November 23, 2024

มูจิ ประเทศไทย (MUJI) เดินหน้ากลยุทธ์การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์สาขาล่าสุด “มูจิ วัน แบงค็อก” (MUJI ONE BANGKOK) บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจ ไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวระดับเมกะโปรเจคท์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ นับเป็นสาขาที่มีพื้นทึ่มากที่สุดในประเทศไทยกว่า 3,040 ตารางเมตร มอบประสบการณ์ช้อปปิ้ง ที่ไม่แตกต่างจากสาขาของมูจิในประเทศญี่ปุ่น ชูความครบครันและหลากหลายของสินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันของ MUJI ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ของการใช้ชีวิต มากกว่า 5,000 รายการ คุณภาพมาตรฐานระดับญี่ปุ่น ในราคาที่จับต้องได้ ปักธงเป็นสาขาหลักของมูจิในประเทศไทยที่จะใช้เปิดตัว และจำหน่ายสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ รวมถึงใช้จัดกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ ตั้งเป้าเป็น Must-Visit Destination ที่ลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปักหมุดในเช็คลิสต์เมื่อมาเยือน “วัน แบงค็อก”

นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “การเปิดตัว “มูจิ วัน แบงค็อก” เกิดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทที่ต้องการยกระดับรูปแบบร้านค้าให้เป็นไลฟ์สไตล์สโตร์ที่เป็นมากกว่าประสบการณ์การจับจ่ายใช้สอยแต่ยังเป็นสถานที่ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้ชีวิตประจำวัน ได้อย่างครบครันในทุกมิติ ควบคู่กับการเดินหน้ากลยุทธ์ในการขยายสาขาไปยังทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งสิ้นเป็น 38 สาขาสำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้รุกเปิดสาขาใหม่กว่า 14 แห่ง แบ่งออกเป็น 4 สาขาในปี 2565 และ 3 สาขาในปี 2566 และในปีนี้มีการเปิดตัวสาขาใหม่ไปแล้วถึง 7 สาขา โดยหากแบ่งสัดส่วนการเปิดตัวสาขาใหม่ทั้งหมดตามพื้นที่ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สามารถแบ่งออกเป็นสาขาในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 7 สาขา และในต่างจังหวัดอีก 7 สาขา ทำให้ปัจจุบันเรามีร้านมูจิสโตร์ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย ตามเป้าหมายในการเป็นแบรนด์สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน”

“ด้วยทำเล และความมุ่งมั่นของโครงการ “วัน แบงค็อก” ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวระดับเมกะโปรเจคท์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นเดสทิเนชั่นใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาสู่โครงการอย่างมหาศาล รวมถึงพื้นที่ของคอนเซ็ปต์สโตร์ที่กว้างขวางกว่า 3,040 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดของไทยในปัจจุบัน ทำให้  “มูจิ วัน แบงค็อก” มีพื้นที่ในการแสดงสินค้าที่หลากหลายครบทุกประเภทผลิตภัณฑ์ไม่แตกต่างจากสาขาหลักในประเทศญี่ปุ่น ภายในสโตร์แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อาทิ

ทุกสิ่งที่คุณต้องการใช้งานในชีวิตประจำวัน ครบจบที่นี่

  • โซนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย (Garments) สินค้ายอดนิยมของมูจิที่มีสัดส่วนยอดขายรวมกว่า 50% ของบริษัท รวบรวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่หลากหลายและครบครันทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก มาไว้มากที่สุด ประเดิมการเปิดตัวของสาขาด้วยการดิสเพลย์คอลเลคชั่น ฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2024 นำเสนอเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวจากวัสดุหลากประเภทครบทุกแบบในคอลเลคชั่น รวมถึง MUJI LABO (มูจิ ลาโบ) ไลน์สินค้าพิเศษจากมูจิ ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด "งานฝีมือสุดประณีตผสานการออกแบบที่สร้างสรรค์" ทำหน้าที่เป็นมากกว่าเครื่องแต่งกาย แต่ยังสะท้อนทั้งแนวคิด ไลฟ์สไตล์ และรสนิยมของผู้สวมใส่ ผ่านงานดีไซน์ที่พิถีพิถัน โดยคอลเลคชั่น MUJI Labo Autumn / Winter 2024 ชูคุณสมบัติเด่นจากวัสดุธรรมชาติ พร้อมดีไซน์ที่สวยคลาสสิกจากงานฝีมือสุดประณีต อาทิ เสื้อโค้ทและเสื้อเสวตเตอร์ผ้าวูลแคชเมียร์ เสื้อโค้ทยาวขนเป็ด เสื้อเชิ้ต เสื้อเบลาส์ และไอเทมสุดพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

  • โซนเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ที่มียอดขายรวมกว่า 47% พิเศษกว่าสาขาอื่นๆ ในประเทศไทยด้วยการออกแบบโชว์รูมในรูปแบบบ้านตัวอย่างในสไตล์มูจิ รวบรวมสินค้าจำเป็นในทุกโซนของบ้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ทำความสะอาด และจัดระเบียบบ้าน ที่ครบครัน พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่ๆ อาทิ Air Sofa ที่สามารถพับเก็บได้ เฟอร์นิเจอร์โครงสร้างท่อเหล็ก (Steel Pipe Furniture) คอลเลคชั่นชุดเครื่องนอนหลากหลายวัสดุทั้งผ้าจากเส้นใยจากถั่วเหลือง ผ้าสักหลาด และวัสดุอื่นๆ อีกมากมาย โดยไม่ทิ้งสินค้าหลักขายดีอย่างหมอนอิงแบบนุ่มหลากวัสดุหลายสไตล์ คอลเลคชั่นเครื่องนอนสัมผัสเย็น (Cool Touch) คอลเลคชั่นสินค้าจัดระเบียบและเก็บของ น้ำหอมสำหรับบ้าน และสินค้าสำหรับการเดินทางและอื่นๆ อีกมากมาย

  • โซน Health & Beauty ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม รวมไปถึงอุปกรณ์แต่งหน้า เครื่องสำอาง และเครื่องหอมอะโรม่าหลากหลายกลิ่น ที่โดดเด่นในเรื่องของส่วนผสมที่สกัดจากธรรมชาติ และปราศจากสารเคมี

  • โซนขนมและอาหารสำเร็จรูป ครั้งแรกของการเปิดตัวโซนอาหารท้องถิ่นที่ผลิตในประเทศไทย ผ่านการคัดสรรและเพิ่มมูลค่าในสไตล์มูจิ โดยปราศจากสารกันบูดและถนอมอาหาร อาทิขนมกุ้งกรอบ 6 รสชาติ รวมถึงผลไม้ และถั่วลิสงเคลือบช็อคโกแลต หอมอร่อยด้วยช็อคโกแลตแท้ 60% ช่วยชูรสชาติดั้งเดิมของผลไม้ไทยเช่นมะม่วง กล้วยเป็นต้น นอกจากนี้ยังคัดสรรขนมขบเคี้ยวกว่าหลายร้อยรายการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในแบบญี่ปุ่นแท้ๆ นอกจากนี้ยังนำเสนอมื้ออาหารพร้อมรับประทานที่นำเข้าจากหลากหลายแหล่งในญี่ปุ่น อาทิราเมงจากหลายภูมิภาคที่สะท้อนเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ให้คุณได้สัมผัสความแตกต่างของรสชาติในแต่ละพื้นที่ เหมือนยกวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ มาไว้ที่นี่

นอกจากนี้ยังมีโซนอุปกรณ์เครื่องเขียนและสำนักงานหนึ่งในประเภทสินค้ายอดนิยมของมูจิและโซนอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง รวมถึงสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย”

สินค้าและบริการใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่นี่ที่เดียว

“ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้ “มูจิ วัน แบงค็อก” เป็นสาขาหลักของมูจิในประเทศไทย จึงมีการเปิดตัวสเปซ Open MUJI” เป็นครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นพื้นที่เปิดตัวและจำหน่ายสินค้าคอลเลคชั่นใหม่คอลเลคชั่นพิเศษ รวมถึงใช้จัดแสดงนิทรรศการ กิจกรรมเวิร์กช้อป และกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ โดยมีวัตถุประสงค์ให้พื้นที่นี้ สะท้อนแนวคิดของมูจิในการเชื่อมต่อกับลูกค้า สังคมและชุมชน

ทั้งยังนำเสนอรูปแบบของการช้อปปิ้งที่แปลกใหม่ โดยดึงเอาข้อดีหลายๆ ด้านของแนวคิดการออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นมาผสานเข้ากับ วัฒนธรรม และความชื่นชอบในแบบของคนไทย จนเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของสินค้า บริการ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ถูกคิดและออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบอาทิ โซน Grab & Go พื้นที่สะดวกซื้อ ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ 7.00 น. นำเสนอสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ เบเกอรี่ ทั้งแบบกึ่งสำเร็จรูป และแบบทำสดใหม่พร้อมรับประทาน โซน Green& Outdoor Goods สินค้าต้นไม้หลากหลายประเภท ของประดับตกแต่งสวน และเฟอร์นิเจอร์แบบกลางแจ้ง โซน PET Products เอาใจคนรักสัตว์ด้วยสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเช่น ชามอาหาร และเบาะสัตว์เลี้ยง รวมถึงโซน Services ต่างๆ ที่เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ “มูจิ วัน แบงค็อก” ที่เดียว เช่นบริการปักผ้า และสกรีนที่สามารถนำสินค้าของมูจิ มาปักหรือสกรีนตัวอักษร และลวดลายการ์ตูนที่มีให้เลือกกว่า 200 ลาย รวมถึงลายพิเศษที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” จากฝีมือการสร้างสรรค์ของนักวาดภาพประกอบรุ่นใหม่ชาวไทยอย่าง ReenP, Atelier Pakawan และ Fahsuwaree นอกจากนี้ลูกค้าสามารถนำลายที่ตัวเองออกแบบหรือชื่นชอบ มาใช้บริการปัก หรือพิมพ์ลายสกรีนได้ที่สาขานี้เป็นสาขาแรกในกรุงเทพมหานครฯ หลังจากเปิดตัวบริการนี้เป็นครั้งแรกในไทยที่มูจิ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา”

ริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสนับสนุนชุมชนและความยั่งยืน

“นอกจากนี้มูจิ ประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน ผ่านโซนต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน (Local Community Collaboration) ได้แก่ Community Market ตลาดนัดมูจิ เพื่อให้ร้านค้าท้องถิ่นสามารถเข้ามาจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นหลากหลาย โดยจะมีการจัดกิจกรรมตั้งแต่วันเปิดคอนเซ็ปต์สโตร์จนถึงวันที่ 1 ธ.ค. นี้ Refill Station ที่ MUJI วางจำหน่ายสินค้าจากแบรนด์ Normal Refill ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบรีฟิล ที่ผลิตขึ้นจากส่วนผสมหลักจากธรรมชาติอย่าง ผลมะคำดีควาย เก็บเกี่ยวด้วยคนในท้องถิ่น สร้างรายได้กลับสู่ชุมชน ReMUJI การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าด้วยการนำเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานในคอลเลคชั่นเก่าของมูจิ มาผ่านกระบวนการย้อมครามเพื่อ นำกลับมาขายใหม่ Local Products ที่มีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” นำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งมูจิ ประเทศไทยที่ร่วมพัฒนาสินค้ากับผู้ประกอบการแบรนด์เซรามิกท้องถิ่นจากจังหวัดเชียงใหม่ได้แก่ InClay Studio และ Charm-learn Studio โดยเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ทางแบรนด์สร้างสรรค์และคิดมาอย่างพิถีพิถันจะช่วยส่งเสริมให้ “มูจิ วัน แบงค็อก” เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมเยือนเมื่อเข้ามาใช้ไลฟ์สไตล์ หรือท่องเที่ยวในโครงการ “วัน แบงค็อก” นายอกิฮิโร่เสริม

 

นางสาวอริญา พันธุมโกมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มูจิ รีเทล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “มูจิ ประเทศไทย มุ่งการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ “มูจิ วัน แบงค็อก” สู่กลุ่มเป้าหมาย  ในวงกว้าง โดยใช้ช่องทางและวิธีการสื่อสารหลากหลายรูปแบบทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ รวมถึงมีการใช้สื่อนอกบ้าน (Out of home) ทั้งยังมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และโบว์-เมลดา สุศรี มาร่วมงานเปิดตัวสาขาอย่างเป็นทางการเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ของสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” นอกจากนี้ในช่วงเปิดสาขาใหม่ บริษัท ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี เพื่อกระตุ้นยอดขายเอาใจแฟนๆ ของมูจิที่มาหาซื้อของขวัญ สร้างความคึกคักให้กับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ด้วยข้อเสนอพิเศษสำหรับการซื้อสินค้ายอดนิยมหลายรายการ และการมอบของสมนาคุณพิเศษ Limited Jute Bag ลายพิเศษ MUJI One Bangkok เมื่อซื้อสินค้า มูจิครบ 2,000 บาท* นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์ร่วมลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-โตเกียว จาก All Nippon Airlines รวมถึงกระเป๋าเดินทาง MUJI และไอเทมอื่นๆ อีกมากมาย ระหว่างวันที่ 1-10 พ.ย. นี้ ไม่เพียงเท่านั้นสำหรับลูกค้าใหม่ที่แอดไลน์ (LINE) MUJI Thailand รับ E-Cash Coupon ส่วนลด 300 บาท* สำหรับซื้อสินค้าขั้นต่ำ 3,000 บาท* ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ย.นี้ อีกด้วย ”

นอกจากนี้เรายังมีเครื่องกาชาปองสุดพิเศษต้อนรับการเปิดตัวสาขา “มูจิ วัน แบงค็อก” ให้ลูกค้าสามารถร่วมสนุกกับการสะสมสินค้ายอดนิยมของมูจิจำลองในขนาดจิ๋ว ที่ถือเป็นไอเทมลิมิเต็ดที่สามารถซื้อเป็นของขวัญและของฝากในช่วงเปิดตัวสาขาใหม่อย่างเป็นทางการ”

สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ได้ที่คอนเซ็ปต์สโตร์สาขาล่าสุด “มูจิ วัน แบงค็อก” ชั้น B1 โซน Parade โครงการ “วัน แบงค็อก” หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook: MUJI Thailand และ Instagram: MUJI_Thailand / LINE Official Account : @MUJIThailand

วัน แบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ต้นแบบกรีนสมาร์ทซิตี้ใจกลางกรุงเทพฯที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด The Heart of Bangkok เมืองที่ใช้ใจสร้าง โดยยึดเอา “หัวใจ” ของผู้คนเป็นศูนย์กลาง ร่วมสนับสนุนเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) จับมือกับศิลปินและนักออกแบบชื่อดังมากมาย รังสรรค์ “วัน แบงค็อก พาวิลเลียน (One Bangkok Pavilion)” ตอกย้ำความมุ่งมั่นของโครงการฯ ในการนำศิลปะและวัฒนธรรมมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ผ่านการจัดแสดงพื้นที่สร้างสรรค์และโปรแกรมศิลปะหลากหลายแขนง (Inspiring Urban Canvas)

จรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย หัวหน้าภัณฑารักษ์และผู้บริหารฝ่ายศิลปะและวัฒนธรรม และรองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการสื่อสารและประชาสัมพันธ์แบรนด์เชิงกลยุทธ์ โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า “วัน แบงค็อก ร่วมสนับสนุนเทศกาล Bangkok Design Week ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยความเชื่อว่าศิลปะและวัฒนธรรมจะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้คนและเมือง ช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับทุกคน เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การเข้ามามีบทบาทในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ ของ วัน แบงค็อก ในปีนี้จึงเป็นการตอกย้ำความตั้งใจและวิสัยทัศน์ของโครงการฯ ในฐานะผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ยิ่งขึ้นในวงการศิลปะ การออกแบบสร้างสรรค์ และบุคคลทั่วไป โดยเราได้รังสรรค์ วัน แบงค็อก พาวิลเลียน ให้สอดคล้องกับแนวคิดของเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 ที่ว่า ‘Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี’ โดยตีความแนวคิดเรื่องการร่วมมือระหว่างผู้คน (Collaboration) ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการพัฒนาพื้นที่ให้มีศักยภาพ อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสื่อเรื่องราวและเชื่อมโยงกับการสร้างเมือง พร้อมเนรมิตพาวิลเลียนแห่งนี้ให้เป็นพื้นที่จำลองของเมืองน่าอยู่ โดยร่วมมือกับหลากหลายครีเอเตอร์และศิลปินเพื่อส่งต่อพลังของการมีส่วนร่วมและศิลปะไปสู่ทุกคน (Inspiring Urban Canvas)”

วัน แบงค็อก จุดประกายชีวิตให้ใกล้ชิดศิลปะ(Open Up Art to Life) โดยจับมือกับ Supermachine Studio สตูดิโอดีไซน์ชื่อดังเจ้าของรางวัลระดับโลก ในการออกแบบ “วัน แบงค็อก พาวิลเลียน” ให้สามารถเข้าถึงง่ายและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับ Kids Bloom และ Yimsamer สองมัลติมีเดียเอเจนซีที่เชี่ยวชาญด้านงานอิมเมอร์ซีฟ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ผ่านเกมกระโดดแบบร่วมสมัยบนจออินเทอร์แอคทีฟที่ได้แรงบันดาลใจมากจากเกม ‘ตั้งเต’ เชื้อเชิญให้ทุกคนเข้ามาร่วมสนุกในพื้นที่ของพาวิลเลียน

ด้าน ปิตุพงษ์ เชาวกุล สถาปนิกและผู้ก่อตั้งบริษัท Supermachine Studio กล่าวถึงการออกแบบ ‘วัน แบงค็อก พาวิลเลียน’ ว่า “จากแนวคิด ‘Inspiring Urban Canvas’ เราได้ตีความการออกแบบตัวพาวิลเลียนให้มีรูปทรงคล้ายกับปราสาทที่สร้างขึ้นมาจากบล็อกไม้ หรือ wooden block ซึ่งเปรียบเทียบรูปทรงเรขาคณิตที่มีความแตกต่างและหลากหลายกับการสร้างเมืองที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกคน โดยแต่ละคนช่วยกันคนละไม้ละมือ นำความฝัน และแรงบันดาลใจของตัวเองมาเรียงร้อยกันให้พาวิลเลียนนี้สมบูรณ์ พร้อมให้ทุกคนเข้ามาร่วมสนุกและมีปฏิสัมพันธ์ได้ตลอดเวลา ไม่ซับซ้อนเข้าถึงยากจนถูกมองว่าเป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่ตั้งตระหง่าน หรือเป็นเพียงฉากหลังในรูปถ่าย และที่สำคัญคือจะต้องเป็นพื้นที่ที่ให้อิสระแก่ผู้ร่วมงานในการตีความการใช้งานในแบบของตนเอง จนเกิดเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกคน”

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เมืองให้เกิดศักยภาพ นำเสนอผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และดนตรี ร่วมกับหลากหลายศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ กิจกรรม Live Paint โดย BIGDEL และ MRKREME สองศิลปินสตรีทอาร์ตชื่อดังจาก Bridge Art Agency ที่จะมาวาดลวดลายระบายสีสันในแบบของตัวเอง บนตัวบล็อกของพาวิลเลียน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพลังชีวิตตลอดเทศกาล, การแสดงดนตรีสดพร้อมกับเพ้นต์ภาพ บอกเล่าเรื่องราวของเมืองหลวงและเมืองในฝันผ่านท่วงทำนองดนตรีที่สอดประสานไปกับภาพวาด ของฝาแฝดมะเขือเทศ โดย S I R I เจ้าของลายผลงาน Tomato Twins และ รศ.ดร. ภาธร ศรีกรานนท์ นักดนตรี นักประพันธ์เพลงระดับนานาชาติ อดีตสมาชิกวง อส.วันศุกร์, กิจกรรม Urban Swing Dancing ที่จะเปิดฟลอร์แห่งความสนุกให้ทุกคนลุกขึ้นมาเต้นกับ Jelly Roll Dance Club และ The Stumbling Swingout, เสียงเพลงจากเหล่าดีเจ จาก Bangkok Community Radio ที่จะมาขับกล่อมบรรยากาศยามค่ำคืนให้ไม่เงียบเหงา, การแสดงเพอร์คัสชันจาก Tiger Drum Thailand, กิจกรรมเวิร์คช็อปศิลปะ History On Screen ที่คนรักงานคราฟต์ต้องลองกับคลาสการพิมพ์ซิลค์สกรีนด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของพื้นที่บริเวณถนนวิทยุและพระราม 4 โดย TNT SCREEN x Tosmile28 เพิ่มความพิเศษด้วยน้ำโซดารสชาติที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่โดย Aircraft Cola, Performing Art ศิลปะการแสดงสำหรับเด็กและInteractive Movement Performance โดย BICT Fest เทศกาลละครนานาชาติสำหรับเด็กและเยาวชนและ BIPAM เทศกาลศิลปะการแสดงร่วมสมัยนานาชาติ รวมถึงอีกหลากหลายกิจกรรมที่จะมาสร้างสีสันตลอดงาน

พบกับ “วัน แบงค็อก พาวิลเลียน (One Bangkok Pavilion)” ในเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2567 ณ ลานหน้าไปรษณีย์กลาง บางรัก ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11:00 – 22:00 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามตารางงานและรายละเอียดกิจกรรมทาง Instagram @onebangkokartandculture หรือ ทางเว็บไซต์ www.onebangkok.com 

วัน แบงค็อก (One Bangkok) ตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านการสนับสนุนด้านศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและเมือง จัดแสดง วัน แบงค็อก พาวิลเลียน (One Bangkok Pavilion) นิทรรศการศิลปะคอนเซปต์ “Inspiring Urban Canvas” ในเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) ภายใต้แนวคิด Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี” โดยร่วมมือกับ Supermachine Studio สตูดิโอดีไซน์ชื่อดังเจ้าของรางวัลระดับโลก ในการออกแบบพาวิลเลียนให้เป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถเข้ามาร่วมสนุกได้ตลอดเวลา โดยการดีไซน์ดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากของเล่นตัวต่อหรือบล็อกไม้ (Wooden block) เกมที่นำชิ้นบล็อกไม้รูปเรขาคณิตหลากหลายทรงมาเรียงต่อกันเป็นรูปปราสาท เสมือนกับการสร้างเมืองที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกคน และต่อยอดไอเดีย wooden block สู่การเล่นตั้งเตบนจออินเทอแรคทีฟ จากสองมัลติมีเดียเอเจนซีผู้เชี่ยวชาญด้านงานอิมเมอร์ซีฟ อย่าง Kids Bloom และ Yimsamer

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เมืองให้เกิดศักยภาพ นำเสนอผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และดนตรี เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คน ผ่านโปรแกรมศิลปะมากมายที่เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมสนุก อาทิ กิจกรรม Live Paint โดย BIGDEL และ MRKREME สองศิลปินสตรีทอาร์ตจาก Bride Art Agency กิจกรรมเวิร์คช็อปศิลปะที่คนรักงานคราฟต์ต้องลองกับการอัดลายแม่พิมพ์ด้วยเทคนิคซิลค์สกรีน โดย TNT SCREEN คลาสสอนสวิงแดนซ์ โดย Jelly Roll Dance Club และ The Stumbling Swingout พลาดไม่ได้กับ 8 ดีเจจาก Bangkok Community Radio ที่จะหมุนเวียนมาสร้างสีสันภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ณ ลานหน้าไปรษณีย์กลาง บางรัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.onebangkok.com หรือติดตาม Instagram ได้ที่ @onebangkokartandculture

วัน แบงค็อก โครงการอสังหาริมทรัพย์ต้นแบบกรีนสมาร์ทซิตี้ใจกลางกรุงเทพฯที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนครอบคลุมในทุกมิติ พัฒนาโดย บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด The Heart of Bangkok เมืองที่ใช้ใจสร้าง โดยยึดเอา “หัวใจ” ของผู้คนเป็นศูนย์กลาง โดยล่าสุด ฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด นำคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงผู้บริหารจาก ซีบีอาร์อี (CBRE) และ เจแอลแอล (JLL) ตัวแทนจัดหาผู้เช่าอาคารสำนักงานของโครงการฯ และทีมผู้บริหารของบริษัทผู้ดูแลรับผิดชอบการก่อสร้างโครงการฯ เยี่ยมชมความคืบหน้าพร้อมตรวจสอบรายละเอียดความเรียบร้อยในทุกขั้นตอน โดยในส่วนอาคารสำนักงานซึ่งเป็นอีกหัวใจสำคัญของโครงการ ในขณะนี้ได้ดำเนินงานเสร็จสิ้นตรงตามแผนการก่อสร้างที่วางไว้  

นางสาว ทัตยากรณ์ เบญจภัทรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายอาคารสำนักงาน โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า เรามั่นใจว่ากลุ่มอาคารสำนักงานที่นี่จะเป็นศูนย์กลางที่ตั้งของบริษัทชั้นนำทั้งไทยและระดับโลกที่มองหาพื้นที่สำนักงานคุณภาพสูง ออกแบบโดยคำนึงถึงสุขภาวะที่ดี ความยั่งยืน และเทคโนโลยีอัจฉริยะ เป็นพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมให้ผู้คนทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตในทุกมิติด้วยองค์ประกอบต่างๆ ภายในโครงการ โดยหลังจากประเดิมเปิดให้เช่าอาคารแรกบนพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 95,000 ตร.. จำนวน 50 ชั้น เพียง 1 ปี  (ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2565 ถึงปัจจุบัน) กวาดยอดจองทะลุเป้าสูงถึงกว่า 50 % คาดว่าจะสามารถปิดยอดจองได้ถึง 80% ภายในไตรมาส 2 ปี 2567 ขณะที่อาคารสำนักงานที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวม 97,000 ตร.. จำนวน 48 ชั้น คาดว่าจะมียอดจองถึง 55% ภายในช่วงเวลาเดียวกันและในส่วนของอาคารสำนักงานที่ 3  ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวม 97,000 ตร.. จำนวน 35 ชั้น ก็ได้เริ่มเปิดให้จองแล้วเช่นกัน

วัน แบงค็อก นำเสนอมาตรฐานใหม่ของการทำงานแห่งโลกอนาคต ที่ยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน ประกอบด้วยอาคารสำนักงานระดับพรีเมียม จำนวน 5 อาคาร เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์จะมีพื้นที่เช่าสุทธิรวมกว่า 500,000 ตร.ม. ตั้งอยู่บนทำเลหัวมุมถนนวิทยุตัดกับพระราม 4 พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบายเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลุมพินี และยังมีทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด รวมถึงทางเชื่อมตัดตรงเข้าสู่ทางด่วนซึ่งถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยมุ่งหวังที่ช่วยบรรเทาปัญหาจราจรบริเวณรอบโครงการฯ

อาคารสำนักงานทั้ง 5 อาคาร พร้อมด้วยความครบครันของ วัน แบงค็อก ตอบโจทย์ทุกความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้อาคาร รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบด้าน ที่เชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิต ทั้งการทำงาน และการพักผ่อน (Live, Work, Shop, Stay) ได้อย่างลงตัว ครบ จบในที่เดียว นอกจากนั้นภายในโครงการ วัน แบงค็อก ยังมีพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่สีเขียว กว่า 50 ไร่ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโครงการฯ และมีทางเดินปกคลุมด้วยร่มไม้กว่า 5 กม. รวมถึง  Art Loop พื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะสาธารณะและความคิดสร้างสรรค์ โดยรอบโครงการกว่า 2 กม.

โครงการวัน แบงค็อก ได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน LEED for Neighbourhood Development ระดับ Platinum และมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร ดังนั้น พื้นที่สำนักงานภายในโครงการฯ จึงได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงสุขภาวะของผู้ใช้อาคารเป็นสำคัญ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะที่ล้ำสมัยเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบอาคารให้เหนือกว่ามาตรฐานของอาคารสำนักงานทั่วไป เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้อาคาร ไม่ว่าจะเป็น การนำกระจกฉนวนกันความร้อน หรือกระจกอินซูเลทที่สามารถกันความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้กว่า 75% มาใช้กับอาคารสำนักงานในโครงการฯ ทำให้อาคารสามารถปกป้องผู้คนในอาคารจากสภาพภูมิอากาศที่สูงขึ้น นอกจากนี้ โครงการฯยังได้ติดตั้งระบบระบายอากาศประสิทธิภาพสูงที่สามารถดึงอากาศจากภายนอกเข้าสู่อาคารสูงกว่ามาตรฐานสากลถึง 30% โดยนำมาผ่านแผ่นกรองอากาศระดับพรีเมียมพร้อมฉายรังสียูวีฆ่าเชื้อโรค เพื่อให้ได้อากาศบริสุทธิ์และสะอาดหมุนเวียนในอาคารมากขึ้น

เชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะครอบคลุมทุกพื้นที่ เป็นกลุ่มอาคารสำนักงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน WiredScore Platinum และ SmartScore Platinum ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของ WiredScore โดยมี District Command Center หรือศูนย์ควบคุมการสั่งการที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดเพื่อตรวจสอบระบบต่างๆภายในอาคาร รวมถึงความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ และยังมีซูเปอร์แอปฯ แอปพลิเคชันที่รวมเอาหลากหลายบริการเข้าไว้ด้วยกัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้อาคารอย่างครบครัน เช่น การเข้าออกอาคาร การสำรองที่จอดรถ ระบบค้นหาตำแหน่งรถ (Find My Car) และยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น

วัน แบงค็อก ยังเป็นโครงการฯแรกในไทยที่มีรูปแบบการเช่าพื้นที่สำนักงานแบบ Green Lease โดยผู้ให้เช่าและผู้เช่าพื้นที่ร่วมกันกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน อาคารสำนักงานใน วัน แบงค็อก ได้รับการตอบรับและความสนใจจากองค์กรระดับโลกมากมายในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น บริษัทหลักทรัพย์ สำนักงานกฎหมาย ผู้ให้บริการด้านความบันเทิง ธนาคารต่างประเทศ บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามระดับโลก อาทิ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด (Baker McKenzie, Ltd.), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI Securities (Thailand)), และ เอสเต ลอเดอร์ คอมพานีส์ (Estee Lauder Companies) เป็นต้น ล่าสุดเปิดให้เยี่ยมชมโครงการ โดยมี ซีบีอาร์อี (CBRE)  เจแอลแอล (JLL) ผู้นำด้านบริการและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ระดับโลกเป็นตัวแทนจัดหาผู้เช่า

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ผู้พัฒนาและบริหารโครงการ “วัน แบงค็อก” ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานระดับพรีเมียม ร่วมกับ นาย วินท์ ภักดีจิตต์ Managing Partner และ นาย สรชน บุญสอง Partner บริษัท เบเคอร์ แม็คเค็นซี่ จำกัด บริษัทกฎหมายระดับโลกซึ่งมี 74 สำนักงานใน 45 ประเทศทั่วโลก เบเคอร์ แมคเค็นซี่ประเทศไทยเป็นสำนักงานกฎหมายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนมาตลอด 45 ปี ทางสำนักงานจึงเข้าร่วมเช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน Tower 4 ของโครงการวัน แบงค็อก รวมพื้นที่เช่าประมาณ 10,000 ตร.ม. ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จึงได้ตกลงเซ็นสัญญาเช่าแบบสีเขียว (Green Lease) ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย อันถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับรูปแบบการเช่าพื้นที่สำนักงาน โดยผู้ให้เช่าและผู้เช่าพื้นที่ร่วมกันกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนขึ้นเป็นข้อสัญญาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งตั้งแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เริ่มตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงขั้นตอนของการก่อสร้างไปจนถึงการดำเนินงานของอาคาร

โครงการวัน แบงค็อก และ Baker McKenzie ต่างมีวิสัยทัศน์เดียวกันในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนในสำนักงาน โดยมุ่งเน้นการออกแบบพื้นที่สำนักงานเพื่อการใช้พลังงานและน้ำที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการลดขยะฝังกลบ และการเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรกับผู้คนและสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน LEED และ WELL เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยกระดับสุขภาวะของผู้ใช้ ทำให้พนักงานเกิดความพึงพอใจในการทำงานและช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานให้มากขึ้น ทั้งนี้การตกแต่งออฟฟิศจะแล้วเสร็จพร้อมกำหนดการย้ายเข้าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567

วัน แบงค็อก มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์อาคารสำนักงานที่เพียบพร้อมด้วยระบบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนทำงาน และความสะดวกสบาย และเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง WiredScore Platinum ตอกย้ำความเป็นเลิศแห่งการเชื่อมต่อทางดิจิทัลและระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ดีที่สุด พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นโครงการฯ แห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED for Neighbourhood Development ระดับ Platinum และมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร ระดับ Platinum ตลอดจนตั้งเป้าการรับรองมาตรฐาน SmartScore สำหรับกลุ่มอาคารสำนักงานที่มีระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะแห่งอนาคตที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้อาศัยในอาคารได้รับประสบการณ์สุดพิเศษ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน เพื่อความคุ้มค่าแห่งอนาคต

ภายในโครงการวัน แบงค็อก ประกอบด้วยอาคารสำนักงานระดับพรีเมียม จำนวน 5 อาคาร มีพื้นที่เช่าสุทธิรวมกว่า 500,000 ตร.ม. โดยอาคารสำนักงาน Tower 4 จะเปิดให้บริการเป็นอาคารแรกของโครงการฯ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 อาคารดังกล่าวได้รับการออกแบบโดย KPF บริษัทสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบอาคารสูงที่ล้ำสมัย และมีรูปทรงที่โดดเด่นเฉพาะตัว มาร่วมเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายในให้กับอาคารสำนักงานดังกล่าวนี้ พร้อมรังสรรค์สภาพแวดล้อมที่สวยงามและตอบรับกับทุกความต้องการของผู้เช่าอาคาร เพื่อประสบการณ์การทำงานแบบเหนือระดับ โครงการวันแบงค็อกตั้งอยู่บนหัวมุมถนนวิทยุ และพระราม 4 เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้ขับขี่รถยนต์ ด้วยทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด และทางด่วนตัดตรงเข้าโครงการ  ล่าสุดอาคารสำนักงาน Tower 4 คว้ารางวัล “Best Office Development” จากเวทีประกาศผลรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards 2022 ครั้งที่ 17 ที่ผ่านมา

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click