บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 รายได้รวม 6,456 ล้านบาท เติบโต 6.38% และมีกำไรสุทธิ 529 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.09% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักที่หนุนความสำเร็จของรายได้ในไตรมาสนี้ มาจากการขยายตัวของตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดใหญ่ที่มีความต้องการซื้อสูง อย่างออสเตรเลียและอินเดีย ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์ การรุกตลาดที่เข้มแข็ง และศักยภาพของแบรนด์ ดั๊บเบิ้ล เอ ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก
นอกจากนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังประสบความสำเร็จจากความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ตรงตามความต้องการของลูกค้า กลยุทธ์ทางการตลาดที่ผสมผสาน ช่วยสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ในกลุ่มเป้าหมาย และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย
สำหรับไตรมาสที่เหลือในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนลงทุนพัฒนากระบวนการผลิต ที่จะลดการใช้พลังงานและสารเคมี เพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพิ่มทักษะให้กับบุคคลากรโดยนำระบบ Digital และ Automation เข้ามาใช้ในการปฏิบัติงาน และจัดโครงการต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนชุมชน ให้เกิดเป็นสังคมที่เข้มแข็ง พร้อมปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ดั๊บเบิ้ล เอ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต สอดคล้องกับนโยบายการบริหารจัดการตามแนว ESG
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG
บ้านปูฯ เดินหน้ากลยุทธ์ Greenerเต็มพิกัด
เพิ่มสัดส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พร้อมติดเครื่อง “บ้านปู เน็กซ์”
ขยายพอร์ตพลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับภาพรวมปี2562 บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวม 2,759 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ85,660 ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อน 722 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ22,416 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 21 มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA)รวม695 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 21,578 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 41 จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนคิดเป็นจำนวน75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,329 ล้านบาท) ซึ่งปรับลดลงร้อยละ66 จากปีก่อนหน้า จากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมาทำให้เกิดผลขาดทุนจากการแปลงค่างบการเงินจำนวน95 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,950 ล้านบาท) งบการเงินรวมจึงได้บันทึกขาดทุนสุทธิจำนวน20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 621 ล้านบาท)