December 05, 2025

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์และผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ เพย์ เน็กซ์ เอ็กซ์ตร้า ซึ่งเป็นบริการสินเชื่อโดย บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด ผนึกกำลัง อัลเตอร์วิม บริษัทผู้พัฒนาและลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานทดแทนในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศความร่วมมือเพื่อผลักดันประเทศไทยสู่อนาคตคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่าย ๆ ผ่านบริการวงเงินพร้อมใช้ “เพย์ เน็กซ์ เอ็กซ์ตร้า” (Pay Next Extra) บนแอปทรูมันนี่ สำหรับการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในครัวเรือน ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามนโยบายภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน โดยยังถือเป็นการนำเสนอสินเชื่อรูปแบบดิจิทัลเพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์ครั้งแรกในไทย

 

นายกรกฤต เมฆบุญส่งลาภ ผู้อำนวยการฝ่ายความสำเร็จทางธุรกิจของพันธมิตร บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินเพื่อมอบโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน จึงได้ร่วมมือกับ เพย์ เน็กซ์ เอ็กซ์ตร้า และ อัลเตอร์วิม ในการผสานจุดแข็งของการเป็นผู้ให้บริการ FinTech เพื่อผลักดัน GreenTech และขยายการเข้าถึงโซลูชันพลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการร่วมมือนำเสนอบริการวงเงินพร้อมใช้เพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์ ที่สามารถสมัครทางออนไลน์ได้สะดวก รวดเร็ว ผ่านแอปทรูมันนี่ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเราในการนำศักยภาพของการเงินดิจิทัลมาเชื่อมต่อทุกครัวเรือนกับพลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในแบบที่เป็นมิตรต่อโลก”

แนวโน้มความต้องการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากรายงานของ Verified Market Research ที่ระบุว่าตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยมีมูลค่าประมาณ 3.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะขยายตัวแตะระดับ 9.46 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2032 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 14% ซึ่งสะท้อนถึงความตื่นตัวของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในการมองหาทางเลือกด้านพลังงานที่ยั่งยืนและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นทุนด้านพลังงานมีแนวโน้มผันผวนอย่างต่อเนื่อง

เพื่อต่อยอดแนวโน้มการเติบโตของพลังงานทางเลือก ความร่วมมือนี้จึงเปิดโอกาสให้คนไทยที่สนใจพลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงระบบโซลาร์เซลล์ได้สะดวกขึ้นผ่านบริการวงเงินพร้อมใช้ เพย์ เน็กซ์ เอ็กซ์ตร้า (Pay Next Extra) บนแอปทรูมันนี่ ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 500,000 บาท ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 84 เดือน โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.6% ต่อเดือน ทั้งยังมาพร้อมบริการครบวงจรจาก อัลเตอร์วิม ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า การออกแบบและติดตั้งระบบ ไปจนถึงบริการหลังการขาย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 2,800 โครงการทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของระบบ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าไฟได้สูงสุดกว่า 70%1

 

นางสาวภควดี กอเจริญรัตนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด กล่าวว่า “อัลเตอร์วิม ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดให้เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้จริงสำหรับทุกคน การร่วมมือกับ ทรูมันนี่ และ แอสเซนด์ นาโน ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดอุปสรรคเรื่องต้นทุนและขั้นตอนที่ซับซ้อน ผ่านโซลูชันทางการเงินที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ช่วยให้ลูกค้าทั่วไป ตลอดจนกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ตัดสินใจติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น อัลเตอร์วิมยังมีความเชื่อมั่นว่า เมื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ย่อมมีส่วนสำคัญในการจุดประกายการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในระดับประเทศ”

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของไทย และพันธมิตร ร่วมสนับสนุนแคมเปญ “รีบโอน โจรยิ้ม” ภายใต้โครงการ “Thai Cyber Ranger: ไทยรู้ ทันหลอก” ของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผอช.สอท.) หรือ CYBER CRIME INVESTIGATION BUREAU (CCIB) โดยแคมเปญดังกล่าวมุ่งสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ ตลอดไตรมาส 3 ของปี 2568 โดยในงานเปิดแคมเปญ พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้เป็นผู้กล่าวรายงาน และมีพลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ. ศปอส. ตร.) เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และมีตัวแทนจากภาคเอกชน ภาควิชาการ และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ร่วมแสดงพลังสนับสนุนแคมเปญดังกล่าว

 

นายสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด

โดยภายในงาน นายสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ยังได้ร่วมเวทีเสวนาพิเศษภายใต้หัวข้อ ‘เตรียมอย่างไรให้พร้อม ก่อนภัยไซเบอร์คลื่นใหม่เข้าสู่สังคมไทย’ และกล่าวว่า “การร่วมมือของ ทรูมันนี่ และ ทรู กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในแคมเปญ ‘รีบโอน โจรยิ้ม’ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มุ่งลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมไซเบอร์ โดย ทรูมันนี่ มีการพัฒนาทั้งด้านเทคโนโลยีและฟีเจอร์ความปลอดภัย เครือข่ายความร่วมมือ การให้ความรู้ ตลอดจนการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ใช้งาน โดยในอนาคต ทรูมันนี่ จะยังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดการเสริมเกราะป้องกัน และยกระดับภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้กับคนไทย”

 

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรูมันนี่ ได้เดินหน้าปกป้องผู้ใช้งานจากภัยไซเบอร์ผ่าน 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1) เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุก โดยเราได้พัฒนาระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ที่เรียกว่า TrueMoney 3X Protection ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI ตรวจ จับ และหยุดพฤติกรรมฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรม อุปกรณ์ และตำแหน่งที่ตั้งแบบเรียลไทม์ เพื่อหยุดธุรกรรมต้องสงสัยก่อนเกิดความเสียหาย 2) ความร่วมมือเชิงลึกกับภาครัฐ ผ่านการแจ้งเตือนบัญชีต้องสงสัยและสนับสนุนข้อมูลวิเคราะห์เพื่อใช้ในกระบวนการสืบสวนแก่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานภาครัฐ 3) การสื่อสารเพื่อสร้างความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ให้กับผู้ใช้และประชาชน ผ่านแพลตฟอร์มและสื่อในเครือข่ายของทรูมันนี่ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนแคมเปญ “รีบโอน โจรยิ้ม” ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

ทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี และ 4) การตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ใช้งาน ที่พร้อมประสานหน่วยงานภาครัฐและให้คำปรึกษาในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีบริการสายด่วนแจ้งเหตุต้องสงสัยและภัยทางการเงินผ่านเบอร์ 1240 กด 6 สำหรับรับแจ้งเหตุฉุกเฉินและอายัดบัญชีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ทรูมันนี่ ในการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่มั่นคง ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถใช้ชีวิตและทำธุรกรรมในโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ

ปัจจุบัน อาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภัยหลอกลวงจากการให้โอนเงิน ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของจำนวนคดี มูลค่าความเสียหาย และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ข้อมูลล่าสุดจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 - พฤษภาคม 2568 มีคดีออนไลน์สะสมแล้วกว่า 900,000 เรื่อง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 91,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยสูงถึง 77 ล้านบาทต่อวัน โดย 5 อันดับคดีออนไลน์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด ได้แก่ การหลอกซื้อขายสินค้าหรือบริการ 44.85% การหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 12.40% การหลอกให้กู้เงิน 9.29% การหลอกลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 7.27% และการข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) 6.46% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการหลอกลวงที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภัยใกล้ตัวที่ประชาชนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน

ในอนาคต ทรูมันนี่ ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและมีเแผนเปิดตัวฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ ๆ เพิ่มเติม เพื่อยกระดับความปลอดภัยและลดความเสี่ยงให้กับผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างระบบนิเวศการเงินดิจิทัลที่ยั่งยืน

ทรูมันนี่ มอบข้อเสนอเงินคืน 3%* เอาใจสายยิงแอดและผู้ประกอบการออนไลน์ในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวบัตร TrueMoney SME บัตรแบบเวอร์ชวลที่ทรูมันนี่ร่วมมือกับ Mastercard เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการและนักการตลาดดิจิทัล โดยช่วยให้สามารถเลือกชำระค่าโฆษณาได้ง่ายขึ้นและรับสิทธิประโยชน์แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเลือกจ่ายด้วยบัตร TrueMoney SME หรือเลือกจ่ายตรงด้วยวอลเล็ทของ TrueMoney

โดยทั้งบัตร TrueMoney SME และบริการจ่ายตรงด้วยวอลเล็ท ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักยิงแอดออนไลน์, ผู้ประกอบการ MSMEs และนักการตลาดดิจิทัล เพื่อช่วยให้การใช้งบโฆษณาออนไลน์เป็นไปอย่างคุ้มค่า ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ โดยทั้งสองบริการดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของ TrueMoney Ad Solution ภายใต้ TrueMoney for Business

 1.บัตร TrueMoney SME บัตรแบบเวอร์ชวล ในแอปทรูมันนี่ เพื่อการยิงแอดอย่างมืออาชีพ

บัตร TrueMoney SME คือบัตร Mastercard เสมือนจริงที่ใช้งานผ่านแอป TrueMoney ซึ่งมอบสิทธิประโยชน์พิเศษโดนใจสายยิงแอดโดยเฉพาะ อาทิ:

· รับเงินคืน 3%* เมื่อใช้จ่ายค่าโฆษณาออนไลน์

(*สูงสุด 300 บาท/เดือน เมื่อใช้จ่ายขั้นต่ำ 1,000 บาท/รายการ)

· เปิดบัตรฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีหรือรายเดือน

· ฟรีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน สำหรับการใช้จ่ายค่าโฆษณาระหว่างประเทศ

· ควบคุมได้เอง เปิด-ปิดบัตรได้ทุกเมื่อ เพื่อความมั่นใจ

· ใช้งานได้ทั่วโลก กับร้านค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ

วิธีเปิดบัตร: เข้าแอป TrueMoney > ที่หน้าโฮม กดไอคอน “ดูทั้งหมด” > ไปที่หมวดบริการ “ช้อปปิ้งออนไลน์” และเลือก “บัตรมาสเตอร์การ์ด” > ปัดไปที่ “TrueMoney SME Card” > กด “สร้างบัตรนี้” และยืนยันชื่อบนหน้าบัตร

วิธีใช้ในการยิงแอด: ไปยังแพลตฟอร์มที่ต้องการซื้อโฆษณา > เลือกวิธีชำระเป็น Credit/Debit Card > กรอกข้อมูลบัตร SME Card > กด Save และ Confirm

2. บริการจ่ายตรงด้วยวอลเล็ท  แค่มีแอปทรูมันนี ก็จ่ายค่ายิงแอดได้ทันที พร้อมรับสิทธิพิเศษสุด

บริการจ่ายตรงด้วยวอลเล็ท ช่วยให้ผู้ใช้ที่ซื้อโฆษณาออนไลน์ สามารถเลือกชำระเงินเเบบวอลเล็ทของ TrueMoney บน Google และ Apple ได้โดยตรง โดยได้รับสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าการชำระเงินแบบอื่น ๆ ได้แก่:

· รับเงินคืน 3%* สำหรับทุกการใช้จ่ายค่าโฆษณา (สูงสุด 300 บาท/เดือน ไม่มีขั้นต่ำ)

· สะสม TrueMoney Coins* ทุกการใช้งาน

· เติมเงินได้ตามต้องการ – จะรันแอดเมื่อไหร่ ค่อยเติม

· ใช้ก่อน จ่ายทีหลัง ผ่านบริการ Pay Next

วิธีใช้: เลือก TrueMoney เป็นช่องทางการชำระเงินบนแพลตฟอร์มโฆษณา หรือเข้าเมนู Add Fund > เลือก TrueMoney

ด้วย TrueMoney 3X Protection กำหนดฟีเจอร์เพื่อช่วยให้ยิงแอดคุ้มค่า และเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้ใช้งานบางรายเคยประสบปัญหา “เงินไหล” จากการตั้งค่าชำระเงินอัตโนมัติ โดย TrueMoney Ad Solution เป็นการใช้งานแบบ ‘เติมก่อน ใช้ทีหลัง’ ช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมงบโฆษณาได้ตามต้องการ และผู้ใช้ยังสามารถเลือกสมัครบริการ Pay Next ใช้ก่อน จ่ายทีหลังได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานยังได้รับการปกป้องธุรกรรมทุกขั้นตอนด้วย TrueMoney 3X Protection ระบบความปลอดภัย 3 ชั้น ตรวจ-จับ-หยุด ที่ครอบคลุมทั้งการยืนยันตัวตนหลายชั้น การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ และการตรวจจับธุรกรรมผิดปกติและแจ้งเตือนอัตโนมัติด้วยระบบเอไอ

ตลาดโฆษณาดิจิทัลไทยโตแรง – MSMEs คือพลังขับเคลื่อน

อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ DAAT ตลาดโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 10% ในปี 2568 โดยมีมูลค่ารวมกว่า 34,500 ล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียกว่า 51 ล้านคน คิดเป็น 71.1% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของโซเชียลมีเดียในการเข้าถึงผู้บริโภคและการทำตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการ MSMEs จึงเริ่มหันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้นในการสร้างยอดขายและสื่อสารกับลูกค้า โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 750,000 ล้านบาท ภายในปี 2568

 

นายกรวุฒิ ปวิตรปก ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่มุ่งมั่นในการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลในทุกมิติ การมอบสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าและเปิดตัวบัตร TrueMoney SME และนำเสนอบริการจ่ายตรงด้วยวอลเล็ทของเราในครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยให้ผู้ลงโฆษณาและผู้ประกอบการธุรกิจสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น แต่ยังได้รับความคุ้มค่าจริงในการใช้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล และการเติบโตของ MSMEs ไทย”

 

นางสาวณัชสิชา วรพฤกษ์พิสุทธิ์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการพัฒนาตลาด มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการไทย มาสเตอร์การ์ดได้มุ่งเน้นการการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม MSMEs ความร่วมมือกับทรูมันนี่ในการเปิดตัวบัตร TrueMoney SME ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมาสเตอร์การ์ดในการส่งมอบนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดย่อมสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาสู่การปลดล็อกศักยภาพและความสำเร็จที่ยั่งยืนในตลาดดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง” ยิงแอดได้ราบรื่นทุกเดือน – รับเงินคืน 3% (สูงสุด 300 บาท) ได้ง่าย ๆ ปลอดภัย ตอบรับการเติบโตของธุรกิจยุคใหม่ ด้วย TrueMoney Ad Solution ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.truemoney.com/online-advertising-payment

*หมายเหตุ ข้อเสนอเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชนชั้นนำ เดินหน้าขยายความร่วมมือด้านความยั่งยืน ล่าสุด ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท วรุณา จำกัด (VARUNA) ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนคาร์บอนอย่างยั่งยืน ในกลุ่มบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี (ARV) จำกัด เปิดตัวโครงการนำร่องคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ ผ่านแอปทรูมันนี่ ให้คนไทยสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยั่งยืน

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อบริการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอน ผ่านโครงการที่พัฒนาภายใต้มาตรฐาน T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program - โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจของประเทศไทย) ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานทรูมันนี่สามารถมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการปลูกป่าไทยได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปลายปีที่ผ่านมามีผู้ใช้งานแอปทรูมันนี่ ซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวน 5,800 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 386,000 ต้น (ข้อมูล ณ 20 เมษายน 2568)

ภายใต้ความร่วมมือนี้ ผู้ใช้งานสามารถสนับสนุนการปลูกป่าไม้ไทยผ่านโครงการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) อย่างถูกต้อง ครอบคลุมพื้นที่ป่าในจังหวัดแพร่ ได้แก่ สวนป่าขุนแม่คำมี, สวนป่าวังชิ้น และสวนป่าแม่ยม-แม่แปง โดยมีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นเจ้าของโครงการและบริษัทวรุณา ผู้พัฒนาโครงการ ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การวางแผนการปลูก การดูการเติบโตของต้นไม้ ประเมินคาร์บอนเครดิต และตรวจสอบโครงการ โดยใช้แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีเข้าร่วมสนับสนุน

 

นายอภินันท์ ดาบเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายการเติบโตของวอลเล็ทแพลตฟอร์ม บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด นายอภินันท์ ดาบเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซนด์ บิท จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายการเติบโตของวอลเล็ทแพลตฟอร์ม บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ และ แอสเซนด์ บิท ภายใต้เครือ แอสเซนด์ กรุ๊ป ต่างมุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชนสาธารณะ เชื่อมโยงและสนับสนุนคนไทยในด้านความยั่งยืน โดยล่าสุด เราได้ร่วมมือกับ วรุณา เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทรูมันนี่ มีส่วนร่วมในการร่วมลดคาร์บอนผ่านโครงการป่าไม้ในไทย ด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตผ่านแอปทรูมันนี่ได้อย่างง่าย ๆ และโปร่งใสเพราะสามารถตรวจสอบได้ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องโครงการสนับสนุนความยั่งยืนด้านป่าไม้ภายในประเทศ และวางรากฐานสู่การขยายผลในอนาคต

 

นางสาวพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา จำกัด กล่าวว่า “วรุณา มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอนาคตสีเขียวที่ยั่งยืน และสร้างประโยชน์สูงสุดต่อพื้นที่เกษตรและป่าไม้รวมถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ความร่วมมือกับทรูมันนี่ และแอสเซนด์ บิท ในครั้งนี้จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมได้ในวงกว้างผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่แล้ว พร้อมร่วมผลักดันการลดก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมาย SDG 13 Climate Action และร่วมรักษ์โลกไปด้วยกัน”

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อคาร์บอนเครดิตง่าย ๆ และโปร่งใสด้วยบล็อกเชน ผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถชดเชยคาร์บอนได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 39 บาทสำหรับโครงการในไทย โดยสามารถเลือกแพ็กเกจได้ตามต้องการ (1, 3 , 10, 30 หรือ 90 วัน) ระบบจะตัดเงินจากบัญชีทรูมันนี่เพื่อซื้อและเบิร์นโทเคนคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล โดยทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้บนเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะ (Polygon) ในรูปแบบ NFT เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดต้นทุนเมื่อเทียบกับบริการชดเชยคาร์บอนรูปแบบเดิมหลายเท่าตัว สร้างประสบการณ์ที่ง่าย สะดวก และเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://tmn.app.link/CARBON_CREDIT

 

 

Page 1 of 7
X

Right Click

No right click