

Salesforce (NYSE: CRM) ผู้นำระดับโลกด้านระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อันดับหนึ่งของโลก ประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย เพื่อฝึกอบรมนักศึกษาและคณาจารย์ให้มีทักษะที่จำเป็นด้าน CRM และ AI โดยหลักสูตรการฝึกอบรมนี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะและจะเปิดให้บริการผ่านแพลตฟอร์มเรียนรู้ออนไลน์ฟรีของ Salesforce ที่ชื่อว่า Trailhead
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะบรรจุหลักสูตร Salesforce Administrator และ Agentblazer ลงในหลักสูตรของนักศึกษาจากวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี คณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
เตรียมบุคลากรไทยสู่ความสำเร็จในยุค Agentic AI ด้วยรัฐบาลไทยเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ AI ภายใต้ “แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติ” ความต้องการบุคลากรที่ชำนาญด้านการใช้ AI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหาช่องว่างของการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI กว่า 80,000 ตำแหน่ง ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมให้เติบโตในวงกว้าง เพื่อลดช่องว่างนี้ การร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา และผู้กำหนดนโยบายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างบุคลากรไทยให้มีทักษะดิจิทัลที่จำเป็น Salesforce มุ่งมั่นสนับสนุนการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะใหม่ในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือต่าง ๆ เช่น โครงการที่ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โปรแกรมการฝึกอบรมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ มช. จะประกอบด้วยการสอบใบรับรอง Salesforce Administrator เพื่อให้นักศึกษาได้สร้างความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการและปรับแต่งแพลตฟอร์ม Salesforce นอกจากนี้ นักศึกษายังได้เรียนรู้โมดูล Agentblazer ซึ่งครอบคลุมแนวคิดพื้นฐานของ Agentic AI พร้อมประสบการณ์ปฏิบัติจริงในการสร้าง Agent ด้วย Agentforce
ความร่วมมือนี้จะมอบโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าถึงแหล่งทรัพยากรด้านอาชีพ การให้คำปรึกษา และโอกาสฝึกงานกับ Salesforce และพันธมิตรในระบบนิเวศของ Salesforce
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “ด้วยความก้าวหน้าของ AI การที่บุคลากรในอนาคตได้สัมผัสเทคโนโลยีและมีประสบการณ์จริงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง การร่วมมือกับ Salesforce เพื่อนำทักษะสำคัญเหล่านี้มาบรรจุในหลักสูตรนักศึกษาของเรา ทำให้เรามั่นใจว่านักศึกษาของเราจะมีข้อได้เปรียบในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูงในอนาคต”
สร้างประสบการณ์การศึกษาแบบองค์รวม เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
นอกจากการบรรจุเนื้อหาการฝึกอบรมลงในหลักสูตรนักศึกษาแล้ว Salesforce จะจัดการอบรมแบบ Train-The-Trainer สำหรับคณาจารย์มหาวิทยาลัย เพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้าน Agentic AI และเทคโนโลยี Salesforce ให้ครอบคลุมและสามารถถ่ายทอดความรู้ต่อให้ลูกศิษย์ได้
ในอนาคต บริษัทมีแผนร่วมมือกับ มช. ในการเพิ่มโมดูล Developer และ Marketing ขั้นสูงเข้าไปในหลักสูตร เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้เทคโนโลยีลึกขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการสร้างโปรแกรมฝึกอบรมแบบครบวงจร Salesforce ตั้งเป้าช่วยปูทางให้นักศึกษาทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปของ มช. สู่การทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรือศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างมั่นคง
เซ็ง ผิง หวง หัวหน้ากลุ่มธุรกิจภาครัฐ ประจำภูมิภาคอาเซียนของเซลส์ฟอร์ซ กล่าวว่า “ที่ Salesforce เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาบุคลากรของภูมิภาคทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่โลกการทำงานกำลังเปลี่ยนแปลงรากฐานในยุค AI เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่มีวิสัยทัศน์อย่าง มช. เพื่อสร้างบุคลากรที่มีทักษะทางดิจิทัลให้กับประเทศ และช่วยขับเคลื่อนอนาคต Agentic AI ของประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง”
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com ประกาศความสำเร็จของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) สถาบันการศึกษาและวิจัยชั้นนำของประเทศไทย ในการพัฒนา ChatGen และ Matthew แพลตฟอร์ม Generative AI แห่งแรกในวงการการศึกษาบนระบบคลาวด์ชั้นนำระดับโลก Matthew มอบความสามารถด้าน Generative AI ให้แก่บุคลากรและนักศึกษากว่า 52,000 คน โดยสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างครบครัน ทั้งการตอบคำถามพร้อมการอ้างอิง การสรุปเนื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูลและรูปภาพ การสร้างเอกสาร ตลอดจนการแปลภาษา
โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการมุ่งสู่การเป็น “มหาวิทยาลัย AI” ด้วยการนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับการเรียนการสอน การวิจัย และการดำเนินงานในทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัย
การผลักดันให้เกิดการเข้าถึง AI อย่างทั่วถึงครั้งนี้ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ร้อยละ 86 ของนักศึกษายอมรับว่าใช้ AI ในการเรียน โดยร้อยละ 54 ของนักศึกษาใช้งาน AI เป็นประจำทุกสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้ มช. จึงเล็งเห็นความสำคัญในการกำหนดแนวทางการใช้งานที่ได้มาตรฐานและมีจริยธรรม เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาใช้เทคโนโลยี AI อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งสร้างโอกาสการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม โดยเปิดให้ทุกคนสามารถใช้เครื่องมือ AI และ Generative AI ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
การประยุกต์ใช้บริการ AI จาก AWS เพื่อความเป็นเลิศทางการศึกษา
มช. มุ่งพัฒนาระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (Generative AI Assistant) เพื่อสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรมสำหรับบุคลากรและนักศึกษา โดยได้เลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นและขยายขนาดได้ตามความต้องการ พร้อมทั้งรวมเทคโนโลยีโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) เทคโนโลยี และบริการล่าสุดเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยยังได้นำเทคโนโลยี RAG (Retrieval-Augmented Generation) ที่ขับเคลื่อนโดย AWS มาใช้งาน โดยเทคโนโลยีนี้ผสานการทำงานของโมเดล AI หลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างคำตอบที่สอดคล้องกับบริบทโดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลและเอกสารของมหาวิทยาลัย
ChatGen ได้ผสานการทำงานร่วมกับ Amazon Nova เพื่อรองรับฟังก์ชันการสนทนาอัจฉริยะและระบบให้คำแนะนำอัตโนมัติ เช่น การแนะนำวิชาเรียนที่เหมาะสมสำหรับการลงทะเบียน ระบบนี้สามารถเชื่อมต่อกับโมเดล AI พื้นฐานได้หลากหลายผ่าน Amazon Bedrock ไม่ว่าจะเป็น Claude, Llama หรือ Mistral นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับระบบต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลหลักผ่านแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อแบบหลากหลาย (Multi Connectivity Platform: MCP) ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบได้ง่าย ๆ ด้วยบัญชี CMU IT ที่มีอยู่ และใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์ทุกประเภท
ยกตัวอย่างเช่น มช. ได้พัฒนาระบบ Student Compass AI โดยใช้เทคโนโลยี ChatGen เพื่อเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการวางแผนการศึกษาให้สอดคล้องกับเส้นทางอาชีพของนักศึกษา ระบบนี้ไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำในการเลือกรายวิชา การจัดตารางเรียน และการติดตามความก้าวหน้าของหลักสูตรเท่านั้น แต่ยังช่วยวิเคราะห์และวางแผนเส้นทางอาชีพผ่านการประเมินทักษะที่จำเป็น การวิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรม และการแนะนำโอกาสที่เหมาะสม ด้วยความสามารถของระบบ นักศึกษาสามารถออกแบบแผนการเรียนรู้เฉพาะบุคคลได้อย่างครบวงจร ทั้งการกำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว การวางแผนการฝึกงาน การพัฒนากลยุทธ์การสร้างเครือข่ายวิชาชีพ ตลอดจนการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน Student Compass ยังช่วยจัดการเวลาและติดตามพัฒนาการของนักศึกษา โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างความสำเร็จทางการศึกษาในปัจจุบันและเป้าหมายทางอาชีพในอนาคต ทำให้นักศึกษาสามารถตัดสินใจวางแผนอนาคตได้อย่างชาญฉลาดและมั่นใจ ทั้งนี้ มช. ยังได้นำ ChatGen ไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การสรุปรายงานการประชุม การประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากร และระบบตอบคำถามอัตโนมัติเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ ขององค์กร โดยทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก AWS ที่มอบทั้งความปลอดภัยและความยืดหยุ่นในการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ
ChatGen เป็นเพียงส่วนหนึ่งในระบบนิเวศทางเทคโนโลยี AI ที่ มช. พัฒนาขึ้นอย่างครบวงจร โดยทำงานประสานกับระบบ Matthew ซึ่งเป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาโดยเฉพาะ ด้วยการพัฒนาบน AWS เช่นเดียวกัน Matthew ได้เปิดโอกาสให้คณาจารย์สามารถสร้างผู้ช่วยอัจฉริยะที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละรายวิชา ปัจจุบัน มีการสร้างผู้ช่วยอัจฉริยะแล้วมากกว่า 1,000 รูปแบบ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของนักศึกษาในหลากหลายด้าน ทั้งการเตรียมเนื้อหาการเรียน การพัฒนาระบบติวเตอร์อัจฉริยะ ตลอดจนการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในการใช้งาน AI อย่างการเขียนคำสั่ง (Prompt Engineering)
การใช้ AI อย่างมีจริยธรรม
มช. ได้วางแนวทางที่ชัดเจนในการใช้ Generative AI พร้อมทั้งนำระบบตรวจสอบการคัดลอกผลงานมาใช้ในการตรวจสอบชิ้นงานของนักศึกษา เพื่อให้มั่นใจว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นไปตามกรอบจริยธรรมของมหาวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนจากบริการของ AWS ผ่านการใช้ Amazon Bedrock Guardrails ที่ช่วยควบคุมการใช้ AI อย่างปลอดภัย และ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) ที่ให้บริการจัดเก็บฐานข้อมูลความรู้ขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาย รังสิยากูล ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเมืองเพื่อความยั่งยืน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า “การก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัย AI ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการสอน การวิจัย และการทำงานของเราใหม่ทั้งหมด ด้วยบริการ Generative AI จาก AWS ทั้ง Amazon Bedrock และ Amazon Nova ทำให้เราสามารถพัฒนาเครื่องมืออย่าง ChatGen และ Matthew เพื่อให้นักศึกษาทุกคนเข้าถึง AI ได้ โดยยังคงรักษาคุณค่าทางวิชาการและจริยธรรมไว้อย่างครบถ้วน”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนาทิพย์ จันทร์คง อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “Matthew ได้เปลี่ยนวิธีการสอนการใช้งาน AI ของอ. ไปอย่างสิ้นเชิง อ.สามารถพัฒนาผู้ช่วยอัจฉริยะที่ชื่อ Kathi ขึ้นมาเพื่อช่วยแนะนำนักศึกษาจากทุกคณะในการเขียนคำสั่งที่เหมาะสมกับศาสตร์ในแต่ละสาขา โดย Kathi จะวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์เพื่อพัฒนาทักษะของนักศึกษา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักศึกษา เพราะระบบช่วยสอนแบบเป็นขั้นตอนนี้ช่วยให้พวกเขามั่นใจในการใช้ AI เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้มากขึ้น”
อีริค คอนราด (Eric Conrad) กรรมการผู้จัดการด้านภาครัฐระดับภูมิภาคอาเซียนของ AWS กล่าวว่า “เทคโนโลยี AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการการศึกษา และสถาบันการศึกษาที่พร้อมรับและปรับตัวอย่างชาญฉลาดจะเป็นผู้กำหนดทิศ
ทางการเรียนรู้ในอนาคต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ถือเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่นำบริการ AI อันทรงประสิทธิภาพของ AWS มาประยุกต์ใช้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งนักศึกษาและคณาจารย์สามารถใช้ประโยชน์จาก AI สร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ การนำ Amazon Bedrock และ ChatGen มาใช้ไม่เพียงทำให้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ยังวางรากฐานการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ สร้างแบบอย่างที่ดีให้กับสถาบันการศึกษาทั่วโลก”
สมาคมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดตัวกิจกรรม ENTANEER Virtual Run for All 2024 อย่างเป็นทางการแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นระหว่างศิษย์เก่า - ศิษย์ปัจจุบัน ด้วยกิจกรรมวิ่งไฮบริด ทั้ง Virtual Run สุดว้าวในปีนี้ และปิดแมตช์ด้วยการวิ่งแบกเสลี่ยงพระวิษณุกรรมขึ้นดอยสุเทพของศิษย์ปัจจุบันคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมัครด่วนระหว่างวันที่ 15 ก.ค. – 7 ส.ค.นี้

ดร.วัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร ประธานมูลนิธินักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “จากความทุ่มเทของสมาคมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจัดกิจกรรม ENTANEER Virtual Run for All 2024 ซึ่งเป็นกิจกรรม “วิ่งเพื่อสังคม” นั้นถือเป็นที่กิจกรรมน่าชื่นชม เนื่องจากโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้กับมูลนิธินักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้นำไปใช้กับสาธารณประโยชน์ในวงกว้างต่อไปซึ่ง จะทำให้มูลนิธิฯ เติบโตและสามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างครอบคลุม และแพร่หลาย และยังเป็นการพัฒนา และเป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่สังคมและประเทศชาติได้อย่างทั่วถึง”

ขณะที่ คุณเมธี อนิวรรตน์ นายกสมาคมนักศึกษาเก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “กิจกรรม ENTANEER Run for All นั้นเป็นกิจกรรมที่สมาคมฯ จัดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 แต่สำหรับการจัดกิจกรรมวิ่งในปีนี้เป็น ENTANEER Virtual Run for All 2024 ที่จัดแบบไฮบริดผสมผสานทั้ง Virtual Run ซึ่งจะเก็บระยะทางสะสมได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแอปพลิเคชั่น และการวิ่งในวันปิดแมตช์ ด้วยการวิ่งแบกเสลี่ยงพระวิษณุกรรมขึ้นดอยสุเทพของศิษย์ปัจจุบัน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ เพื่อให้บรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันได้สานสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งได้ร่วม “วิ่งทำดีเพื่อสังคม” โดยสมาคมฯ จะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้กับทางมูลนิธิฯ เพื่อดำเนินการด้านสาธารณประโยชน์ในวงกว้างต่อไป ขณะเดียวกัน ในส่วนของผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งครั้งนี้ และในส่วนของ “ผู้ใหญ่ใจดี” ที่สนับสนุนเงินบริจาคให้กับกิจกรรมครั้งนี้ก็สามารถนำใบเสร็จรับเงินจากมูลนิธิฯ ใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย”

สำหรับการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ คุณดรันต์ เยาวรัตน์ ประธานโครงการ ENTANEER Virtual Run for All 2024 กล่าวว่า “กิจกรรม ENTANEER Virtual Run for All 2024 เป็นกิจกรรมที่มีระยะเวลา 100 วัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่เราต้องการพิชิตร่วมกัน นั่นคือ “100 วัน 1,000 กม.” โดยจะเริ่มรับสมัครผ่านเว็บไซต์ www.entaneer.cmurun.com และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fan Page : Entaneer Run for All ระหว่างวันที่ 15 ก.ค. – 7 ส.ค.2567 และเริ่มต้นวิ่งเก็บระยะทางได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแอปพลิ เคชั่น ระหว่างวันที่ 8 ส.ค. – 16 พ.ย.2567 สำหรับค่าสมัครเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งครั้งนี้ ตลอดจนเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนสามารถนำใบเสร็จจากมูลนิธิฯ ใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย นอกจากนี้ สำหรับผู้สมัครระดับ VIP และ SUPER VIP ยังจะได้ของพรีเมี่ยมที่ผลิตเป็นพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะอีกด้วย”
ทั้งนี้ การรับสมัครแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
1) การสมัครในนามบุคคล ค่าสมัครเริ่มต้นที่ 365 บาท
2) การสมัครในนามนิติบุคคล โดยสามารถสมัครได้ตั้งแต่ 3 ท่านขึ้นไป และค่าสมัคร 365 บาท/ท่าน
3) การสมัครในระดับ VIP ค่าสมัคร 1,000 บาท พร้อมรับของพรีเมี่ยมสุดพิเศษทั้ง “กระเป๋า 365 & เป้ 365”
4) การสมัครในระดับ SUPER VIP ค่าสมัคร 3,650 บาท พร้อมรับของพรีเมี่ยมสุดพิเศษทั้ง “กระเป๋า 3650 & เป้ 3650” รวมทั้งเหรียญพระวิษณุกรรม
หมายเหตุ : ผู้สมัครสามารถนำใบเสร็จจากมูลนิธิฯ ใช้ลดหย่อนภาษีได้

นอกจากนี้ คุณดรันต์ ยังเพิ่มเติมว่า “วันปิดแมตช์ในวันที่ 16 พ.ย.2567 ซึ่งเป็นการวิ่งจริง ด้วยการวิ่งแบกเสลี่ยงพระวิษณุกรรมขึ้นดอยสุเทพของศิษย์ปัจจุบัน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น ผมขอเชิญชวนศิษย์ปัจจุบันของคณะฯ ร่วมใจกันใส่เสื้อช็อป กางเกงยีนส์เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อสำแดงพลัง “นายช่างเชิงดอย” ของเรา”
สมาคมนศ.เก่าวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดตัวกิจกรรมวิ่งเพื่อสังคม Entaneer Run For ALL จัดเต็มกิจกรรมไฮบริดสุดว้าว ทั้ง Virtual Run และวิ่งขึ้นดอยสุเทพวันปิดแมตช์ พร้อมไอเท็ม “สุดแรร์ ของแทร่” ให้บรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วม “ทำดีเพื่อสังคม” ผ่านกิจกรรมวิ่งครั้งนี้ เพื่อหาเงินรายได้ มอบให้กับมูลนิธินศ.เก่า วิศวะ มช. ได้นำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ต่อไป เผยค่าสมัครเริ่มต้นที่ 365 บาท สำหรับการสมัคร ในนามนิติบุคคล 3 คนขึ้นไป และสามารถนำใบเสร็จรับเงิน ใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
รีบสมัครด่วน 15 ก.ค. – 7 ส.ค.นี้
วิ่งเก็บระยะทาง 8 ส.ค. – 16 พ.ย.2567