

เปิดมุมมองการบริหารของหัวเรือใหญ่แห่ง มูลนิธิรามาธิบดี ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับการดำเนินงานเพื่อสานต่อพันธกิจแห่ง ‘การให้’ ที่ทำให้องค์กรมีแผนการปฏิบัติงานที่ยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้เสมอ มุ่งสู่การให้ที่สร้างความยั่งยืนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมก้าวสู่การเป็นแนวหน้าในการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยให้มีความก้าวหน้าทางด้านศักยภาพของการรักษาพยาบาลอย่างยั่งยืน

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยึดมั่นในพันธกิจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีในทุกมิติมาโดยตลอด โดยให้ความสำคัญกับการมองหาโอกาสในการสื่อสารเพื่อเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันและเส้นทางที่กลุ่มเป้าหมายสามารถพบเจอได้ ผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายเพื่อพัฒนาแคมเปญสร้างสรรค์ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกเจเนอเรชั่นอยู่เสมอ พร้อมสร้างระบบที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคดิจิทัล โดยในปี พ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิฯ ตั้งใจเพิ่มแนวทางการบริจาคที่สร้างสรรค์เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็น ‘ผู้ให้’ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมของการบริจาคที่มักจะมาพร้อมกับความตั้งใจในการทำบุญเท่านั้น มูลนิธิฯ จึงผสาน ‘การให้’ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนด้วยการเชื่อมโยงกิจกรรมที่สร้างความสุข ความสนุนสนาน และโอกาสในการทำบุญเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ความร่วมมือกับบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถสนุกไปกับละครเวทีและมีส่วนร่วมในการเป็น ‘ผู้ให้’ ในเวลาเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนแคมเปญที่สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ พร้อมส่งต่อเนื้อหาที่สร้างการรับรู้ถึงความจำเป็นในการเปิดรับบริจาคทุนทรัพย์ไปสู่ประชาชนหลากหลายช่วงวัย พร้อมสร้างความตระหนักถึงผลลัพธ์แห่งการบริจาคที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ เชื่อว่า ‘การให้’ นั้นทำให้เกิดความสุข และ ‘การให้’ สุขภาพที่ดีแก่ผู้คนจะส่งเสริมให้เกิด ‘ความสุขที่ยั่งยืนแก่ทุกคน’”
สำหรับโครงการที่มูลนิธิรามาธิบดีฯ ให้ความสำคัญในปีนี้ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษาพยาบาลผ่านเทคโนโลยีและทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมส่งเสริมการบูรณาการทางการแพทย์สำหรับการวิจัยโรคซับซ้อน สู่การเป็นต้นแบบการรักษาในอนาคต เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลสุขภาพประชาชน โครงการนี้คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประชาชนในปี 2573

โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา ศูนย์การแพทย์ที่ก่อตั้งบนพื้นที่ย่านพญาไท โดยมีที่มาจากมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างเงินทุนหมุนเวียนกลับมาสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมอย่างยั่งยืน โดยเน้นการให้บริการทางการแพทย์ที่ดูแลร่างกายและจิตใจในเชิงป้องกันเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2568

โครงการผู้ป่วยยากไร้ มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมเงินบริจาคมาสนับสนุนผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการรักษาพยาบาลให้ได้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ผู้บริจาคให้การช่วยเหลือมากที่สุดอย่างต่อเนื่องทุกปี

นอกจากนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารถึง ‘ผลลัพธ์จากการให้’ ที่จับต้องได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริจาคและสะท้อนความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการจัดสรรทุนทรัพย์จากการบริจาคของประชาชนเพื่อสร้างสาธารณประโยชน์อย่างแท้จริง เช่น การสนับสนุนงบประมาณการบริหารจัดการ การจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ การซ่อมแซมและบำรุงระบบในอาคารสถานที่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี รวมถึงสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โดยเฉพาะอาคารกายวิภาคทางคลินิก (Clinical Anatomy Building) ผ่านการจัดซื้อเครื่องมือการเรียนการสอนที่เป็นสากล เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียนรู้กายวิภาคผ่านเทคโนโลยีสามมิติที่ล้ำสมัย เอื้อต่อการเรียนรู้และทบทวนบทเรียน ควบคู่ไปกับการศึกษาจากร่างอาจารย์ใหญ่ เพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความสามารถและความเชี่ยวชาญเข้าสู่ระบบสาธารณสุขไทย

นอกจากนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ พัฒนาช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ TikTok ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางสนับสนุนของที่ระลึกและมอบความสุขที่เกิดจาก ‘การให้’ โดยเน้นสร้างเนื้อหาที่เข้ากับยุคสมัย ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ได้รู้จักกับมูลนิธิฯ แม้จะยังไม่เคยมีประสบการณ์ตรงกับโรงพยาบาล

สำหรับภาพรวมในการสร้างสรรค์สินค้าของที่ระลึกการกุศลในปี 2567 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะความร่วมมือกับ ‘CryBaby’ ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในตลาดสากล และในปี 2568 นี้ มูลนิธิฯ จะสานต่อความตั้งใจในการสนับสนุนวงการงานอาร์ตของไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายโอกาสไปสู่กลุ่มนักออกแบบหน้าใหม่เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับแสดงศักยภาพไปสู่สายตาคนไทยมากขึ้น นอกจากนี้ ความท้าทายจากการติดต่อลิขสิทธิ์ต่างประเทศที่มีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่หลากหลายช่วงวัย เช่น Hello Kitty, Sesame Street, Peanuts และ Peter Rabbit โดยคอลเล็กชั่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ คือ เจ้าชายน้อย (The Little Prince)
มูลนิธิรามาธิบดีฯ จะยังคงมุ่งมั่นสานต่อบทบาทของ ‘สะพานแห่งการให้’ โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนด้านการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของระบบสาธารณสุขในประเทศไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ด้วยการปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอยู่เสมอ พร้อมสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กับการถ่ายทอด ‘ผลลัพธ์จากการให้’ อย่างต่อเนื่องไปสู่กลุ่มผู้บริจาคในทุกเจเนอเรชั่น เพื่อให้กลุ่มผู้บริจาคมีความรู้สึกร่วมของการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย สู่การสร้างสังคมแห่ง ‘การให้’ ที่สามารถสร้างและส่งต่อสาธารณประโยชน์ต่อไปได้อย่างไม่สิ้นสุด

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่คนพิการเพื่อผลิตบัณฑิตกลุ่มวิชาชีพครู หวังเพิ่มจำนวนบุคลากรครูที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการสอนคนพิการไปยังสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ส่งเสริมศักยภาพให้คนพิการมีอาชีพที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ผ่านการระดมทุนในโครงการทุนสถาบันราชสุดา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของคนพิการในสังคมไทย
คนพิการคือกลุ่มคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านการศึกษา แม้ว่าในทางกฎหมาย ภาครัฐจะให้ความสำคัญต่อการศึกษาโดยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่า การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนจะต้องได้รับและสามารถเข้าถึงได้ แต่ในทางปฏิบัติ การจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มคนพิการนั้นยังคงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากและอาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากปัญหาทั้งด้านหลักสูตร โครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาสำหรับคนพิการ และความสามารถในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
![]()
อาจารย์นายแพทย์สมเกียรติ ลีละศิธร ผู้อำนวยการสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “การขาดโอกาสทางการศึกษาส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี จนนำมาสู่ปัญหาการขาดโอกาสในการประกอบอาชีพของกลุ่มคนพิการ จากข้อมูลของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567 พบว่า มีจำนวนคนพิการทางการได้ยินและสื่อความหมายในประเทศไทยทั้งสิ้น 423,936 คน คิดเป็น 19.19% ของคนพิการทั้งหมด โดยในจำนวนคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมายทั้ง 423,936 คนเหล่านี้ มีผู้ได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษาสูงที่สุด 282,410 คน รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษาที่ 35,899 คน ในขณะที่ผู้ที่ได้รับ
การศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่ามีเพียง 9,227 คนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จึงมุ่งมั่นเป็นสถาบันที่เปิดพื้นที่ทางการศึกษาสำหรับนักศึกษาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ตั้งแต่ระดับชั้นปริญญาตรี โท และเอก เพื่อผลิตบุคลากรครูสำหรับคนพิการทางการได้ยินโดยเฉพาะ รวมทั้งเป็นที่พึ่งพิงให้กับคนพิการที่ต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพกายและจิตใจผ่านงานบริการและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกับทุกคนในสังคมได้อย่างมีความสุข”
อาจารย์ ดร.ปรเมศวร์ บุญยืน ประธานหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาของคนหูหนวก กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การขาดแคลนล่ามภาษามือ จากสถิติกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2567 พบว่า ล่ามภาษามือที่จดแจ้งมีจำนวนทั้งหมด 178 คน โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลมากที่สุด และ 36 จังหวัดในประเทศไทยไม่พบล่ามภาษามือที่จดแจ้ง สถาบันราชสุดา ในฐานะสถาบันการศึกษาแห่งเดียวที่ผลิตล่ามภาษามือในระดับปริญญาตรี จึงให้มุ่งมั่นในการผลิตบัณฑิตเพื่อส่งต่อความรู้ให้แก่คนพิการทางการได้ยินให้มีทักษะในการประกอบอาชีพ ตลอดจนสามารถหาเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนพิการในสังคมไทย”
![]()
คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวเสริมว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ มุ่งมั่นในการสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความเท่าเทียมและไม่แบ่งแยก โดยเฉพาะความเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาตนเอง โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงก่อตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนสนับสนุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมจัดสรรเงินทุนเพื่อพัฒนาด้านการเรียนการสอนในสถาบันราชสุดา รวมถึงส่งเสริมด้านงานวิจัยนวัตกรรมด้านคนพิการและการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพและพัฒนาศักยภาพของคนพิการ เพื่อให้คนพิการในสังคมไทยมีอาชีพที่มั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มวิชาชีพครูที่สร้างรายได้ให้แก่ตนเองและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ในอนาคต นำไปสู่ความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนของคนพิการในประเทศไทย”
สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นและเปิดโอกาสให้คนพิการสามารถเรียนรวมกับคนทั่วไปได้อย่างเท่าเทียม โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในห้องเรียนเพื่อสร้างพื้นที่การเรียนรู้ระหว่างคนพิการและบุคคลทั่วไป พร้อมจัดบริการสนับสนุนการศึกษาอย่างเหมาะสมเพื่อลดอุปสรรคการเรียนรู้ที่เกิดจากข้อจำกัดด้านความพิการ สถาบันราชสุดา เปิดสอนทั้งหมด 5 หลักสูตร ดังนี้ ระดับปริญญาตรี ได้แก่ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาหูหนวกศึกษา วิชาเอกการออกแบบเชิงพาณิชย์ และวิชาเอกล่ามภาษามือไทย และ หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาของคนหูหนวก ระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ได้แก่ หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หลักสูตรศึกษา
ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ และ หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อสร้างพื้นที่แห่งโอกาสทางการศึกษาให้คนพิการ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้คนพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันระหว่างคนพิการและคนทั่วไป พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมที่ปราศจากการแบ่งแยก ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับโครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ www.ramafoundation.or.th
มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอกย้ำบทบาทของการเป็นสะพานบุญแห่ง ‘การให้’ สานต่อภารกิจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลรามาธิบดี เดินหน้าโครงการใหม่ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” ชวนคนไทยร่วมส่งพลังบวก 1 เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับผู้ป่วยและขยายศักยภาพการรักษา พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่จากเรื่องราวของ “ความหวัง” เดินหน้าระดมทุนให้แก่โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อเพิ่มพื้นที่และยกระดับศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนชาวไทย พร้อมผลักดันระบบสาธารณสุขไทยให้เท่าทันสภาวการณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์’ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “เกือบ 60 ปีที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเปิดให้บริการในฐานะโรงพยาบาลที่เปรียบเสมือน ‘ที่พึ่ง’ ของคนไทย พร้อมบทบาทด้านการผลิตบุคลากรทางการแพทย์เข้าสู่ระบบสาธารณสุข และด้านการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ทางการแพทย์เพื่อการรักษา โดยครอบคลุมทั้งงานวิจัยขั้นพื้นฐานด้านการหาตัวยาใหม่เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและเพิ่มการเข้าถึงตัวยาได้มากขึ้น ไปจนถึงการคิดค้นแนวทางการรักษารูปแบบใหม่สู่การเป็นต้นแบบของการรักษาโดยเฉพาะการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ถือเป็นโครงการที่ไม่เพียงเพิ่มพื้นที่ในการรักษาที่รองรับนวัตกรรมทางการแพทย์ล้ำสมัยเท่านั้น แต่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและสนับสนุนพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีอย่างครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อผลักดันระบบการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้าต่อไป”

รศ.นพ.ชูศักดิ์ กิจคุณาเสถียร รองคณบดีฝ่ายนโยบายและแผน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวเสริมว่า “โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี จะเอื้อประโยชน์ต่อการบูรณาการและสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อผลักดันการสร้างสรรค์และต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถเพิ่มศักยภาพทางการรักษาต่อไปในอนาคต โดยจะมีการนำนวัตกรรมทางการแพทย์หลากหลายประเภทเข้ามาให้บริการทางการแพทย์รวมถึงพัฒนาด้านระบบภายในโรงพยาบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลในการบันทึกข้อมูลของผู้ป่วยและการจัดการข้อมูลทางการแพทย์ เครื่องมือช่วยในการรักษาทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial intelligence) เช่น การใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเพื่อช่วยลดระยะเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ลงและลดระยะเวลาของการพักฟื้นของผู้ป่วย รวมถึงลดอาการบาดเจ็บและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด นอกจากนี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ยังให้ความสำคัญกับการลดระยะเวลาในการรอรับบริการของผู้ป่วย เช่น การใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการจ่ายยา”
คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ เดินหน้าผลักดันความก้าวหน้าทางการแพทย์ควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง พร้อมเปิดตัวโครงการ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” และภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ชุดใหม่จากเรื่องราวของ “ความหวัง” เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระดมทุนให้แก่โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญในปีนี้และอย่างน้อยอีก 7 ปีข้างหน้า การสื่อสารภายใต้โครงการ “รามา+1 เพิ่ม
พื้นที่ บวกความหวัง” สะท้อนให้เห็นว่า มูลนิธิรามาธิบดีฯ นั้นตระหนักถึงพลังของการให้ และขอบคุณทุกน้ำใจที่ส่งต่อความช่วยเหลือและสร้างความหวังร่วมกันมาโดยตลอด จึงขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมเป็นพลังบวกหนึ่งในการสร้างโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ซึ่งอาคารแห่งนี้จะดูแลผู้ป่วยที่ใช้สิทธิรักษาเบิกจ่ายประกันสังคม และสิทธิพื้นฐานต่าง ๆ”
ภายในงานแถลงข่าว ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร ตัวแทนนักแสดงจิตอาสาร่วมแบ่งปันมุมมองในเรื่อง “ความหวัง” พร้อมเชิญชวนแฟนคลับร่วมซื้อเสื้อยืดสุขใจ เพื่อระดมทุนเข้าโครงการฯ และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีในอนาคตร่วมกัน พร้อมด้วยการเปิดตัวกิจกรรม “#A4SpaceChallenge” ชวนทำคอนเทนต์ที่สะท้อนถึงพื้นที่ที่มีอยู่จำกัดในอาคารเก่าและแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นการก่อสร้างอาคารใหม่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยวิธีการเล่นคือ จับกลุ่ม 4 คนมายืนด้วยกันบนกระดาษ A4 ให้ครบ 10 วินาที และร่วมกันท้าต่อเพื่อน ๆ ให้เล่นชาเลนจ์นี้ต่อ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริจาคเงินให้โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี โดยทุกคนสามารถร่วมทำชาเลนจ์แล้วโพสต์รูปหรือคลิปลงในโซเชียลมีเดียพร้อมแทค #A4SpaceChallenge ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
![]()
โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ออกแบบภายใต้แนวคิด “เข้าใจเขา เข้าใจเรา เข้าใจทุก(ข์)คน” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการแก้ไขปัญหาด้านความแออัดของพื้นที่อาคารเดิม โดยตั้งเป้าหมายการระดมทุนเพิ่มเติมจากการสนับสนุนของภาครัฐบาลรวมจำนวน 9,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลและการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2573
มูลนิธิรามาธิบดีฯ ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นพลังบวกหนึ่งกับโครงการ “รามา+1 เพิ่มพื้นที่ บวกความหวัง” ด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนก่อสร้างโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี
มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดตัวโครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มุ่งมั่นสนับสนุนการศึกษาแก่คนพิการเพื่อผลิตบัณฑิตกลุ่มวิชาชีพครู หวังยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการในสังคมไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สร้างอาชีพ และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมร่วมกับ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด ชวนผู้ใจบุญ ชมละครเวทีรอบการกุศล “แฟนฉัน เดอะมิวสิคัล” ในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 จัดแสดง ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ รายได้ร่วมสมทบทุนเข้าโครงการทุนสถาบันราชสุดา
สถาบันราชสุดา หรือเดิมทีมีชื่อว่า วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำแห่งแรกในประเทศไทย เป็นสถาบันที่ให้การสนับสนุนทางด้านการศึกษา การวิจัย การบริการวิชาการ และศูนย์กลางเครือข่าย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในประชาคมอาเซียน โดยเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 นับเป็นเวลากว่า 32 ปีแล้วที่สถาบันแห่งนี้ให้การศึกษาและยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการไทยกว่าหลายพันคน และในปี พ.ศ. 2566 นี้ วิทยาลัยราชสุดาและคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ทำการควบรวมกัน เพื่อร่วมกันทำภารกิจส่งเสริมการศึกษาและสร้างพื้นที่สำหรับคนพิการให้เกิดสังคมแห่งการให้ที่ไม่ทอดทิ้งกัน
![]()
ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “เหตุผลสำคัญของการควบรวมวิทยาลัยราชสุดาและคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นโครงการสถาบันราชสุดาแห่งนี้ เพื่อร่วมกันทำภารกิจสำหรับคนพิการให้เกิดสังคมแห่งการให้ที่ไม่ทอดทิ้งกัน สนับสนุนให้เป็นสถาบันต้นแบบในการผลิตและพัฒนาบุคลากรกลุ่มวิชาชีพครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการสอนคนพิการที่มีคุณภาพให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย และ หวังกระจายครูสอนคนพิการไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ส่งเสริมศักยภาพให้คนพิการมีอาชีพที่มั่นคง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สืบเนื่องจากการควบรวมกันนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงได้มีโอกาสเป็นสะพานบุญแห่งการให้เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำเป็นต่าง ๆ ของสถาบันราชสุดา เพื่อให้สถาบันนำไปสานต่อภารกิจต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”
สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดสอนทั้งหมด 6 หลักสูตร แบ่งเป็น
ระดับปริญญาตรี เปิดสำหรับนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และนักศึกษาที่มีการได้ยิน
1. หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาหูหนวกศึกษา วิชาเอกการออกแบบเชิงพาณิชย์
2. หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาหูหนวกศึกษา วิชาเอกล่ามภาษามือไทย
3. หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาของคนหูหนวก
ระดับปริญญาโท และเอก เปิดสำหรับนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเห็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว นักศึกษาทั่วไป
4. หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
5. หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ
6. หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
![]()
ด้าน อ.นพ.สมเกียรติ ลีละศิธร ผู้อำนวยการ สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า “กลุ่มนักศึกษาหลักของสถาบันราชสุดาคือกลุ่มคนพิการทางการได้ยิน รวมถึงคนทั่วไปที่สนใจเข้ามาเรียนร่วมในหลักสูตร ศิลปศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ที่เมื่อจบไปแล้วสามารถเป็นครูสอนคนพิการ หรือประกอบอาชีพอื่น ๆ ได้ตามศักยภาพ
นับตั้งแต่เปิดสถาบันราชสุดาแห่งนี้ได้ผลิตบัณฑิตไปแล้วกว่า 692 ราย ปัจจุบันมีจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 และ 3 ทั้งสิ้น 153 ราย แบ่งเป็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 84 ราย นักศึกษาที่มีการได้ยิน 69 ราย และคาดว่าจะมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 2567 จำนวน 54 ราย
ในส่วนของระดับบัณฑิตศึกษา แบ่งเป็นระดับปริญญาโท 49 คน คาดว่าจะเสร็จการศึกษาปี 2566 จำนวน 7 ราย และระดับปริญญาเอก 24 ราย จะสำเร็จการศึกษาปี 2566 จำนวน 8 ราย โดยระดับนี้มีนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเห็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว รวมถึงนักศึกษาทั่วไป
ปัจจุบันมีคนพิการจำนวนมากที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งสาเหตุเหล่านั้นมีทั้งความไม่พร้อมของสถานศึกษาในการรองรับคนพิการ, สภาพแวดล้อมในครอบครัว, ปัจจัยด้านการเดินทาง รวมถึงสถานะทางการเงิน ปัญหาเหล่านี้จึงยิ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นในสังคมไทย การมีอยู่ของสถาบันราชสุดาจึงถือเป็นเรื่องสำคัญในฐานะสถาบันการศึกษาที่จะช่วยสร้างโอกาสให้คนพิการได้เข้าถึงการศึกษา ผ่านการผลิตบัณฑิต และบัณฑิตเหล่านั้นไปส่งต่อความรู้ให้แก่คนพิการทางการได้ยินต่อไป”
![]()
นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวเสริมว่า “การระดมทุนในครั้งนี้ นับเป็นการให้ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมอย่างแน่นอน เพราะการศึกษานั้นเป็นรากฐานสำคัญของทุกคน ไม่แบ่งแยกด้วยสภาพร่างกาย เพศ อายุ ดังนั้น มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงมีความภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอด พันธกิจของสถาบันราชสุดาไปยังสังคมวงกว้าง และเป็นสะพานแห่งการให้ที่รับน้ำใจของผู้ที่อยากช่วยให้คนพิการได้มีโอกาสทางการศึกษา อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการต่อไปในอนาคต และสร้างสรรค์สังคมที่พวกเราทุกคนสามารถได้ใช้ศักยภาพและความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่”
![]()
“ในการเปิดตัว โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ครั้งนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ร่วมมือกับบริษัท ซีเนริโอ จำกัด ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการ “ให้” โอกาสทางการศึกษาแก่คนพิการในสังคมไทยจัดรอบการแสดงละครเวทีการกุศล “แฟนฉัน เดอะมิวสิคัล” ขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19:30 น. โดยรายได้จากการจำหน่ายบัตรของรอบนี้จะถูกสมทบทุนให้แก่โครงการทุนสถาบันราชสุดา เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการต่อไป อีกทั้งยังได้เชิญชวนตัวแทนนักศึกษาของสถาบันราชสุดามาร่วมชมการแสดงในรอบนี้อีกด้วย” นางสาวพรรณสิรี กล่าว ทิ้งท้าย
![]()
โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นับเป็นภารกิจครั้งใหม่ของมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อช่วยสร้างพื้นที่แห่งโอกาสทางการศึกษาให้คนพิการ รวมถึงพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านคนพิการ และการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพและพัฒนาศักยภาพของคนพิการนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการในประเทศไทย เพราะการมอบการศึกษาคือหนทางที่จะช่วยสร้างสังคมที่ทุกคนมีคุณค่า ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในสังคม และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับโครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯwww.ramafoundation.or.th