ประเทศไทย- 24 กันยายน 2567 - ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปีนี้มีคนไทยมากถึง 67% ที่เลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะสูงถึง 750,000 ล้านบาทภายในปี 25681 ซึ่งสะท้อนถึงการก้าวไปข้างหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างมั่นคง ในขณะที่ภาค SMEs ตั้งเป้าหมายการเติบโตจากรายได้ 6.3 ล้านล้านบาทในปี 2566 เป็น 6.6 ล้านล้านบาทในปี 25672 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดออนไลน์และปรับตัวอย่างมีประสิทธิภาพและทันกระแสการค้าในยุคดิจิทัล
ล่าสุด ช้อปปี้ ผู้นำอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ครองใจผู้ใช้งานชาวไทย ร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) จัดโครงการ “The influencer journey TiJ#1” สร้างตัวตนให้ปัง สู่เส้นทางคนดังที่สำเร็จ โดยโครงการนี้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เทคนิคสร้างแบรนด์บนร้านค้าออนไลน์จากรุ่นพี่ในวงการ Content Marketing กับ DBD Influencer Awards กิจกรรมเด็ดเพื่อเฟ้นหาสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์ผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่ง เรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีมากๆ ทั้งยังช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพอีกด้วย
เปิดสูตรลับ 2 SMEs ไทย สู่ความสำเร็จทางธุรกิจบนโลกอีคอมเมิร์ซ
หัทยา คัมบารา กรรมการผู้จัดการ แบรนด์ส้มใส (SOMSAI) ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 รางวัล DBD Influencer Awards 2024 แชร์มุมมองการสร้างแบรนด์และเทคนิคการตลาดไว้ว่า “แบรนด์ส้มใสเริ่มต้นจากการตระหนักถึงปัญหาผิวของคนไทย เราจึงพัฒนาสบู่ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วผ่านการบอกต่อ จนเกิดเป็นสบู่น้ำส้มใส ในช่วงแรกเราเน้นการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย แต่เมื่อโควิดทำให้ร้านค้าไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน ทำให้เห็นโอกาสช่องทางออนไลน์ จึงมาเปิดร้านบนช้อปปี้ แพลตฟอร์มที่ ‘น่าเชื่อถือ’ และ ‘ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง’ ทำให้หลายคนได้กลับมาพบกับแบรนด์ส้มใสอีกครั้ง บวกกับแบรนด์ของเราได้รับเครื่องหมาย อย. และ DBD Registered ที่สร้างความมั่นใจว่าสินค้าของเราเป็นสินค้าที่ปลอดภัยและของแท้ 100% ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในทุกการช้อปปิ้ง ระยะเวลาเกือบ 2 ปีบนช้อปปี้ รู้สึกประทับใจมากกับการดูแลอย่างใกล้ชิดและคำปรึกษาจากทีมงาน รวมถึงการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจผ่านกิจกรรมแคมเปญเครื่องมือและฟีเจอร์ทางการตลาด ในครึ่งปีแรกของปี 2567 ยอดขายแบรนด์เติบโตกว่า 10 เท่า และยอดออเดอร์เพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
“อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของแบรนด์ส้มใส คือการคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในรางวัล DBD Influencer Awards 2024 จากโครงการ “The influencer journey TiJ#1” ซึ่งถือเป็นโครงการที่เราได้เรียนรู้เทคนิคการสร้างยอดขายผ่านเครื่องมือการตลาดอย่าง ไลฟ์สตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการระบบหลังบ้าน การจัดตารางไลฟ์สด การวางโครงสร้างช่อง การถ่ายทำ และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พร้อมพัฒนาผลลัพธ์ด้วยการใช้ AI ที่ทันสมัย เราเชื่อว่า การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้ทันที เรียนรู้ระหว่างที่ลงมือทำ และพัฒนาต่อเนื่องแบบไม่หยุดนิ่ง ทำให้เราชนะใจกรรมการ จากการแข่งขันไลฟ์สตรีมบนช้อปปี้พบว่า แบรนด์สามารถเพิ่มยอดขายได้กว่า 150% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ อีกทั้งยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ จากเหล่าลูกค้า ทำให้ตัวเราและทีมงานแบรนด์ส้มใสรู้เลยว่า สินค้าไทยยังคงเติบโตได้อีกไกล หากเราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้รับการรับรองคุณภาพจากภาครัฐ และเลือกช่องทางการขายตรงตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา จะยิ่งช่วยขยายโอกาสในการเติบโต ต้องขอบคุณสำหรับโครงการนี้ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเติบโตและก้าวสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง” คุณหัทยา กล่าวทิ้งท้าย
ทิปส์เด็ดสู่ SMEs มือใหม่! สร้างความสำเร็จในโลกธุรกิจอย่างมืออาชีพ: ในช่วงที่การทำธุรกิจออนไลน์กำลังมาแรง ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ยิ่งมีโอกาสเติบโตได้เร็ว ช้อปปี้เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการขายออนไลน์ ด้วยเครื่องมือครบครัน ทั้งการส่งเสริมการขายและการวิเคราะห์ ช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันการสั่งซื้อออนไลน์สะดวกและง่ายดายกว่าเดิมมาก นี่คือโอกาสที่คุณไม่ควรพลาด
กษิรา ขันติศิริ เจ้าของแบรนด์เผือกกรอบ ทันจิตต์ ถ่ายทอดความอร่อยสู่การไลฟ์ที่น่าจับตามอง เล่าว่า “ทันจิตต์เริ่มต้นจากความหลงใหลในการทำขนม สืบทอดสูตรลับเฉพาะจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นแบรนด์ของฝากที่มีประวัติยาวนานกว่า 40 ปี โดยหัวใจหลักของเราคือการมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงสุด ส่งตรงถึงมือลูกค้าแบบกรอบใหม่เพื่อสร้างความประทับใจ เราพิถีพิถันในการสไลด์เผือกเป็นรูปตะแกรงด้วยตัวเองจนเกิดเป็น “เผือกกรอบรูปตะแกรง” ที่สวยงามเป็นที่กล่าวขานถึงทุกวันนี้ และปัจจุบันเราได้ขยายช่องทางการขายสู่แพลตฟอร์ม 'ช้อปปี้' พิจารณาจากที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผลการสำรวจกลุ่มลูกค้าขนมขบเคี้ยว ทำให้เรามั่นใจว่านี่คือช่องทางที่ตอบโจทย์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
ด้วยฟีเจอร์ Shopee Live เป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้แบรนด์ทันจิตต์เพิ่มยอดขายและเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว โดยในปีนี้ ยอดผู้ชม Shopee Live ของเราเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยการตอบรับที่ดีกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่อร่อยถูกปากคนไทยและโปรโมชันที่ดึงดูดใจ จึงพบว่า เผือกกรอบรูปตะแกรง ได้รับเลือกเป็นสุดยอดสินค้ายืนหนึ่งในใจนักช้อปประจำปี 2567
“การสร้างยอดขายของเรามาต้องมาพร้อมกับการเรียนรู้และพัฒนาเทคนิคในการเติบโตในโลกอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร สำหรับการเข้าร่วมโครงการ The Influencer Journey TiJ#1 ได้เปิดโอกาสให้เราเรียนรู้กลยุทธ์การสร้างยอดขายที่มีประสิทธิภาพ เราได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาทักษะการพูดและการนำเสนอในไลฟ์สตรีมมิ่ง ทำให้แบรนด์มีความมั่นใจและสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม โดยพบว่ายอดขายใน Shopee Live ช่วงการแข่งขันเพิ่มขึ้นกว่า 200% อีกทั้งสามารถสร้างเอนเกจท์เม้นระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้เป็นอย่างดี ท้ายนี้ เราเชื่อว่าความสำเร็จของ SMEs
มาจากการสร้างความแตกต่างและข้อได้เปรียบทางธุรกิจ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน” กษิรา กล่าวเพิ่มเติม
ทิปส์เด็ดสู่ SMEs มือใหม่! สร้างความสำเร็จในโลกธุรกิจอย่างมืออาชีพ: หากคุณยังไม่เคยเปิดร้านบนช้อปปี้ แนะนำให้ลองเริ่มต้นหาความรู้บน Shopee University จะช่วยให้คุณเรียนรู้และเข้าใจการขายได้อย่างไม่ยากและคุณอาจพบว่ายอดขายของคุณเพิ่มขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ได้ปรับราคาพื้นฐานของหุ้น WICE ขึ้นเป็น 7 บาท พร้อมคงคำแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของอัตราค่าขนส่งทั้งทางทะเลและทางอากาศ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะเติบโตตามเป้า หลังจากอัตราค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้น และปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น
WICE มีโครงการใหม่ที่น่าสนใจ เช่น การขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งจาก สปป.ลาวมายังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อนำส่งต่อไปยังญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจาก OR ที่ใช้ยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังเติบโตตามเป้าหมาย
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE เปิดเผยว่า บริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วหลังค่าระวางเรือและปริมาณการขนส่งเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและจีน นอกจากนี้ WICE ยังเดินหน้าขยายธุรกิจผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์และจีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าและขยายบริการในต่างประเทศ คาดว่ารายได้ทั้งปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของธุรกิจและการฟื้นตัวของตลาดขนส่ง
นอกจากนี้ นายชูเดช ยังมั่นใจว่า สถานการณ์ธุรกิจขนส่งจะกลับมาสู่ภาวะปกติหลังจากที่ช่วงหลังโควิดค่าระวางเรือปรับขึ้นอย่างรุนแรงและปรับลงในปี 2566 โดยครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ส่งผลให้ผลประกอบการของ WICE เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้