ขึ้นแท่นที่ปรึกษาชั้นนำที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีมากถึง 800 ชีวิต หลังปิดดีลควบรวมกิจการใหญ่ ตุนแบ็คล็อกแน่นกว่า 600 ล้านบาทตั้งแต่ต้นปี 

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน  แบบครบวงจร

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร

 

‘การได้ใจผู้บริโภค’ เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในยุคที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากผลพวงการระบาดของโรคโควิด-19 และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคและความต้องการเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงเทคโนโลยีด้าน Data ที่ก้าวหน้าและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักการตลาดต้องวิเคราะห์และถอดรหัสข้อมูลผู้บริโภคที่มีอยู่มากมายมหาศาลให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านการตลาดต่างๆ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Marketing Analytics’ เพื่อทำความเข้าใจและเข้าถึงลูกค้า รวมถึงวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างถูกต้อง

ปัจจุบันพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่เป็นตัวกำหนดรูปแบบการทำการตลาดว่า เมื่อไร (When) ที่ไหน (Where) และการสื่อสารอย่างไร (How) จึงจะเหมาะสมถูกใจ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในยุคที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่ คือ หมดเวลาแล้วสำหรับการลองผิดลองถูกของแบรนด์ เพราะการสื่อสารหรือทำการตลาดแบบผิดที่ผิดเวลาหรือไม่ถูกใจแค่เพียงครั้งเดียวอาจสร้างความเสียหายจนยากที่จะกู้คืน ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้เป็นความท้าทายใหม่ที่      ภาคธุรกิจต้องรับมือ

ด้วยเหตุนี้ ‘สโรจ เลาหศิริ Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK’ จึงได้นำเสนอมุมมองใหม่สำหรับทำการตลาดที่ใช้ Marketing Analytics’ และ Marketing Analytics Architecture’ เพื่อค้นหา Insights ของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ และ       ปูพื้นฐานสู่การเป็น Data-driven Organization ที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน  

Marketing Analytics คืออะไร?

Marketing Analytics คือ กระบวนการตั้งคำถาม รวบรวม ปรับปรุง จัดการ และวิเคราะห์อย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้ Insights ของลูกค้าและธุรกิจ เพื่อนำไปใช้ต่อยอดและก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ ให้ภาคธุรกิจ ดังต่อไปนี้ 

1) ค้นพบแง่มุมการทำตลาดใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง การนำศาสตร์แห่งข้อมูลมาใช้ ทำให้เกิดคำถามทางธุรกิจ และแนวคิดใหม่ๆ จากข้อมูล ทำให้นักการตลาดค้นพบมุมมองและเป้าหมายใหม่ได้ตลอดเวลา

2) รู้จักลูกค้ารอบด้าน ทำให้เห็นข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าแบบ 360 องศา ช่วยให้การทำ Segmentation มีความแม่นยำและสามารถตอบโจทย์ความต้องการรายบุคคล (Personalization) รวมถึงการใช้ข้อมูลในอดีต เพื่อคาดเดา (Prediction) พฤติกรรมความชอบในอนาคตของลูกค้า

3) จัดสรรงบการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทดลองเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกิจกรรมการตลาด เพื่อจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรให้กับกิจกรรมนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

4) ออกแบบส่วนผสมทางการตลาดอย่างถูกต้อง ด้วยการใช้ข้อมูลทางการตลาด คาดการณ์ถึงพฤติกรรม และความชอบในอนาคต เพื่อออกแบบแคมเปญได้อย่างแม่นยำ โดยที่งบประมาณไม่บานปลาย 

5) วัดผลและปรับปรุงได้แม่นยำ การทำ Analytics จะช่วยให้นักการตลาดสามารถวัดผล และตัดสินใจ       บนพื้นฐานของข้อมูล ยิ่งนำมาผนวกกับประสบการณ์ทางธุรกิจ จะช่วยให้การทำตลาดและการตัดสินใจนั้นถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของการทำ Marketing Analytics ให้ประสบความสำเร็จ สามารถทำผ่าน 3 แกนหลักของ ‘Marketing Analytics Architecture’ เพื่อหา Customer Insights ผ่านกระบวนการต่างๆ และนำไปใช้ในการทำ Use Case Analytics ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพได้ ดังต่อไปนี้

1) Customer Truth การนำ Analytics ไปใช้เพื่อทำความเข้าใจลูกค้าในทุกมิติ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 แง่มุมหลัก ได้แก่ 

- Customer 360: รู้จักทุกแง่มุมของลูกค้า 

- Segmentation: รู้ว่ามีลูกค้ากี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีขนาดเท่าไร และกลุ่มไหนเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ

- Insight: รู้ว่าลูกค้ามองหา Value อะไรจากสินค้าของบริษัท สินค้าและบริการแบบไหนที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้ามี Pain Point หรือ เกณฑ์ในการตัดสินใจซื้ออย่างไร 

2) Marketing Funnel นำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมและ Customer Journey ว่าการซื้อหรือใช้บริการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายช่วยให้บริษัทเติบโตได้แค่ไหน รวมถึงการทำความเข้าใจว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่มีศักยภาพในการซื้อ   รู้ถึงปริมาณในการซื้อ และจะกลับมาซื้อซ้ำหรือไม่ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 แง่มุมหลัก ได้แก่

- Acquisition: การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและ Convert กลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นกลับมาเป็นลูกค้าได้แค่ไหน

- Consumption: ปริมาณการซื้อ และความถี่ในการซื้อหรือใช้บริการ

- Loyalty: ลูกค้ามี Engagement กับสินค้าของบริษัทในช่องทางต่างๆ มากแค่ไหน และมีการกลับมาซื้อซ้ำหรือไม่ เพราะอะไร

3) 7Ps Brand Levers การทำความเข้าใจส่วนผสมทางการตลาดทั้ง 7Ps ของลูกค้า ที่ประกอบไปด้วย Promotion, Place, Product, Price, Process, People และ Physical ซึ่งการทำความเข้าใจแต่ละ P นั้นจะผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จาก Customer Truth และ Marketing Funnel ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าใจว่า P ตัวไหนเป็นกลไกหลักสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร หรือ P ตัวไหนที่บริษัทต้องปรับปรุง เพื่อสร้าง Customer Journey ที่ดีให้กับลูกค้า รวมถึงการค้นพบโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้

การทำการตลาดในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลนั้น นักการตลาดต้องรู้เท่าทันและก้าวให้เร็วกว่าผู้บริโภคให้ได้อย่างน้อยหนึ่งก้าว เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ นอกจากการใช้ ‘Marketing Analytics’ เป็นเครื่องมือทำความเข้าใจและคาดการณ์ความต้องการลูกค้าแล้ว การมีที่ปรึกษาทางการตลาดที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์จากมุมมองภายนอกนั้น จะช่วยให้ภาคธุรกิจเห็นมุมมองใหม่ๆ ในการทำการตลาด ที่ช่วยแก้ไขปรับปรุงจุดบกพร่องที่มีอยู่ และสามารถสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้อีกด้วย 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทฯ สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website: www.bluebik.com หรือ ติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page: Bluebik Group และ LinkedIn: Bluebik Group

บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เดินหน้าขยายทีมคนรุ่นใหม่สายไอทีเสริมทัพองค์กรกว่า 100 ตำแหน่ง เพื่อสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถและความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล รองรับการให้บริการลูกค้าองค์กรที่มากขึ้น หลังธุรกิจโตแกร่งรับเทรนด์องค์กรมุ่งทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน

 

นายปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ การจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT Digital) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบลูบิค และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ในการผลักดันให้ OR เป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีก เปิดเผยว่า ท่ามกลางกระแสดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ทำให้องค์กรต้องเร่งยกระดับศักยภาพด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้บลูบิค ในฐานะผู้ช่วยการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ต้องเร่งขยายทีมงาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายการก้าวเป็นผู้นำบริษัทที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในระดับภูมิภาค

ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บลูบิค จึงต้องมีทีมบริหารและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาบริการที่สามารถแข่งขันได้ในทุกตลาดได้อย่างทันการณ์และทันสมัยที่สุด ภารกิจสำคัญของบริษัทจึงเป็นการขยายทีมงานที่ดูแลด้านการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี หรือ Digital Excellence and Delivery (DX) เพื่อยกระดับการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลในด้านต่างๆ ให้ลูกค้า

"พนักงานที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี ถือเป็นหัวใจหลักขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ บลูบิคจึงต้องการขยายทีมไอทีเพื่อเข้าไปช่วยลูกค้าองค์กร เพื่อให้การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ช่วยลดต้นทุนการสรรหาบุคลากรใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตในระยะยาว" นายปกรณ์ กล่าว

นายปกรณ์ เสริมว่า โดยปกติแล้วภารกิจด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันจะเป็นโครงการขนาดใหญ่มาก ซึ่งกระบวนการนี้จะเข้าไปแตะทุกภาคส่วนภายในองค์กร บลูบิคในฐานะที่ปรึกษาจึงต้องช่วยธุรกิจเตรียมความพร้อมในด้านเทคโนโลยี โดยทีม DX จะเข้าไปมีบทบาทเข้มข้นในส่วนสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถของฝ่าย

ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยตรง เช่น การยกระดับแผนกงานด้านไอทีของธุรกิจต่างๆ ที่เคยเป็นหน่วยงานเชิงรับ ให้เริ่มเป็นส่วนงานที่สร้างรายได้หรือสามารถสร้างและดูแลระบบดิจิทัลให้กับฝ่ายธุรกิจขององค์กรได้ หรือเข้าไปช่วยลดเวลาในการออกแบบและพัฒนาระบบขนาดใหญ่ เป็นต้น

ในปัจจุบัน บลูบิคมีพนักงานกว่า 150 คน และให้บริการลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ครอบคลุมธุรกิจในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร ประกันภัย ค้าปลีก โทรคมนาคม เป็นต้น โดยบลูบิคมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่ง ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายและบริการ 126.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 30.06 ล้านบาท คิดเป็นอัตราทำกำไรสุทธิที่ 23.67%

ทั้งนี้ บลูบิคมุ่งเน้นการเป็นที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร บริษัทจึงเปิดโอกาสให้กับบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนั้นๆ ดังต่อไปนี้

 

- สายงานด้านการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery: DX) เช่น Software Engineer, Business Analyst, UX/UI Designer, Technical Lead, Software Tester, IT Project Manager, System Analyst, Solution Architect, Infrastructure Engineer

- สายงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Insights) เช่น Data Scientist, Data Engineer, Cloud Architect, Data Architect, Data Governance, Data Consultant

 

นายปกรณ์ เสริมว่า สำหรับตำแหน่งงานที่เปิดรับจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้งในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด และบริษัท แอดเดนด้า จำกัด ซึ่งทำหน้าที่จัดหาและบริหารบุคลากรชั่วคราวด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT staff augmentation) เพื่อเข้าไปช่วยลูกค้าองค์กรในการยกระดับศักยภาพด้านเทคโนโลยี โดยให้บริการส่งบุคลากรไปปฏิบัติงานประจำ ณ ที่ตั้งของลูกค้า หรือสถานที่ที่ลูกค้ากำหนดตลอดระยะเวลาจ้างงาน ซึ่งบริการดังกล่าวนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความคล่องตัว มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย โดยเฉพาะการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเข้าไปขับเคลื่อนแผนงานอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง

จุดเด่นของบลูบิคคือมาตรฐานการทำงานที่เทียบเท่ากับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก มุ่งสร้างและส่งมอบงานที่ดีที่สุดให้ลูกค้าองค์กร ขณะเดียวกันยังมีวัฒนธรรมการทำงานแบบสตาร์ทอัพที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ด้วยรูปแบบโครงสร้างองค์กรแบบราบ หรือ Flat organization จึงทำให้พนักงานได้เรียนรู้และพัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความก้าวหน้าในสายงานและการเลื่อนขั้นจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของพนักงานมากกว่าความอาวุโส

นอกจากนี้ บลูบิค ยังมีแผนลงทุนในการสร้างศูนย์การพัฒนาทักษะ (Learning Academy Center) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายในไตรมาส 2 ปี 2565 สำหรับให้บุคลากรได้เรียนรู้เนื้อหาขั้นสูงและทดลองปฏิบัติจริง เช่น Solution architect, Cloud Technology, Artificial Intelligence และ Blockchain เป็นต้น เพื่อสร้างทักษะและประสบการณ์ของบุคลากร ซึ่งสามารถนำไปช่วยพัฒนาบริการให้แก่ลูกค้าในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click