

บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 รับรู้กำไรส่วนของบริษัทฯ จำนวน 6,127 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.82 บาท และกำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 15,906 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ให้กับ ผู้ถือหุ้น เป็นจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 1.60 บาท โดยจะเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 24 เมษายน 2568 และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568
นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากกำไรส่วนของบริษัทฯ จำนวน 6,127 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 และ EBITDA จำนวน 15,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยมีปัจจัยบวกจากรายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุน จำนวน 6,798 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 78 ซึ่งเป็นผลมาจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม หินกอง ชุดที่ 1 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตันในอินโดนีเซีย สำหรับรายได้รวม ในปี 2567 เป็นจำนวน 42,203 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจผลิตไฟฟ้า ถือเป็นแหล่งรายได้หลัก เป็นจำนวน 40,024 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 95 ของรายได้รวม โดยเป็นรายได้ที่ได้จากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล จำนวน 34,326 ล้านบาท และรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จำนวน 5,698 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคและอื่น ๆ เป็นเงินจำนวน 2,179 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5 ของรายได้รวม
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2567 เป็นจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56.80 ของกำไรปี 2567 ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก (งวดเดือนมกราคม - มิถุนายน 2567) แล้ว จำนวน 1,740 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 0.80 บาท จึงคงเหลือเงินปันผล อีกจำนวน 1,740 ล้านบาท คิดเป็น 0.80 บาทต่อหุ้น ที่จะดำเนินการจ่ายภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม ศกนี้
“บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจผลิตไฟฟ้า จะยังคงเป็นธุรกิจหลัก ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการทบทวนและปรับแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนโครงการด้านพลังงานและไฟฟ้า นวัตกรรมที่เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานทั้งในประเทศไทยและประเทศเป้าหมาย ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มศึกษาพลังงานรูปแบบใหม่ที่จะนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า ได้แก่ เชื้อเพลิงกรีนไฮโดรเจน เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ ระบบกักเก็บพลังงานรูปแบบแบตเตอรี่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมุ่งที่การบริหารจัดการพอร์ตสินทรัพย์ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้สามารถสร้างรายได้เสริมหนุนต่อการเติบโตของบริษัทฯ ให้ดียิ่งขึ้น สำหรับแผนกลยุทธ์ดังกล่าว กำหนดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปีนี้” นายนิทัศน์ กล่าว
ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 214,337 ล้านบาท หนี้สินรวม 107,963 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 106,374 ล้านบาท สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 1.01 เท่า
กรมป่าไม้และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขอเชิญชวนป่าชุมชนทั่วประเทศ ร่วมชิงรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2568 และเงินรางวัล 200,000 บาท ภายใต้โครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ปีที่ 18 ที่มุ่งส่งเสริมการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระตุ้นจิตสำนึกและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่ป่าชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งในปี 2568 นี้ รางวัลประเภทดีเด่นได้หยิบยกประเด็นด้านการรับมือต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยผสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมกันลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและบรรลุสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ผ่านกลไก “ป่าชุมชน”
ป่าชุมชนที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2568 ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ เว็บไซต์กรมป่าไม้ www.forest.go.th และเว็บไซต์ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) www.ratch.co.th หรือติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ “สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ทั่วประเทศ” และสำนักจัดการป่าชุมชน โทร. 0 2561 4292-3 ต่อ 5654
การประกวดป่าชุมชน ภายใต้โครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ประจำปี 2568 ประกอบด้วยรางวัลรวม 16 รางวัล มูลค่าเงินรางวัลรวม 1.4 ล้านบาท ได้แก่
1. รางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ชนะเลิศระดับประเทศ จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินกองทุนอนุรักษ์ป่าชุมชน 200,000 บาท
2. รางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน รองชนะเลิศระดับประเทศ 3 รางวัล จะได้รับถ้วยรางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินกองทุนอนุรักษ์ป่าชุมชน รางวัลละ 150,000 บาท
3. รางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ชนะเลิศระดับภาค 4 รางวัล จะได้รับโล่รางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินกองทุนอนุรักษ์ป่าชุมชน รางวัลละ 100,000 บาท
4. รางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน รองชนะเลิศระดับภาค 4 รางวัล จะได้รับโล่รางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินกองทุนอนุรักษ์ป่าชุมชน รางวัลละ 50,000 บาท
5. รางวัลป่าชุมชนดีเด่น ด้านการรับมือต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ 4 รางวัล จะได้รับถ้วยรางวัล ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินกองทุนอนุรักษ์ป่าชุมชน รางวัลละ 50,000 บาท
การพิจารณาตัดสินรางวัลคัดเลือกจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงกระบวนการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน และแผนงานการอนุรักษ์ที่คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืน
นนทบุรี- บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้สีเขียว ประมาณ 495 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพื่อปรับโครงสร้างหนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 3 แห่งในออสเตรเลีย ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมคอลเล็กเตอร์ ขนาดกำลังการผลิต 226.8 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลมเมาท์เอเมอรัลด์ ขนาดกำลังการผลิต 180.5 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินส์วิลล์ ขนาดกำลังการผลิต 42.5 เมกะวัตต์ ธุรกรรมดังกล่าวดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมด คือ บริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RAC) ซึ่งตั้งอยู่ในออสเตรเลีย ภายใต้กรอบการเงินสีเขียว (Green Finance Framework) ของ RAC ซึ่งสอดคล้องกับหลักการตราสารหนี้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond Principle) ของ International Capital Market Association และหลักการการกู้ยืมสีเขียว (Green Loan Principle) ของ Loan Market Association
![]()
สำหรับบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในออสเตรเลีย โดยพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1.2 กิกะวัตต์ ความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ นอกจากจะช่วยสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งแล้ว ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของ RAC ให้สามารถขยายการลงทุนได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
![]()
เงินกู้สีเขียวดังกล่าวนี้ ได้รับรางวัล IJGlobal Awards 2022 ประเภท “Refinance Deal of the Year – Portfolio” ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากเป็นธุรกรรมจัดหาเงินกู้เพื่อนำไปชำระคืนหนี้พอร์ตลงทุนโครงการพลังงานทดแทนและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีอันเป็นผลมาจากราช กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ RAC มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง นอกเหนือจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน-1 ประเทศอินโดนีเซีย กำลังการผลิตติดตั้ง 180 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 47.89 ยังได้รับรางวัล “Refinance Deal of the Year – Hydropower” จาก IJGlobal Awards 2022 ด้วย
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ขวา) ได้รับรางวัลและการประกาศเกียรติคุณ เป็น "บัญชีจุฬาฯ ดีเด่น" ประจำปี พ.ศ. 2565 ประเภทผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หรือองค์กรมหาชน (ทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว หรือส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท) จากสมาคมนิสิตเก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ.ดร.วิรัช อภิเมธีธำรง อดีตคณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ซ้าย) เป็นผู้มอบรางวัล
นางสาวชูศรีถือเป็นผู้นำหญิงคนแรกของบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์ด้านการบริหารการเงินและการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานมากกว่า 30 ปี ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ Triple S: Strength -Sustainability-Synergy เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร ผู้มีส่วนได้เสีย และสิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกัน
ก่อนหน้านี้ นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ให้อยู่ในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2564 (ครั้งที่ 2) ในฐานะผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเงิน บัญชี และบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สมควรกับรางวัล "บัญชีจุฬาฯ ดีเด่น" ประจำปี พ.ศ. 2565
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี บัญชีบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาโท บัญชีมหาบัณฑิต (การบัญชี) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการการเงินและบัญชี ทำหน้าที่ผู้บริหารใหญ่ด้านการเงิน (Chief Financial Officer) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย