บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2023 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [2.95 - 4.10]% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พฤศจิกายน 2567 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ของทรู คอร์ปอเรชั่นแสดงถึงความสำเร็จต่อเนื่องจากการควบรวมทรูและดีแทค ด้วยกำไรสุทธิ (หลังหักภาษีและหลังปรับปรุงรายการพิเศษ) 2.4 พันล้านบาท และ EBITDA ที่เติบโตเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน สะท้อนการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลักและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เรายังมุ่งสู่การเป็นผู้นำโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน เน้นการใช้ AI และระบบอัตโนมัติเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร นอกจากนี้ การลงทุนในเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุม 92% ของประชากร จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทและสร้างคุณค่าแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน”
บริษัทฯ และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาด (market position) ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย
ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมหุ้นกู้ที่มีคุณภาพก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเริ่มปรับตัวลดลง โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยปรับลดลง 0.50% และส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ สำหรับประเทศไทย แม้ว่าการประชุมเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% แต่ก็มีโอกาสที่ กนง. จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยการประชุมครั้งต่อไปคือวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ช่วงเวลานี้จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมหุ้นกู้ เพื่อล็อคผลตอบแทนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะนักลงทุนที่นิยมลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสูง และด้วยอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” ของทรู น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน”
หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 2 ปี ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พฤศจิกายน 2567 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งบริษัทฯ หวังว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนหุ้นกู้ทุกชุดที่ผ่านมาของบริษัทฯ โดยหุ้นกู้ทั้ง 5 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียดดังนี้
1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.95 - 3.10]% ต่อปี
2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.25 - 3.40]% ต่อปี
3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.65 – 3.80]% ต่อปี
4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.80 – 3.95]% ต่อปี
5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.95 – 4.10]% ต่อปี
ซึ่งเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่
• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking
• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking
• ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555
• บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004
• บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประสบความสำเร็จอีกขั้นในระดับนานาชาติ เผย “ยุภา ลีวงศ์เจริญ” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) ได้รับการยกย่องด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ "Best Women Chief Financial Officer– Telecom" หรือ ผู้นำสตรีดีเด่นด้านการเงินของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม จาก Women's Tabloid Awards ประจำปี 2024 เวทีระดับนานาชาติที่จัดขึ้นเพื่อยกย่องความสำเร็จของสตรีในหลากหลายสาขาอาชีพ ซึ่งรางวัลนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเป็นเลิศในการบริหารการเงินของผู้บริหารหญิงแกร่งท่านนี้เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของผู้นำสตรีในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมระดับโลก อีกทั้งยังสะท้อนวิสัยทัศน์ของทรู คอร์ปอเรชั่นในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในองค์กร
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานมากกว่า 16 ปีในฐานะผู้บริหารระดับสูง “ยุภา ลีวงศ์เจริญ” ได้สร้างผลงานอันโดดเด่นตลอดเส้นทางอาชีพ เริ่มต้นจากการทำงานในระดับบริหารในธนาคารชั้นนำของไทย ก่อนจะก้าวสู่การเป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้บริหารในองค์กรรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ และต่อมาได้เข้าร่วมทำงานกับ UTV ผู้นำธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก หรือปัจจุบันคือทรูวิชั่นส์ ในช่วงที่บริษัทเผชิญกับ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 ที่เงินบาทลอยตัวและต้นทุนด้านคอนเทนท์ที่ซื้อจากต่างประเทศมาสูงขึ้นเป็น “เท่าตัว” และด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง และความสามารถที่โดดเด่นสามารถผลักดันบริษัทผ่านสถานการณ์อันยากลำบากมาได้ จึง ได้รับแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงินกลุ่ม ดูแลทุกธุรกิจของกลุ่มทรู และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงินกลุ่มทรู เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคในเดือนมีนาคม 2566 โดยปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า "รางวัลอันทรงเกียรตินี้ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของดิฉันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของทรู คอร์ปอเรชั่นในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการสร้างโอกาสสำหรับผู้หญิงในทุกระดับขององค์กร ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional agility) การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Innovative thinking) และทัศนคติเชิงบวกพร้อมรับการเปลี่ยน (Adaptive attitude) ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับผู้นำในยุคดิจิทัล"
ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ทรู คอร์ปอเรชั่น ยุภาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำพาองค์กรผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบรวมกิจการครั้งสำคัญระหว่างทรู กับดีแทค ในปี 2566 ซึ่งถือเป็นการควบรวมด้านโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากการควบรวมกิจการ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) 2.5 แสนล้านบาท
ล่าสุด ยุภามีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านความยั่งยืนของทรู คอร์ปอเรชั่น โดยทรูเป็นบริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีแห่งแรกของไทยที่ได้รับ “เงินกู้ที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Syndicated Loan)” มูลค่ารวม 1.41 แสนล้านเยน (ประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท) เพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายคืนเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท วงเงินกู้นี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ยังสอดคล้องกับแผนการบริหารการเงินและการลดต้นทุนของบริษัทอีกด้วย นอกจากนี้ การเข้าสู่ตลาดเงินเยนของญี่ปุ่นยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน เพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการบริหารการเงิน เป็นการขยายแหล่งเงินทุนตลอดจนลดความเสี่ยงจากการใช้สินเชื่อเงินบาทหรือดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพียงอย่างเดียว
ที่น่าสนใจคือ วงเงินกู้นี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารญี่ปุ่นและธนาคารต่างประเทศชั้นนำในจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่บริษัทไทยเคยได้รับ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินระดับโลกต่อศักยภาพและการดำเนินงานของทรู คอร์ปอเรชั่น
ยุภายังให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เท่าเทียมและครอบคลุม รวมถึงการบริหารการใช้ทรัพยากรทางการเงินเพื่อผลประโยชน์ของพนักงานทุกเพศ รวมถึงกลุ่มชาย หญิง และ LGBTQI+
"ในฐานะผู้หญิง ดิฉันภูมิใจที่ได้เห็นการเปิดกว้างมากขึ้นในสังคม และโอกาสที่เท่าเทียมกันในแวดวงธุรกิจ" คุณยุภากล่าว "นอกจากวิสัยทัศน์ ความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ (Systems Thinking) และการมองภาพรวมที่จำเป็นต้องมีในผู้นำทุกคน ผู้หญิงสามารถนำคุณสมบัติที่มีในตัวทั้งความรอบคอบ อดทน และความใส่ใจในรายละเอียดมาเสริมทำให้การตัดสินใจทำได้เด็ดขาดเฉียบคมมากขึ้น สามารถนำพาองค์กรก้าวผ่านอุปสรรคและความท้าทาย พร้อมสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับองค์กร และสังคมโดยรวม" ยุภา แม่ทัพหญิง กล่าวในที่สุด
รางวัล Women's Tabloid Awards เป็นเวทีระดับนานาชาติที่จัดขึ้นเพื่อยกย่องความสำเร็จของสตรีในหลากหลายสาขาอาชีพ โดยเฉพาะในบทบาทผู้นำและผู้บริหารระดับสูง การได้รับรางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกย่องความสำเร็จส่วนบุคคล แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในด้านความเท่าเทียมทางเพศและคุณค่าของความหลากหลายในการบริหารองค์กรระดับโลก
ความสำเร็จของคุณยุภาและการได้รับรางวัลครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงรุ่นต่อไปที่มุ่งมั่นจะก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในวงการธุรกิจ และยืนยันถึงบทบาทสำคัญของผู้นำหญิงในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล