November 08, 2024

ทีมนักศึกษาจากประเทศไทยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศอีกครั้ง โดยคว้ารางวัลทีมภาษาอังกฤษยอดเยี่ยมจากการแข่งขัน Global Brand Planning Competition (GBPC) 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ โดยทีม "Win Won Won" ที่ประกอบด้วยนักศึกษาจาก 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ได้แสดงความสามารถโดดเด่นในการวางแผนการสร้างแบรนด์ ‘CP Bologna’ จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในประเภทแผนภาษาอังกฤษได้สำเร็จ

การแข่งขันครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) ซึ่งทำหน้าที่คัดเลือกทีมตัวแทนและส่งเสริมศักยภาพของนักการตลาดรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในการแข่งขันระดับนานาชาติที่มีคู่แข่งจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจากจีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานด้านการตลาดและเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ในวงการธุรกิจ

นอกจากการวางแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน ทีมไทยยังได้รับคำชื่นชมในเรื่องของการวิเคราะห์ตลาดและความสามารถในการเชื่อมโยงแผนการตลาดเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งนี้ GBPC เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากหลากหลายประเทศได้แสดงความสามารถ ทั้งด้านความรู้และทักษะด้านการตลาด รวมถึงการสร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญในวงการ

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "MAT ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนทีมนักศึกษาไทยให้ก้าวไปถึงเวทีระดับโลก การแข่งขันนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างนักการตลาดรุ่นใหม่กับผู้เชี่ยวชาญระดับสากล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตในสายอาชีพในอนาคต"

จากการแข่งขันครั้งนี้ ทีม "Win Won Won" ได้พิสูจน์แล้วว่าความรู้ ความสามารถ และความมุ่งมั่นของนักศึกษาไทยสามารถสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศได้อีกครั้งในเวทีสากล

คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำวิสัยทัศน์ สถาบันการศึกษาทางทันตแพทยศาสตร์ระดับโลก ที่สร้างบัณฑิต องค์ความรู้ นวัตกรรมเพื่อพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน นำโดย ศาสตราจารย์ ทพ.ดร.พรชัย จันศิษย์ยานนท์ คณบดี คณะทันตแพทยศาสตร์  จุฬาฯ   ด้วยผลงานที่สง่างามในปี 2567  กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น คือ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับการจัดอันดับความเป็นเลิศด้านวิชาการ จาก QS WORLD UNIVERSITY RANKINGS  by Subject Areas 2024  คือ อันดับ 1 ในประเทศไทย   อันดับ 11 ในเอเชีย อันดับ 60 ของโลก

คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ  ได้มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จที่จะสร้างสรรค์ให้ก้าวไกลต่อไป ด้วยการเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ ในกิจกรรมต้อนรับเปิดเทอม ด้วยงานปฐมนิเทศนิสิตใหม่ รุ่นที่ 86   พิธีมอบเสื้อกาวน์ นิสิตชั้นปี 4  และ พิธีไหว้ครู 2567

งานปฐมนิเทศนิสิตใหม่ คณะทันตแพทยศาสตร์ รุ่นที่ 86 เป็นงานต้อนรับนิสิตใหม่พร้อมครอบครัวในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรัก ความสุข ที่ฝ่ายวิชาการและฝ่ายกิจการนิสิต นำโดย รศ.ทพ.สุพจน์ ตามสายลม รองคณบดีฝ่ายวิชาการ และฝ่ายกิจการนิสิต  รศ.ทพ.ขจร กังสดาลพิภพ รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตและนิสิตเก่าสัมพันธ์ ได้จัดขึ้น  โดยมีคณาจารย์ ฝ่ายบริหาร และรุ่นพี่นิสิต ได้ร่วมกันต้อนรับนิสิตใหม่พร้อมครอบครัว เข้ามาเป็นนิสิตใหม่คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่มีความพร้อมทั้งด้านวิชาการและการศึกษาด้านทันตกรรม คลินิกบริการทันตกรรม งานวิจัยและงานนวัตกรรม

งานแห่งความภูมิใจกับวิชาชีพแพทย์ ด้วยพิธีมอบเสื้อกาวน์ นิสิตชั้นปี 4 เป็นพิธีการสำคัญสำหรับนิสิตทันตแพทย์  เพื่อรับเสื้อกาวน์ ซึ่งเป็นเสื้อที่สัญลักษณ์ของวิชาชีพแพทย์  โดยนิสิตที่รับเสื้อกาวน์ จะเป็นนิสิตปี 4 ที่กำลังจะก้าวสู่การเรียนในระดับชั้นคลินิกในปี 4 – ปี 6 เพื่อให้นิสิตได้ตระหนักถึงความสำคัญ รับรู้บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในวิชาชีพและคุณธรรมจริยธรรมตามจรรยาบรรณแพทย์ โดยในงานนี้คณาจารย์ ได้เป็นผู้สวมเสื้อกาวน์ให้นิสิตพร้อมกล่าวอวยพร ด้วยความภูมิใจ และคณาจารย์ได้ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จ ชื่นชมความสุขกับทุกครอบครัวนิสิตด้วย

งานประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม ด้วยพิธีไหว้ครู 2567 ที่นิสิตทันตแพทยศาสตร์ทุกคน จะได้มีโอกาสแสดงความเคารพคณาจารย์ ครูผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์ ด้วยความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี  และกิจกรรมที่ดีงามนี้ ได้ช่วยสร้างความรัก ความสุข ความผูกพัน ความสามัคคีในกลุ่มนิสิตได้ด้วย

 

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย รับมอบรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลัง” (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) ในสาขาแพลตฟอร์มส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ GrabFood ได้ัรับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 29 แบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย จากการสำรวจและเก็บข้อมูลผู้บริโภคมากกว่า 24,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ ครอบคลุมใน 4 มิติ ได้แก่ ความตระหนักในแบรนด์ ความชื่นชอบในแบรนด์ การใช้ผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็ว ๆ นี้

“แกร็บรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แบรนด์แกร็บฟู้ด (GrabFood) ได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง (The Most Powerful Brands of Thailand) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 โดยจากผลการวิจัยในปีนี้ แกร็บฟู้ดยังคงเป็นแบรนด์ที่ครองใจคนไทยทุกช่วงวัย (18-69 ปี) ทุกเพศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้แพลตฟอร์มของแกร็บสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกยุคทุกสมัย โดยยังคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจในการดำเนินธุรกิจที่เรียกว่า GrabForGood” นายวรฉัตร กล่าวเสริม

สำหรับการประกาศรางวัล "สุดยอดแบรนด์ทรงพลังของประเทศไทย 2024" (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) จัดขึ้นในปีนี้เป็นครั้งที่ 7 โดยภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยและสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องทุก 2 ปี โดยปีนี้มีการเก็บข้อมูลจาก 24,000 ตัวอย่าง แบ่งเป็นกลุ่มในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 12,000 ตัวอย่าง และใน 13 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศอีก 12,000 ตัวอย่าง เพื่อจัดอันดับความแข็งแกร่งของแบรนด์ พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้แบรนด์แข็งแกร่ง เพื่อนำมาเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดต่อไป

Lord David Cameron อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 53 แห่งสหราชอาณาจักร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศแห่งสหราชอาณาจักร พร้อมด้วย นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาระดับอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าเยี่ยมชมห้องแล็บวิจัยด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพและชีววิทยาสังเคราะห์ ณ บริษัท ไบโอม จำกัด อาคารมหาวชิรุณหิศ (ชั้น11) คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศาสตราจารย์ ดร. อลิสา วังใน Chief Technology Officer ของบริษัท ไบโอม จำกัด ให้การต้อนรับ ซึ่งบริษัทไบโอม เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างจุฬาฯ และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) (BBGI) ที่ได้วิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพแห่งแรก

ด้าน นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBGI กล่าวว่า พร้อมผนึกความแข็งแกร่ง ร่วมต่อยอดสร้างมูลค่างานวิจัยกับทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อเสริมฐานผู้นำอุตสาหกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงในภูมิภาคเอเชีย ในการวางเป้าหมายใช้ไทยเป็นฐานในการส่งต่องานวิจัยผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ไปยังตลาดโลก

นอกจากนี้ BBGI ยังได้รุกธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (CDMO) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก ภายใต้บริษัทร่วมทุน BBFB (BBGI Fermbox Bio) ซึ่งเป็นโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (Precision Fermentation) เชิงพาณิชย์แห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย คาดโรงงานแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2568 นับเป็นการตอกย้ำ BBGI แข็งแกร่งเตรียมพร้อมสู่โอกาสในอนาคต

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพร้อมเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการศึกษาแห่งภูมิภาคเอเชีย เปิดรับนิสิตชาวไทยและต่างชาติ ด้วยกว่าร้อยหลักสูตรนานาชาติ รองรับทุกสายการเรียน สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ไร้พรมแดน เตรียมบัณฑิตสู่ความเป็นพลเมืองโลก

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาตินิยมมาท่องเที่ยว ด้วยเสน่ห์ของ Soft Power อย่างศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร วิถีชีวิต ธรรมชาติ ภูมิอากาศ และค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล แต่ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ – ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในจุดหมายของการศึกษาที่นิสิตต่างชาติสนใจมาเรียนและใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน

“ประเทศไทยมีความโดดเด่นทางด้านการศึกษาและเป็นที่สนใจของนิสิตต่างชาติจำนวนมาก เช่นที่จุฬาฯ เราเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่การศึกษามีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ มีหลักสูตรนานาชาติที่สามารถรองรับนิสิตต่างชาติด้วยการสอนเป็นภาษาอังกฤษมากกว่า 100 หลักสูตรในทุกระดับปริญญา ในขณะที่ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนของเราก็ถูกกว่าประเทศอื่น ๆ ที่โดดเด่นด้านการศึกษาในระดับเดียวกัน” คุณศุกลิน วนาเกษมสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิชาการนานาชาติ สำนักบริหารวิรัชกิจและเครือข่ายนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว

ปัจจุบัน จุฬาฯ มีนิสิตต่างชาติประมาณ 2,000 คน จาก 60 ประเทศ ที่มาศึกษาแลกเปลี่ยนและเรียนระดับปริญญาในหลายหลักสูตร

จำนวนของนิสิตต่างชาติดูมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้วยทิศทางของโลกสมัยใหม่ ที่เปิดให้ผู้คนเดินทางและโยกย้ายถิ่นฐานได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะไปทำงาน ท่องเที่ยว หรือศึกษาเล่าเรียน โดยเฉพาะการเรียนรู้ เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิต สร้างเสริมความเป็นพลเมืองโลกและทักษะในการอยู่ในโลกสมัยใหม่ ที่ต้องเปิดใจ เข้าใจและยอมรับความแตกต่างหลากหลายและพหุวัฒนธรรม

ทำไม นิสิตต่างชาติจึงเลือกมาเรียนจุฬาฯ

ชื่อเสียงของจุฬาฯ และการยอมรับในระดับนานาชาติเป็นหนึ่งในเหตุผลต้น ๆ ที่นิสิตต่างชาติเลือกมาเรียนที่จุฬาฯ

ในระดับประเทศ จุฬาฯ ครองอันดับ 1 ของประเทศไทยเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน จาก THE Impact Rankings 2023 และติดอันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทยเป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน (ตั้งแต่ปี 2009) ในการจัดอันดับ QS World University Rankings 2024 โดย QS Quacquarelli Symonds  

ส่วนในระดับนานาชาติ จุฬาฯ ครองอันดับ 17 ของโลก จาก THE Impact Rankings 2023 และติดอันดับท็อป 50 ของโลกทางด้านผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (Employment Outcomes) โดย QS World University Rankings 2024

“จุฬาฯ เป็นศูนย์กลางการศึกษาในระดับอาเซียนและเอเชีย มีความโดดเด่นด้านวิชาการทั้งในสายวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ทุกหลักสูตรเปี่ยมด้วยคุณภาพและส่งเสริมความเป็นพลเมืองโลกให้นิสิตทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งเมื่อจบการศึกษา บัณฑิตจุฬาฯ จะมีทักษะที่จำเป็นและสามารถทำงานได้ทุกที่ในโลก” คุณศุกลิน กล่าว

นอกจากความโดดเด่นด้านวิชาการแล้ว บรรยากาศการเรียนรู้และการใช้ชีวิตที่จุฬาฯ ยังมีสีสัน ผสานความเก่าแก่และความทันสมัย เปิดโลกการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ไม่มีในตำรา

จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งมาแล้วกว่า 106 ปี ในพื้นที่การศึกษากว่า 1 ตารางกิโลเมตร (637 ไร่) ของจุฬาฯ มีอาคารทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมมากมาย อีกทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ขนานไปกับการเติบโตของประเทศไทยยุคใหม่ (modernization) นอกจากนี้ ด้วยความที่ตั้งอยู่ใจกลางมหานคร จุฬาฯ จึงอยู่ในแหล่งความทันสมัยและวัฒนธรรมสมัยใหม่ เช่น สยามสแควร์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ และไม่ไกลจากย่านเมืองเก่า เช่น เยาวราช สามย่าน เจริญกรุง ฯลฯ กล่าวได้ว่านิสิตที่มาเรียนที่จุฬาฯ จะได้ใช้ชีวิตการเรียนรู้ในบรรยากาศที่อดีต ปัจจุบัน และทิศทางแห่งอนาคตผสานกันอย่างลงตัว

ความร่วมมือระดับนานาชาติ สร้างนิสิตจุฬาฯ สู่ความเป็นพลเมืองโลก

จุฬาฯ ก้าวไปกับทิศทางการศึกษาในโลกสมัยใหม่ ที่เน้นหล่อหลอมบัณฑิตให้มีสำนึกความเป็นพลเมืองโลก สามารถปรับตัวเข้ากับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงมีความเข้าใจความหลากหลายของสังคมและอยู่ได้ในพหุวัฒนธรรม

“ด้วยชื่อเสียงและความพยายามของจุฬาฯ ทำให้เรามี MOU กับมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่งทั่วโลก นิสิตหลักสูตรนานาชาติของจุฬาฯ จะได้เรียนรู้และอยู่ในบรรยากาศแบบนานาชาติ และมีโอกาสได้เจอสภาพแวดล้อมอื่น ๆ เข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศในวิชาที่ตนสนใจได้แทนที่จะเรียนตลอด 4 ปีที่จุฬาฯ ที่เดียว”

ด้วยเป้าหมายดังกล่าว จุฬาฯ ได้ทำความร่วมมือกับหน่วยงานและมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ เพื่อให้นิสิตสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล รวมถึง โดยความร่วมมือที่จุฬาฯ ทำกับสถาบันต่าง ๆ ได้แก่

ความร่วมมือด้านฐานข้อมูล จุฬาฯ มีห้องสมุดและฐานข้อมูลระดับเวิล์ดคลาส ที่นิสิตจุฬาฯ จะสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ ทั้งหนังสือ วารสาร งานวิจัย วิทยานิพนธ์ และฐานข้อมูลอ้างอิงจากต่างประเทศได้อย่างกว้างขวาง เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการค้นคว้าของนิสิตได้อย่างเต็มที่

ความร่วมมือด้านหลักสูตร จุฬาฯ มีหลักสูตรนานาชาติแบบหลักสูตรปริญญาร่วมและหลักสูตรสองปริญญา ที่ผู้เรียนจะได้เรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยพาร์ทเนอร์จากต่างประเทศ เช่น หลักสูตรปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์จิตวิทยา ร่วมกับ University of Queensland ออสเตรเลีย หลักสูตรปริญญาโทการจัดการทางวิศวกรรม ร่วมกับ The University of Warwick สหราชอาณาจักร เป็นต้น

นอกจากนี้ จุฬาฯ ยังได้ทำ MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในโลก เพื่อให้นิสิตจุฬาฯ สามารถไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ เพื่อเรียนในสาขาที่ตนเองสนใจกับมหาวิทยาลัยคู่สัญญา 1-2 ภาคการศึกษา หรือหากไม่อยากเดินทาง ก็สามารถแลกเปลี่ยนผ่าน APRU Virtual Student Exchange ที่นิสิตสามารถเข้าคลาสเรียนของมหาวิทยาลัยคู่สัญญาจากต่างประเทศได้ผ่านห้องเรียนออนไลน์

(ดูรายชื่อหลักสูตรทั้งหมดที่จุฬาฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ที่นี่)

ชีวิตในรั้วจุฬาฯ สะดวกสบาย สนุก มีสีสัน

มหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นเรื่องการเรียนเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิต คุณศุกลินให้ข้อมูลว่า จุฬาฯ มีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าบุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวก ที่จะช่วยให้การมาเรียนและใช้ชีวิตในต่างแดนของนิสิตต่างชาติเป็นประสบการณ์สุดวิเศษครั้งหนึ่งในชีวิต

  • การเดินทางจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ใจกลางเมือง มีเส้นทางการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถไฟฟ้า BTS และ MRT ส่วนการเดินทางภายในมหาวิทยาลัย จุฬาฯ ก็มีรถโดยสารภายในจุฬาฯ (Shuttle Bus) เพื่อให้นิสิตสามารถเดินทางไปอาคารเรียน หอพักนิสิต และพื้นที่โดยรอบมหาวิทยาลัยถึง 6 เส้นทาง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

  • สุขภาพกายจุฬาฯ มีศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาฯ ที่ให้บริการทางสุขภาพฟรีแก่นิสิตจุฬาฯ และมีประกันสุขภาพสำหรับนิสิตต่างชาติ ที่นิสิตสามารถไปรับบริการที่โรงพยาบาลทั่วไปได้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน นิสิตจึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหากเกิดเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างที่เข้ามาศึกษา
  • สุขภาพใจสำหรับนิสิตที่รู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน การใช้ชีวิต การปรับตัว หรือเรื่องใดก็ตาม จุฬาฯ มีหน่วยส่งเสริมสุขภาวะนิสิต (Chula Student Wellness) ที่มีนักจิตวิทยาและจิตแพทย์คอยให้คำปรึกษานิสิตที่มีเรื่องกังวลทางใจ อีกทั้งจุฬาฯ ยังมีเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารวิรัชกิจและเครือข่ายนานาชาติ และเจ้าหน้าที่ประจำหลักสูตรที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี คอยให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียน การประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ การทำวีซ่า และการดูแลขณะเกิดเรื่องฉุกเฉิน

 

  • ที่พักสำหรับนิสิตจุฬาฯ มีหอพักเรือนวิรัชมิตร (CU I-House) สำหรับนิสิตต่างชาติโดยเฉพาะ สามารถเดินทางได้สะดวก มีรถรับส่งไปยังมหาวิทยาลัย อยู่ใกล้ร้านอาหารมากมาย และค่าใช้จ่ายถูกกว่าหอพักบริเวณใกล้เคียง
  • กิจกรรมและสันทนาการสำนักบริหารกิจการนิสิต ตั้งชมรม International Student Club เพื่อให้นิสิตต่างชาติและนิสิตไทยได้ทำกิจกรรมด้วยกันเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม หรือหากนิสิตสนใจเล่นกีฬา ดนตรี หรือกิจกรรมด้านอื่น ๆ ก็สามารถสมัครเข้าร่วมชมรมที่สนใจได้ เพื่อหาเพื่อนที่มีความสนใจเหมือนกัน

  • Unibuddyแอปคู่หูการใช้ชีวิตในจุฬาฯ เพื่อนิสิตต่างชาติ คุณศุกลินกล่าวว่าในบางครั้งการดูรีวิวจากอินเทอร์เน็ตก็อาจจะมีข้อมูลที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง หรือการสอบถามข้อมูลโดยตรงจากมหาวิทยาลัยก็อาจจะไม่ได้ข้อมูลในมุมมองของผู้เรียน จุฬาฯ จึงเปิด “Unibuddy” เว็บไซต์แอปพลิเคชันที่จะช่วยให้นิสิตต่างชาติได้รู้เรื่องราว ทั้งเรื่องเรียนและการใช้ชีวิตในมุมมองนิสิตจุฬาฯ โดยผู้ให้ข้อมูลเป็นนิสิตจุฬาฯ ทั้งนิสิตไทยและนิสิตต่างชาติ สามารถเข้าใช้งาน Unibuddy ได้ที่นี่

พูดไทยไม่ได้ จะมาเรียนที่จุฬาฯ ได้ไหม?

ภาษาไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนและใช้ชีวิตที่จุฬาฯ แม้จะไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ นิสิตต่างชาติก็สามารถเรียนและสนุกกับประสบการณ์ชีวิตที่จุฬาฯ ได้

หลักสูตรนานาชาติทุกหลักสูตรจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด นอกจากนี้ นิสิตจุฬาฯ ชาวไทยส่วนมากก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ภายนอกมหาวิทยาลัยอาจจะมีบุคคลที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่สมัยนี้ เราก็มีเครื่องมือและโปรแกรมที่สามารถแปลภาษาเพื่อใช้สื่อสารได้ เช่น ในโรงอาหาร แม้จะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ก็สามารถถ่ายรูปอาหารบนป้ายที่อยากทานแล้วยื่นให้แม่ค้าดูได้”

สำหรับนิสิตที่สนใจจะเรียนภาษาไทย จุฬาฯ ก็มีหลักสูตรหลากหลายรูปแบบให้นิสิตได้เลือกเรียนตามความสนใจ

  • หลักสูตรออนไลน์เรียนฟรีกับ Chula MOOC เตรียมตัวก่อนมาประเทศไทยด้วยหลักสูตรภาษาไทยพื้นฐานที่น่าสนใจ ได้แก่ หลักสูตร Survival Thai หลักสูตร Communicative Thai for Foreigners และหลักสูตร Thai on Campus พร้อมรับประกาศนียบัตรจากจุฬาฯ เมื่อเรียนจบหลักสูตร

  • หลักสูตรภาษาไทยแบบลงทะเบียนเรียนนิสิตต่างชาติสามารถลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาไทยสำหรับนิสิตต่างชาติโดยเฉพาะ โดยไม่ต้องเสียค่าลงทะเบียนเรียนเพิ่ม และยังเก็บเป็นวิชาเรียนในใบทรานสคริปต์ได้ด้วย
  • หลักสูตรภาษาไทยแบบเข้มข้นหากการเรียนในห้องเรียนยังไม่เพียงพอ นิสิตก็สามารถสมัครเรียนเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะมีการเรียนภาษาในห้องเรียนแล้ว ยังมีกิจกรรมเวิร์คช็อปทางวัฒนธรรมไทยอีกด้วย หลักสูตรนี้ชาวต่างชาติที่ไม่ใช่นิสิตจุฬาฯ ก็สามารถสมัครเรียนได้เช่นเดียวกัน

“ในเมื่อมีโอกาสได้มาเป็นนิสิตจุฬาฯ ที่ประเทศไทย นอกจากการเรียนภาษาไทยกับเจ้าของภาษาในห้องเรียนแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการนำความรู้ที่ได้มาใช้กับคนนอกห้องเรียนเพื่อฝึกฝนภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ทางภาษาไทยที่สุด”

สนใจมาเรียนที่จุฬาฯ จะต้องทำอย่างไร

จุฬาฯ มีหลักสูตรนานาชาติ ที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกมากกว่า 100 หลักสูตรจากหลากหลายสาขาวิชา โดยเปิดเรียนภาคเรียนที่ 1 ในเดือนสิงหาคม

การรับสมัครในระดับปริญญาตรีจะเปิดรับสมัครรอบที่ 1 ในช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม

ส่วนการรับสมัครในระดับบัณฑิตศึกษาจะแบ่งการรับสมัครเป็น 2 ช่วง ได้แก่ รอบรับสมัครเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม เริ่มเรียนในเดือนสิงหาคม และรอบรับสมัครเดือนกันยายน – ตุลาคม เริ่มเรียนในเดือนมกราคม

สำหรับนิสิตที่ต้องการทุน จุฬาฯ ก็มีทุนสนับสนุนสำหรับนิสิตหลายประเภทตามทั้งทุนการศึกษาและทุนทำวิจัย

นอกจากการเรียนในระดับปริญญาแล้ว จุฬาฯ ยังมีโครงการแลกเปลี่ยนสำหรับนิสิตจากต่างประเทศที่สนใจมาเรียนที่จุฬาฯ ระยะสั้น 1-2 ภาคการศึกษา เพื่อมาเก็บเกี่ยวความรู้ที่จุฬาฯ และหาประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ประเทศไทยในเวลาเดียวกัน

·      Exchange Program นิสิตจากมหาวิทยาลัยคู่สัญญาที่ทำ MOU ร่วมกับจุฬาฯ สามารถมาแลกเปลี่ยนที่จุฬาฯ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนที่จุฬาฯ นอกจากชำระค่าเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยของตน ผู้สนใจสามารถสมัครได้ล่วงหน้า 6 เดือนก่อนเปิดภาคเรียน* ที่ผู้ประสานงานของมหาวิทยาลัยที่ตนเองสังกัด โดยสามารถตรวจสอบมหาวิทยาลัยคู่สัญญาได้ที่นี่

·      Visiting Program สำหรับนิสิตที่มาจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่ไม่ใช่คู่สัญญาของจุฬาฯ ก็สามารถมาศึกษาที่จุฬาฯ 1-2 ภาคการศึกษาได้เช่นกัน โดยสามารถติดต่อกับผู้ดูแลหลักสูตรที่ต้องการสมัครของจุฬาฯ ได้เลย โดยชำระค่าเล่าเรียนที่จุฬาฯ ผู้สนใจจะต้องสมัครล่วงหน้า 6 เดือนก่อนเปิดภาคเรียน*

*สำหรับ Exchange Program และ Visiting Program หากต้องการจะเริ่มเรียนในภาคเรียนที่ 1 ในเดือนสิงหาคม สามารถสมัครได้ตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ในปีเดียวกัน และหากต้องเริ่มเรียนในภาคเรียนที่ 2 ในเดือนมกราคม สามารถสมัครได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – สิงหาคมของปีก่อนหน้า

·      APRU Virtual Student Exchange สำหรับนิสิตต่างชาติจากมหาวิทยาลัยสมาชิกเครือข่าย  APRU ที่สนใจจะเรียนวิชาของจุฬาฯ แต่ไม่สะดวกที่จะมาเรียนที่ประเทศไทย หรืออยากจะเรียนแค่วิชาเดียว ก็สามารถเข้าร่วมโครงการ APRU Virtual Student Exchange ที่นิสิตจะได้เรียนวิชาที่สนใจบนคลาสออนไลน์กับนิสิตจุฬาฯ โดยที่ชำระค่าเล่าเรียนเฉพาะที่มหาวิทยาลัยของตนเท่านั้น

เตรียมวีซ่าให้พร้อมก่อนมาเรียนที่จุฬาฯ  

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้การใช้ชีวิตที่จุฬาฯ ของชาวต่างชาติราบรื่น นั่นก็คือ “วีซ่า” ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาเรียนที่จุฬาฯ ต้องมี Education Visa

หลังจากที่ผู้สมัครผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ ทางมหาวิทยาลัยจะออกเอกสารตอบรับเข้าศึกษาเพื่อให้ผู้สมัครไปยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตไทยหรือกงสุลไทย และเมื่อต้องมีการต่อวีซ่า ก็สามารถติดต่อได้ที่ผู้ประสานงานหลักสูตรของตนเองได้เลย

“สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Education Visa คือ วีซ่าประเภทนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเดินทางมาจากประเทศของตนเองเท่านั้น วีซ่านักท่องเที่ยวไม่สามารถเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่านักเรียนที่ประเทศไทยได้ กรณีนี้ นิสิตจะต้องเดินทางกลับประเทศของตนก่อนแล้วบินกลับมาใหม่เท่านั้น”

“สำหรับผู้ที่มีวีซ่าทำงานแล้วมาเรียนนอกเวลาทำงานก็สามารถมาเรียนได้ แม้จะถือวีซ่าทำงาน แต่วีซ่าทำงานไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียนได้ที่ประเทศไทยเช่นเดียวกับวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัญหาที่นิสิตพบบ่อย นี่จึงคือสิ่งที่ควรเตรียมตัวมาให้ดีหากนิสิตไม่อยากเสียเงินและเสียเวลาในการเดินทาง”

Page 1 of 5
X

Right Click

No right click