

บริษัท เอ็นเฮลท์ โนโวยีน จีโนมิกส์ จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ N Health ในเครือ BDMS ผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมที่ครอบคลุมทุกมิติของการดูแลและรักษาสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล ผ่านห้องปฎิบัติการจีโนมิกส์โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุศาสตร์ขั้นสูงและได้มาตรฐานสากล จับมือศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยบริษัท เท็นกุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของยีน ที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งโดยใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งจะช่วยยกระดับการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งในประเทศไทยให้มีความแม่นยำและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายมากยิ่งขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเฮลท์ โนโวยีน จีโนมิกส์ จำกัด ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย ดร.ปนัดดา เทพอัคศร ผู้อำนวยการสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ ดร.คูนิฮิโร นิชิมูระ ประธานกรรมการบริษัท เท็นกุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เพื่อปรับปรุงต่อยอดแพลตฟอร์มการแปลผลรหัสพันธุกรรมจากเทคโนโลยีขั้นสูง Next Generation Sequencing (NGS) โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคมะเร็ง พร้อมทั้งพัฒนาอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย เป็นมิตรต่อทั้งผู้ให้บริการและผู้ป่วย รวมถึงเป็นการส่งเสริมการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) จากการใช้ปัญญาประดิษฐ์และข้อมูลทางพันธุกรรมในการวางแผนการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งแบบเฉพาะบุคคล และขยายธุรกิจการให้บริการแปลผลยีนมะเร็งที่มีข้อมูลจำเพาะกับประชากรไทยที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล โดยมี มร. โคบายาชิ โยสุเกะ เลขานุการเอก (สาธารณสุขและสวัสดิการ) สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน
โครงการความร่วมมือของทั้ง 4 องค์กรจากภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทยครั้งนี้ ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ สามารถนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

รองศาสตราจารย์ ดร. คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยในระยะยาว อีกทั้งยังเล็งเห็นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยด้านการแพทย์จีโนมิกส์ให้มีความก้าวหน้า และมีศักยภาพในการแข่งขันระดับโลกได้”
ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นปัญหาทางการแพทย์ที่สำคัญ ปัจจัยพันธุกรรมเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของโรคมะเร็ง โดยเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง ส่งผลกระทบต่อการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันในสมาชิกครอบครัว การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของยีนเหล่านี้ จึงมีความสำคัญในการพัฒนาแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย พร้อมทั้งช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิต และลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งในอนาคต การพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าและลดปัญหาทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดระยะเวลาการวินิจฉัย แต่ยังสามารถวางแผนการรักษาและป้องกันที่ตรงจุด และเฉพาะเจาะจงกับแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น เป็นการยกระดับการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งในประเทศไทยไปอีกขั้น
ศาสตราจารย์นายแพทย์ อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช ซึ่งร่วมทำงานในโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย ได้ทำการศึกษาวิจัยข้อมูลพันธุกรรมขนาดใหญ่ของผู้ป่วยมะเร็งชาวไทยกว่า 9 พันราย พบว่าการวิเคราะห์และแปลผลยีนมะเร็งมีความซับซ้อนมาก ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง ทำให้การตรวจยีนมะเร็งทำได้เฉพาะในสถาบันขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย แต่ทำได้ยากในห้องปฏิบัติการทางคลินิกทั่วไป การใช้เทคโนโลยี AI ช่วยในการวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งจะช่วยให้ห้องปฏิบัติการทางคลินิกในโรงพยาบาลต่าง ๆ สามารถแปลผลยีนได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำมากขึ้น เป็นการพัฒนาไปสู่การรักษามะเร็งที่ตรงจุด และมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับคนไทย”
ดร.ปนัดดา เทพอัคศร ผู้อำนวยการสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเสริมว่า “สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมการวิจัยทางการแพทย์ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยินดีที่จะสนับสนุนการใช้ข้อมูลการตรวจวิเคราะห์และการรักษาโรคมะเร็งที่รวบรวมโดยสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลจากส่วนกลางศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และสถานพยาบาลต่าง ๆ ที่เป็นเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยี AI ครั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสามารถทางการแพทย์ของประเทศไทย โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งในประเทศไทยให้เหมาะสมกับลักษณะพันธุกรรมของผู้ป่วยแต่ละราย”

การปรับปรุงต่อยอดแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย จะช่วยให้การประมวลผลข้อมูลการกลายพันธุ์ของยีนจำนวนมากที่มีความซับซ้อน เป็นไปอย่างอย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง เนื่องจาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อมูลพันธุกรรมของประชากรไทยจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย จะช่วยให้ AI เกิดการเรียนรู้จากข้อมูลพันธุกรรมที่เฉพาะเจาะจงกับลักษณะทางพันธุกรรมของคนไทย นำไปสู่การพัฒนาโมเดลการวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูง ในการคาดการณ์ว่าการกลายพันธุ์ของยีนใดที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งในคนไทย โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุมดลูก และมะเร็งลำไส้ อีกทั้ง AI ยังสามารถแปลผลยีนกลายพันธุ์ที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งได้ตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถคัดกรองและตรวจพบโรคมะเร็งในระยะที่ยังไม่มีอาการได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งช่วยแนะนำแผนป้องกัน การรักษาที่เหมาะสม และการเลือกใช้ยาได้ตามลักษณะการกลายพันธุ์ของยีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง และลดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็นจากการใช้ยา
ดร.คูนิฮิโร นิชิมูระ ประธานกรรมการ บริษัท เท็นกุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน ด้านชีวสารสนเทศ (Bioinformatics) ที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศขั้นสูง เผยว่า “เท็นกุ ได้พัฒนา Chrovis ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการแปลผลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสนับสนุนแพทย์และผู้ป่วยโรคมะเร็งในญี่ปุ่น ช่วยเหลือด้านการวินิจฉัยและทางเลือกการรักษาในเวชศาสตร์จีโนมมะเร็ง (Cancer Genome Medicine) หลายปีที่ผ่านมา Chrovis ได้สร้างผลงานที่แข็งแกร่งในญี่ปุ่น ปัจจุบันในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย เรามีความยินดีที่จะพัฒนา AI ของเราให้เข้ากับท้องถิ่นโดยใช้ข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย เพื่อให้บริการผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของไทยได้ดียิ่งขึ้น การร่วมมือกับทั้ง 3 องค์กรในโครงการนี้ เรามุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในความก้าวหน้าของการแพทย์แม่นยำในประเทศไทย โดยการใช้ประโยชน์จาก Chrovis และผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์จีโนมมะเร็งของบริษัท เท็นกุ”
ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเฮลท์ โนโวยีน จีโนมิกส์ จำกัด กล่าวว่า “ในประเทศไทย การตรวจวิเคราะห์ยีนเฉพาะบุคคลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราต้องค้นหาและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ในการพัฒนาการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพและทันเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย N Health Novogene จึงร่วมมือกับทั้ง 3 องค์กรในการพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง เพื่อให้ผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจีโนมิกส์มีความแม่นยำและรวดเร็ว นำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งได้ตรงจุดทันเวลา และเหมาะสมกับผู้ป่วย พร้อมทั้งสามารถขยายธุรกิจการให้บริการวิเคราะห์จีโนมิส์เพิ่มเติมจากการให้บริการห้องปฏิบัติการจีโนมิกส์ต่อไป”
โดย N Health Novogene และศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช พร้อมด้วย สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และบริษัท เท็นกุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแพทย์ของประเทศไทยในการวินิจฉัย และการรักษาโรคมะเร็งให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายมากยิ่งขึ้น นับเป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพของประชากรไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ร่วมกับ ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พร้อมพันธมิตรชั้นนำ เดินหน้าจัดงาน “Rethink Pink We Care” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ห่วงใยผู้หญิงไทย ห่างไกลมะเร็งเต้านม” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และเฝ้าระวังเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจคัดกรอง ไปจนถึงการดูแลตนเองเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง หวังลดจำนวนผู้ป่วยและความรุนแรงของโรคในประเทศไทย งานนี้จัดขึ้น ณ SCBX NEXT STAGE @ NEXT TECH ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายมากมาย
แอสตร้าเซนเนก้า ในฐานะบริษัทผู้วิจัยและพัฒนายาระดับโลก เดินหน้าสานต่อกิจกรรม “Rethink Pink We Care” ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 หลังได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนที่เข้าร่วมงานใน 2 ปี
ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมนี้เกิดขึ้นจากการตระหนักถึงความรุนแรงของโรคมะเร็งเต้านมที่มักพบในผู้หญิง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของหญิงไทย มีเป้าหมายเพื่อมุ่งส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องครอบคลุมตั้งแต่การสังเกตร่างกายเบื้องต้น เห็นความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ไปจนถึงแนวทางรักษา
ในปัจจุบันและการดูแลตนเองเพื่อสุขภาวะที่ดี ในการส่งมอบองค์ความรู้เหล่านี้ให้ประชาชน แอสตร้าเซนเนก้าจึงได้ร่วมมือกับศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรมนี้ขึ้น
นายโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และ Frontier Markets เปิดเผยว่า
“จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่ามะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งชนิดที่พบบ่อยที่สุดในหญิงไทยและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเก็บสถิติในปี 2565 พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจำนวน 38,559 คนจากทั่วประเทศ ปัจจุบันสาเหตุของโรคเกิดได้ทั้งจากพันธุกรรมและพฤติกรรมเสี่ยง แอสตร้าเซนเนก้าตระหนักถึงความสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เราจึงมุ่งทำการศึกษาวิจัย พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อช่วยรักษาผู้ป่วยอย่างตรงจุดและช่วยลดความรุนแรงของโรคในอนาคต ในประเทศไทยเราได้ร่วมมือกับศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช ผ่านโครงการ ““Rethink Pink We Care” เพื่อส่งมอบองค์ความรู้ในการป้องกัน แนวทางการวินิจฉัย การกระตุ้นให้เข้ารับการตรวจคัดกรองแต่เนิ่นๆ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ภารกิจทั้งหมดนี้มีเป้าหมาย เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทฯ”
ศ.นพ. มานพ พิทักษ์ภากร สาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า “การตรวจยีนหรือ Genomics ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการแพทย์ไทยมากขึ้น ตั้งแต่การป้องกันโรค การตรวจคัดกรอง วินิจฉัย รวมไปถึงการรักษา ในกลุ่มโรคที่หลากหลาย ซึ่งโรคมะเร็งถือเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จึงช่วยในการค้นหาความเสี่ยงภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี สำหรับสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีน
บีอาร์ซีเอ 1 (BRCA1) และ บีอาร์ซีเอ 2 (BRCA2) จากสถิติพบว่าผู้ที่มียีนกลายพันธุ์กว่า 80% มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเต้านมสูง ซึ่งประโยชน์ของการตรวจคัดกรองด้วยยีนนี้คือมีความแม่นยำสูงหากตรวจพบความเสี่ยงเร็วก็จะช่วยวางแผนการรักษาได้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความรุนแรงของโรคช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นได้ สำหรับรูปแบบการรักษาในปัจจุบันมีอยู่หลากหลาย ทั้งการผ่าตัดซึ่งเป็นวิธีที่ใช้รักษาผู้ป่วยมานาน แต่ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยในปัจจุบัน หากตรวจพบก้อนเนื้อเร็ว การผ่าตัดก็จะเกิดเพียงแผลขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ป่วยในการฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีการใช้เคมีบำบัด การฉายแสง ภูมิคุ้มกันบำบัด และยามุ่งเป้า ซึ่งการเลือกรูปแบบการรักษานี้จะอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาและการตัดสินใจร่วมกับผู้ป่วยด้วย”
ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำ โครงการ และสถาบัน
เพื่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมากมาย ได้แก่ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด สถานวิทยามะเร็งศิริราช (SiCA) โครงการ Art for Cancer ชมรมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแห่งประเทศไทย (Thailand Breast Cancer Community) แบรนด์เอนิต้า (ประเทศไทย) จำกัด ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) นอกจากกิจกรรมบนเวทีและการออกบูธนิทรรศการแล้ว ยังได้รับความร่วมมือจาก แบรนด์ลา โรช-โพเซย์ ภายใต้บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีการดำเนินพันธกิจยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัวผ่านโครงการ “ลา โรช-โพเซย์ เคียงข้างผู้ป่วยมะเร็ง” (Cancer Support by La Roche-Posay) โดยร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง มีเป้าหมายช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง การให้คำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังจากผลกระทบจากการรักษา และการบริจาคผลิตภัณฑ์ ลิปิการ์ โบม เอพี+เอ็ม เพื่อดูแลผิวอย่างอ่อนโยนให้กับผู้ป่วยมะเร็ง
บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด หรือ N Health (เอ็น เฮลท์) บริษัทชั้นนำในธุรกิจตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการของประเทศไทย ในเครือ BDMS พร้อมด้วยบริษัท ไบโอ โมเลกุลลาร์ แลบบอราทอรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็นเฮลท์ โนโวยีน จีโนมิกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ N Health จับมือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกันพัฒนาทักษะการแพทย์จีโนมิกส์ และวิธีการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมสายยาว (Long-Read DNA Sequencing) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการแพทย์จีโนมิกส์ที่ยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล ๗.๑ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด (N Health) บริษัท ไบโอ โมเลกุลลาร์ แลบบอราทอรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็นเฮลท์ โนโวยีน จีโนมิกส์ จำกัด พร้อมด้วยแพทย์หญิงเมธินี ไหมแพง ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม ๑ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด (N Health) และดร.ทวีศักดิ์ ตีระวัฒนพงษ์ กรรมการ บริษัท ไบโอ โมเลกุลลาร์ แลบบอราทอรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และศาสตราจารย์นายแพทย์มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช พร้อมด้วย ดร.ธิดาทิพย์ วงศ์สุรวัฒน์ หัวหน้าหน่วยชีวสารสนเทศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษารหัสพันธุกรรม และพัฒนาวิธีการแพทย์จีโนมิกส์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้การแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics Medicine) เพื่อพัฒนายกระดับความรู้ ทักษะการแพทย์จีโนมิกส์ ต่อยอดงานวิจัย และสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญการแพทย์จีโนมิกส์ร่วมกัน โดยมี มร.เบน มอร์ลี่ย์ ทูตพาณิชย์และผู้อำนวยการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

ปัจจุบันการแพทย์จีโนมิกส์ นับเป็นความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มาพลิกโฉมวงการแพทย์ทั่วโลก และได้รับการจับตามองในฐานะเมกะเทรนด์ระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับและเติมเต็มอุตสาหกรรมการแพทย์ของไทยสู่ความเป็นเลิศในระดับนานาชาติ การแพทย์จีโนมิกส์ เป็นแนวทางการรักษาสมัยใหม่ที่ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ แม่นยำ สร้างผลกระทบสูงทั้งทางสาธารณสุข สังคม และเศรษฐกิจ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัย และให้การรักษาที่ตรงจุดกับผู้ป่วยได้ทันท่วงที เพิ่มโอกาสการรอดชีวิต และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นหน่วยงานสำคัญในการวิจัย และถอดรหัสพันธุกรรม ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบูรณาการเทคโนโลยีจีโนมเข้ากับการวิจัย และบริการทางคลินิก ส่งเสริมการแพทย์จีโนมิกส์ และการแพทย์แม่นยำในโรงพยาบาลศิริราช โดยศูนย์ฯ มีการนำเทคโนโลยีการหาลำดับเบสแบบต่างๆ มาใช้ในการวินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยอย่างตรงจุด รวมถึงเริ่มนำเทคโนโลยี Nanopore ที่ให้ข้อมูลลำดับ DNA แบบสายยาว ครอบคลุมการกลายพันธุ์ที่เทคโนโลยีดั้งเดิม ไม่สามารถตรวจสอบได้มาตรวจหาการกลายพันธุ์ใหม่ๆ และช่วยย่นระยะเวลาที่แพทย์ และผู้ป่วยจะได้รับผลการวินิจฉัย เช่น ตรวจสอบการกลายพันธุ์ของมะเร็ง นำไปสู่การจัดกลุ่มผู้ป่วย เพื่อให้แพทย์สามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะช่วยลดภาวะแทรกซ้อน และมีผลข้างเคียงน้อยลง
ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า “ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช เป็นที่แรกในประเทศไทยที่นำเทคโนโลยี Nanopore มาใช้ทางคลินิก โดยใช้ตรวจหาการกลายพันธุ์ของมะเร็งเพื่อการวินิจฉัย การจัดกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งสมอง เพื่อการรักษาการระบุรูปแบบยีนที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้ยาต่างๆ ที่นิยมใช้ในประเทศ โดยมีทีมนักวิจัยจากหน่วยชีวสารสนเทศทางการแพทย์เป็นผู้พัฒนาโปรแกรมเพื่อรองรับข้อมูลที่ได้จากเทคโนโลยี Nanopore มาตอบโจทย์การตรวจดังกล่าว โดยมุ่งหวังที่จะนำไปสู่การยกระดับการรักษาการดูแลผู้ป่วย และการป้องกันเฉพาะบุคคลได้อย่างครบวงจร และมีประสิทธิภาพ” นอกจากนี้กลุ่มนักวิจัยจากห้องปฏิบัติการ Siriraj Long-Read Lab ภายใต้หน่วยชีวสารสนเทศทางการแพทย์ ยังจัดเตรียมความพร้อมเพื่ออบรมการใช้เทคโนโลยี Nanopore ให้กับนักศึกษาแพทย์ อาจารย์ รวมถึงนักวิจัยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ด้านบริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด หรือ N Health (เอ็น เฮลท์) ในเครือ BDMS ถือเป็นผู้นำในบริการสนับสนุนทางการแพทย์ และธุรกิจโรงพยาบาลให้แก่โรงพยาบาลชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ N Health มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการด้านการแพทย์จีโนมิกส์

นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ กล่าวว่า “ประเทศไทยมีการตรวจวิเคราะห์ยีนเฉพาะบุคคลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังมีความผิดปกติ และลักษณะของโรคอีกจำนวนมาก ที่เทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่สามารถหาคำตอบได้ เราจึงต้องแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการวินิจฉัย และการรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ และทันท่วงที ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว และความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริม และพัฒนาการแพทย์จีโนมิกส์ในประเทศไทย เพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วย N Health จึงผสานความร่วมมือกับศิริราช ในการพัฒนาทักษะการแพทย์จีโนมิกส์ และวิธีการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมที่ใช้เทคโนโลยี Long-Read Sequencing เพื่อส่งเสริม และพัฒนาการแพทย์แบบองค์รวม ทั้งในด้านการบริหารทรัพยากรเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการส่งเสริมบุคลากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความรู้ ความเชี่ยวชาญ สามารถนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ ตลอดจนผลงานวิจัย หรือผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือนี้ไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์ เชิงนโยบาย และเชิงสาธารณะ”
โดย N Health และศิริราช มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะยกระดับขีดความสามารถทางการแพทย์ของไทยให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาแบบเฉพาะบุคคล และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางจีโนมิกส์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นรูปธรรม