December 05, 2025

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 พิจารณาอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินธุรกิจประจำปี 2567 แก่ผู้ถือหุ้น 0.20 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 100 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินปันผล 16 พฤษภาคม 2568 เผยภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไตรมาสแรกของปีขยับตัวขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1.5% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ขณะผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยังคงเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือน ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2567 ยังคงแตะที่ 88% ต่อ GDP ด้าน TK เผยสถานะทางการเงิน ณ สิ้นปี 2567 เงินสดและเงินฝากมีมูลค่ารวม 3,191 ล้านบาทสูงกว่าพอร์ตสินเชื่อเป็นครั้งแรก ย้ำบริหารเงินในมือได้ผลตอบแทนและปลอดภัยสูงสุด พร้อมเปิดทุกทางเลือกเพื่อการลงทุนที่มีศักยภาพ รวมทั้งขยายพอร์ตเช่าซื้อในต่างประเทศ เน้นเติบโตอย่างมั่นคง

 

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจของ TK ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีรายได้ 1,295.7 ล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อรวม 1,994.5 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากบริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ 53.8% บริการเช่ารถจักรยานยนต์ TK ME 7.2% บริการสินเชื่อรถยนต์ 1.1% และรายได้อื่น ๆ 37.9% อาทิ บริการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ฯลฯ

จากภาพรวมของตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการหดตัวของตลาด รวมทั้งผลจากการบังคับใช้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของ ธปท. นอกเหนือจากการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 23% ต่อปี จากประกาศของ สคบ. ส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ ลดลงจากปีก่อน และขาดทุน 15.9 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทยังคงมีกำไรสะสม จากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท จำนวน 500 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 100 ล้านบาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นี้

ในด้านของสถานะทางการเงิน มูลค่าสินทรัพย์รวมเทียบมูลค่าลูกหนี้สุทธิ ณ สิ้นปี 2567 TK มีเงินสดและเงินฝากมูลค่ารวม 3,191 ล้านบาท ขณะพอร์ตลูกหนี้รถจักรยานยนต์ในประเทศมีมูลค่า 765 ล้านบาท และมีพอร์ตลูกหนี้ในต่างประเทศที่ สปป. ลาว และกัมพูชามีมูลค่า 945 ล้านบาท โดยสัดส่วนพอร์ตลูกหนี้ต่างประเทศ 55.3% สูงกว่าสัดส่วนลูกหนี้ในประเทศที่ 44.7% ทั้งนี้ บริษัทฯ ใช้นโยบายบริหารเงินสดและเงินฝากโดยคำนึงถึงผลตอบแทนและความปลอดภัยของเงินต้น และพร้อมนำเงินในมือไปขยายตลาดเช่าซื้อ อาทิ การเพิ่มพอร์ตในกัมพูชา รวมทั้งเปิดทางเลือกในการนำเงินไปซื้อบริษัทที่มีศักยภาพในธุรกิจที่ TK มีความเชี่ยวชาญ

 

นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศ 3 เดือนแรกของปี 2568 มียอดขายรวม 461,632 คัน 74% เป็นยอดขายในต่างจังหวัด และ 26% เป็นยอดขายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งขยับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 454,796 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% โดย เป็นรถจักรยานยนต์ประเภท Family 41% Scooter 55% Sport 3% และเป็น EV เพียง 1% ทั้งนี้ คาดว่าตลาดรถจักรยนต์ในปีนี้จะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านคัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ยอดขาย 1,708,215 คัน

สำหรับตลาดเช่าซื้อภาพรวมในปี 2568 คาดยังหดตัวลดลง ทั้งจากมาตรการเพดานดอกเบี้ยจาก สคบ. และมาตรการจากกฎหมายควบคุมธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่งที่ทาง ธปท. กำลังจะประกาศออกมาเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในประเทศซึ่งยังอยู่ในระดับสูงที่ 88% ของ GDP ณ สิ้นไตรมาส 4 ของปี 2567 ส่งผลต่อกำลังการซื้อและการผ่อนชำระค่างวดของลูกค้าที่มีรายได้น้อย อย่างไรก็ดี TK มีนโยบายดำเนินธุรกิจสำคัญคือ ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศโดยเน้นคุณภาพลูกหนี้ ขยายตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศโดยเฉพาะในตลาดที่มีการเติบโต สร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ อาทิ ธุรกิจเช่ารถจักรยานยนต์ หรือ TK ME สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ควรคู่กับการมองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่มีศักยภาพที่บริษัทฯ สามารถต่อยอดความเชี่ยวชาญที่มีอยู่เดิม

นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ประธานกรรมการ นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานคณะกรรมการบริหาร นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะกรรมการ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 3,586.9 ล้านบาท โดยยังคงเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นรายได้สูงสุดใหม่อีกครั้งจากที่เคยทำไว้ในปี 2566 ที่ระดับ 3,450.4 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 1.34 บาท คิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.69 บาท คงเหลือการจ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 0.65 บาท กำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568

นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน ประธานกรรมการ นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะกรรมการ บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ซึ่งเป็นการจัดการประชุมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานปี 2566 รวมถึงพัฒนาการต่างๆ ของบริษัทฯ ที่ได้ขยายไปสู่ธุรกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) และธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโต ภายใต้การลงทุนของบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPL ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97%

นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ประธานกรรมการ นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานคณะกรรมการบริหาร นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะกรรมการ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3,450.4 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 462.5 ล้านบาท พร้อมทั้ง มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.33 บาท คิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.66 บาทต่อหุ้น คงเหลือการจ่ายปันผลอีก 0.67 บาทต่อหุ้น ที่มีกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567

บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นผ่านการอนุมัติทุกวาระตามมติที่คณะกรรมการเสนอ พร้อมทั้งอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 กันยายน 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คงเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับงวดวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้

พร้อมทั้ง อนุมัติการแต่งตั้งกรรมการอิสระท่านใหม่ แทนกรรมการอิสระที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระจำนวน 2 ท่าน คือ นายสรกล อดุลยานนท์ และนางสาวเพชรชมพู เทพพิพิธ ซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่มีความเหมาะสม มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นอย่างดี สอดคล้องตามหลักกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนไทย

ด้าน ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ กล่าวว่า “ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นจากท่านผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจตลอดมา สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2567 อิชิตันวางเป้าหมายรายได้แตะ 9,000 ล้านบาท คาดบันทึกสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเริ่มเดินหน้าบุกตลาดตั้งแต่ไตรมาส 1 มีแนวโน้มทำได้ดีมาก รับอากาศร้อนช่วงซัมเมอร์ รวมทั้งส่งเครื่องดื่มใหม่ในกลุ่ม Non-Tea เพื่อขยายตลาดให้ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยในเดือนมีนาคมได้เปิดตัว “ตัน พาวเวอร์ (TAN POWER)” เครื่องดื่ม Energy Drink เสริมพอร์ต ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากพันธมิตรคู่ค้าทั่วประเทศ ช่วยกันผลักดันสินค้าที่มีจุดแข็งด้านราคา 10 บาทสบายกระเป๋า ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตลอดจนได้ส่งแคมเปญสนุกและสร้างสรรค์รับหน้าร้อนบนโลกโซเชียล ทั้งจากแบรนด์อิชิตัน กรีนที, เย็นเย็น น้ำจับเลี้ยงสมุนไพรฤทธิ์เย็น และตันซันซู น้ำอัดลมสไตล์เกาหลี เพื่อเดินหน้าสร้างไดนามิคกระตุ้นยอดขายสร้างกำไรให้เข้าตามเป้าที่ได้วางไว้

นอกจากนี้ อิชิตันยังมุ่งมั่นนำเสนอเครื่องดื่มคุณภาพและนวัตกรรม พร้อมเติบโตไปกับสังคมที่ดี โดยความสำเร็จล่าสุดจาก อิชิตัน น้ำด่าง (pH PLUS) แบรนด์สินค้ามีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจนสามารถคว้ารางวัล BUSINESS+ PRODUCT OF THE YEAR 2023 ไปครองได้สำเร็จ ปัจจุบันน้ำด่างบรรจุขวดพร้อมดื่ม (Ready to drink) เกิดขึ้นด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มีมาตรฐานปลอดภัย สะดวกสบายพกพาง่าย และดีต่อสุขภาพ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงที่ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และอิชิตันนำเทรนด์นี้เข้าสู่ประเทศไทย เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้รักสุขภาพ จนสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

พร้อมทั้งมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส และยั่งยืน ส่งเสริมให้คู่ค้าและพันธมิตรทางการค้าในระดับ SMEs เติบโตไปด้วยกัน ล่าสุดได้จัดกิจกรรมสัมมนาเชิญชวนคู่ค้ากลุ่ม SME เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์ตามโครงการแนวร่วมการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทยภายใต้โครงการ CAC Change Agent เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการกำหนดแผนการมุ่งไปสู่องค์กรที่มีการผลิตแบบความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 โดยปัจจุบันสินค้าทุกขวดของอิชิตัน สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกลงได้ถึง 28.5% จากเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและดีต่อโลกของอิชิตัน กรีน แฟคทอรี ที่เปิดให้นักเรียนนักศึกษา เข้าชมฟรี ภายใต้พื้นที่ “ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงผลกระทบต่อการเลือกดื่มผลิตภัณฑ์อย่างรับผิดชอบที่จะมีต่อธรรมชาติ ภายใต้แนวคิด Produce Responsibly, Drink Sustainably อีกด้วย

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click