พลิกโฉมผู้ประกอบไทยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เปิดตลาดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จับมือ Shopee และ Lazada สร้างประสบการณ์ขายสินค้าบนโลกออนไลน์ให้ผู้ประกอบการ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดตัวพร้อมมอบโล่และวุฒิบัตรให้แก่ 10 ธุรกิจบริการต้นแบบแห่งปี 2563

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดงาน ประชารัฐรวมใจ คัดสรร OTOP Select 2019” ร่วมกับ 24 พันธมิตรจากภาครัฐ Trader และ Buyer ยักษ์ใหญ่ จับมือกันคัดผลิตภัณฑ์ OTOP Select 3-5 ดาว ที่ผู้ผลิตสมัครเข้ามาร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 รายการทั่วประเทศ จำแนกเป็น 4 กลุ่ม คือ กินดี อยู่ดี สวยดี และดูดี รวมถึงมอบรางวัล Best of OTOP Select (ระดับจังหวัด) และ Top of The Best OTOP Select (ระดับประเทศ) 4 กลุ่ม  มั่นใจ!! ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้รับโอกาสสำคัญต่อยอดธุรกิจไปสู่ช่องทางการตลาดที่หลากหลาย พร้อมเผยแพร่อัตลักษณ์ไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศ

นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดงาน “ประชารัฐรวมใจ คัดสรร OTOP Select 2019” ขึ้น ณ อาคารหอประชุม 100 ปี ธัญบุรี เทศบาลนครรังสิต มีกำหนดจัดงานตั้งแต่วันนี้-14 มิถุนายน 2562 โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐ ซึ่งเป็นการผสานพลังที่จะช่วยกันคัดสรรผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีความพร้อมในการพัฒนาทั้งด้านสินค้าและการตลาดเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด   

รองอธิบดี กล่าวต่อว่า “กิจกรรมนี้มีหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ จำนวน 24 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, บริษัทสยามพิวรรธน์, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คิง พาวเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด, บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด, บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท นารายภัณฑ์ จำกัด, บริษัท ตำรับไทย สมุนไพร จำกัด, บริษัท อะราวนด์ เดอะ เนค จำกัด, บริษัท โอทอป อินเตอร์เทรดเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด, บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด, บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด (มหาชน), บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด, บริษัท สยามเจมส์กรุ๊ป จำกัด, สมาคมสินค้าตกแต่งบ้าน, สมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง (ประเทศไทย), สมาคมของขวัญของชำร่วยและของตกแต่งบ้าน, สมาคมออกแบบสร้างสรรค์, สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป และสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทย”

“ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 4 วัน คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจะร่วมกันพิจารณา ผลิตภัณฑ์ OTOP Select” ที่มีผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP 3-5 ดาวจากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 2,000 รายการ โดยจำแนกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) กินดี (Eat well) อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 520 รายการ 2) อยู่ดี (Live well) อาทิ ของใช้ ของที่ระลึก จำนวน 445 รายการ 3) สวยดี (Look well) อาทิ ครีมบำรุง ผลิตภัณฑ์สปา จำนวน 260 รายการ และ 4) ดูดี (Dress well) อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ จำนวน 775 รายการ โดยแนวทางหลักคณะกรรมการจะพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ และพร้อมจะต่อยอดทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งกรมฯ จะประกาศผลผู้ที่ผ่านการคัดสรร ในวันที่ 26 มิ.ย.62 ผ่านทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th

“นอกจากการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP Select ในข้างต้นแล้ว ยังมีกิจกรรมการคัดเลือกสุดยอด ผลิตภัณฑ์ OTOP Select ในอีก 2 กิจกรรมคือ 1)  Best of OTOP Select (ระดับจังหวัด) และ 2) Top of The Best OTOP Select (ระดับประเทศ) 4 กลุ่ม เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ผลิตได้มีกำลังใจในการพัฒนาสินค้าและก้าวไปสู่การเป็นต้นแบบให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ และเพิ่มศักยภาพของผลิตภัณฑ์ OTOP ให้ตอบโจทย์การตลาดแต่ยังคงอัตลักษณ์ภูมิปัญญาของไทยเอาไว้ นำไปสู่การเป็นที่ประจักษ์ในสายตาผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมการกระตุ้นและสร้างความนิยมในการซื้อสินค้าท้องถิ่นของไทย ก่อนต่อยอดผลิตภัณฑ์ OTOP Select เข้าสู่ช่องทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะตลาดออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทั่วโลก”

“กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนา เศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP ซึ่งเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะกระจายอยู่ทั่วประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ทำงานร่วมกับภาครัฐ ซึ่งจะเป็นความร่วมมือที่สำคัญ ในการผลักดันธุรกิจท้องถิ่นของประเทศให้เดินหน้าไปพร้อมกันกับภาคเอกชนรายใหญ่ ลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำในวงจรธุรกิจของประเทศและเติมศักยภาพให้ธุรกิจรายย่อยสามารถแข่งขันได้” รองอธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสิน ปรับลดค่าบริการของธนาคารในการขอหนังสือรับรอง รับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate ) ผ่านธนาคารที่ร่วมโครงการ เป็นกรณีพิเศษ ระยะเวลา 7 เดือน เริ่ม 1 มิ.ย. - 31 ธ.ค.62 โดยหนังสือรับรองนิติบุคคลปรับลดลง 50 บาท เหลือ 100 บาท/ฉบับ และรับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเป็น 20 บาท/หน้า ไม่กำหนดอัตราเริ่มต้น 1-5 หน้าแรก ส่งผลดีช่วยธุรกิจลดต้นทุน ไม่เสียเวลาเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 20 ม.ค.55 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ขยายการให้บริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคล รับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงิน และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น   โดยเพิ่มช่องทางการใช้บริการผ่านทางธนาคารที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพ กรุงไทย ออมสิน กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาต มิซูโฮ กรุงศรีอยุธยา และเกียรตินาคิน มีสาขาให้บริการ จำนวน 3,965 สาขา ภายใต้ชื่อ e-Certificate  จากเดิมประชาชนจะต้องเดินทางมาขอรับเอกสารที่หน่วยงานให้บริการของกรมเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องเดินทางมาติดต่อด้วยตนเองที่กรมฯ และได้รับเอกสารภายในเวลาอันรวดเร็ว

อธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรม ได้พยายามพัฒนาระบบการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนให้กับผู้มาใช้บริการให้มากที่สุด ล่าสุดกรมได้รับความร่วมมือจาก ‘ธนาคารออมสิน’ ซึ่งเป็นหน่วยงานพันธมิตร ที่ให้บริการผ่านระบบ e-Certificate ของกรม โดยยินดีที่จะปรับลดค่าบริการเป็นกรณีพิเศษ สำหรับในส่วนค่าบริการของธนาคารเป็นระยะเวลา 7 เดือน ตั้งแต่ 1 มิ.ย. - 31 ธ.ค.62 โดยธนาคารออมสินมีสาขาที่พร้อมให้บริการทั้งหมดจำนวน 1,069 สาขาทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ เดือน พ.ค.62) สำหรับอัตราค่าบริการของธนาคารใหม่ได้ปรับลดลงเป็นดังนี้ หนังสือรับรองนิติบุคคลปรับลดลง 50 บาท เหลือ 100 บาท/ฉบับ และรับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเป็น 20 บาท/หน้า โดยไม่กำหนดอัตราเริ่มต้น 1-5 หน้าแรก ”

“สำหรับค่าบริการผ่านช่องทาง e-Certificate ในอัตราปกติประกอบด้วยค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวงและค่าบริการของธนาคาร โดยขอหนังสือรับรองนิติบุคคล 1 ฉบับ (5 รายการ) จะมีค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวง ฉบับละ 200 บาท ค่าบริการของธนาคาร ฉบับละ 150 บาท และการขอรับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงิน และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ค่าธรรมเนียม หน้าละ 50 บาท ค่าบริการธนาคาร 1-5 หน้าแรก 100 บาท หน้าถัดไปหน้าละ 20 บาท”

“การปรับลดค่าบริการของธนาคารที่ให้บริการออกหนังสือรับรอง และการรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลของธนาคารออมสินในครั้งนี้ จะเกิดผลดีโดยตรงต่อผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนโดยทั่วไปที่ต้องการใช้ข้อมูลนิติบุคคลเพื่อยืนยันสถานะทางธุรกิจ การติดต่อหรือเจรจาทางธุรกิจกับคู่ค้า การทำธุรกรรม และการตรวจสอบข้อมูล นิติบุคคลก่อนดำเนินการตัดสินใจลงทุน รวมถึงยังเป็นการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจให้มีค่าใช้จ่ายลดลง ประกอบกับเป็นการลดระยะเวลาในการติดต่อธุรกรรมส่งผลให้ธุรกิจไทยเกิดศักยภาพในการแข่งขันที่รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ ตั้งแต่ 20 ม.ค. 2555 ที่กรม ได้เปิดให้บริการ e-Certificate มีผู้ใช้บริการจำนวน 1,043,939 ราย แบ่งเป็น บริการหนังสือรับรองจำนวน 988,237 ฉบับ และรับรองสำเนาเอกสารจำนวน 457,267 แผ่น และยังมีแนวโน้มที่จะมีผู้มาใช้บริการผ่านทาง e-Certificate เพิ่มมากขึ้นในอนาคต”  อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด

X

Right Click

No right click