November 06, 2024

หลักจากงาน Beijing International Automotive Exhibition ปิดฉากไปอย่างยิ่งใหญ่ โอโมดา แอนด์ เจคู หรือ OMODA & JAECOO ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ได้เผยโฉมเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ ๆ สุดทึ่ง ในคอนเซ็ปต์ “ผลิตภัณฑ์ใหม่ + เทคโนโลยีใหม่ + ระบบนิเวศใหม่” ที่ถือเป็นการกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนในยุคแห่งพลังงานใหม่ ขณะเดียวกัน OMODA & JAECOO ยังได้เปิดตัวหุ่นยนต์ “Mornine” หุ่นยนต์ไบโอนิคครั้งแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่ง “Mornine” เป็นหุ่นยนต์ไบโอนิคเดินได้ที่พัฒนาโดย Chery Automobile บริษัทแม่ของ OMODA & JAECOO ที่ร่วมมือกับพันธมิตร AiMOGA

เปิดตัวหุ่นยนต์ “Mornine” หุ่นยนต์ไบโอนิคเดินได้ครั้งแรกของโลก

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ OMODA & JAECOO คือการสร้างความเชื่อมโยงของผู้ขับขี่ในระบบนิเวศ ตอกย้ำการเป็น “มากกว่ารถยนต์” หรือ “More than cars” โดยได้พัฒนาระบบนิเวศต่าง ๆ ในการขับขี่ มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง และสถานการณ์การใช้ชีวิตในอนาคต รวมถึงการผสมผสานระหว่าง “Tech Life” “Fashion Life” และ “Off-Road Life” เข้าด้วยกัน พร้อมเป็นตัวช่วยในการตั้งแคมป์ การแต่งรถ และคอมมูนิตี้ออนไลน์ (Geek Communities) ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลายและเข้ากับตัวตน รวมถึงการเสริมระบบนิเวศการขับขี่ให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา แบรนด์ OMODA & JAECOO ได้จัดงานแถลงข่าวระบบนิเวศการขับขี่ขึ้นที่เมืองอู๋หู ประเทศจีน และได้เปิดตัวหุ่นยนต์ “Mornine” หุ่นยนต์ไบโอนิคครั้งแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่ง “Mornine” เป็นหุ่นยนต์ไบโอนิคเดินได้ที่พัฒนาโดย Chery Automobile บริษัทแม่ของ OMODA & JAECOO ที่ร่วมมือกับพันธมิตร AiMOGA

 

“Mornine” เป็นหุ่นยนต์สองเท้าอัจฉริยะเสมือนมนุษย์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ผลิตจากวัสดุเลียนแบบธรรมชาติ (Biomimetic) นวัตกรรมใหม่ เพื่อให้มีความใกล้เคียงมนุษย์ดิจิทัล โดยแบรนด์ OMODA & JAECOO ได้กำหนดเป้าหมายการนำ “Mornine” มาใช้ ผ่านกลยุทธ์ “Three-Step” ในการเพิ่มศักยภาพทางเทคโนโลยี เพิ่มฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย และเปลี่ยนผ่านไปสู่การขายและบริการอัจฉริยะ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาเชิงลึกและเพิ่มประสิทธิภาพในสถานการณ์เฉพาะให้กับ “Mornine” ในระหว่างงานเปิดตัวแขกผู้มีเกียรติในงานได้มีส่วนร่วมโต้ตอบกับ “Mornine” พร้อมสัมผัสกับประสิทธิภาพของ AI ในการโต้ตอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย และสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมได้ดื่มด่ำกับเสน่ห์ของ “Mornine” ที่ชาญฉลาดอย่างเต็มที่

ด้วยวิสัยทัศน์และเอกลักษณ์ของแบรนด์ในด้านเทคโนโลยี OMODA & JAECOO มุ่งมั่นเดินหน้าทำตามแผนกลยุทธ์ของแบรนด์ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและระบบนิเวศของพลังงานใหม่ เพื่อเขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์โลกให้ยั่งยืน

และเมื่อปีที่ผ่านมาแบรนด์ OMODA & JAECOO ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นต่าง ๆ และมีการส่งออกมากกว่า 160,000 คัน ครองใจผู้ขับขี่กว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยรถยนต์ JAECOO ที่เปิดตัวในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ด้วยแนวคิด “From Classic, Beyond Classic” ได้ปลดล็อคประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ออฟโรด SUV สุดพรีเมียม พร้อมที่จะไปท่องโลกกับผู้ขับขี่ในทุกท้องถนน

“ผลิตภัณฑ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่” กับไดเรกชั่นกลยุทธ์การใช้พลังงานใหม่

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทั่วโลกที่รวดเร็วขึ้น OMODA & JAECOO มุ่งเดินหน้าพัฒนาจุดแข็งจากผลิตภัณฑ์และศักยภาพทางเทคโนโลยีของเราอย่างเต็มที่ ซึ่งในงาน Beijing International Automotive Exhibition เราได้นำเสนอยนตกรรมพลังงาน “ใหม่” ด้วยรถยนต์ JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV

จากความสำเร็จของ JAECOO 7 PHEV ในตลาดโลก ถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญของ JAECOO ในการพลิกโฉมวงการรถยนต์ออฟโรดแบบเดิม ๆ ด้วยรถยนต์พลังงานใหม่ โดย JAECOO ได้ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้แบรนด์สามารถชิงความได้เปรียบในตลาดรถยนต์ออฟโรดพลังงานใหม่ ผ่านโมเดลรุ่น JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV

สำหรับรถยนต์ JAECOO 7 PHEV ได้พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ออฟโรดพลังงานใหม่ ด้วยระบบอัจฉริยะขับเคลื่อนสี่ล้อ (ARDIS) โดยเฉพาะนวัตกรรมที่เหนือชั้น ได้แก่ Power Mode, Energy Conservation, Ultimate Safety, Four-wheel Drive Off-road, Smart Technology และ Outdoor Living ในขณะที่ JAECOO 8 PHEV รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อออฟโรดประสิทธิภาพสูง ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดหรูหราเหนือระดับ โดย

JAECOO 8 PHEV ถือเป็นจุดสูงสุดของตลาดรถยนต์ออฟโรดพลังงานใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มออฟโรดไฮบริดเจนเนอเรชัน 3 ของ JAECOO ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการสร้างสรรค์คุณค่าในตลาดออฟโรดพลังงานใหม่

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ได้เปลี่ยนไปสู่การแข่งขันด้านเทคโนโลยี ซึ่ง OMODA & JAECOO ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวอย่างยิ่ง ภายใต้ Chery Automobile บริษัทแม่ของ OMODA & JAECOO ได้ฝากมรดกการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่าน “เทคโนโลยี” ในระดับสากลอย่างเต็มรูปแบบมาโดยตลอด ในยุคแห่งพลังงานใหม่นี้ OMODA & JAECOO เดินหน้าให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี โดยยึดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหัวใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และได้โชว์เทคโนโลยี “PHEV ไฮบริดเจนเนอเรชัน 3” ในงานแถลงข่าวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งหมดนี้ ถือเป็นความท้าทายที่จะพัฒนาเพื่อผู้ขับขี่ทุกคน และพร้อมสำหรับการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ธุรกิจโรงแรมยิ้ม เที่ยวไทยฟื้นต่อเนื่อง ด้าน สมาคมโรงแรมไทย แนะเร่งเพิ่มเที่ยวบินต่างประเทศขนนักท่องเที่ยว ชี้ไทยยังครองอันดับต้นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยม ส่วนผู้ประกอบการโรงแรมต้องเร่งปรับตัวให้ทันกระแสท่องเที่ยวโลก ทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และเดินหน้าสู่โรงแรมยุคดิจิตอล ร่วมกับอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เตรียมจัดประชุมใหญ่ประจำปีและกิจกรรมฉลองครบรอบ 60 ปี ในงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023 (Food & Hospitality Thailand 2023 (FHT2023)) ระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวถึงการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมว่า มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี การท่องเที่ยวไทยยังคงได้รับความนิยมและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมาคึกคักตั้งแต่ปลายปี 2565 จากนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายจากการที่รัฐบาลจีนเปิดให้มีการออกมาท่องเที่ยวเร็วกว่ากำหนด โดยในครึ่งปีหลังที่เป็นไฮซีซั่น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอีกมาก ส่วนอุปสรรคสำคัญเวลานี้ คือ จำนวนของเที่ยวบินที่จะขนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีไม่เพียงพอ การออกวีซ่าที่ใช้เวลานานและเงื่อนไขเยอะ ซึ่งหากแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้ จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้กว่า 25 ล้านคน ตามที่ตั้งเป้าไว้ เพราะแค่ 5 เดือน นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแล้วกว่า 10 ล้านคน

ด้านผู้ประกอบการโรงแรมก็ต้องพัฒนา เรียนรู้ ปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มของการท่องเที่ยวโลก ที่เดินหน้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Travel) โดยผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบเข้าสู่ระบบนิเวศ (Ecosystem) เดียวกัน ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบด้านทรัพยากรการท่องเที่ยว แสงแดด ทะเล หาดทราย วัฒนธรรม เรามีครบ ต้องช่วยกันรักษาและบริหารจัดการให้เหมาะสม พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มในกลุ่มการท่องเที่ยวมูลค่าสูง อาทิ การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Wellness Tourism) หรือการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (MICE) โดยภาครัฐควรเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนธุรกิจโรงแรมที่เน้นความยั่งยืนอย่างจริงจัง คนทำดีควรได้รับสิทธิพิเศษไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อนภาษี การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สะดวกขึ้น ฯลฯ นอกจากนั้นต้องพัฒนาการดำเนินธุรกิจสู่รูปแบบโรงแรมดิจิตอลที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในหลายด้านมากขึ้น หากทำได้ก็จะเป็นแต้มต่อในการแข่งขันมากขึ้น

สำหรับอีกภารกิจสำคัญของสมาคมฯ ในปีนี้ คือ การจัดกิจกรรมพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี และงานประชุมใหญ่ประจำปี โดยได้ร่วมมือกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พันธมิตรหนึ่งเดียวอย่างเป็นทางการที่สมาคมฯ ให้การสนับสนุนร่วมมือในการจัดงานและจัดกิจกรรมของสมาคมฯ มากว่า 20 ปี โดยงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023

 

จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นจะมีทั้งการให้ความรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจโรงแรมไทยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับธุรกิจการท่องเที่ยวโลก โดยมูลนิธิใบไม้สีเขียว ซึ่งเป็นภาคีสมาชิกจะมาร่วมให้ความรู้ถึงเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร แนวทางการคำนวณคาร์บอนในการเข้าพัก การลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน พร้อมมีการจัด Hospitality Digital Day ซึ่งจะพูดถึง Digital Marketing สำหรับธุรกิจโรงแรมในทุกแง่มุม รวมถึงการพัฒนาทักษะพนักงานบาร์โรงแรมในการแข่งขัน Asean & Thailand Hotel Bartender Compettition ซึ่งคาดว่ากิจกรรมและการประชุมในปีนี้จะมีสมาชิกผู้ประกอบการโรงแรมจากทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง รวมห้องพักแล้วประมาณ 20% ของห้องพักทั้งหมดของโรงแรมที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องเข้าร่วมงานในครั้งนี้

ด้านนายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023 กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ทางสมาคมโรงแรมไทยมองเห็นถึงความสำคัญของการจัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี ด้านอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องใช้ในโรงแรม ภัตตาคาร การจัดเลี้ยง และการบริการนานาชาติ ที่มีวัตถุประสงค์สำคัญในการเป็นศูนย์รวมการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ละปีมีการนำเสนอแนวโน้มและเทรนด์ธุรกิจของโลกเพื่อให้ผู้ประกอบการได้นำมาพัฒนาและปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเป็นประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ ทุกครั้งของการจัดงานฯ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และบริการจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจร่วมงาน โดยในการลงทะเบียนร่วมงานปีที่ผ่านมา (2565) มีผู้เข้าร่วมงานสูงถึง 22,773 จาก 61 ประเทศ และมีผู้ร่วมจัดแสดงงานถึง 243 ราย จาก 12 ประเทศทั่วโลก และ 90% ของผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เข้าร่วมงานยืนยันว่าจะกลับเข้าร่วมงานในปีนี้อีกครั้ง และที่น่ายินดีอย่างยิ่งคือเราได้รับการยืนยันจากผู้ร่วมจัดแสดงรายใหม่และพันธมิตรรายใหญ่จากหลายประเทศสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานปีนี้ อาทิ ซิโนเอ็กซ์โป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พันธมิตรใหม่ยักษ์ใหญ่จากจีน ที่จะนำงานสำคัญอย่าง Hotel & Shop Plus Thailand งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรมและพื้นที่เชิงพาณิชย์ มาร่วมจัด ทำให้ต้องมีการขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มขึ้นจาก 2 ฮอลล์ เป็น 3 ฮอลล์ สร้างความคึกคัก เพิ่มมูลค่าการเจรจาธุรกิจ และดึงดูดความสนใจจากผู้ประกอบการทั่วโลกได้อย่างแน่นอน

งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com ติดต่อ คุณสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ โทร.02-036-0500

หัวเว่ยสนับสนุนการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านบุคลากรไอซีที ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตามนโยบายประเทศไทย 4.0  ส่งเสริมความร่วมมือเชิงรุกกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทย

X

Right Click

No right click