PTG ประกาศร่วมมือ SSC IT Group เดินหน้าใช้ประโยชน์บนเทคโนโลยีจาก Dataiku เพื่อยกระดับกลยุทธ์การวิเคราะห์ข้อมูล สำหรับองค์กร โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ PTG สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน พัฒนาสินค้าและบริการ ซึ่งจะนำพาบริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นข้อมูลเป็นศูนย์กลาง และ จะสามารถเข้าใจลูกค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

นายสัทธา สุภาพ ผู้อำนวยการ ฝ่าย Business Intelligence บริษัท พีทีจีเอ็นเนอยีจํากัด (มหาชน) กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่ทุกคนเข้าถึงได้ว่า "เรามุ่งหวังว่าทุกคน ไม่ว่าจะมีพื้นฐานด้านเทคนิคมากหรือน้อย ล้วนมีศักยภาพในการค้นหาคุณค่าจากข้อมูลและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กร Dataiku มีจุดเด่นเรื่องการทำงานด้านวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและผู้เชี่ยวชาญด้านเฉพาะทางสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังนำ AI ไปบูรณาการกับการทำงานประจำวันได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Dataiku ยังมีระบบ MLOps และ Governance ซึ่งช่วยสร้างกลยุทธ์ที่น่าเชื่อถือและอธิบายได้ง่ายขึ้น"

 

ในภาพ: นายสัทธา สุภาพ ผู้อำนวยการ ฝ่าย Business Intelligence บริษัท พีทีจีเอ็นเนอยี จํากัด (มหาชน)

วันนี้ PTG กำลังดำเนินการโครงการ Customer Data Integration (CDI) ซึ่งจะนำมาใช้ในการสร้างแบบจำลองเชิงพยากรณ์ (predictive modeling) เข้ากับระบบสมาชิกที่มีสมาชิกกว่า 20 ล้านคน เพื่อมาคำนวณมูลค่าที่ลูกค้าแต่ละรายใช้จ่ายไปกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจ (customer lifetime value) และเสริมสร้างการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (marketing personalization) เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำตลาดไปด้วยกัน ซึ่งด้วยความสำเร็จนี้ PTG มุ่งมั่นทีจะเดินหน้ายกระดับกลยุทธ์ การสร้างระบบ วิเคราะห์ข้อมูล สู่ enterprise AI อย่างต่อเนื่องโดยการนำเทคโนโลยี AI บนแพลตฟอร์ม Dataiku มาใช้ในการพัฒนาโซลูชันต่างๆ ไปสู่ภาคธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจน้ำมันเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ

ความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์มาใช้ของ PTG และ Dataiku โดย SSC IT Group ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สามารถเอาชนะความท้าทายเดิมๆ ในการพัฒนาโครงการทางด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน ความสำเร็จนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการพิสูจน์เทคโนโลยี (proof of technology) ภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่รวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งโซลูชันของการนำ Dataiku มาใช้จะช่วยประหยัดเวลาในการสร้าง Model ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ภายใต้เครือ PTG จะสามารถใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหาศาลจากระบบนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ PTG มุ่งมั่นที่จะคว้าและหาโอกาสใหม่ ๆ โดยอาศัยพลัง AI ซึ่งเปรียบเหมือนการสร้างสรรค์และคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ วิสัยทัศน์ของ PTG คือการปฏิวัติความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้า โดยมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ สร้างความประทับใจและสายสัมพันธ์ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า ความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมและความเป็นเลิศ นี่คือสิ่งที่ทำให้ PTG เป็นผู้นำโดดเด่น ไม่เพียงแค่ในภาคพลังงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกด้วย

SSC IT Group ในฐานะคู่ค้าและเป็นผู้เชี่ยวชาญ Dataiku ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม AI ระดับโลกที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถนำมาใช้ในการสนับสนุนภาคธุรกิจได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก Dataiku เป็นเครื่องมือที่มีความทันสมัยในด้านการนำข้อมูลองค์กรมาวิเคราะห์เชิงลึก (Advance analytics) โดยใช้เทคโนโลยี AI/ML ที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูงที่สุดในกลุ่ม Solutions ที่เกี่ยวกับ Data Science Platform โดยในปัจจุบันมีบริษัททั่วโลกให้ความไว้วางใจใช้ Dataiku เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญขององค์กรในทุกภาคธุรกิจ อาทิ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจการเงินการธนาคาร เป็นต้น โดย Dataiku มุ่งเน้นพัฒนารับการเปลี่ยนแปลงของการดำเนินธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการคาดการณ์ยอดขายในอนาคต หรือ ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนึงถึงพฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบันและรวมถึงสามารถแนะนำข้อเสนอที่เหมาะสมในอนาคตให้กับลูกค้า ทั้งนี้ Dataiku ยังได้มุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับองค์กรธุรกิจที่จะนำ AI และ Generative AI มาขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความคล่องตัว รวมถึงมีความพร้อมรองรับการแข่งขันทางธุรกิจ โดยย้ำเน้นถึงความง่ายและความสะดวกในการทำงานร่วมกันภายในองค์กร ตั้งแต่วิศวกรข้อมูล (Data Engineer), นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data

Analyst) ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) และอีกทั้งผู้ใช้ข้อมูลในเชิงธุรกิจ (Business User / Citizen Data Science) อีกด้วย

สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผสานพลังสร้างกลยุทธ์ สร้างการท่องเที่ยวมูลค่าสูงขับเคลื่อนเร็ว จับกระแส Maga Trend ส่งเสริม Soft Power อาหารไทย พร้อมร่วมมือจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ดึงผู้ผลิตสินค้า บริการและโซลูชั่นระดับโลก ร่วมโชว์ผลิตภัณฑ์ใหม่ นวัตกรรม-เทคโนโลยีล่าสุด คาดปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 28,000 คน

ในงานเสวนาพิเศษ “รวมพลังสร้างกลยุทธ์เพิ่มมูลค่า เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” ซึ่งร่วมกันจัดขึ้นโดย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พร้อมแถลงความร่วมมือการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 โดยเนื้อหาในการเสวนากล่าวถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนได้รวดเร็ว เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญของการท่องเที่ยวไทย โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวทั้งระบบ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวถึงแนวโน้มของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตขณะนี้ว่า เป็นกลุ่มการท่องเที่ยวพร้อมทำงาน (Work from Anywhere) ซึ่งเป็นวิถีชีวิตและการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดติดกับสถานที่ คนเหล่านี้เรียกว่า Digital Nomad มักเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ค่าครองชีพไม่สูง อากาศดี มาตรการวีซ่าไม่ยุ่งยาก และจะใช้เวลาการท่องเที่ยวนานกว่านักท่องเที่ยวปกติ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายของการท่องเที่ยวของคนกลุ่มนี้ ส่วนแนวโน้มการท่องเที่ยวของโลกนั้น การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Travel) กลายเป็นกระแสหลักที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตระหนักถึงและช่วยกันผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าสู่ระบบนิเวศ (Ecosystem) เดียวกัน ดังนั้นภาครัฐและผู้ประกอบการไทยต้องเร่งส่งเสริมเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดขยะ ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รักษาแหล่งท่องเที่ยวและธรรมชาติให้สมบูรณ์ หากเราทำได้ดีก็จะมีแต้มต่อในการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยจากทั่วโลกและยังส่งผลดีต่อทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวด้วย

สำหรับการสนับสนุนและร่วมจัดงาน Food & Hospitality Thailand นั้น ถือเป็นวาระสำคัญของสมาคมฯ เพราะนอกจากจะได้ติดตามแนวโน้มการท่องเที่ยว พบกับสินค้าและบริการจากบริษัทชั้นนำแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี ของสมาคม พร้อมมีการจัดประชุมใหญ่ประจำปีและกิจกรรมให้ความรู้กับสมาชิกและผู้สนใจ โดยร่วมกับ มูลนิธิใบไม้สีเขียว ในหัวข้อเกี่ยวกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การคำนวณคาร์บอนในการเข้าพัก การลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน รวมถึงการจัด Hospitality Digital Day ที่พูดถึง Digital Marketing สำหรับธุรกิจโรงแรมทุกแง่มุม การแข่งขัน Thailand & AHRA ASEAN Hotel Bartenders’ Championships 2023 เพื่อพัฒนาทักษะพนักงานบาร์เทนเดอร์โรงแรมด้วย

 

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวถึง การส่งเสริมอาหารไทยให้เป็น Soft Power ด้านการท่องเที่ยวไทยว่า อาหารไทย (Food) เป็นหนึ่งใน 5F ของ Soft Power เป้าหมายที่ ททท. วางไว้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านความอุดมสมบูรณ์ของวัฒนธรรมอาหารไทย หรือ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่ง 20% ของค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจ่ายในการท่องเที่ยวไทยมาจากอาหาร โดยในปี 2562 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายด้านอาหารในไทยสูงถึง 6 แสนล้านบาท ซึ่งในการการพัฒนาอาหารไทยให้เป็น Soft Power นั้น ต้องร่วมกันสร้างมาตรฐานพัฒนาทั้งระบบ ทั้งด้านสาธารณสุข ความสะอาด ปลอดภัย รสชาติ ฯลฯ รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่เข้าถึงง่าย อาทิ ภาพยนตร์ ซีรีย์ ดารานักร้อง รายการอาหาร และรางวัลอาหารระดับโลก อาหารไทยมีข้อได้เปรียบหลายด้าน ทั้งอาหารไทยแท้และเกิดจากการผสมผสานหลายวัฒนธรรมดัดแปลงร่วมกับวัตถุดิบท้องถิ่นจนมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ โดยปีนี้อาหารไทยติด 10 Best Rated Curries ถึง 5 อันดับ ได้แก่ แกงพะแนง ข้าวซอย แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น และแกงส้ม ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้หลงไหลและทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพื่อสัมผัสกับรสชาติที่แท้จริงของอาหารเหล่านี้

ส่วนการจัดงาน Food & Hospitality Thailand นั้น สมาคมฯ ให้การสนับสนุนมาตลอด มีการเชิญสมาชิกให้เข้าร่วมงานเพื่อหาความรู้รับทราบแนวโน้มธุรกิจใหม่ๆ พร้อมร่วมประชุมและร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมที่น่าสนใจปีนี้ คือ การเชิญวิทยากรที่เป็นนักธุรกิจอาหาร ซึ่งประสบความสำเร็จ มาสร้างแรงบันดาลใจ แนะนำการบริหารและการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ จึงขอเชิญให้ผู้สนใจติดตามและเข้าร่วมกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า งาน Food & Hospitality Thailand มีเป้าหมายการในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้เป็นกำลังสำคัญของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของโลก แต่เราจะสร้างความประทับใจ สร้างแรงดึงดูดใจ และรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้อย่างไร การจัดงาน Food & Hospitality Thailand แต่ละครั้งผู้จัดงานจึงต้องทำงานกันอย่างหนัก ทั้งรวบรวมฐานข้อมูลการจัดงานและผู้ประกอบการจากทั่วโลกมาประมวลผลสรุปเป็นแนวทางจัดงาน พร้อมนำเสนอแนวโน้ม ทิศทาง และโอกาสใหม่ๆ ของธุรกิจการท่องเที่ยวให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ธุรกิจก่อนเสมอ

สำหรับแนวคิดในการจัดงานฯ ครั้งนี้ คือ เชื่อมโยงสู่อนาคต (Connecting the Future) เนื่องจากปีนี้การท่องเที่ยวมีการเดินหน้าต่อเนื่องหลังฟื้นตัวจากช่วงโควิด ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยถึง 30 ล้านคน ด้วยสัญญาณบวกนี้ส่งให้งานฯ ปีนี้มีความสำคัญมากขึ้น ผู้ประกอบการต่างมองหาผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นระดับพรีเมียมไว้รองรับและสร้างความพึ่งพอใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามามากขึ้นในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า ทั้งยังเป็นการขานรับและดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันกับกลยุทธ์ที่ทาง ททท. และ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยววางไว้

ดังนั้นงาน Food & Hospitality Thailand 2023 จึงได้รับความสนใจจากผู้ผลิตสินค้าและบริการระดับพรีเมียมในการเข้าร่วมจัดแสดงงานกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 20 ประเทศทั่วโลก ในโซนต่างๆ ของการจัดงานฯ ได้แก่ Coffee & Bakery Thailand (CBT), Restaurant & Bar Thailand (RBT) และ 2 โซนใหม่ Shop & Retail Thailand (SRT), และ Cleaning

Hygiene Thailand (CHT) ที่เกิดขึ้นครั้งแรก ส่วนความพิเศษในปีนี้ คือ การจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ยักษ์ใหญ่จากจีน ที่นำงาน Hotel & Shop Plus Thailand งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรมและพื้นที่เชิงพาณิชย์ มาร่วมจัดแสดง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมงานสัมมนา การประชุม เวิร์กชอป และการแข่งขันที่น่าสนใจมากมาย อาทิ สัมมนาพิเศษจาก ททท. หัวข้อ “โอกาสการเติบโตของธุรกิจอาหารออร์แกนิกและความเป็นคลังอาหารของประเทศไทย รวมถึงการเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism)”, การแข่งขันทำอาหาร Thailand's 27th International Culinary Cup (TICC), การแข่งขัน Latte Art และ Coffee in Good Spirits, การทำเบเกอรี่ ไอศกรีม ศิลปะการตกแต่งอาหาร บาริสต้าและบาเทนเดอร์เวิร์กชอป ฯลฯ โดยการจัดงานฯ ครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 28,000 คน

โดยงาน Food & Hospitality Thailand 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com

ธุรกิจกลุ่มท่องเที่ยว-บริการ ยังยกการ์ดสูง พร้อมเข้มด้านมาตรฐานความสะอาด ปลอดเชื้อ สร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ ส่งผลอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับทำความสะอาดเป็นที่ต้องการสูง ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ร่วมจับมือชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เปิดโซนใหม่ Cleaning & Hygiene Thailand (CHT) เตรียมขนนวัตกรรมล่าสุดด้านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ พร้อมกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ในการทำความสะอาด

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 กล่าวถึงการเติบโตและความต้องการอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมด้านความสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัยของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการว่า จากยุคโควิดเป็นต้นมา การจัดการด้านความสะอาดและการดูแลเรื่องการปลอดเชื้อของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและธุรกิจบริการ ได้ถูกยกระดับให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น จากมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยสำหรับสถานประกอบการ SHA และ SHA Plus ที่ภาครัฐกำหนดขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ จนวันนี้มาตรการดังกล่าวกลายเป็นมาตรฐานที่ผู้ประกอบการธุรกิจยังคงเข้มปฏิบัติตามและให้ความสำคัญอย่างเข้มแข็ง ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวไทยที่ได้รับการถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในเรื่องการดูแลสุขอนามัยของนักท่องเที่ยว จากการที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญต่อมาตรฐานด้านสุขอนามัยมาอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลต่อธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ซึ่งได้รับอานิสงค์ร่วมไปกับการเติบโตของการท่องเที่ยวด้วย

การจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ได้เปิดโซน Cleaning & Hygiene Thailand (CHT) ซึ่งเป็นโซนใหม่ขึ้น เพื่อให้เป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี ด้านอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องใช้ในโรงแรม ภัตตาคาร การจัดเลี้ยงและการบริการนานาชาติที่ครบวงจรที่สุดอย่างแท้จริง โดยในโซน CHT นี้จะเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์รายใหญ่ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อใหม่ล่าสุด ที่มีประสิทธิภาพสูงมาร่วมจัดแสดง อาทิ เครื่องขัดพื้นอัตโนมัติแบบนั่งขับ น้ำยาทำความสะอาด เทคโนโลยีชีวภาพ (Ecologo) สำหรับธุรกิจอาหาร เครื่องซักผ้ามาตรฐานระดับโลก เครื่องฟอกอากาศระบบไฟฟ้าสถิตสำหรับห้องครัว ระบบฟอกอากาศภายในอาคาร, ฆ่าเชื้อพื้นผิว เครื่องกรองน้ำระดับพรีเมียมสำหรับธุรกิจ

ร้านอาหารและคาเฟ่ รวมถึงกิจกรรมให้ความรู้ต่างๆ อาทิ นวัตกรรมอากาศสะอาดด้วยเซลาฟิวชั่นเทคโนโลยี ความรู้เบื้องต้นและวิธีการทำความสะอาดพรม

นางจรีวรรณ หอมบุบผา ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของการรักษามาตฐานด้านสุขอนามัยในสถานประกอบการว่า ในฐานะองค์กรตัวแทนของผู้ปฏิบัติงานแม่บ้านยังยึดมั่นในข้อปฏิบัติและกฎระเบียบด้านความสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัยไว้อย่างเข้มแข็ง วันนี้โควิดยังไม่หมดไปและอาจมีโรคใหม่เกิดขึ้นอีก การป้องจึงเป็นทางที่ดีที่สุดทางหนึ่ง ซึ่งบทบาทของชมรมฯนอกจากจะสนับสนุน ให้ความรู้ พัฒนาการทำงานของพนักงานแม่บ้านแล้ว ยังรวมถึงการจัดหา ฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร เพื่อป้อนสู่สถานประกอบการโรงแรมด้วย ส่วนความร่วมมือกับงาน Food & Hospitality Thailand นั้น ทางชมรมฯ ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ซึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ มีทั้งการสัมมนาเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ในการทำความสะอาด การปรับใช้อุปกรณ์และน้ำยาทำความสะอาดให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด กิจกรรมแฟชั่นโชว์จากวัสดุเหลือใช้ เป็นการแสดงความคิดสร้างสรรค์ สร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการนำกลับมาใช้ใหม่

นายสุกานต์ อินทรสูต ผู้จัดการอาวุโส (ช่องทางจัดจำหน่าย) บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดหลังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวว่า เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติมากขึ้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรม การใช้บริการร้านอาหาร และบริการอื่นๆ รวมถึงยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อาทิ สปา ฟิตเนส โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ศูนย์ราชการ ทำให้ไตรมาส 1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 30% ใกล้เคียงกับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อ ลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มโรงแรม 60% ร้านอาหาร 20% และอื่นๆ อีก 20% ซึ่งการเข้าร่วมงาน Food & Hospitality Thailand ถือเป็นการสร้างความรู้จักและตอกย้ำในความเป็นผู้นำเทคโนโลยีทำความสะอาด Cleaning Hygiene Solutions แก่ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการอื่นๆ โดยไฮไลท์การจัดแสดงงานในปีนี้นอกจากจะมี Solutions ที่ครบวงจรแล้ว ยังมีการจัดแสดงหุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เครื่องล้างจานที่เป็นดิจิตอลทั้งหมด และเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นางสาวพนิดา มหชวโรจน์ กรรมการ บริษัท เค.เอช.ที.เซ็นทรัลซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวส่งผลดีต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเราเป็นผู้จัดจำหน่ายและผู้ให้บริการครบวงจรเกี่ยวกับอุปกรณ์ซัก อบ รีด สำหรับโรงแรม รีสอร์ท โรงพยาบาล โรงซักผ้า และร้านสะดวกซักต่างๆ ซึ่งสัญญาณการฟื้นตัวเริ่มเห็นชัดว่าตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา (2565) จากการที่ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก ได้ติดต่อเรียกทีมบริการของบริษัทฯ ให้เข้าไปตรวจเช็คระบบและอุปกรณ์ของเครื่องซัก อบ รีด เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้านั้น ลูกค้ามีความต้องการเครื่องที่สามารถซักน้ำร้อนและอบผ้ามากขึ้น เพื่อใช้ความร้อนมาเป็นตัวฆ่าเชื้อ ซึ่งทางบริษัทฯ คาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้ถึง

7-10% ส่วนการร่วมจัดแสดงงานกับทาง Food & Hospitality Thailand นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ทำให้เราได้พบกับผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว โรงพยาบาล และธุรกิจบริการทั้งในประเทศและกลุ่ม CLMV ที่ล้วนแต่เป็นกลุ่มลูกค้าของเราโดยตรง โดยไฮไลท์ในปีนี้ที่ทาง เค เอช ที เซ็นทรัลซัพพลาย ได้นำเครื่องซัก อบ รีด รุ่นยอดนิยม ที่มีดีไซน์ใหม่ พร้อมฟังชั่นที่น่าสนใจจากประเทศอเมริกามาร่วมออกงานในครั้งนี้ด้วย

นายปวัน เอี่ยมเจริญยิ่ง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ บริษัท แมททีเรียล เวิลด์ จำกัด ได้กล่าวเสริมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อธุรกิจอุปกรณ์ทำความสะอาดว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวทำให้ธุรกิจโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการไปต่อได้ ส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ทำความสะอาด ตั้งแต่ถังขยะไปจนถึงอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่ง แมททีเรียลเวิลด์ มีแผนกที่ดำเนินธุรกิจผู้นำเข้าสินค้ากลุ่มธุรกิจบริการ (Hospitality) เป็นอุปกรณ์ Premium จากหลายประเทศ โดยเฉพาะ Rubbermaid ที่ถือว่าเป็นแบรนด์ผู้นำตลาด การร่วมจัดแสดงงานกับ Food & Hospitality Thailand ถือเป็นงานสำคัญที่เราจะได้สื่อสารกับลูกค้าที่ตรงกลุ่ม เพราะผู้เยี่ยมชมงานส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการและผู้อยู่ในธุรกิจตัวจริง ส่วนการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในปีนี้จะมีความหลากหลายและครอบคลุมในทุกกลุ่มมากขึ้น ตั้งแต่ประเภทลูกค้าโรงงาน โรงแรม ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน

X

Right Click

No right click