January 22, 2025

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับพันธมิตรองค์กรชั้นนำ เตรียมจัดงาน  FTI EXPO 2025 ภายใต้แนวคิด 4GO ทั้งดิจิทัล นวัตกรรม การขยายตลาดต่างประเทศ และการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ดึงผู้ประกอบโชว์สินค้าและบริการในงานนี้ คาดการณ์ผู้เข้าร่วมงานจากไทยและต่างประเทศ จำนวนกว่า 50,000 ถึง 70,000 ราย สร้างโอกาสทางการค้ากว่า 1,000 ล้านบาท

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าจากการที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เสริมสร้างความเข้มแข็งและผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของไทยให้ยั่งยืน โดยจะร่วมกำหนดนโยบายและวางแผนกับภาครัฐในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ รวมถึงให้ข้อเสนอแนะแก่ภาครัฐในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยในระหว่างปี 2567-2569 นี้ ส.อ.ท. ยังคงเดินหน้าดำเนินตามนโยบาย ONE FTI ที่หลอมรวมความร่วมมือจากกลุ่ม 47 กลุ่มอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด สถาบันภายใต้การกำกับดูแลของ ส.อ.ท. หน่วยงานระหว่างประเทศ และสถาบันการศึกษา เพื่อช่วยกันวางรากฐานและขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย รวมทั้งยกระดับ SMEs ไปสู่ Smart SMEs ด้วยแนวทาง 4GO ได้แก่

  • GO Digital & AI สนับสนุนให้ SMEs สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย สร้างความแม่นยำในการประกอบธุรกิจ
  • GO Innovation ผลักดัน SMEs ที่จิ๋วแต่แจ๋ว ให้เข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มากขึ้นผ่านโครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน และโครงการด้านนวัตกรรมต่างๆ ที่สนับสนุน SMEs และสตาร์ทอัพพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า
  • GO Global ผลักดันให้ SMEs สามารถผลิตและส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศในมาตรฐานที่ต่างประเทศยอมรับ สร้างและขยายโอกาสในตลาดต่างประเทศ
  • GO Green ขับเคลื่อนองค์กรให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG และสร้างแต้มต่อในการเลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สำหรับการจัดงาน FTI EXPO 2025 งานรวมสุดยอดอุตสาหกรรมไทยที่สภาอุตสาหกรรม   แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้จัดขึ้นนั้น เป็นงานที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมไทย ที่ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งงาน FTI EXPO 2025 จะเป็นเวทีในการขยายช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ไทย ผลักดันให้เกิดการค้าการลงทุน เพื่อเชื่อมโยงสู่ตลาดสากล เพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทยและต่างชาติ 

ภายในงาน นอกจากจะมีการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากผู้ประกอบการแล้ว ยังมีการจัดอบรมสัมมนาโดยกูรูที่มากด้วยคุณวุฒิและประสบการณ์ในด้านต่างๆ ที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองที่เป็นประโยชน์ กับเวทีเสวนาทางวิชาการ เพื่อเปิดมุมมองและแนวคิดให้กับผู้ประกอบการไทยได้สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนำไปใช้พัฒนาและยกระดับมาตรฐานการทำงานของธุรกิจของตนเอง นอกจากนี้ยังมีโซนการจับคู่ธุรกิจที่สามารถนัดพบผู้ประกอบการ ซัพพลายเออร์ เพื่อพูดคุยในรายละเอียด แลกเปลี่ยนมุมมองการทำธุรกิจ ไปจนถึงเกิดการเจรจาทางการค้าและความร่วมมืออื่นๆ ที่อาจจะมีขึ้นต่อไปในอนาคต

“เราคาดว่างานนี้จะช่วยขยายตลาดและเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการจากจำนวนคาดการณ์ของผู้เข้าร่วมชมงานที่คาดว่าจะมีไม่น้อยกว่า  70,000 ราย” นายเกรียงไกรกล่าว  

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวการจัดงาน FTI EXPO 2025 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Start The Smart Engine For Empowering Thai Industry สตาร์ทเครื่องเต็มกำลัง เร่งพลังอุตสาหกรรมไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 เพื่อประกาศศักยภาพและความพร้อมในการจัดงาน FTI EXPO 2025 อย่างเป็นทางการ อีกทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรและผู้เข่ารวมงาน FTI EXPO 2025 รวมถึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งนอกจากการแถลงรายละเอียดของงานแล้ว ยังนำร่องด้วยการเปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ “3 เทรนด์เทคโนโลยีสุดล้ำ สู่อนาคต”  โดยมีผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน ได้แก่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน)

ด้านนายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการจัดงาน FTI EXPO 2025 กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่าเป็นการจัดขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพ ยกระดับความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับประเทศ รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเอกชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จนนำไปสู่การสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระดมสุดยอดผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชั้นนำ มาสร้างเครือข่ายความร่วมมือร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาต่างๆในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยคอนเซ็ปต์ของการจัดงานในปีนี้ คือ EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมของการจัดงาน การรองรับผู้มาชมงานได้มีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อความสมบูรณ์พร้อมในทุกๆ ด้าน โดยขณะนี้ได้รับการตอบรับจาก ฯพณฯ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 นี้

“ผู้เข้าชมงานจะได้รับชมข้อมูลเรื่องราวการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย พร้อมสัมผัสเทรนด์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมถึงนวัตกรรมที่จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น งานนี้จะเป็นเหมือนเวทีที่จุดประกาย SMEs ให้เติบโต ด้วยเวทีเสริมทักษะทางธุรกิจโดยกูรูผู้มากประสบการณ์ และผู้เข้าร่วมงานยังได้จุใจกับโซนสินค้าคุณภาพจากโรงงานผู้ผลิตทั่วประเทศ และโซนจับคู่ธุรกิจที่จะช่วยขยายตลาดของผู้ประกอบการ สู่ตลาดโลก” นายอภิชิตกล่าว

 

งาน FTI EXPO 2025 ได้จัดแบ่งโซนการนำเสนอไว้ทั้งหมด 5 โซน ได้แก่

  • โซน FTI แสดงถึงศักยภาพการผลิตของไทย วิสัยทัศน์ นโยบาย บทบาท และภารกิจของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
  • โซน EVENT HIGHLIGHT นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ได้แก่
    • Innovation Showcase
    • BCG & Climate Change
    • Future Trend
    • Start Up Pitching
    • Business Matching
    • Awards
    • FTI Outlet
  • โซน 4GO
    • GO Digital & AI
    • GO Innovation
    • GO Green
    • GO Global

นอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรม-บันเทิงเพื่อสร้างสีสันให้กับงาน อาทิ เกมชิงรางวัล มินิคอนเสิร์ต Premium Factory Outlet และโปรโมชั่นสินค้าและบริการต่างๆ มากมาย

FTI EXPO 2025 ได้รับการสนับสนุนการจัดงานโดย

Platinum

  1. กระทรวงมหาดไทย
  2. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
  3. บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
  4. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด
  5. บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน)

Gold

  1. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
  2. กระทรวงคมนาคม
  3. สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB)
  4. บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)
  5. บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  6. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด
  7. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  8. บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  9. บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI
  10. บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
  11. บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน)
  12. บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)
  13. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  14. กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
  15. กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานการเดินอากาศอัจริยะและอวกาศ

Silver

  1. บริษัท พี.เอฟ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด
  2. บริษัท สายไฟบางกอกเคเบิ้ล จำกัด
  3. บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
  4. บริษัท โอตานิ จำกัด
  5. บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  6. บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
  7. สภาธุรกิจรัสเซีย-ไทย
  8. BECAMEX IOC CORP
  9. กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

Classic

  1. บริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ จำกัด
  2. บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
  3. บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
  4. บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด
  5. บริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด
  6. บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
  7. บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน)
  8. บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน)
  9. บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด
  10. บริษัท สยามเทกซ์สังเคราะห์ จำกัด
  11. บริษัท เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์เฮ้าส์ จำกัด
  12. บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน)
  13. บริษัท โอ.ซี.อาร์ จำกัด
  14. บริษัท ระยองวิศวกรรมและซ่อมบำรุง จำกัด
  15. กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
  16. กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์
  17. กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล
  18. กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม
  19. กลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือซ่อมเรือและก่อสร้างงานเหล็ก
  20. คลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง

สนับสนุนจัดงาน  (อื่นๆ)

  1. บริษัท อีเวนท์ เทค จำกัด
  2. บริษัท ท็อปเทค โซลูชั่น จำกัด
  3. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
  4. กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาล

 Co-sponsored by

  1. สถาบันรหัสสากล
  2. โครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” - INNOVATION ONE
  3. Made in Thailand

 

งาน FTI EXPO 2025 จะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 - 18.00 น. ณ Hall 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ผู้สนใจเข้าชมงาน สามารถลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้าได้แล้วที่ https://expo.fti.or.th  หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง facebook : FTI EXPO หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FTI Call Center 1453

กลุ่มสมุนไพร ส.อ.ท. เปิดข้อมูลโรงงงานสมุนไพรในประเทศ 500 แห่ง เสี่ยงถูกปิด เหตุไม่ผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S ตามรอยโรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไทย แนะแนวทางแก้ไข  4 ด้าน 1. จัดอบรม และหาแหล่งเงินทุน ให้โรงงานปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน GMP PIC/S 2. เป็นตัวกลางจับคู่โรงงานใหญ่เปิดให้โรงงานเล็กเข้าถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกัน 3. ใช้ภาคท่องเที่ยวหนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านการใช้สมุนไพร 4.อย. เพิ่ม Positive list เพื่อให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนสมุนไพรง่ายขึ้น  หากผลักดันได้จะช่วยขยายโอกาสการส่งออกสินค้าสมุนไพรไทยที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ 

ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.)  เปิดเผยว่า สถานการณ์โรงงานในประเทศไทยปิดตัวลงเกือบ 2,000 แห่ง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ถึงเดือนมิถุนายน 2567  ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตเกือบ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทำให้แรงงานกว่า 51,500 คน สูญเสียงาน และวิกฤตดังกล่าวมีโอกาสลุกลามไปยังภาคการผลิตในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย จากการสำรวจพบว่า อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยปัจจุบันยังประคับประครองตัวเองได้อย่างดี เนื่องจากผู้ประกอบการได้ปรับตัวแบบ 360  องศา ทั้งการลงไปจับตลาดใหม่ๆที่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ผลพัฒนาแพ็กเก็จจิ้งให้มีความโดดเด่นเหมาะแก่การสะสมและเป็นของฝาก อย่างไรก็ดีพบว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมภาคสมุนไพรที่มีความเสี่ยงถูกปิดอยู่เช่นกัน โดยพบข้อมูลน่าตกใจว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตสมุนไพรมากกว่า 1,000 แห่ง แต่มีโรงงานผลิตสมุนไพร 500 แห่งยัง ยังไม่สามารถผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S  หากโรงงานสมุนไพรเหล่านี้ถูกปิดตัวลง ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสในการผลักดัน สร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูง สนับสนุนศักยภาพเศรษฐกิจมหาภาค ของประเทศ วิกฤตการปิดตัวของโรงงานในประเทศไทย กำลังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและแรงงานอย่างหนัก อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยก็ยากจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้  แต่ก็ยังมีโอกาสรอดวิกฤตนี้ไปได้หากหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน มิฉะนั้นประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสการสร้างฐานเศรษฐกิจมหาภาคไปได้  

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม ได้เสนอ แนวทางแก้ไขเพื่อปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นนี้ใน 3 มิติ ได้แก่  

  1. หน่วยงานภาครัฐ ดำเนินการอบรม จัดหลักสูตร รวมถึงจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยให้โรงงานขนาดเล็กมีโอกาสปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน GMP PIC/S 2
  2. หน่วยงานภาครัฐ เป็นตัวกลางในการจับมือระหว่างโรงงานขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน GMP PIC/S ในการให้โรงงานขนาดเล็กเข้าใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการช่วยเหลือไม่ให้รายย่อยต้องลงทุน ห้องแล็บ ที่ต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง  3
  3. สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โรงงานสมุนไพรเหล่านี้มีแหล่งความรู้ที่สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจ 3
  4. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่ม Positive list เพื่อให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนสมุนไพรง่ายขึ้น 

ทั้งนี้มูลค่าตลาดสมุนไพรในปัจจุบัน 52,104.3 ล้านบาท มีแนวโน้มการเติบโต 8 % ต่อปี  (ข้อมูลล่าสุดจากสภาอุตสาหกรรม)ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตมาจาก การเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงนิยมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพรความกังวลด้านสุขภาพ คนเริ่มกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาเคมี จึงหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากขึ้น สังคมสูงวัยและประชากรโลกมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ มากขึ้น ผู้คนจึงมองหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาช่วยดูแลสุขภาพและป้องกันโรค กระแสการกลับสู่ธรรมชาติผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติมากขึ้น จึงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพร หากทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดันให้การผลิตเป็นมาตรการเดียวกัน จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสามารถส่งออกได้มากกว่าปัจจุบันหลายเท่า 

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกเครือข่ายจัดใหญ่งานมหกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า โดยมุ่งเป้า 3 ประเด็นหลัก โชว์นวัตกรรมรีไซเคิล จัดสัมมนาเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเผยแพร่องค์ความรู้กฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ คาดมีผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าหมื่นคนต่อวัน

เมื่อเร็วๆ นี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานแถลงข่าวการจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี นี้ ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” โดยได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. และนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน EnwastExpo 2023  ณ ลานไทยเบฟ ชั้น 10 ส.อ.ท.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ว่าเป็นผลมาจากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ทำให้ต้องหาวิธีผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดขยะและกากของเสียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี จากรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีปริมาณขยะประมาณ 27 ล้านตันหรือประมาณ 74,998 ตัน/วัน ซึ่งหมายความว่าแต่ละคนสร้างขยะปริมาณ 1.13 กิโลกรัม/วัน และมีกากอุตสาหกรรมเกิดขึ้น 33 ตัน/ปี ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่อันตราย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการอย่างถูกวิธี และสอดคล้องตามแนวทาง BCG เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้

"นับเป็นโอกาสที่ดีที่เรายังมีอุตสาหกรรมที่เข้ามาช่วยสนับสนุนและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็มีนโยบายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกลุ่มสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม และเราพร้อมเดินหน้านำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการกำจัดขยะ ของเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายเกรียงไกร กล่าว

นอกจากนี้ นายเกรียงไกร ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “การร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นธีมในการจัดงานครั้งนี้ว่ามีองค์ประกอบด้วยกัน 3 ส่วน ได้แก่ 1.ต้นทาง ผู้กำเนิดมลพิษและขยะ 2.ปลายทาง ผู้ที่จะช่วยลด บำบัด กำจัดมลพิษและขยะ โดยนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าการลงทุนและการคืนกำไรสู่สังคม และ 3. ระหว่างทาง ซึ่งจะต้องอาศัยนโยบายของภาครัฐในการเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี อันนำไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อมที่สมดุลและยั่งยืน

ด้านนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการจัดงานกล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมกับสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนในฐานะเจ้าภาพร่วมจากหน่วยงานที่กำกับดูแลสิ่งแวดล้อม อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รวมไปถึงภาคเอกชนทั้ง SCG, AMATA Facility และสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ในการจัดงานมหกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย หรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการจัดงานใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกำไร และพร้อมผลักดันการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการจัดการมลพิษและของเสียที่เกิดจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม  ชุมชน สังคม  ตลอดจนภาคครัวเรือน ซึ่งงานด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะนี้ในต่างประเทศ ประสบความสำเร็จและมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

นายธีระพลกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรกการจัดการแสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย พร้อมโชว์เทคโนโลยีนวัตกรรมรีไซเคิลต้นแบบ ส่วนที่สองการจัดสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและจับคู่ธุรกิจ เพื่อให้ผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยี ผู้ก่อกำเนิดกากของเสียการจัดการมลพิษจากต้นทางและผู้รับบำบัด กำจัดและรีไซเคิลกากของเสียและมลพิษประเภทต่าง ๆ มาพบปะกันเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ

 

“การจัดงานครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีการสัมมนานำเสนอองค์ความรู้ใหม่ ให้ทันกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ตลอดจนการนำเสนอเทคโนโลยีการสื่อสารและกฎหมายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ เราจะขนมาไว้ในงานนี้ เพื่อเป็นแหล่งรวมให้กับผู้สนใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านนี้ นายธีระพล กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เยี่ยมชมงาน นอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ยังมีผู้บริหารโรงงานขนาดกลาง-ใหญ่กว่า 40,000 โรงงาน เจ้าหน้าที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ นักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนที่สนใจทั่วไป โดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สัมมนาและเวิร์คช้อปมากกว่า 20 หัวข้อ และมีบริษัทด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 100 บริษัท

การจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 นี้ ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” สนใจสอบถามรายละเอียดการจัดงานได้ที่กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  โทร.02 345 1000 หรือ www.enwastexpo.com

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมเสวนากับ ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) นายชาติชาย พานิชชีวะ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายวิบูลย์ สุภัครพงษ์กุล กรรมการหอการค้าไทย และ ผศ.ดร.นพพร เรืองวานิช ผู้อำนวยการหลักสูตรควบตรี-โท ทางการบัญชีและบริหารธุรกิจ ภาควิชาการตลาดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หัวข้อ “ทักษะและคุณสมบัติสำหรับผู้ส่งออก การเป็นผู้ส่งออกที่ประสบความสำเร็จต้องเป็นคนอย่างไร” ในหลักสูตร TOP X Executive Program รุ่นที่ 2 โดย EXIM BANK ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับปัจจัยแห่งความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตและขยายสู่ตลาดโลก อาทิ การก้าวข้ามความกลัวและกล้าออกจาก Comfort Zone การสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งด้วยนวัตกรรม การแสวงหาตลาดใหม่ การปรับธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (Environmental, Social and Governance : ESG) ตลอดจนบทบาทของ EXIM BANK ในการเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจ SMEs ไทยให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืนในตลาดการค้าโลกยุคใหม่ ณ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สุขุมวิท 20 เมื่อเร็วๆ นี้

X

Right Click

No right click