“พฤกษา” จับมือแบงก์พันธมิตร “ธนาคารไทยพาณิชย์” ลุยจัดแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้า 20 บริษัทที่มีสวัสดิการองค์กรกับธนาคารไทยพาณิชย์ มอบสิทธิประโยชน์แบบจัดเต็มจากพฤกษา และ ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยพฤกษาให้สิทธิพิเศษถึง 3 ต่อ ทั้งส่วนลดและโปรโมชันรายโครงการ ส่วนลดพิเศษสำหรับพนักงานบริษัทพันธมิตร ล้านละ 10,000 บาท และ On Top เพิ่มเติมส่วนลดพิเศษ ตามประเภทโครงการ ในขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ มอบดอกเบี้ยอัตราพิเศษคงที่ 2.99% ต่อปี นาน 3 ปี* วงเงินกู้สูงสุดถึง 110%** เมื่อซื้อบ้านในโครงการของพฤกษาที่ยกทัพมาให้เลือกทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม รวม 122 โครงการ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน - 30 กันยายน 2567
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในช่วงนี้มีทั้งโอกาสและความท้าทาย แม้ว่าจะมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ต้องจับตามอง อัตราดอกเบี้ยสูง และการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลและสำรวจตลาดอย่างรอบด้าน พบว่ายังมีลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยและมีกำลังซื้ออีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพนักงานประจำในองค์กรที่มีความมั่นคง พฤกษาจึงได้ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เดินหน้าตามกรอบแนวคิด ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต “อยู่ดี มีสุข” (Live well Stay well) ให้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยคุณภาพได้ง่ายขึ้น จัดแคมเปญพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าสวัสดิการองค์กรชั้นนำ รวม 20 แห่งของ SCB โดยจะได้รับสิทธิพิเศษจากทั้งพฤกษาและ SCB เมื่อซื้อบ้านในโครงการของพฤกษาที่มีให้เลือกทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม รวม 122 โครงการ สิทธิพิเศษจากพฤกษาที่มอบให้แบบจัดเต็มถึง 3 ต่อ ได้แก่
ต่อที่ 1 ส่วนลดรายโครงการสูงสุดถึง 2 ล้านบาท และของแถมต่างๆ อาทิ ฟรีค่าโอน ฟรีค่าส่วนกลาง เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ smart home ในบ้าน และ บัตรกำนัลจาก Clickzy เป็นต้น (ขึ้นอยู่กับโปรโมชันแต่ละโครงการ กรุณาสอบถามเพิ่มเติมที่ Sale Gallery)
ต่อที่ 2 รับส่วนลดสำหรับบริษัทพันธมิตรเพิ่ม 10,000 บาทต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท (จากราคาสุทธิหลังหักโปรโมชัน)
ต่อที่ 3 ส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมอีก สำหรับลูกค้าบริษัทสวัสดิการองค์กรในแคมเปญนี้ ตามประเภทโครงการอีก ดังนี้
(1) โครงการทาวน์เฮ้าส์ 75 โครงการ มอบส่วนลดเพิ่ม 1% จากราคาสุทธิหลังหักโปรโมชั่นต่อที่ 1 และ 2
(2) โครงการบ้านเดี่ยว 38 โครงการ มอบส่วนลดเพิ่ม ตั้งแต่ 10,000 - 30,000 บาท
(3) โครงการคอนโดมิเนียม 9 โครงการ มอบส่วนลดเพิ่ม ตั้งแต่ 10,000 - 20,000 บาท
สำหรับลูกค้าองค์กรที่ได้รับสิทธิ์ 3 ต่อ นี้ ได้แก่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร, บจก. เอสซีบี เทคเอกซ์, มหาวิทยาลัยมหิดล, บมจ.การบินกรุงเทพ, บมจ.ซีพี ออลล์, บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์, บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส, บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น, บจก.คาร์ด เอกซ์, บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, บจก.สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง, บจก.พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย), บจก. เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต, บมจ.บางจาก, บจ. นามุ ไลฟ์ พลัส, บจก. แฟลช เอ็กซ์เพรส, บมจ.โอสถสภา, บมจ.อีซี่บาย, บมจ. ปตท.
นายสักวัฏ อิทธิสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Direct Sales Channels ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวเพิ่มเติมว่า แคมเปญสินเชื่อสวัสดิการที่ SCB ร่วมมือกับพฤกษาจัดขึ้นในครั้งนี้ จะช่วยแบ่งเบาภาระ พร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น โดยธนาคารคำนึงถึงหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของ ธปท. พร้อมตระหนักถึงความสำคัญในการให้ข้อมูลกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ากู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว โดยบุคลากรที่สังกัดในองค์กรทั้ง 20 แห่งดังกล่าวที่ยื่นกู้และได้รับการอนุมัติสินเชื่อภายในวันที่ 30 กันยายน 2567 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่พิเศษ 2.99% ต่อปี นานถึง 3 ปี จากอัตราดอกเบี้ยปกติ 3.64% ต่อปี* และยังได้รับการพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อพิเศษสูงสุดถึง 110%* เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการตกแต่งบ้าน รวมถึงระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่สะดวกรวดเร็วขึ้นภายใน 3-5 วัน นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี
ผู้สนใจดูรายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญและรายชื่อโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญได้ที่ https://www.pruksa.com/c/scb-x-pruksa หรือโทร.1739
*อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ระหว่าง 4.91%-5.16% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate : MRR ) ปัจจุบันเท่ากับ 7.30% ต่อปี มีผลวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว สามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามประกาศของธนาคาร สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ SCB Call Center 02-777-7777
**กู้ได้สูงสุด 110% : วงเงินสินเชื่อสูงสุด 100% ของมูลค่าหลักประกันตามราคาประเมิน หรือราคาซื้อขายในสัญญาซื้อขายของกรมที่ดิน แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า สำหรับบ้านหลังแรกที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท (สัญญาที่ 1) และสามารถขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ สูงสุด 10% เกณฑ์การพิจารณาเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
#กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี โดยมีผลเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวสูงขึ้น ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันในปี 2567 ธนาคารไทยพาณิชย์จึงประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราสูงสุด 0.30% ต่อปี เพื่อช่วยส่งเสริมการออมเงินและช่วยให้ผู้ฝากเงินมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น พร้อมกับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR MLR และ MOR 0.25% ต่อปี เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งผ่านการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงเป็นการปรับให้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์โดยรวม ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อแม้คาดว่าจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ก็น่าจะปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้าจากปัจจัยทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน และเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. รวมถึงเป้าหมายของธนาคารที่จะเป็น Digital Bank with Human Touch ทางธนาคารจึงได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัลและเงินฝากประเภทไม่มีสมุด รวมถึงเงินฝากประจำ โดยปรับเพิ่มขึ้น 0.10% - 0.30% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินในระบบที่สูงขึ้น โดยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.05% เป็น 7.30% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.80% เป็น 7.05% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.325% เป็น 7.575% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือด้านต่างๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเปราะบาง พร้อมคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต สำหรับลูกค้าที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาสามารถติดต่อธนาคารได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ SCB Call Center 02-777-7777
ซีพี แอ็กซ์ตร้า” ผู้นำในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก เตรียมเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 4 รุ่น อายุ 1 ปี 6 เดือน ถึงอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยเบื้องต้นระหว่าง 3.00-3.95% ต่อปี โดยเสนอขายเป็นครั้งแรกให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 8 แห่ง และช่องทางทรู มันนี่ วอลเล็ต คาดว่าจะเสนอขายในระหว่างวันที่ 8 และ 11-12 กันยายน 2566 เผยจุดเด่นหุ้นกู้ นอกจากจะออกและเสนอขายโดยบริษัทที่เป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ที่มีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคเอเชียแล้ว หุ้นกู้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 2.41 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.17 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนที่แสวงหาหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ มีโอกาสเติบโต ภายใต้ความเสี่ยงของหุ้นกู้เพียงระดับ 3
นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโครและประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งภายใต้ชื่อ “แม็คโคร” (Makro) และธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ “โลตัส” (Lotus’s) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน รุ่นอายุ 3 ปี รุ่นอายุ 5 ปี และรุ่นอายุ 7 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 3.00-3.95% ต่อปี ซึ่งจะแจ้งอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอีกครั้ง โดยจะเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 8 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารยูโอบี และ บล.เกียรตินาคินภัทร รวมถึงเสนอขายผ่านช่องทาง ทรูมันนี่ วอลเล็ต คาดว่าจะเสนอขายได้ในระหว่างวันที่ 8 และ 11-12 กันยายน 2566
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” เช่นเดียวกับอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 สะท้อนสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นบริษัทย่อยหลัก (Core Subsidiary) ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) และการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ด้วยความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงานที่ฐานรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 (มกราคม-มิถุนายน 2566) บริษัทฯ มีรายได้รวม 241,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,746 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจค้าส่งแม็คโคร 130,875 ล้านบาท และธุรกิจค้าปลีกโลตัส 110,959 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 3,682 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Core Net Profit) ที่ไม่รวมรายการพิเศษในครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 3,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“การเติบโตในครึ่งปีแรกของปี 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเดินหน้าขยายสาขาและเพิ่มประสิทธิภาพแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ รวมถึงการผสานช่องทางการขายออนไลน์และสาขาอย่างไร้รอยต่อ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ
ยังมีเป้าหมายในการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในระดับภูมิภาคเอเชีย รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ (Omni channel) ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักบรรษัทภิบาล เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเชื่อว่าด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้จะทำให้หุ้นกู้ของ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนที่แสวงหาหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงของหุ้นกู้เพียงระดับ 3 (ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 1 สูงสุดระดับ 8) และธุรกิจมีศักยภาพในการเติบโตสูง” นางเสาวลักษณ์กล่าว
ทั้งนี้ ธุรกิจของ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจค้าส่ง ภายใต้ชื่อ “แม็คโคร” (Makro) ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการมืออาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ร้านค้าปลีกรายย่อย กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และจัดเลี้ยง (HoReCa) ตลอดจนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระและสถาบันต่างๆ ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ “โลตัส” (Lotus’s) ในประเทศไทยและมาเลเซีย โดยบริษัทฯ มุ่งที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคในระดับภูมิภาคในเอเชีย และขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ ด้วยช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (Omni channel) นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพของร้านค้า ต่อยอดธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และการปรับโฉมร้านค้าแบบไฮบริดซึ่งดึงจุดเด่นของ 2 กลุ่มธุรกิจค้าส่งค้าปลีกแบบไร้รอยต่อ เพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า ยังได้รับคัดเลือกให้ติดอันดับบริษัทด้านความยั่งยืน โดยเข้าเป็นสมาชิกของดัชนี S&P Global The Sustainability Yearbook 2023 ในกลุ่ม Food & Staples Retailing ซึ่งเป็นดัชนีชั้นนำของโลกที่ใช้วัดผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นบริษัทที่มุ่งสร้างการเติบโตไปพร้อมกับคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัท (IOD) ในระดับ 5 ดาวหรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Score) ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 อีกด้วย
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ซีพี แอ็กซ์ตร้า สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-888-8888 กด 819 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungsri Mobile App (“KMA”) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น SCB EASY สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-285-1555
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7777 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น CIMB Thai Digital Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)*** โทร. 02-165-5555 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Dime! สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
* ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
** ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
***ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถจองซื้อหุ้นกู้ “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” ผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้อีกด้วย โดยสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้ที่ App Store และ Play Store ดูรายละเอียดวิธีการสมัครแอปฯ และวิธีการจองซื้อได้ที่ www.truemoney.com หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 1240 กด 6
สิงหา 2566
ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิต ภายใต้โครงการ “ไทยพาณิชย์รวมใจไทยให้โลหิต” ในวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 เวลา 9.00-15.00 น. ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ (รัชโยธิน) เพื่อแบ่งปันต่อเพื่อนมนุษย์ และเติมเต็มปริมาณโลหิตให้มีเพียงพอต่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทั่วประเทศ ผู้ที่ร่วมบริจาคโลหิต รับผ้ายันต์พระนารายณ์ทรงครุฑประทับบนพระราหู โดยสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร รุ่น Limited Edition เสริมพลังมงคลชีวิต และกระบอกน้ำลายกระต่าย จำนวนจำกัด
การบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือนจะช่วยให้ผู้บริจาคมีร่างกายแข็งแรง เม็ดเลือดแดง และ ไขกระดูกทำงานได้ดี การเตรียมตัวสำหรับผู้ที่จะบริจาคโลหิต ได้แก่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และควรดื่มน้ำ 3-4 แก้วก่อนบริจาคโลหิต 30 นาที เป็นต้น