ยว (single-door) ไปจนถึงแบบ 4 บาน (four-door) โดยหน้าบานประตูยังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเลือกสรรและผสมผสานวัสดุและสีสันที่แตกต่างกันได้เพื่อสะท้อนความชื่นชอบตามสไตล์ของแต่ละบุคคล อีกทั้งประตู Kitchen Fit ยังถูกออกแบบให้เหมือนการบิลท์อินเพื่อสร้างความกลมกลืนในห้องครัวทุกรูปแบบอีกด้วย

 

“ซัมซุง สร้างสรรค์นวัตกรรมแนวไลฟ์ไตล์โดยมีพื้นฐานจากการเล็งเห็นเทรนด์ในปัจจุบันรวมถึงการหาข้อมูลเชิงลึกด้านความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต โดยเรามุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีตามที่ลูกค้าต้องการ ผ่านทางแนวคิดการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ การผสมผสานเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ และการตอบโจทย์ความท้าทายอย่างสร้างสรรค์ของ ซัมซุง” ดองเต ลี รองประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการศูนย์การออกแบบ บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าว

 

นอกจาก 2 รางวัลระดับโกลด์ ซัมซุงได้รับรางวัลในประเภทการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 34 รางวัลจาก iF Design Awards อาทิ:

· กาแลคซี่ โฟลด์ สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้นวัตกรรมระดับพรีเมี่ยมที่มอบประสบการณ์การชมคอนเทนท์เต็มตาเมื่อกางหน้าจอออกและความสะดวกในการพกพาเมื่อพับหน้าจอ

· กาแลคซี่ วอทช์ แอคทีฟ 2 สมาร์ทวอทช์ที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบหรูลงตัว อีกทั้งยังลดขนาดขอบนาฬิกาเพื่อขยายประสบการณ์การใช้งาน

· Space Monitor จอมอนิเตอร์พร้อมขาตั้งแบบหนีบซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่บนโต๊ะและทำให้ผู้ใช้มีพื้นที่ทำงานกว้างขวางมากขึ้น

· AirDresser เครื่องทำสะอาดผ้าที่มาพร้อมกระจกแบบเต็มตัว พร้อมลวดลายแนวตั้งและการไล่เฉดสีเพื่อ ขับเน้นความสวยงามได้ในทุกพื้นที่ด้วยรูปลักษณ์ระดับพรีเมียม

· Samsung Induction Plate เตาไฟฟ้า 2 หัวขนาดบางแบบพกพาที่เหมาะสำหรับการทำอาหารหลายเมนูในเวลาเดียวกัน โดดเด่นด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว ทำให้เป็นไอเท็มที่นำสายตาเมื่อวางบนครัวหรือโต๊ะ

 

2 รางวัล ในประเภทการออกแบบบรรจุภัณฑ์:

· บรรจุภัณฑ์กาแลคซี่ โฟลด์ สะดุดตาด้วยกราฟฟิกรูปแบบใหม่ แสดงมิติใหม่ของโลโก้กาแลคซี่ดั้งเดิมในเวอร์ชั่นพับได้

· บรรจุภัณฑ์กาแลคซี่ โน้ต 10 และโน้ต 10 พลัส นำเสนอแนวทางการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปราศจากส่วนประกอบที่ไม่จำเป็นและใช้เยื่อกระดาษขึ้นรูป

 

17 รางวัล ในประเภท Communication design อาทิ:

· UX แบบพับได้ของกาแลคซี่ โฟลด์ มอบประสบการณ์ที่ราบรื่นไร้รอยต่อระหว่างหน้าจอบนฝาพับและหน้าจอหลัก

· UX ที่เร้าอารมณ์ของเครื่องปรับอากาศ เน้นย้ำการแสดงข้อมูลสำคัญอย่างนุ่มนวลผสานแสงไฟ Ambient Lighting ที่ตระการตา

· UX ของซัมซุง ฟลิป มาพร้อมหน้าจออิเลคโทรนิคส์ที่ไหลลื่นด้วยการใส่ระบบดิจิทัลไว้กับประสบการณ์แบบอนาล็อกเพื่อการใช้งานที่ง่ายดาย

· นิทรรศการ Resonance ของซัมซุงในงาน Milan Design Week 2019 ซึ่งเป็นการนำเสนอแคมเปญการสื่อสารแบรนด์แบบครบวงจรเพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งปรัชญาการออกแบบของซัมซุง

 

8 รางวัล ในประเภท Professional concepts design อาทิ:

· GEMS (Gait Enhancing & Motivating System) ชุดโครงหุ่นยนต์ที่ช่วยแก้ไขท่าทางของร่างกายให้ถูกต้อง และช่วยดูแลจัดการด้านสุขภาพบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

· Device Sync ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ความสะดวกง่ายดายในการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ผ่านเทคโนโลยี Vision Recognition และ Generative Visualization แบบเรียลไทม์

 

การประกวดรางวัล iF Design Award จัดโดยบริษัท iF International Forum Design เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2496 โดยผลงานการออกแบบที่ถูกส่งเข้าประกวดจะถูกพิจารณาอย่างครอบคลุมทั้งในด้านการออกแบบ ความสามารถทางนวัตกรรม ศักยภาพทางการใช้งาน และอีก 7 ประเภท อย่างผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การสื่อสาร และแนวคิดระดับมืออาชีพ

รางวัล iF Design Award 2020 ประกาศผลผู้ชนะเลิศผ่านทางออนไลน์บนเว็บไซต์ iF Design Award และแอป iF Design ซึ่งผลงานการออกแบบที่ชนะเลิศจะถูกจัดแสดงที่ iF Design Exhibition ภายในงาน Berlin Design Week 2020 ระหว่างวันที่ 2 – 10 พฤษภาคมนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชมที่ https://ifworlddesignguide.com

X

Right Click

No right click