นางสาวดวงใจ พงศ์ประเทืองสุข ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการงานขายและกลยุทธ์ประจำประเทศไทย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงทิศทางตลาดรถบรรทุก ยูโร 5 ว่า หลังภาครัฐกำหนดให้รถบรรทุกใหม่ต้องเป็นมาตรฐาน ยูโร 5 ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างมาก ผู้ประกอบการต้องการรถใหม่เพื่อใช้งานและทดแทนรถยูโร 3 เดิม ล้วนพุ่งเป้ามาที่รถยูโร 5 ทำให้รถบรรทุก สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากทุกกลุ่มลูกค้าและประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ทั้งในด้านยอดขายและคำชื่นชม รวมถึงด้านประสิทธิภาพเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน ระบบความปลอดภัยและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยหลังจากการเปิดตัว สแกนเนีย ได้เปิดกลยุทธ์ต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรมท้าพิสูจน์ประสิทธิภาพและความสามารถของรถสแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 ไปยังทั่วภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้สัมผัสกับรถในสภาพการใช้งานจริง บรรทุกด้วยน้ำหนักในการขนส่งจริง วิ่งในสภาพเส้นทางและถนนจริง ซึ่งผลสะท้อนที่ได้รับจากการทดสอบทำให้ผู้ประกอบการให้การยอมรับในสมรรถนะของ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 ที่ไม่ใช่เพียงข้อมูลหรือสถิติที่เขียนอยู่ในกระดาษ ทำให้วันนี้เกิดกระแสปากต่อปากในหมู่ผู้ประกอบการขนส่งที่จะต้องมีรถ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 อยู่ในฝูงรถเพื่อใช้งานและสร้างโอกาสในการได้รับสัญญาการจ้างงานจากลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันหลายบริษัทหรือผู้จ้างงานมีนโยบายในการพิจารณาผู้ประกอบการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย
กระแสของการถูกพูดถึงในด้านคุณสมบัติของ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 ยังสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องของยอดจำหน่ายที่ทำได้ทะลุเป้า เบื้องต้นที่ตั้งไว้ 70 คัน แต่วันนี้ยอดจำหน่ายพุ่งไปแล้วถึง 120 คัน และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จุดที่น่าสนใจไม่ใช่แค่ตัวเลขยอดขายเท่านั้น แต่หากมองลึกไปถึงกลุ่มผู้ที่จองซื้อแล้วจะพบว่า 50% เป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ ที่สนใจรถสแกนเนียมาตั้งแต่ ยูโร 3 แต่มาตัดสินใจซื้อที่ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 เนื่องจากเห็นว่าเป็นรถเครื่องยนต์สันดาปที่ดีที่สุดที่ สแกนเนีย พัฒนาขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ส่วนแบ่งในตลาดของ สแกนเนีย เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดรวมของรถบรรทุกหดตัวประมาณ 30%
ส่วนแผนงานด้านการตลาดหลังจากนี้ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ การยกระดับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสำหรับรถบรรทุก ยูโร 5 โดยเฉลี่ยประหยัดขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างน้อย 8% ซึ่งตัวเลขจริงเท่าที่ทดสอบในเส้นทางต่างๆ ด้วยการบรรทุกเต็มพิกัดขาไป และลากหางเปล่าไม่มีสินค้าขากลับ อยู่ที่ 4.3 – 4.8 กิโลเมตร / ลิตร (บรรทุกสินค้าจริงร่วมกับลูกค้าหลายบริษัท) ซึ่งประหยัดกว่าแม้รวมต้นทุนน้ำยาบำบัดไอเสียแล้ว และทำให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้อพิจารณาในการเลือกซื้อรถบรรทุก ยูโร 5 ที่มีประสิทธิภาพสูง คุ้มค่าต่อการลงทุน พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ท้าพิสูจน์ร่วมกับผู้ประกอบการในทุกกลุ่มทั้ง
ขนาดใหญ่และเล็กในการทดสอบประสิทธิภาพและความสามารถของ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 อย่างต่อเนื่อง โดยผู้สนใจร่วมทดสอบสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายขายรถบรรทุกสแกนเนียทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมี สแกนเนีย ไฟแนนซ์ ภายใต้บริษัท สแกนเนีย สยาม ลีสซิ่ง จำกัด ที่ให้บริการด้านสินเชื่อและช่วยให้ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของรถสแกนเนียได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าที่ซื้อรถสแกนเนีย ผ่าน สแกนเนีย ไฟแนนซ์ มีข้อเสนอพิเศษ ดาวน์เริ่มต้นที่ 0% ผ่อนนานสูงสุด 72 งวด รวมถึงเงื่อนไขการผ่อนชำระสินเชื่อที่ยืดหยุ่นเพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบรายได้ของธุรกิจของลูกค้าแต่ละท่านอีกด้วย
ด้านนายพัชรพงศ์ เจริญดี บริษัท เฮง ร่ำรวย ดี จำกัด ผู้ประกอบการขนส่งซึ่งตัดสินใจซื้อรถ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 เป็นรายแรกเผยว่า ทางบริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการขนส่งขนาดเล็ก ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ทั้งระยะใกล้และไกล โดยมีรถใช้ในการดำเนินธุรกิจอยู่ 3 คัน โดย สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 เป็นรถคันที่ 4 โดยการตัดสินใจเลือกรถ สแกนเนีย นั้น มาจากชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในรถบรรทุกที่มีประสิทธิภาพสูง หลังจากได้ข่าวการมาถึงของ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 จึงขอติดต่อมาเพื่อทดลองขับ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังและได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก หลังจากทดลองขับแล้วทำให้ตัดสินใจจองซื้อในวันนั้นเลย เพราะเชื่อว่า สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 เป็นรถบรรทุก ยูโร 5 ที่ดีที่สุดในเวลานี้ โดยทาง สแกนเนีย และ สแกนเนีย ไฟแนนซ์ มีการดูแลเป็นอย่างดี พร้อมมอบเงื่อนไขพิเศษทั้งในส่วนการดาวน์และผ่อนชำระ การจองซื้อรถ สแกนเนีย ซุปเปอร์ ยูโร 5 ในวันนั้น ถือเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจและเป็นจุดขายของบริษัท เรากลายเป็นเจ้าแรกที่มีรถ ยูโร 5 ไว้ให้บริการ ส่งผลให้ได้รับสัญญาจ้างขนส่งสินค้าให้กับลูกค้ารายใหญ่ ที่กำลังมองหาบริษัทขนส่งที่ใช้รถ ยูโร 5 ในการดำเนินงาน
สแกนเนีย เดินเกมบุกตลาดรถยูโร 5 ยกแรก ส่งรถบัสโดยสาร สแกนเนีย นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 พร้อมแชสซีส์ใหม่ทั้งคันสู้ศึก หวังสร้างมาตรฐานใหม่ที่มากกว่าเครื่องยนต์ยูโร 5 ด้วยจุดเด่นด้านระบบความปลอดภัยสูงสุด การประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การันตีความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการเป็นหนึ่งในผู้นำด้วยยอดใช้งานจริงจำนวนมากในยุโรปและอเมริกาใต้ตลอด 15 ปี คาดตลาดรถบัสปีนี้เป็นใจ ท่องเที่ยวฟื้น ความต้องการรถบัสบริการนักท่องเที่ยวพุ่ง ด้านผู้ประกอบการเร่งหารถเพิ่มเสริมทัพขยายธุรกิจ
นางสาวดวงใจ พงศ์ประเทืองสุข ผู้อำนวยการฝ่ายงานขาย และกลยุทธ์ประจำประเทศไทย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงการบุกตลาดและการเปิดตัวรถโดยสารยูโร 5 ใหม่เป็นเจ้าแรกของไทยว่า การมาถึงของ สแกนเนีย นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 (Scania New Bus Generation EURO 5) พร้อมแชสซีส์ใหม่ จะเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งให้กับวงการรถโดยสารของไทย ซึ่งสแกนเนียมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ยูโร 5 ที่ใช้ในงานขนส่งจริงมามากกว่า 15 ปี โดยมีการพัฒนาประสิทธิภาพเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้นทั่วโลก ทั้งในยุโรป อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง เอเชีย โอเชียเนีย และยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในทั่วทุกภูมิภาคของโลก
สำหรับหัวใจที่ทำให้ สแกนเนีย ครองความเป็นอันดับหนึ่งรถบัสโดยสารพรีเมียมนั้น มาจากการผลิตที่คำนึงถึงทุกส่วนสำคัญของผู้ประกอบการ คือ ความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งาน ทั้งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และความคงทนของแชสซีส์ ความคุ้มค่าด้านต้นทุนจากการประหยัดน้ำมัน ความแข็งแรง เป็นผู้นำเรื่องระบบความปลอดภัยสูงสุด ช่วยลดการศูนย์เสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน มีช่วงล่างที่ผู้โดยสารประทับใจในความนุ่มนวลมั่นคง ไม่เวียนหัวแม้จะนั่งแถวหลังสุดของรถโดยสาร นอกจากนั้นยังมีงานบริการดูแลรักษาที่มีคุณภาพครบวงจร ส่วนในด้านของความยั่งยืนก็ไม่ได้เป็นแค่การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแค่การปล่อยไอเสียที่น้อยลงด้วยเครื่องยนต์ยูโร 5 ที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ความยั่งยืนที่สแกนเนียทำเป็นความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร สังคม และสิ่งแวดล้อม
ส่วนแนวโน้มของตลาดรถบัสโดยสารของไทยปีนี้ คาดว่าจะเป็นปีของการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากสัญญาณที่แสดงให้เห็นตั้งแต่ปลายปี 2566 ที่มีการเดินทางของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะ จนผู้ประกอบการรถบัสโดยสารด้านการท่องเที่ยว มีการติดต่อสอบถามเข้ามาเพื่อถามหาและจองรถบัสของสแกนเนียเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3ของปี 2566 และในปีนี้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ทั้งการฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซักสถานที่เริ่มเห็นผลอย่างชัดเจน จนประเมินว่าปีนี้อาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสูงถึง 40 ล้านคน ถือเป็นปัจจัยบวกอย่างมากต่อตลาดรถบัสโดยสารและเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่ต้องการรถใหม่ เนื่องจาก สแกนเนีย นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 เป็นรถเทคโนโลยีล่าสุด ที่มีความคุ้มค่าสูง และจะสร้างแต้มต่อทางธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ให้บริการรถโดยสารด้านการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ อิทธิสารรณชัย ผู้อำนวยการสนับสนุนการขายและโลจิสติกส์ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงประสิทธิภาพของ สแกนเนีย นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 ที่มาพร้อมแชสซีส์ใหม่ว่า เป็นรถบัสโดยสารที่มีนวัตกรรมและคุณสมบัติเด่นล่าสุดของตระกูลรถยูโร 5 ด้วยเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 8% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ยูโร 3 ของสแกนเนีย มีระบบเทคโนโลยีบำบัดมลพิษในไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงภายในเครื่องยนต์ (Selective Catalytic Reduction : SCR) โดยเติมแอดบลู (AdBlue) หรือ สารยูเรียที่ไม่เป็นอันตรายในการบำบัดไอเสียให้แปรสภาพจากไนโตรเจนออกไซด์ที่เป็นก๊าซพิษเป็นไนโตเจนกับน้ำก่อนปล่อยออก ทำให้ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยลง ลด PM2.5 ได้มากถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับรถยูโร 3 และระบบเกียร์ใหม่ที่มีเกียร์เดินหน้าถึง 12 เกียร์ (จากเดิม 8 เกียร์เดินหน้า) ช่วยให้การขับขี่ราบรื่นนิ่มนวลจนผู้โดยสารไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงขณะเปลี่ยนเกียร์
อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับรถ สแกนเนีย คือ ระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดในตลาดประเทศไทย ใหม่ล่าสุดกับ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) เต็มระบบ มาตรฐานเดียวกับรถโดยสารที่ใช้ในยุโรป เช่น ระบบป้องกันรถออกนอกเลน (LDW) ระบบเตือนจุดอับสายตา(Blind spot warning) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ(AEB) ที่เบรคจนถึงจุดหยุดนิ่ง ทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ที่ปรับความเร็วรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าจนถึงจุดหยุดนิ่งโดยอัตโนมัติ และยังออกตัวเองเมื่อจอดไม่เกิน 3 วินาที รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยเดิมที่ยังมีอยู่ครบและยังทำงานได้ดีขึ้น เช่น เบรกABS และ EBS เบรกไอเสียและเบรกเสริมรีทาร์เดอร์ ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ESP) ระบบกันลื่นไถล (Traction Control) ฯลฯ ด้วยคุณสมบัติเด่นดังกล่าวทำให้ทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่รถบัสโดยสารระดับพรีเมี่ยมยกให้รถบัสสแกเนียเป็นแบรนด์ยุโรปอันดับหนึ่งในตลาดประเทศไทย
สแกนเนีย นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 และแชสซีส์ใหม่ เปิดตัวพร้อมกัน ทั้ง รถ 6 ล้อ (4x2) ความยาว 12 เมตร 320 แรงม้า และ รถ 8ล้อ (6x2*4) ความยาว 13.50 เมตร 410 แรงม้า) และ รถ 8ล้อ(6x2*4) ความยาว 15 เมตร 410 แรงม้า นอกจากนี้สแกนเนียยังมีความพร้อมด้านผู้เชี่ยวชาญการต่อตัวถังคอยดูแลให้รถได้มาตรฐาน และเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย
ด้านแผนการตลาดนั้น นายพรต โชตินันทน์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถโดยสารสแกนเนีย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า ลูกค้ากลุ่มรถบัสโดยสารของ สแกนเนีย แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มรถประจำทาง กลุ่มรถท่องเที่ยว กลุ่มรถโรงงาน และกลุ่มรถที่มาจากการประมูลงานราชการหรือกลุ่มที่นำรถไปใช้ส่วนตัว ซึ่งสิ่งสำคัญของผู้ประกอบการรถโดยสาร คือ ความต้องการรถประสิทธิภาพสูงที่พร้อมทำงานได้ตลอดเวลา มีความปลอดภัยที่ได้รับความไว้วางใจจากนักขับและผู้โดยสาร และความคุ้มค่าในการดำเนินงาน เช่น การประหยัดน้ำมัน ซึ่ง สแกนเนีย มีความพร้อมตอบโจทย์งานขนส่งผู้โดยสารครบทุกมิติ จึงไม่แปลกที่จะเป็นตัวเลือกลำดับต้นของผู้ประกอบการ ซึ่งในช่วงแรกที่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการก็ได้รับความสนใจและมีความต้องการจากตลาดจองรถกันเข้ามาแล้ว
ส่วนงานบริการและอะไหล่นั้น สแกนเนีย ประเทศไทย พร้อม 100% เพราะ นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 มีการใช้งานแพร่หลายอยู่แล้ว ผนวกกับศูนย์บริการมาตรฐาน 11 สาขาทั่วประเทศบนเส้นทางขนส่งหลักและทีมช่างที่ได้รับการอบรมตามมาตรฐานการดูแลรักษารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานสูงสุดเสมอ รวมถึงมีสต๊อกอะไหล่อย่างเพียงพอต่อความต้องการ
สำหรับการเปิดตัว สแกนเนีย นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 สู่ตลาดนั้น จะมีการจัดกิจกรรมแนะนำ นิทรรศการ และสัมผัสรถตัวจริงตั้งแต่วันที่ 4-15 มีนาคม 2567 ที่ศูนย์บริการ สแกนเนีย บางนา และจะมีการขยายกิจกรรมแนะนำรถไปยังส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมีนาคม ที่ศูนย์หาดใหญ่ สัปดาห์ที่ 4 ที่ศูนย์เชียงใหม่ สำหรับราคาขายนั้น รุ่น 6 ล้อ เริ่มต้นที่ 3.9 ล้านบาท ซึ่งสแกนเนีย มีหน่วยงานบริการด้านการเงิน (ไฟแนนซ์) ของตัวเอง ที่เข้าใจธุรกิจขนส่งและพร้อมมอบความยืดหยุ่น เงื่อนไขสุดพิเศษให้กับลูกค้าที่สนใจทุกท่าน
ผู้สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมรถบัสโดยสาร สแกนเนีย นิว บัส เจเนอเรชั่น ยูโร 5 สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณพรต โชตินันทน์ หรือค้นหาข้อมูลได้ที่ LINE OA: Scania TH Group.
LT by COTTO แอลที บาย คอตโต้ นวัตกรรมพื้นผิวปูพื้นคุณภาพสูง และวัสดุแผ่นปูผนัง แบบ Smart Flexible ที่มาพร้อมกับความงามเสมือนจริง ด้วยนวัตกรรมที่ไม่สิ้นสุด ภายใต้ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีสุดในการพักอาศัย ด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ภายใต้ฉลาก SCG GREEN CHOICE ตามมาตรฐาน ISO 14021 อีกหนึ่งวัสดุก่อสร้างที่ช่วยขับเคลื่อนพลังการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐาน LEED หรือ TREES และ อาคารเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีตามมาตรฐาน WELL
นายสมกุล บุญมา ผู้จัดการ New Growth Business บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า “LT by COTTO (แอลที บาย คอตโต้) เป็นนวัตกรรม Limber Technology ใหม่ของการสร้างสรรค์วัสดุ แผ่นปูพื้น และวัสดุแผ่นปูผนัง (Deco Wall) แบบ Smart Flexible ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติอันโดดเด่น ตั้งแต่การถ่ายทอดความความงามเสมือนจริงแบบ Unique Design ที่คัดสรรลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ LT ผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของออกแบบลวดลายให้มีความคมชัด ผิวสัมผัสสวยสมจริง ตามต้นฉบับของวัสดุธรรมชาติ ได้อย่างลงตัว และเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับลูกค้าได้มั่นใจ ทุกครั้งที่เลือกใช้ LT by COTTO ว่าเป็นวัสดุแผ่นปูพื้นและวัสดุแผ่นปูผนัง (Deco Wall) แบบ Smart Flexible ที่นอกจากเลือกใช้วัตถุดิบเฉพาะ Premium Healthy Grade ที่มีความปลอดภัย เป็นมิตรทั้งต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม การันตีด้วยการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมระดับ World-Classแล้ว ในกระบวนการผลิต LT by COTTO ยังช่วยลดการปล่อยสารอินทรีย์ระเหยง่าย Volatile Organic Compounds (VOCs) ไม่เกิน 0.5 mg/m3 ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย และมีความเป็นมิตรต่อสุขภาพอนามัย (Health or Hygiene) เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับการพักอาศัย ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice ฉลากสิ่งแวดล้อมที่รับรองโดยเจ้าของผลิตภัณฑ์เอง (Self-Declared) ตามมาตรฐาน ISO 14021 และสร้างความภาคภูมิใจให้ลูกค้าได้ร่วมแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมกัน เมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าด้านสุขภาพอนามัยที่ดี (Well Being) ทั้งนี้ LT by COTTO ยังเป็นวัสดุตกแต่งที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับอาคารเขียว ตามมาตรฐาน LEED หรือ TREES และ อาคารเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีตามมาตรฐาน WELL อีกด้วย”
“อย่างไรก็ดี LT by COTTO ยังเป็นวัสดุแผ่นปูพื้น และวัสดุแผ่นปูผนัง (Deco Wall) แบบ Smart Flexible ที่มีการพัฒนาระบบติดตั้งให้มีประสิทธิภาพ แบบครบจบในที่เดียว และทีมงานคุณภาพที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้ผู้บริโภค สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคยุคใหม่แบบนิวนอร์มัล ที่นอกจากต้องการวัสดุในการปรับปรุงที่พักอาศัยแบบสะดวก รวดเร็วในการดำเนินงานแล้ว ยังให้ความใส่ใจต่อคุณภาพการพักอาศัยและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในที่พัก และชุมชนเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งทำให้การเปิดตัวของ LT by COTTO ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก”นายสมสกุลกล่าวสรุป
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาข้อมูลสินค้าและแรงบันดาลใจในการตกแต่งพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลก สามารถชมสินค้าพร้อมขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https:/www.cottolife.com/ และLine Official Account : @COTTOlife >> http://bit.ly/2D5BeJd หรือเยี่ยมชมเลือกซื้อได้ที่ COTTO Life ทั้ง 3 สาขา กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น นอกจากนี้ยังมีร้านวัสดุก่อสร้างชั้นนำ หรือร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ให้ท่านได้สัมผัสพื้นผิว ความสวย สะอาดเพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้ สินค้า SCG Green Choice ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่น่าสนใจอีกมากมาย ให้สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scgbuildingmaterials.com/th/campaign/scg-green-choice
SCG GREEN CHOICE เห็นปุ๊บ เลือกปั๊บ มั่นใจได้ว่ารักษ์โลก มองหาฉลาก SCG Green Choice ทุกครั้งที่ซื้อ คุณเลือก เพื่อโลกได้