December 05, 2025

เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ผู้ประกอบการเพื่อสังคมของไทย ไม่ได้ฉายแสงบนเวทีระดับโลกที่สนับสนุนผู้นำธุรกิจหญิงที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่าง Cartier Women’s Initiative Awards

ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) ประเทศไทยมี fellow คนแรกของโครงการฯ สาลินี ถาวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซันสว่าง ผู้ให้บริการพลังงานสะอาดในพื้นที่ห่างไกล ธุรกิจที่ทำให้คนใน ทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงปัจจัยที่สำคัญต่อการใช้และพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากสาลินี ก็ไม่มีผู้ประกอบการเพื่อสังคมหญิงไทยคนไหนเข้าสู่โครงการอีกเลย แม้ว่าจำนวนผู้ประกอบการและธุรกิจเพื่อสังคมจะเติบโตขึ้น อย่างมีนัยยะสำคัญ ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการทำธุรกิจเพื่อสังคมในระหว่าง ปี 2551 –2560 เป็นต้นมา และไม่ใช่ว่าธุรกิจเพื่อสังคมของผู้ประกอบการหญิงคนอื่นๆ ในไทยไม่น่าสนใจและไม่สำคัญ…

ผู้ประกอบการเพื่อสังคมส่วนใหญ่ ริเริ่มและดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง จากการมองเห็นปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่รู้สึก ว่าตนเองสามารถผลักดันหรือร่วมแก้ไขปัญหานั้นได้ และแน่นอนว่าจากความตั้งใจแรกนั้น ผู้ประกอบการเพื่อสังคมไทยส่วนใหญ่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ด้วยทรัพยากรที่จำกัด การเข้าถึงโอกาสในการสนับสนุนด้านต่างๆ อาจทำให้ผู้ประกอบการถอดใจและล้มเลิกไปในที่สุด หากธุรกิจไม่สามารถหากำไรหรือทำรายได้เพียงพอในการเลี้ยงตัว และสร้างการเติบโต ข้อมูลจากโครงการฯ เผยว่า ผู้ประกอบการเพื่อสังคมส่วนใหญ่ลังเล การระบุธุรกิจของตัวเองว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคม เนื่องจากกังวลว่านักลงทุนจะไม่ต้องการสนับสนุน เนื่องจากอาจจะเป็นธุรกิจที่ไม่ทำกำไร

 

รามา เคย์ยาลี ผู้ก่อตั้งธุรกิจ Little Thinking Minds ธุรกิจเทคโนโลยีด้านการศึกษาจากจอร์แดน ที่สร้างแพลตฟอร์ม การเรียนรู้และฝึกการอ่านภาษาอารบิกแบบดิจิทัล ซึ่งช่วยยกระดับการเรียนรู้ของเด็กในตะวันออกกลาง ผู้ได้รับรางวัล Impact Award ในปีนี้ แชร์ถึงความยากลำบากในการเป็นผู้ประกอบการที่ทำให้เธอเกือบยอมแพ้ และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของระบบสนับสนุน “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องยากมากที่ ถ้าเราถามผู้ประกอบการเพื่อสังคมคนไหนแล้ว จะไม่มีคนที่บอกว่าไม่เคยคิดอยากยอมแพ้ มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็เกิดจากความยากลำบากที่ต้องเจอ อาจจะเป็นความไม่พร้อมของตลาด นักลงทุนไม่เข้าใจ นโยบายที่เปลี่ยนแปลง วิถีของฉันคือการต้องแน่วแน่และรักในการจะแก้ปัญหาที่เป็นจุดเริ่มต้น ของธุรกิจ เราต้องอยากเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยธุรกิจนี้จริงๆ นอกจากนี้ การฟังเสียงจากคนรอบข้างอาจทำให้ไขว้เขวได้ ดังนั้นการรายล้อมตัวเองด้วยคนที่มีอุดมการณ์-แนวคิดคล้ายคลึงกันจะช่วยให้คุณยังคงมุ่งมั่นกับเป้าหมายได้ อย่างเช่นคน ในคอมมูนิตี้ของ CWI จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในวันที่เหนื่อยมากฉันอาจอยากหายตัวไปเพราะมีลูกยังเล็ก แต่การพูดคุยกับ คนในคอมมูนิตี้ที่พบเจอปัญหาในแบบเดียวกัน เป็นคนที่จะยังคงบอกฉันให้ยังไปต่อ”

ในขณะที่ผู้หญิงกลายเป็นกำลังสำคัญของพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยจำนวนและความสามารถที่ทัดเทียมเพศชาย ผู้หญิง กลับยังคงตกหล่นจากสารระบบเมื่อเป็นเรื่องของการสนับสนุน จากข้อมูลในช่วง Economic Empowerment ของ Mirror International Women’s Day forum ปี 2024 แม้ในแง่การความสามารถแข่งขันผู้หญิงและการถูกรับรู้โดยสังคม ผู้ประกอบการหญิงจะไม่ต่างจากผู้ประกอบการชาย แต่ยังมีช่องว่างในแง่จำนวนนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชาย และยังมีบางส่วนที่มีอคติโดยไม่รู้ตัว (unconscious bias) ซึ่งส่งผลต่อการเลือกลงทุนให้กับผู้ประกอบการที่มีลักษณะคล้ายตนเอง

ด้วยการเติบโตด้านเศรษฐกิจและสังคม การมีอัตราผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิงเป็นลำดับ 3 ของโลก ประเทศไทยกลายเป็นบ้านให้กับองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงระดับโลกอย่าง UN WOMEN ทั้งยังเปิดกว้างและวิวัฒน์สู่ การมีสมรสเท่าเทียม ด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด ประเทศไทยดูมีศักยภาพความพร้อมของการมีธุรกิจเพื่อสังคมใหม่ๆ มากมาย หากแต่ขาดการถูกมองเห็น เมื่อแทบไม่มีตัวแทนไปยืนอยู่บนเวทีโลกที่จะสามารถดึงดูดโอกาสที่มากกว่าระดับประเทศมาให้คนไทยได้ ล่าสุดโครงการนานาชาติ Cartier Women’s Initiative ที่เป็น fellowship program ส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงที่เป็นผู้นำธุรกิจเพื่อสังคมทั่วโลกมาอย่างยาวนาน กำลังจะก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 โดยมีประเทศไทย เป็นหมุดหมายสำคัญ เจ้าภาพของการจัดงานประกาศรางวัลประจำปี 2026

พรปรียา วิวัฒนชาต กรรมการผู้จัดการ คาร์เทียร์ ประเทศไทย กล่าวไว้ว่า “คาร์เทียร์เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้หญิง เราเชื่อว่า เมื่อผู้หญิงก้าวไปข้างหน้า มนุษยชาติก็จะก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน มีผู้หญิงมากมายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านโซลูชันส์ทางธุรกิจ และเพื่อให้ผู้หญิงที่เป็นผู้นำและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างรอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ Cartier Women’s Initiative Awards เป็นโครงการประจำปีที่จะช่วยยกระดับให้ผู้ประกอบการไปได้ไกลกว่าระดับประเทศ ด้วยการติดเครื่องมือที่จะช่วยต่อยอด ไม่เพียงแต่เฉพาะเงินทุนเพื่อพัฒนา แต่ยังมีการสนับสนุนทรัพยากรทุนมนุษย์และทุนสังคมให้แก่ผู้ประกอบการ มอบองค์ความรู้ ผ่านการจัดอบรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟจากสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกอย่าง INSEAD, การโปรโมทประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ไปจนถึงการมีคอมมูนิตี้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ และผู้ประกอบการเพื่อสังคมทั่วโลก ซึ่งจะเป็นทั้งแรงบันดาลใจและกำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการตอบแทนสังคม”

 

ศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ รองอธิการบดี ด้านวิชาการและการเชื่อมโยงกับสังคม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พาร์ทเนอร์ผู้จัดอบรมหลักสูตร CWI Entrepreneurial Program ในระดับประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปร่วมในพิธีประกาศรางวัล CWI Impact Awards ในปีนี้ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “โครงการ Cartier Women’s Initiative ไม่ได้เป็นเวทีแห่งการแข่งขัน แต่คือพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ที่เข้มข้นและเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ผู้ประกอบการจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ใหม่ ๆ แนวคิด การวางกลยุทธ์ ไปจนถึงการเสริมสร้างทักษะในด้านต่างๆ อีกทั้งยัง เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจร่วมกับผู้ประกอบการหญิงจากนานาประเทศ และจุดประกายพลังในการขับเคลื่อนธุรกิจ ให้เติบโตอย่างมั่นคง”

โครงการ Cartier Women’s Initiative Awards หรือ CWI มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการหญิงมาอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการได้ให้การสนับสนุนผู้ได้รับการคัดเลือกผ่านการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ อาทิ การให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ การประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่านช่องทางสื่อต่างๆ โอกาสในการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ และสิทธิ์เข้าศึกษาหลักสูตรที่ออกแบบโดย INSEAD สถาบันบริหารธุรกิจชั้นนำระดับโลก โอกาสอันทรงคุณค่านี้เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการหญิงเพื่อสังคมที่มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืนในระดับโลก

“โฟร์เกิ้ล” (Fourgle) บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทย โชว์ศักยภาพคว้าทุนรอบ Seed Fund จำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มคอมมูนิตี้รูปแบบใหม่ เชื่อมต่อผู้มีความสนใจเดียวกัน อินฟลูเอนเซอร์ ผู้ประกอบการ และแบรนด์ต่างๆ นำร่องเปิดตัว CookKlick (คุกคลิก) คอมมูนิตี้ของคนชอบทำอาหารและเบเกอรี่ เป็นชุมชนแรก พร้อมเตรียมขยายธุรกิจสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นผ่านการระดมทุนในระดับ Series A ภายในปี 65

ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท โฟร์เกิ้ล (ประเทศไทย) จำกัด สตาร์ทอัพผู้พัฒนา Community Content Platform เปิดเผยว่า โฟร์เกิ้ล” (Fourgle) ได้เริ่มการพัฒนาแอปพลิเคชั่นรูปแบบใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2021 ด้วยการใช้เทคโนโลยี Big data และ Machine Learning เป็นเทคโนโลยีหลัก ในการสร้างคอมมูนิตี้รูปแบบเชิงลึกหรือ Vertical Social Community ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากและประสบความสำเร็จจากการระดมทุนครั้งแรกรอบ Seed Fund จาก Angle Investor เป็นมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้บริษัทฯมีมูลค่าหลังการระดมทุนกว่า 400 ล้านบาท

“สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้คนมีการสื่อสาร แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์เรื่องต่างๆ บนออนไลน์มากขึ้น มีการสร้างพื้นที่เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเกิดการสร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ในเรื่องต่างๆเพิ่มสูงขึ้น สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ข้อมูลในคอมมิวนิตี้ต่างเป็นข้อมูลเชิงลึก หลายคอนเท้นต์ที่เกิดขึ้นนับได้ว่ามีมูลค่าและความหลากหลายมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตและธุรกิจ ไม่ว่าจะกระตุ้นการตัดสินใจ สร้างกระแสความนิยม ความรู้ความเข้าใจ ช่วยการสร้างแบรนด์ ตลอดจนช่วยกระตุ้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี”

Fourgle เป็นศูนย์รวมคอมมูนิตี้ที่สร้างปฏิสัมพันธ์ในเชิงลึก การเป็นพื้นที่พูดคุย แหล่งรวมข้อมูลของความสนใจหัวข้อต่างๆ พร้อมให้ผู้คนคอนเน็คกันด้วยฟีเจอร์มากมาย นอกจากนั้นยังสามารถแลกเปลี่ยนไอเดียต่างๆ การเปิดประสบการณ์ใหม่จากการค้นหาข้อมูลและเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสามารถต่อยอดสร้างรายได้จากการพัฒนาคอนเทนต์ภายในคอมมูนิตี้นั้นๆ ได้อีกด้วย

แอปพลิเคชั่น Fourgle จะเริ่มต้นด้วยการสร้างคอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการทำอาหารและเบเกอรี่เป็นคอมมูนิตี้แรก ภายใต้ชื่อ CookKlick (คุกคลิก) ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงคอมมูนิตี้ให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่านฟังก์ชั่นที่หลากหลายทั้งการสอบถามแลกเปลี่ยน การแบ่งปันไอเดีย ความรู้ และสูตรการทำอาหาร ตอบโจทย์ในการแชร์ข้อมูล คอนเทนต์ และข่าวสารที่น่าสนใจระหว่างผู้ใช้งาน รวมถึงเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อระหว่างคนที่มีแพสชั่นเดียวกัน นักรีวิว มือสมัครเล่น อินฟลูเอนเซอร์ ผู้ประกอบการ และแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างครบวงจร ให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ง่ายยิ่งขึ้น ก่อนขยายไปยังคอมมูนิตี้ที่มีความชอบในด้านอื่นๆต่อไป ซึ่งทางบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชั่น Fourgle และพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการ ภายในเดือนธันวาคมปี 2564 นี้

Fourgle มองเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดและพัฒนาแอปพลิเคชั่นรูปแบบใหม่นี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ New Gen ตลอดจนกระตุ้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องในคอมมูนิตี้นั้นๆ พร้อมมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างอินฟลูเอนเซอร์ในแต่ละคอมมูนิตี้ และกลุ่มผู้ก่อตั้ง โฟร์เกิ้ล ซึ่งเป็นทีมที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์ในการก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพทั้งในประเทศไทยและซิลิคอนแวลลีย์

“เรามีความตั้งใจที่จะทำแพลตฟอร์มนี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยตั้งเป้าหมายการระดมทุนใน Series A เพื่อเพิ่มศักยภาพของแพลตฟอร์มและขยายการให้บริการไปยังต่างประเทศในช่วงปลายปี 2565 นี้” ดร. อนุชิต กล่าวทิ้งท้าย

# # #

X

Right Click

No right click