กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท”; รหัสหลักทรัพย์: 1299) เปิดตัวโครงการการแข่งขัน “AIA Healthiest Schools – สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี” เพื่อสนับสนุนความมุ่งมั่นของเอไอเอที่มีความตั้งใจจะสนับสนุนผู้คนหลายล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่อชุมชนในภูมิภาคเอเชีย
โครงการการแข่งขัน AIA Healthiest Schools สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance - ESG) ของเอไอเอ ที่ตั้งใจจะเสริมสร้างและปลูกฝังพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพของนักเรียนอายุระหว่าง 5 - 16 ปี โดยส่งเสริมให้นักเรียนได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำกิจกรรมที่กระฉับกระเฉง มีสุขภาพจิตที่ดี ตลอดจนมีสุขภาพกายที่ดีและเกิดเป็นความยั่งยืนขึ้นในโรงเรียน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน เด็ก ๆ ทั่วโลกต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากมายที่เกิดจากการใช้ชีวิตและทานอาหารที่ผิดหลักโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มลภาวะ การบาดเจ็บ ความรุนแรง และความไม่เท่าเทียม โดยงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกแสดงให้เห็นว่าการลงทุนในสุขภาพ การศึกษา และความเป็นอยู่ที่ดีของเยาวชน จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคมและชุมชน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเอไอเอได้ตั้งปณิธานที่จะช่วยให้ผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ภายในปี ค.ศ. 2030 ผ่านพันธกิจ AIA One Billion ซึ่งโครงการการแข่งขัน AIA Healthiest Schools จะช่วยส่งเสริมเป้าหมายนั้น ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วม สร้างแรงบันดาลใจ และให้ความรู้แก่ชุมชนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า "การช่วยเหลือผู้คนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น เป็นคำมั่นสัญญาที่เรายึดเป็นหลักในการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อผู้คนทั่วโลก ด้วยพลังแห่งการศึกษา ผ่านโครงการการแข่งขัน AIA Healthiest Schools จะช่วยปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพให้แก่เยาวชนตั้งแต่เล็ก ๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเพื่อพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนรุ่นต่อไป”
นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทย เป็น 1 ใน 4 ตลาดที่ได้เข้าร่วมโครงการการแข่งขัน AIA Healthiest Schools – สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี ที่ทางกลุ่มบริษัทเอไอเอริเริ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการจุดประกายให้โรงเรียนใส่ใจและดูแลสุขภาพของนักเรียนมากขึ้นอย่างเป็นระบบแบบแผน พร้อมทั้งยังจะได้รับองค์ความรู้มากมายที่จะส่งเสริมให้คุณครูและนักเรียนดูแลพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งทางด้านการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำกิจกรรมที่แอคทีฟ รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี นั่นจะเป็นการวางรากฐานให้เยาวชนไทยแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ”
กลุ่มบริษัทเอไอเอได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา EVERFI เพื่อออกแบบโครงการการแข่งขัน AIA Healthiest Schools เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา EVERFI ได้ทำการวิจัยครู 800 คนจากประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง ไทย และเวียดนาม ผลการวิจัยพบว่า 89% เห็นด้วยว่า จำเป็นต้องมีทรัพยากรและการศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ครอบคลุมสุขภาพทั้งทางกาย ใจ และสภาพแวดล้อม อีกทั้ง ครู 87% ยังชี้แนะว่า โรคระบาดสร้างผลกระทบในแง่ลบต่อจิตใจของนักเรียน
โครงการนี้จะจัดขึ้นในรูปแบบการแข่งขันระหว่างโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้โรงเรียนที่เข้าร่วมแสดงผลงานและความสำเร็จของแต่ละโรงเรียนในการผลักดันผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีขึ้นของนักเรียน การแข่งขันจะมีแพลตฟอร์มให้กับโรงเรียนไว้สำหรับแบ่งปันวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่สุดและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีภายในชุมชนการศึกษา โรงเรียนที่ชนะทั่วทั้งภูมิภาคจะได้รับรางวัลเป็นอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของนักเรียนในแต่ละโรงเรียน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันด้านการศึกษาและสนับสนุนกิจกรรมด้านสุขภาพต่อไป
โครงการการแข่งขัน AIA Heathiest Schools จะมอบองค์ความรู้ที่น่าสนใจ ใช้ง่าย และเชื่อมโยงกับหลักสูตรให้กับครูอาจารย์เพื่อนำไปปรับใช้กับแผนการสอนที่มีอยู่แล้ว ซึ่งพัฒนาโดยนักการศึกษา ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ครูอาจารย์สามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาด้านสุขภาพของทั้งชุมชนในโรงเรียนให้ดีขึ้น อีกทั้งสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ หนึ่งในทีมฟุตบอลชั้นนำของพรีเมียร์ลีก พร้อมด้วยเอไอเอแอมบาสเดอร์ทั่วทั้งภูมิภาคจะมาร่วมแบ่งปันวิธีออกกำลังกาย สูตรอาหาร และคำแนะนำด้านสุขภาพของแต่ละคน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนอีกด้วย
โครงการการแข่งขัน AIA Healthiest Schools จะเปิดรับสมัครโรงเรียนประถมและมัธยม เข้าร่วมโครงการในปีการศึกษา 2565/2566 ในประเทศออสเตรเลีย ฮ่องกง ไทย และเวียดนาม โดยตั้งเป้าที่จะขยายโครงการไปยังตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ ahs.aia.com
กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศแต่งตั้ง นิคฮิล แอดวานี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย แทน กฤษณ์ จันทโนทก ซึ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย คนปัจจุบัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 หลังจากได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ
บิล ไลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารช่องทางการขาย กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “ผมมีความยินดีที่จะประกาศว่า คุณนิคฮิล แอดวานี จะเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอไอเอ ประเทศไทย คนใหม่ โดยปัจจุบันคุณนิคฮิลดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ศรีลังกา ตั้งแต่ปี 2562 ภายใต้การบริหารของคุณนิคฮิล เอไอเอ ศรีลังกา ประสบความสำเร็จในการสร้างความเติบโตด้านยอดขายและมีผลงานที่ดีเยี่ยมทั้งในแง่ของการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) และดัชนีวัดผลทางการเงินอื่น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนต่อสภาวการณ์ในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ของเศรษฐกิจของประเทศศรีลังกา ในการก้าวเข้ามารับตำแหน่งใหม่ในครั้งนี้ คุณนิคฮิลมาพร้อมกับประสบการณ์ทางการเงินและประกันภัยในเชิงลึกที่สั่งสมมามากกว่าสองทศวรรษ โดยคุณนิคฮิลได้เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ ในปี 2554 ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดช่องทางการจัดจำหน่ายของกลุ่มบริษัทเอไอเอ (Group Head of Channel Marketing) และรับตำแหน่งที่ เอไอเอ ศรีลังกา เมื่อปี 2559 ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและผู้อำนวยการกลยุทธ์ลูกค้าและการปฏิรูปด้านลูกค้า (Director of Customer Strategy & Transformation) ก่อนหน้าที่จะร่วมงานกับ เอไอเอ คุณนิคฮิลได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ที่นิวยอร์คไลฟ์ บริษัทการเงินเจนเวอร์ธ (Genworth Financial) แจ็คสัน แนชชั่นเนลไลฟ์ ในสหรัฐอเมริกา และบริษัทบริหารจัดการกองทุน ไอซีไอซีพรูเด็นเชียล ในประเทศอินเดีย ซึ่งผมมั่นใจว่าคุณนิคฮิลจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับเอไอเอ ประเทศไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจและความเป็นเลิศขึ้นอีกระดับ”
“อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณ คุณกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย คนปัจจุบัน หลังจากทุ่มเทให้กับ เอไอเอ ประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปร่วมงานที่ใหม่ โดยคุณกฤษณ์จะยังคงอยู่ช่วยถ่ายทอดงานให้เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดเดือนเมษายนนี้ ซึ่งในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา คุณกฤษณ์ได้แสดงถึงความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม โดยได้สร้างผลงานที่ดีเยี่ยมในการบริหารธุรกิจในประเทศไทย ทั้งการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังตัวแทน การสร้างความเติบโตต่อพันธมิตรธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในหลากหลายรูปแบบ พร้อมกันนี้คุณกฤษณ์ยังมีบทบาทสำคัญในการริเริ่มทางด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ (TDA) และการปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่อนาคต ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อกลยุทธ์ Ascend 200 ของเรา ผมในฐานะตัวแทนของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ขอร่วมอวยพรให้คุณกฤษณ์ประสบความสำเร็จในอนาคตต่อไป” บิล กล่าวทิ้งท้าย
กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศดัชนีชี้วัดธุรกิจใหม่ที่สำคัญสำหรับ 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564
สรุปสาระสำคัญทางการเงิน
อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ตามรายละเอียดด้านล่าง
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า
เอไอเอมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่แข็งแกร่งถึงร้อยละ 15 ในช่วง 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน เรารักษาแรงขับเคลื่อนได้ดี และสามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ซึ่งแข็งแกร่งมากที่ร้อยละ 20 เมื่อเทียบเคียงกับพื้นฐานเดิม ยกเว้นในฮ่องกงที่ยอดขายให้นักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงถูกจำกัดจากมาตรการด้านการเดินทางอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอมีอัตราการเติบโตที่มากกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562
ในจีนแผ่นดินใหญ่ เรากำลังมีความก้าวหน้าในการสร้างการเติบโตให้แก่ พรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราในเมืองใหม่ได้เป็นอย่างดี และผมมีความยินดีที่ล่าสุดเอไอเอ ประเทศจีน ได้รับการอนุมัติด้านการกำกับดูแลเพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจในอู่ฮั่น หูเป่ย์ นอกจากนี้ผมยังได้รับกำลังใจจากผลประกอบการในระยะเริ่มต้นที่เป็นบวก จากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารแห่งเอเชียตะวันออก (The Bank of East Asia) ในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง
ทั่วทั้งกลุ่มบริษัทของเรากำลังใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่ได้วางไว้และขยายความได้เปรียบในการแข่งขันของเราออกไป ในขณะที่การระบาดใหญ่ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดบางส่วนของเรา ผลการดำเนินงานของเอไอเอแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและยืดหยุ่นทั่วทั้งเอเชียของเราซึ่งได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี
“ผมมั่นใจว่าเราจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการตามกลยุทธ์เพื่อการเติบโตของเรา และส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดของเรา พร้อมกับช่วยให้ผู้คนอีกหลายล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”
สรุปผลการดำเนินงานในช่วงระยะเวลา 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) มีมูลค่า 2,549 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2563 เอไอเอสามารถคงความแข็งแกร่งของการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดี โดยเติบโตถึงร้อยละ 20 บนพื้นฐานที่เหมือนกัน มูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทนอกฮ่องกงยังคงสามารถเติบโตได้เหนือกว่าช่วงเวลาก่อนสถานการณ์โรคระบาดในปี 2562
เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอมากที่สุดด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตคิดเป็นตัวเลข 2 หลักในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บนพื้นฐานเหมือนกัน ด้วยความแตกต่างของโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่สามารถผลักดันให้ตัวแทนสร้างผลงานได้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2563 รายได้โดยเฉลี่ยของตัวแทนสูงขึ้นกว่าเมื่อช่วงก่อนมีสถานการณ์โรคระบาดในปี 2562 ซึ่งช่วยสนับสนุนในด้านการรับสมัครตัวแทนใหม่และรักษาตัวแทนเดิม ผลิตภัณฑ์ประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมยังคงได้รับความนิยม โดยสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ได้สูงที่สุด ซึ่งเราประสบความสำเร็จอย่างมากกับผลงานการขายจากการขยายผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อการออมระยะยาว ทำให้เราสามารถได้ส่วนแบ่งเงินในกระเป๋าของลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้เรายังสามารถสร้างความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นจากการที่เราริเริ่มและพัฒนาโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ในเมืองใหม่ๆ ของเอไอเอ ประเทศจีน เราเพิ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีน ในการดำเนินธุรกิจในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์
ธุรกิจของเราในฮ่องกงได้รับรายงานถึงมูลค่าธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมจากการแบ่งกลุ่มลูกค้าในประเทศ ยอดขายจากนักท่องเที่ยวในจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงมีข้อจำกัดเนื่องมาจากมาตรการจำกัดการเดินทางที่ยังดำเนินอยู่ ตลอด 9 เดือนแรกของปีนี้ ตัวแทนในพรีเมียร์ เอเจนซี่ ได้ส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องไตรมาสต่อไตรมาส เรายังประสบผลสำเร็จในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ที่มีการเติบโตอย่างดีเยี่ยม โดยมีแรงสนับสนุนจากพันธมิตรใหม่ของเรา นั่นก็คือ The Bank of East Asia เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา
เอไอเอ ประเทศสิงคโปร์ และเอไอเอ ประเทศมาเลเซีย สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตอย่างดีใน 9 เดือนแรกของปี 2564 ในขณะที่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี มาตรการการจำกัดจากสถานการณ์โรคระบาดส่งผลกระทบต่อมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ลดลงเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 ตลาดในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2563 อย่างไรก็ดี เราได้พัฒนาเครื่องมือดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของตัวแทนในการสร้างผลผลิตของพรีเมียร์ เอเจนซี่ ในทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากเอไอเอ ประเทศเวียดนาม ตลาดอื่นๆ ที่มูลค่าธุรกิจใน 9 เดือนแรกของปี 2564 มีอัตราเติบโตที่สูงขึ้นจากปี 2563 เปรียบเทียบบนพื้นฐานเดียวกัน ผลกระทบจากโรคโควิด 19 สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งมีผลกระทบรุนแรงต่อหลายๆ ตลาดในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เอไอเอ เวียดนาม ได้รับผลกระทบจากยอดผู้ติดเชื้อและมาตรการล็อคดาวน์อย่างคาดไม่ถึง ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงมาจนถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ อย่างไรก็ดี การปรับตัวในด้านกระบวนการขายโดย Remote sales process ช่วยบรรเทาผลกระทบจากโรคระบาดให้ลดลง มูลค่าธุรกิจในตลาดอื่นๆ ลดต่ำลงอย่างเล็กน้อยในช่วงระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2564 บนพื้นฐานเหมือนกัน
เอไอเอ ประเทศไทย มีมูลค่าธุรกิจที่เติบโตอย่างยอดเยี่ยม โดยมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากทั้งช่องทางตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์ และมีการเติบโตจากครึ่งปีแรกของปี 2564 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่ 3
กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่โดยภาพรวมตลอดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้น 5.1 จุด (pps) คิดเป็นร้อยละ 58.9 จากการปรับรูปแบบการผสมผสานผลิตภัณฑ์ ลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้น กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่มาจากการจัดการด้านค่าใช้จ่ายและการลงทุนระยะยาว โดยผลตอบแทนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2563 ในส่วนของกำไรได้ถูกรายงานเป็นมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ คิดเป็นร้อยละ 10 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 เบี้ยประกันภัยรับปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 4,309 ล้านเหรียญสหรัฐ และเบี้ยประกันภัยรับรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เป็น 27,463 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพรวม
รายได้ที่เพิ่มขึ้น การเข้าถึงประกันภาคเอกชนที่อยู่ในระดับที่ต่ำ และความคุ้มครองสวัสดิการสังคมที่จำกัดยังคงเป็นตัวผลักดันความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอทั่วเอเชีย ข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญของเราช่วยให้เราสามารถต่อยอดความต้องการเหล่านี้เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 แต่ผลกระทบต่อเนื่องของโรคระบาดได้ชะลอการเติบโตในไตรมาสที่ 3 เรายังคงเห็นข้อจำกัดจากมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดและการเรียกร้องสินไหมประกันที่เพิ่มขึ้นในบางตลาดของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีระดับการได้รับวัคซีนต่ำ แม้จะมีความไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่เรามั่นใจว่าการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราจะสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน
เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเรามีมูลค่าใกล้เคียงกัน ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ในรายงานงบการเงินรวมของกลุ่มที่มีการแปลเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น เราจึงมีการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจ
หมายเหตุ
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัท ไม่รวมในส่วนของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สำหรับตลาดอื่น รวมร้อยละ 49 ซึ่งเป็นผลมาจากการร่วมหุ้นในประเทศอินเดีย บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต)
กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) กลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในภูมิภาคเอเชีย ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่