วัน แบงค็อก เมืองอัจฉริยะแห่งความยั่งยืนสมบูรณ์แบบใจกลางกรุงเทพฯ ตอกย้ำวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยหลักการของความยั่งยืน สอดรับกับเป้าหมายการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกขององค์การสหประชาชาติ (UN) และกรุงเทพมหานครฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมนโยบายวันสิ่งแวดล้อมโลก Reduce (ลด) และ Recycle (รีไซเคิล) ด้วยการนำวัสดุเหลือใช้และวัสดุที่ใช้แล้ว มาเปลี่ยนให้มีคุณค่าเป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คนในเมือง

(3 แกนหลักด้านความยั่งยืนของ โครงการวัน แบงค็อก)

องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก World Environment Day เพื่อให้ทั่วโลกตื่นตัวกับวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ร่วมกันหาแนวทางป้องกันและลงมือแก้ไข วัน แบงค็อก ในฐานะโครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมตั้งเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-zero) และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้น เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ สะท้อนผ่านแนวคิด 3 แกนหลัก ได้แก่ การให้ความสำคัญกับผู้คน (People Centric) การยกระดับความยั่งยืน (Sustainability) และการใช้ชีวิตในเมืองอัจฉริยะ (Smart City Living)

เพื่อตอกย้ำการเป็นโครงการต้นแบบสีเขียวที่มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนให้เทียบเท่าระดับสากล วัน แบงค็อก มุ่งสู่การเป็นโครงการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED for Neighborhood Development ระดับ Platinum แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมมุ่งมั่นประหยัดพลังงาน จัดการของเสียและอากาศภายในอาคารได้อย่างมีคุณภาพ และมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อให้ผู้ที่ใช้อาคารมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และยังจะดำเนินงานตามแนวปฏิบัติด้านการก่อสร้างที่ยั่งยืนภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงช่วงเปิดดำเนินการของโครงการ 

วัน แบงค็อก กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนขึ้น พร้อมแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม นับตั้งแต่การออกแบบมาสเตอร์แพลนของโครงการฯ จนไปถึงขั้นตอนของการดำเนินงาน โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ สนับสนุนการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด ภายใต้แนวคิด Reuse และ Recycle อาทิ

· การลดขยะจากการก่อสร้าง โดยตั้งเป้านำขยะจากการก่อสร้างมากกว่า 75% กลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิล อาทิ การนำเทคโนโลยีบดย่อยเศษขยะคอนกรีตจากหัวเสาเข็มเพื่อนำไปสร้างผนังอาคารในโครงการฯ ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5.94 ตันหรือเทียบเท่ากับปริมาณการผลิตก๊าซออกซิเจนจากต้นไม้ 540 ต้น อีกทั้งยังมีการนำเศษอิฐมวลเบาที่เหลือใช้จากการก่อสร้างมาผลิตเป็นแผ่นผนังกันเสียงในอุโมงค์ทางลอดเข้าโครงการฯ

· การรีไซเคิลขยะเศษอาหาร ที่เหลือจากการบริโภคของคนงานก่อสร้าง ให้กลายเป็นปุ๋ย ผ่านเครื่อง Food Waste Composter ทำให้สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ได้ถึง 1.2 ตันคาร์บอนต่อวัน หรือ 367 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ จำนวน 40,815 ต้น

· การรีไซเคิลน้ำเสีย ด้วยระบบบริหารจัดการน้ำอัตโนมัติที่สามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำ ลดการใช้น้ำ (Reduce) และนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่โดยผ่านเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสีย เพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำทำให้มีคุณภาพดีขึ้น Wastewater Treatment Plant (Recycle) และนำไปใช้ในส่วนต่างๆ อาทิ ระบบรดน้ำต้นไม้ภายในโครงการฯ และระบบชำระล้างของสุขภัณฑ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังได้มีการนำเทคโนโลยีไอโอที (IoT) มาเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกและจัดการขยะรีไซเคิล ทำให้โครงการสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ปริมาณขยะแบบเรียลไทม์ เพื่อนำเศษวัสดุที่เหลือใช้กลับเข้าสู่กระบวนการผลิตช่วยให้สามารถลดปริมาณขยะที่สะสม และเมื่อโครงการเปิดดำเนินการ จะเพิ่มระบบเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับปริมาณของขยะพร้อมแจ้งเตือนไปยังส่วนกลาง ทำให้ลดปัญหาขยะล้นถัง ส่งเสริมสภาพแวดล้อมด้านสุขอนามัย

(โครงการวัน แบงค็อก)

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการออกแบบพื้นที่สาธารณะ (Public Realm) ให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่สีเขียวมากถึง 50 ไร่ เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของพื้นที่โครงการทั้งหมด เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนหันมาใช้ทางเดินเท้าในโครงการ แทนการใช้รถยนต์ ลดมลภาวะทางอากาศ โดยพื้นที่ส่วนหน้าของโครงการตลอดแนวถนนพระรามสี่และถนนวิทยุ ถูกรังสรรค์ให้เป็นสวนสาธารณะสีเขียวขนาดใหญ่ (Linear Park) และมีระยะร่นจากทางเท้าเข้าไปยังตัวอาคาร 35 - 45 เมตร สร้างทัศนียภาพที่สวยงาม ร่มรื่น ช่วยกรองฝุ่น และลดอุณหภูมิ วัน แบงค็อก มุ่งมั่นสู่การเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพ พร้อมเป็นต้นแบบโครงการสีเขียวที่ยั่งยืน

เอสซีจี จัดแสดงนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บนเวทีผู้นำโลก APEC 2022 Thailand

เอสซีจี ตอกย้ำความร่วมมือ APEC 2022 Thailand เดินหน้าต่อเนื่องตลอดปี

LT by COTTO แอลที บาย คอตโต้ นวัตกรรมพื้นผิวปูพื้นคุณภาพสูง และวัสดุแผ่นปูผนัง แบบ Smart Flexible ที่มาพร้อมกับความงามเสมือนจริง ด้วยนวัตกรรมที่ไม่สิ้นสุด ภายใต้ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีสุดในการพักอาศัย ด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ภายใต้ฉลาก SCG GREEN CHOICE ตามมาตรฐาน ISO 14021 อีกหนึ่งวัสดุก่อสร้างที่ช่วยขับเคลื่อนพลังการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐาน LEED หรือ TREES และ อาคารเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีตามมาตรฐาน WELL

นายสมกุล บุญมา ผู้จัดการ New Growth Business บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า “LT by COTTO (แอลที บาย คอตโต้) เป็นนวัตกรรม Limber Technology ใหม่ของการสร้างสรรค์วัสดุ แผ่นปูพื้น และวัสดุแผ่นปูผนัง (Deco Wall)  แบบ Smart Flexible  ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติอันโดดเด่น ตั้งแต่การถ่ายทอดความความงามเสมือนจริงแบบ Unique Design ที่คัดสรรลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ LT ผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของออกแบบลวดลายให้มีความคมชัด ผิวสัมผัสสวยสมจริง ตามต้นฉบับของวัสดุธรรมชาติ ได้อย่างลงตัว และเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับลูกค้าได้มั่นใจ ทุกครั้งที่เลือกใช้ LT by COTTO ว่าเป็นวัสดุแผ่นปูพื้นและวัสดุแผ่นปูผนัง (Deco Wall) แบบ  Smart Flexible ที่นอกจากเลือกใช้วัตถุดิบเฉพาะ Premium Healthy Grade ที่มีความปลอดภัย เป็นมิตรทั้งต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม การันตีด้วยการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมระดับ World-Classแล้ว  ในกระบวนการผลิต LT by COTTO ยังช่วยลดการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย Volatile Organic Compounds (VOCs) ไม่เกิน 0.5 mg/m3 ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย และมีความเป็นมิตรต่อสุขภาพอนามัย (Health or Hygiene) เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับการพักอาศัย ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice ฉลากสิ่งแวดล้อมที่รับรองโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์เอง (Self-Declared) ตามมาตรฐาน ISO 14021 และสร้างความภาคภูมิใจให้ลูกค้าได้ร่วมแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมกัน  เมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าด้านสุขภาพอนามัยที่ดี (Well Being) ทั้งนี้ LT by COTTO ยังเป็นวัสดุตกแต่งที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับอาคารเขียว ตามมาตรฐาน LEED หรือ TREES และ อาคารเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีตามมาตรฐาน WELL อีกด้วย”

“อย่างไรก็ดี LT by COTTO ยังเป็นวัสดุแผ่นปูพื้น และวัสดุแผ่นปูผนัง (Deco Wall)  แบบ Smart Flexible ที่มีการพัฒนาระบบติดตั้งให้มีประสิทธิภาพ แบบครบจบในที่เดียว และทีมงานคุณภาพที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้ผู้บริโภค สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคยุคใหม่แบบนิวนอร์มัล  ที่นอกจากต้องการวัสดุในการปรับปรุงที่พักอาศัยแบบสะดวก รวดเร็วในการดำเนินงานแล้ว ยังให้ความใส่ใจต่อคุณภาพการพักอาศัยและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในที่พัก และชุมชนเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งทำให้การเปิดตัวของ LT by COTTO ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก”นายสมสกุลกล่าวสรุป

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาข้อมูลสินค้าและแรงบันดาลใจในการตกแต่งพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลก  สามารถชมสินค้าพร้อมขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่  https:/www.cottolife.com/  และLine Official Account : @COTTOlife >> http://bit.ly/2D5BeJd  หรือเยี่ยมชมเลือกซื้อได้ที่ COTTO Life  ทั้ง 3 สาขา กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น  นอกจากนี้ยังมีร้านวัสดุก่อสร้างชั้นนำ หรือร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ให้ท่านได้สัมผัสพื้นผิว ความสวย สะอาดเพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้ สินค้า SCG Green Choice ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่น่าสนใจอีกมากมาย ให้สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scgbuildingmaterials.com/th/campaign/scg-green-choice

SCG GREEN CHOICE เห็นปุ๊บ เลือกปั๊บ มั่นใจได้ว่ารักษ์โลก มองหาฉลาก SCG Green Choice ทุกครั้งที่ซื้อ คุณเลือก เพื่อโลกได้

 

โลกเผชิญการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วงเกือบ 2 ศตวรรษที่ผ่านมา หน้าตาของโลกที่พวกเรารู้จักเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนน่าตกใจ

X

Right Click

No right click