

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สานต่อความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความยั่งยืนสู่สังคมอย่างเป็นรูปธรรม มอบรางวัลแก่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3 ราย ได้แก่ เชิดชัย ออโต้เฮาส์ มิลเลนเนียม ออโต้ และเพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ในการประกวด Dealer Sustainability Awards 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม สนับสนุนผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู และมินิอย่างเป็นทางการที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยเหลือสังคม
การประกวด Dealer Sustainability Awards 2024 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 'CHOICEISYOURS 2024' ซึ่งจัดขึ้นมาเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมศักยภาพให้กับผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ ในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงพนักงาน ผ่านแนวคิดนวัตกรรมความยั่งยืนที่พัฒนาไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงจนมีผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ ครอบคลุม 4 หัวข้อ ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แนวคิดทรัพยากรหมุนเวียน การมีส่วนร่วมของพนักงาน และการช่วยเหลือสังคม โดยตัดสินภายใต้เกณฑ์ตามหลักการ ESG หรือแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน 3 ปัจจัยหลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)
มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เชื่อว่าการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เครือข่ายผู้จำหน่ายถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการขับเคลื่อนความมุ่งมั่นนี้ รางวัล Dealer Sustainability Awards 2024 ก็สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่เรามีร่วมกันในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความยั่งยืนในประเทศไทย และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมไทยได้ ผมขอแสดงความชื่นชมแก่ผู้จำหน่ายทั้งสามรายที่ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ความสำเร็จด้านธุรกิจจะต้องเกิดขึ้นควบคู่ไปกับความยั่งยืน และผู้จำหน่ายของเราก็ได้เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงเป้าหมายในด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป"
สำหรับผู้จำหน่ายที่ได้รับรางวัล Dealer Sustainability Awards 2024 ในแต่ละหมวดหมู่ ได้แก่:
รางวัลยอดเยี่ยมด้านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Outstanding Circularity Initiatives) โครงการ “ReVolt” โดยเชิดชัย ออโต้เฮาส์
เชิดชัย ออโต้เฮาส์ เป็นผู้บุกเบิกแนวทางการจัดการแบตเตอรี่แบบหมุนเวียนด้วยโครงการ "ReVolt" โดยทำงานร่วมกับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนาโซลูชันเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วให้กลับมามีประโยชน์ใหม่ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และนำเสนอโซลูชั่นที่ใช้งานได้จริง โครงการดังกล่าวประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ การปรับสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้สามารถรองรับการชาร์จเร็วในพื้นที่ชนบทที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าต่ำ การจัดหาแบตเตอรี่ให้กับสถานพยาบาลในระดับตำบลเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองสำหรับตู้เย็นเก็บยา โซลูชั่นการชาร์จเคลื่อนที่กับการรวมแบตเตอรี่เข้ากับระบบการชาร์จเคลื่อนที่ที่ติดตั้งบนรถพ่วง เพื่อช่วยเหลือรถยนต์ไฟฟ้าที่แบตเตอรี่หมดระหว่างการเดินทาง ทำหน้าที่เป็นสถานีชาร์จแบบพกพา และระบบกักเก็บพลังงานสำหรับอุตสาหกรรมและบ้าน โดยนำแบตเตอรี่จากรถยนต์ไฟฟ้าเก่ามาใช้ใหม่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และลดความต้องการพลังงานสูงสุด รวมถึงปรับเปลี่ยนให้ใช้ในที่อยู่อาศัยได้ ช่วยจัดการพลังงานในบ้านและส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
รางวัลยอดเยี่ยมด้านการสร้างประโยชน์แก่สังคม (Outstanding Societal Impact Initiatives) โครงการ “Giving Something Good: Give Back to Society” มิลเลนเนียม ออโต้
มิลเลนเนียม ออโต้ สร้างความแตกต่างที่จับต้องได้ในชุมชนด้วยโครงการ "Giving Something Good" ด้วยการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่และการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็น โดยนำปฏิทินเก่ารวม 1,000 เล่ม ไปรีไซเคิลเพื่อทำหนังสืออักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตาในมูลนิธิต่าง ๆ รวบรวมขวดพลาสติกไม่ใช้แล้ว 3,200 ขวด บริจาคให้กับวัดจากแดง เพื่อเปลี่ยนขวดพลาสติกให้เป็นเส้นใย แล้วทอเป็นจีวรมอบให้พระภิกษุ และการนำสิ่งของจำเป็นมือสองที่ได้จากการร่วมบริจาค ไปจำหน่ายต่อเพื่อสร้างทุนการศึกษา
รางวัลยอดเยี่ยมด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โครงการ “Project South Pole” จาก เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส
เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย "Project South Pole" ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ลดการใช้กระดาษมาเป็นนามบัตรดิจิทัล การนำแพลตฟอร์ม Kube มาใช้ด้วยแบบฟอร์มดิจิทัลแทนการใช้แบบฟอร์มกระดาษ เพื่อลดทั้งการใช้กระดาษและลดคาร์บอน
รางวัลยอดเยี่ยมด้านการมีส่วนร่วมของพนักงาน โครงการ “Great Strength Comes From Within” จาก เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส
เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ส่งเสริมวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ที่ดีในหมู่พนักงานด้วยโปรแกรม "Great Strength Comes From Within" ส่งเสริมให้พนักงานมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ผ่านกิจกรรมกีฬา คำแนะนำด้านโภชนาการจากผู้เชี่ยวชาญ และการจัดการน้ำหนัก ส่งผลให้พนักงานมีความกระฉับกระเฉง สุขภาพแข็งแรง ลูกค้าสัมผัสได้ถึงพลังบวกจากภายใน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยได้ดำเนินการร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมการตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการ CHOICEISYOURS มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 ทั้งสำหรับเครือข่ายผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และการร่วมมือกับอีก 7 องค์กรชั้นนำ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนให้แก่นิสิตนักศึกษา ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัลและมูลนิธิชัยพัฒนา ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เอสซีจี โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ และ บางจาก คอร์ปอเรชัน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการมอบความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า แต่งตั้งคุณชนินทร์ ฐิติจารุไพศาล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยคุณชนินทร์จะเข้ามารับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขายและยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ระดับพรีเมียม รับตำแหน่งต่อจากคุณสเตฟาน สโลโบดา ซึ่งจะยังคงสานต่อปรัชญาการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกของบีเอ็มดับเบิลยูในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า ณ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการยกระดับขั้นสูงสุดของการบริการลูกค้าในตลาดรถยนต์หรู
ด้วยประสบการณ์กว่า 19 ปีกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คุณชนินทร์ได้สั่งสมความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและครอบคลุมแนวการดำเนินธุรกิจด้านการขายและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า โดยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งในฝ่ายขายของบีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก่อนจะย้ายมารับตำแหน่งล่าสุดในฐานะผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย จึงมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านการบริหารเครือข่ายผู้จำหน่ายและความต้องการของลูกค้าในตลาดรถยนต์พรีเมียมประเทศไทยเป็นอย่างดี
สำหรับตำแหน่งใหม่ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า คุณชนินทร์จะดูแลบริหารธุรกิจด้านบริการหลังการขายทั้งหมดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้แก่ การให้บริการหลังการขาย การบริหารจัดการด้านเทคนิค การจัดการด้านอะไหล่ และการตลาดของบริการหลังการขาย เพื่อรักษาความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศด้านการบริการของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รวมถึงการสร้างความภักดีของลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และการเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้จำหน่ายเพื่อรักษามาตรฐานการบริการให้อยู่ในระดับสูงสุด
มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า "การบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เสมอมา ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้า ในนามบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผมจึงขอขอบคุณมร. สเตฟาน สโลโบดา ที่ได้แสดงถึงความสามารถในการบริหารงานด้วยการบริการที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา พิสูจน์ได้จากการวัดดัชนีความพึงพอใจของลูกค้าในด้านการบริการหรือคะแนน Net Promoter Score ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการด้านมาตรฐานการรับประกันและการบำรุงรักษาในระดับสากล ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเท และความสามารถในฐานะผู้นำอย่างแท้จริง ผมเชื่อว่ามร. สโลโบดา จะนำความสำเร็จเช่นเดียวกันนี้สู่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่นในตำแหน่งใหม่ด้วยเช่นกัน”
“ขณะเดียวกัน เราก็มีความยินดีเป็นอย่างที่ได้ต้อนรับคุณชนินทร์ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าคนใหม่ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา คุณชนินทร์ได้แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลและความมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการและทุ่มเทเพื่อเป้าหมายแห่งความสำเร็จ ผมมั่นใจว่าความเป็นผู้นำของคุณชนินทร์จะไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมของเรา แต่ยังจะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเรากับเครือข่ายผู้จำหน่ายและลูกค้าทั่วประเทศไทยด้วยเช่นกัน” มร. แกร์ฮาร์ด กล่าว
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และยูนิเซฟ จับมือส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศไทยเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาทักษะได้มากขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระดับโลกที่เริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ภายใต้สโลแกน 'Bridge. Educating young people for tomorrow, today.' โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM education) ให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต
ภายใต้ความร่วมมือระยะยาวระดับโลกครั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จะมีส่วนสนับสนุนเป้าหมายระดับโลกของยูนิเซฟเพื่อเข้าถึงเด็กและเยาวชนจำนวน 10 ล้านคนทั่วโลกผ่านการศึกษาในแต่ละปี โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดอบรมด้านสะเต็มศึกษา และพัฒนาทักษะให้กับเด็กและเยาวชนในภูมิภาคแอฟริกา เอเชีย และอเมริกากลางและใต้
ในประเทศไทย ความร่วมมือนี้เริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาด้านสะเต็มในโรงเรียนมัธยมศึกษากว่า 100 แห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท เป้าหมายคือการเข้าถึงนักเรียน 25,000 คนและครู 500 คนในช่วงสามปีแรกของความร่วมมือ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการอบรมครูในวิชาด้านสะเต็มศึกษา และจัดกิจกรรมนอกเวลาเรียน ค่ายฝึกทักษะด้านสะเต็มศึกษา งานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ และการแนะแนวให้คำปรึกษาแก่เยาวชน โครงการนี้ยังครอบคลุมกลุ่มเยาวชนกลุ่มเปราะบาง และเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน หรือการฝึกอบรม (NEET) เพื่อให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาทักษะที่จำเป็น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และนางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้เดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนอ่างศิลาพิทยาคม จังหวัดชลบุรี โดยได้เข้าร่วมกิจกรรมด้านสะเต็มศึกษากับนักเรียนที่กำลังสำรวจหัวข้อต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาพอากาศแบบต่าง ๆ และผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งกิจกรรมเชิงปฏิบัติและการเรียนรู้นอกห้องเรียนเหล่านี้ ช่วยให้นักเรียนเห็นว่าสะเต็มศึกษาสามารถนำไปปรับใช้เพื่อรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ทุกวันนี้ งานที่เกี่ยวข้องกับสะเต็มถือเป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นสะเต็มศึกษาที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่ความสำคัญยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เราพบว่านักเรียนจำนวนมากในประเทศไทยยังคงขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อและการทำงาน ดังนั้น ความร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยจะช่วยให้เด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่มักขาดโอกาส ได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”
ด้านนายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตระหนักถึงบทบาทของเราในสังคม โดยเราได้พัฒนาโครงการด้านการศึกษาที่ตอบโจทย์เพื่อมอบโอกาสทางอาชีพในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้กับเยาวชน และส่งเสริมทักษะที่จำเป็นให้แก่พวกเขาสำหรับงานในอนาคต เราทราบดีว่าการศึกษาเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนสังคมและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตเศรษฐกิจไทย ตอนนี้เรามียูนิเซฟเป็นพันธมิตรระยะยาวที่จะสนับสนุนความร่วมมือระดับโลกด้านสะเต็มศึกษาสำหรับเยาวชนทั่วประเทศไทย เราจะร่วมกันเติมเต็มช่องว่างระหว่างการศึกษาและชีวิตการทำงานสำหรับเยาวชน และเตรียมพวกเขาเพื่อการเติบโตทางอาชีพในอนาคต”
แม้ว่าเด็กส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะได้เข้าเรียนในโรงเรียน แต่เด็กจำนวนมากยังขาดทักษะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อหรือเข้าสู่ตลาดแรงงาน จากรายงาน PISA 2018 พบว่า มีเพียง 1 ใน 5 ของเด็กผู้ชายและ 1 ใน 7 ของเด็กผู้หญิงในประเทศไทยที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่วางแผนจะประกอบอาชีพในด้านวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ก่อนอายุ 30 ปี นอกจากนี้ ยังพบว่า เยาวชนไทยกว่า 1.4 ล้านคนไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน หรือการฝึกอบรม (NEET) โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางทักษะมากขึ้น
เด็กหญิงนิพิษฐา จิระธรรมวรวุฒิ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอ่างศิลาพิทยาคม กล่าวว่า เธอชอบการทดลองและหาคำตอบที่คนหลายคนไม่ค่อยรู้ แต่เป็นคำตอบในหลักการวิทยาศาสตร์ “วันนี้ที่ได้ร่วมกิจกรรมก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความชื้นของพื้นดิน เรียนรู้เกี่ยวกับก้อนเมฆว่าสังเกตยังไง มีลักษณะแบบไหนบ้าง…ทำอะไรมันก็ดูสนุกไปหมดเลยค่ะ แล้วก็มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มารองรับ…วิชาวิทย์คณิตสำคัญเพราะพัฒนาการเรียนรู้ทางด้านสมอง เพราะเมื่อเราโตขึ้น เราก็สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ในการทำงานอนาคตอีกเยอะเลย แล้วก็สามารถไปประกอบได้อีกหลายอาชีพอีกค่ะ”