November 08, 2024

 

แสนสิริ เปิดตัวโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” คอนโดฯพร้อมอยู่โครงการที่ 2 ของ New Brand “พินน์” ที่สุดของความเป็นส่วนตัวเพียง 18 ยูนิต เดินทางสะดวกด้วย MRT BTS และ ARL เน้นห้องเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองใกล้ รพ.กรุงเทพฯ เพียง 2 นาที พร้อมพื้นที่ Rooftop Garden ลาน BBQ และรองรับที่จอดรถถึง 133% พิเศษ! ดีไซน์ในรูปแบบ Cat Allowed เปิดให้จองห้องจริง ครั้งแรก!! วันที่ 21-22 กันยายนนี้ ราคาเริ่ม 10.9 ล้านบาท* ลงทุนปล่อยเช่า Yield สูงสุด 8%*

นายสมัตถ์คม ต่างวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากกระแสตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคที่มีต่อคอนโดมิเนียมแบรนด์ “PYNN (พินน์)” พรีเมียมคอนโดฯ แบรนด์น้องใหม่จากแสนสิริที่เป็น Exclusive Residence ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Niche Market ได้นำร่องเปิดตัวโครงการแรก พินน์ ปรีดี 20 ที่คาดว่าจะปิดการขาย (Sold out) ได้ในเร็วๆนี้ หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% พร้อมส่งต่อความสำเร็จให้ “พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai)” โครงการล่าสุดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ตอบโจทย์ Real Demand ทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและซื้อเพื่ออยู่อาศัยที่พร้อม “Pin Your Owned ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง”

พินน์ ศูนย์วิจัย เป็นคอนโดฯ Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร บนเนื้อที่ 200 ตารางวา มูลค่าโครงการรวม 260 ล้านบาท สไตล์ Contemporary Modern ที่ผ่านการตีความใหม่ ผสานความต่างของยุคสมัยไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยงานสถาปัตยกรรมที่ลดทอนเส้นสายในอดีตให้ดูเรียบง่ายเกิดเป็นความ Classic ที่ร่วมสมัยรวมถึงฟังก์ชันรองรับการอยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยจุดเด่นของโครงการมีจำนวนยูนิตจำกัดเพียง 18 ยูนิตเท่านั้น! ให้ความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนห้องชุดต่อชั้น 3 ยูนิต เป็นห้องเพนท์เฮาส์ยูนิตใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีให้เลือก 2 แบบ คือ 2 Bedrooms ขนาด 86-90 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต และแบบ 3 Bedrooms ขนาด 136.75-137.50 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอาทิ Rooftop Garden ลาน BBQ รวมถึงที่จอดรถที่มีให้มากถึง 133% หรือจำนวน 24 คัน พื้นที่เก็บของแยกแต่ละห้อง กระเป๋าเดินทาง และจักรยาน พร้อมดีไซน์พิเศษในรูปแบบ Cat Allowed ให้น้องแมวตัวโปรดอยู่ร่วมกับคุณได้อย่างมีความสุข รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐาน LIV-24 และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยตลอด 24ชั่วโมง

“พินน์ ศูนย์วิจัย มีขนาดเริ่มต้น 86 ตารางเมตร ไปจนถึง 3 Bedrooms ขนาด 137.50 ตารางเมตร ตั้งอยู่บน NEW CBD พระราม 9 แม้จะเป็นทำเลที่มีคอนโดฯ เปิดตัวหลายโครงการ แต่หาคอนโดฯ ที่มีห้องขนาดใหญ่ได้ยากหรือหากมองหาบ้านก็จะมีราคาที่สูงมาก โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ คือ กลุ่มคนที่ซื้อลงทุนปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่มองหาที่พักระยะยาว ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เอธิโอเปีย, พม่า, ญี่ปุ่น, รัฐเซีย และยุโรป เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองจะเป็นกลุ่มแพทย์ที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ เจ้าของธุรกิจที่มองหาคอนโดฯใจกลางเมืองอยู่ใกล้เอกมัย-ทองหล่อ และกลุ่มผู้ปกครองที่มองหาคอนโดฯ ใกล้โรงเรียนลูก” นายสมัตถ์คม กล่าว

ที่สำคัญ พบว่าหากลูกค้าซื้อห้องชุดเพื่อการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนการลงทุนประมาณสูงถึง 8% ในอัตราค่าเช่า 1,000 บาทต่อตารางเมตร หรือประมาณ 86,000-90,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องชุดแบบ 2ห้องนอน ส่วนห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน ค่าเช่าจะอยู่ที่ 136,000-137,000 บาทต่อเดือน

พินน์ ศูนย์วิจัย ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย หรือ พระราม 9 ซอย 26 ความสงบใจกลางเมือง ที่เชื่อมต่อ ทองหล่อ - เอกมัย - เพชรบุรี - พระราม 9 พร้อมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าทั้ง MRT BTS และ ARL(Airport Rail Link) ใกล้แหล่งงานโซนออฟฟิศ CBD อโศก และพระราม 9 ครบทุกความสะดวกเดินทางเพียง 2 นาทีจาก รพ.กรุงเทพฯ หนึ่งใน รพ.ที่ดีที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค เพียง 5 นาทีจากโรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) 10 นาที จาก MRT เพชรบุรี และ 15 นาทีจาก BTS ทองหล่อ ใกล้ไลฟ์สไตล์ มอลล์ อาทิ เดอะ คอมมอน ทองหล่อ, ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ และ เจ อเวนิว รวมทั้งเซ็นทรัล พระราม 9 ฯลฯ

เคทีซีชี้เทรนด์ดูแลสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Parent) แรงต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสัตว์เลี้ยงช่วงเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ที่เติบโตขึ้น 12% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มอายุสมาชิก 55 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนใช้จ่ายสูงสุดที่ 28% รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 30 – 39 ปี ที่ 25% โดยยอดใช้จ่ายหลักอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์และร้านค้าสัตว์เลี้ยง (Pet Shop) โดยสินค้ายอดนิยม ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง ของเล่น อุปกรณ์เสริม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยี แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ อุปกรณ์ติดตามสุขภาพสัตว์เลี้ยง หรือ เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ

นายธีรพจน์ โชคอนันตัง ผู้อำนวยการ การตลาดบัตรเครดิต ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมของสมาชิกที่ใส่ใจดูแลสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Parent) เติบโตอย่างต่อเนื่อง เคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ ‘Be my Love .. Be my Pet 2024 X Pet Friendly Hotel’ มอบส่วนลดสูงสุด 30% กับร้านค้าสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำและโรงแรม Pet Friendly ที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรม ‘PAW WOW WEEK - TOP SPENDER’ สมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสัตว์เลี้ยงสูงสุด (ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป) ในช่วงระหว่างวันที่กำหนดของแต่ละสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567) รับบัตรกำนัลห้องพักโรงแรมฟรี 1 ห้อง 1 คืน พร้อมอาหารเช้า 2 ท่าน โดยโรงแรมที่ร่วมมอบรางวัล ได้แก่ อนันตศิลา บีช รีสอร์ต หัวหิน / อเวย์ บางกอก ริเวอร์ไซด์ คีน / แคสเซีย ภูเก็ต / ซัมเมอร์เซ็ท พัทยา / ไฮแอท รีเจนซี่ เกาะสมุย / ลา มิเนียร่า พูลวิลล่า พัทยา / ระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา / เดอะ เภรี โฮเต็ล หัวหิน / อมารี หัวหิน / เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่ / เรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา / ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ / ดุสิต ดี2 หัวหิน / เดอะ สุโขทัย กรุงเทพฯ / เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน และ ทูลานี รีสอร์ท กุยบุรี

สมาชิกที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ‘PAW WOW WEEK - TOP SPENDER’ สามารถลงทะเบียนผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้ 1) ผ่านเว็บไซต์ โดยสแกน QR จากสื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย หรือผ่าน ktc.promo/tsp 2) ผ่านSMS พิมพ์ TSP เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตร 16 หลัก ส่งไปยัง 0613845000 (ต้องได้รับข้อความ

ตอบกลับยืนยันการเข้าร่วมรายการจากเคทีซี จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการ) และ 3) ผ่าน KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000

ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ktc.co.th/promotion/pets/pet-accessories/bemylove-bemypet  หรือ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 

 หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

บริษัท เว็ทซินโนว่า จำกัด ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์เลี้ยง เจ้าของผลิตภัณฑ์ VFcore (วีเอฟคอร์) ที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง จากการสำรวจในคลินิกโรงพยาบาลสัตว์ และร้าน PET SHOP ทั่วประเทศ และจากก้าวที่ประสบความสำเร็จนี้ บริษัท เว็ทซินโนว่า ก็เปิดบูธอย่างยิ่งใหญ่ ที่งาน “PET EXPO THAILAND 2024” ณ ฮอลล์ 5-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 9-12 พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับไฮไลท์สำคัญกับการเปิดตัว VFcore สูตรใหม่ สูตร AA : Amino Acids ซองสีแดง เบอร์กันดี เสริมกรดอะมิโน เพื่อบำรุงร่างกายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ทั้งน้องหมาและน้องแมว ซึ่งหลังจากเปิดตัวในงานได้ไม่นาน ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นสูตรที่คนรักสัตว์หลายคนต้องการ เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพของสัตว์เลี้ยงที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

ในงาน “PET EXPO THAILAND 2024” มีกิจกรรมค้นหา 10 ผู้โชคดีที่จะได้มา Meet and Greet สุดเอ็กคลูชีพ พรีเซนเตอร์อย่าง “นนกุล - ชานน สันตินธรกุล” โดยได้รับสิทธิ์ ถ่ายรูปคู่ “นนกุล” และได้รับ “หมอนอิง” พร้อมลายเซนต์กับมือ งานนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่พรีเซนเตอร์คนดังได้มอบให้กับผู้ร่วมงาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกกันในงาน ร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่ “ทองคำ” และยังมีของที่ระลึกสุดพรีเมียมแจกในงาน เพียงแค่ซื้อสินค้าครบตามจำนวน ตั้งแต่ สมุดโน๊ต และสติ๊กเกอร์ลายน้องโนวี่โนว่าแสนน่ารัก, แก้วและเหยือกน้ำเว็ทซินโนว่า, พัดลมพกพา, และตุ๊กตาไข่แมว

 

น.สพ. มนัยธร เสริบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เว็ทซินโนว่า จำกัด เผยว่า “VFcore เป็นอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง “สุขภาพดีที่แสนอร่อย” ที่ “ทำถึง ทำถูกต้อง ทำถูกใจ” เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาดในฐานะที่ 1 ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเดินกลยุทธ์ที่เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ “ทำถึง” กับผลิตภัณฑ์ที่ถึงมือผู้บริโภคด้วยคุณภาพ ตรงตามความต้องการ และเข้าใจปัญหาของสัตว์เลี้ยง “ทำถูกต้อง” กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยจากสัตวแพทย์ ส่งผลดีต่อสัตว์เลี้ยงของผู้บริโภค เพราะผลิตภัณฑ์ของ VFcore ผ่านกระบวนการทางห้องปฏิบัติการ พร้อมพัฒนานวัตกรรมอาหาร

เสริมที่ตรงใจทั้งคนเลี้ยงและสัตว์เลี้ยง “ทำถูกใจ” และผลจากการพัฒนาสูตรที่หลากหลาย สะท้อนถึงความชื่นชอบของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของที่เป็นผู้บริโภค ทำให้ครองใจเป็นที่หนึ่งในตลาดและในใจคนรักสัตว์”

“VFcore (วีเอฟคอร์) ของเราเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนรักสัตว์ โดยถือเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นพัฒนาสูตรอาหารเสริมเพื่อสัตว์เลี้ยง ที่อยู่ในรูปแบบแมวเลีย โดยทำการค้นคว้าวิจัยมากกว่า 1 ปี จากทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงมีการทำงานวิจัยร่วมกับทางคณะสัตวแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อได้สูตรที่ดีต่อสุขภาพ

และล่าสุดทาง “เว็ทซินโนว่า” ได้ทำการศึกษาวิจัย VFCore KC (สูตรสีส้ม) ร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ เกี่ยวกับโรคไตในสัตว์เลี้ยงครั้งแรกในไทย และถือว่าเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งมีผลวิจัยออกมาว่ามีความปลอดภัยต่อแมวที่เป็นไตวายเรื้อรัง

น.สพ. มนัยธร เสริบุตร เสริมต่อว่า “ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสัตว์เลี้ยง มากว่า 10 สูตร เพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก ด้วยวัตถุดิบพรีเมียม ที่ถูกออกแบบและคิดค้นด้วยทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงสูตรใหม่ที่ภูมิใจนำเสนออย่าง สูตร AA : Amino Acids ซองสีแดง เบอร์กันดี ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในสัตว์เลี้ยงที่ขาดสารอาหารและซูบผอม โดยสูตรนี้ มีส่วนประกอบของ Branched Amino Acids (BCAA) กรดอะมิโน ช่วยคงมวลกล้ามเนื้อ ตัวแน่น ป้องกันกล้ามเนื้อฝ่อลีบ และยังมีกรดไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ ช่วยบำรุงร่างกายทั่วไปให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยคาดหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งสูตรที่มาช่วยเสริมสร้างสุขภาพดีให้กับสัตว์เลี้ยง หลังจากที่ผ่านมามีสัตว์เลี้ยงที่ขาดสารอาหารหรือได้รับไม่ครบถ้วน จนมีอาการเจ็บป่วยจนต้องมาเข้ารับการรักษาจากสัตวแพทย์ในหลายๆราย”

สำหรับ VFcore ปัจจุบัน มีทั้งหมด 10 สูตร เพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง คือ

1.) สีเหลือง LS (Lysine) ไลซีน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดแมว ช่วยน้องคลายความเครียด

2.) สีแดง RB (Iron & Copper Multi-Vitamins) ช่วยบำรุงเลือด

3.) สีเขียว JC (Joint Care Complex) ช่วยบำรุงข้อต่อกระดูก

4.) สีส้ม KC (Kidney Care) ช่วยบำรุงไต

5.) สีทอง Vitality ช่วยบำรุงทั่วไปมีวิตามินรวมกว่า 20 ชนิด

6.) สีเขียว มรกต BIO ช่วยลดอาหารท้องเสีย ปรับภูมิคุ้มกัน

7.) สีครีม ลาเต้ FIBER ช่วยขับก้อนขน ลดภาวะท้องผูก

8.) สีชมพู SK (Skin) ช่วยบำรุงผิวหนังให้แข็งแรง และบำรุงให้ขนสวยเงางาม

9.) สีน้ำเงิน UC ช่วยผ่อนคลายความเครียด และป้องกันการเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

10.) สีแดงเบอร์กันดี AA ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในสัตว์เลี้ยงที่ขาดสารอาหารและซูบผอม

VFCore ทุกสูตรมั่นใจได้ เพราะ ถูกออกแบบและคิดค้นด้วย ทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้สารประกอบที่มีงานวิจัยรับรองพร้อมใส่ปริมาณมาอย่างเหมาะสม มีงานวิจัย และ เอกสารทางการสัตวแพทย์ จึงเป็น อาหารเสริมที่น้องหมาและน้องแมวรัก ได้สุขภาพอย่างสโลแกน สุขภาพดีที่แสนอร่อย

พบกับอาหารเสริมแมวเลีย “VFcore (วีเอฟคอร์)” ได้แล้ววันนี้ ที่โรงพยาบางสัตว์ คลินิก และร้านขายสินค้าสัตว์เลี้ยงชั้นนำทั่วประเทศ ที่หนึ่งใจในต้อง "วีเอฟคอร์" และที่สำคัญทานได้ทั้งน้อง “สุนัข” และน้อง “แมว”

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2567 จะมีมูลค่าราว 7.5 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 12.4% จากปี 2566 ด้วยแรงหนุนของการต่อยอดรูปแบบการเลี้ยงดูในมิติของ Pet Humanization เข้าสู่ Petriarchy และ Pet Celebrity ที่หนุนบทบาทให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

จากเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงของคนในยุคปัจจุบันมีรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มผู้ดูแลเดิมที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงของตนเอง และ กลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงมือใหม่ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงต่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทาง ttb analytics ได้ประเมินค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว โดยเจ้าของจะมีภาระค่าใช้จ่ายเฉลี่ยราว 41,100 บาทต่อตัวต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระที่จะมีค่าใช้จ่ายเพียงราว 7,745 บาทต่อตัวต่อปี โดยมีค่าใช้จ่ายจากอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง ค่าดูแล รวมถึงอาหารที่น้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี เทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ในบางกลุ่มเจ้าของอาจมีวิวัฒนาการสู่การเลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวแบบตามใจ หรืออาจเรียกว่า “ทาสหมา-ทาสแมว” (Petriarchy) ซึ่งบนบริบทการเลี้ยงดูที่ตามใจ โดยสัตว์เลี้ยงเป็นผู้รับที่ไม่สามารถปฏิเสธของที่เจ้าของเลือกซื้อให้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเจ้าของเลือกที่จะซื้อของให้สัตว์เลี้ยงเพื่อตอบสนองความพอใจส่วนตน ย่อมส่งผลให้การจับจ่ายในส่วนของอุปกรณ์ และค่าดูแล มีทิศทางเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง

อย่างไรก็ตาม นอกจากกระแสของ Pet Humanization และ Petriarchy แล้วในสังคมยุคปัจจุบัน สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจพัฒนาบทบาทจากลักษณะนิสัยส่วนตัวที่สามารถยกระดับจาก “สมาชิกในครอบครัวปกติ” เป็น “สมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้” ผ่านรูปแบบลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนในสังคมวงกว้าง หรือ Pet Celebrity และถูกพัฒนาเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย (Petfluencer) เมื่อมีการนำเสนอนิสัยหรือลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงนั้นผ่านการเล่าเรื่องหรือการสร้าง Content โดยเจ้าของผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งการที่กลุ่มสัตว์เลี้ยงที่ถูกยกระดับเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย (Petfluencer) ที่สามารถสร้างรายได้ผ่าน Content ต่าง ๆ ที่เจ้าของได้สรรสร้างเพื่อนำเสนอให้กลุ่มผู้ติดตาม ทำให้นอกจากรายจ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์และค่าดูแลสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งแล้ว ยังมีความถี่ในการจับจ่ายที่สูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับกลุ่มที่เลี้ยงในลักษณะเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) แบบทั่ว ๆ ไป ซึ่งจากบริบทการเลี้ยงสัตว์ที่มีแนวโน้มเข้าสู่ “การเลี้ยงแบบครอบครัว-ที่ตามใจ-และสร้างรายได้” ส่งผลให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยทาง ttb analytics ประเมินมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยปี 2567 คาดมีมูลค่าแตะ 7.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 12.4 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.5% โดยรูปแบบการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยแบ่งออกเป็นดังนี้

 

1. กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง และ บริการรักษาสัตว์ เป็นกลุ่มที่ได้รับการเติบโตจากกระแสรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ที่มากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าของตระหนักถึงสัตว์เลี้ยงเป็นประหนึ่งเหมือนสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้รูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น กลุ่มอาหารที่เริ่มมีการใช้อาหารเฉพาะเพิ่มมากขึ้นจากคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม รวมถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาในอนาคตที่การให้อาหารที่ไม่เหมาะสมส่งผลต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงในระยะยาว รวมถึงอาหารสัตว์ในปัจจุบันก็มีหลายรูปแบบ ซึ่งส่วนมากกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ในรูปแบบนี้มักใช้อาหารเกรดพรีเมี่ยมที่มีราคาสูง เช่น อาหารเปียก รวมถึงในผู้เลี้ยงบางกลุ่มก็เลือกใช้อาหารดิบที่ไม่ผ่านความร้อน (BARF) ที่มีราคาสูง ส่งผลให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2567 ขยายตัวโดยมีมูลค่าแตะ 4.46 หมื่นล้านบาท บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.0% สอดคล้องกับบริการรักษาสัตว์ที่มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นจากความตระหนักในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง และต้องรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยของสัตว์เลี้ยงที่ประหนึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้มูลค่าบริการรักษาสัตว์เติบโตต่อเนื่องที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 21.7% ด้วยมูลค่า 6.64 พันล้านบาท ในปี 2567

2. กลุ่มอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและบริการดูแลสัตว์เลี้ยง เป็นกลุ่มที่นอกจากได้รับแรงหนุนของกระแสการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวแล้ว (Pet Humanization) มูลค่าของอุตสาหกรรมยังมีการเร่งตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากกระแสการเลี้ยงเสมือนคนในครอบครัวแบบตามใจ (Petriarchy) และ สมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ (Petfluencer) ที่ส่งผลให้มีความถี่ในการเข้ารับบริการดูแลและความถี่ในการจัดหาอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มในอัตราเร่ง ส่งผลให้มูลค่าตลาดอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและบริการดูแลสัตว์เลี้ยงมีค่าการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.3% และ 16.7% โดยคาดว่ามีมูลค่า 2.29 หมื่นล้านบาท และ 0.66 พันล้านบาท ตามลำดับ บนแนวโน้มที่ยังรักษาการเติบโตในอัตราเร่งได้

กล่าวโดยสรุป กระแสการดูแลสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) เป็นกระแสที่เพิ่มความนิยมส่งผลให้การดูแลสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่งผลให้เจ้าของมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นทั้งในมิติของอาหารที่ต้องเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสุขภาพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในส่วนของอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริการดูแลย่อมสูงขึ้นในอัตราเร่ง เมื่อเจ้าของมีการเลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวแบบตามใจ หรืออาจเรียกว่า “ทาสหมา-ทาสแมว” (Petriarchy) หรือเมื่อสัตว์เลี้ยงมีนิสัยเฉพาะตัวที่ยกระดับเป็น Pet Celebrity และมากกว่าไปนั้น นอกจากมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยที่ขยายตัวจากเทรนด์การเลี้ยงที่เปลี่ยนไปดังกล่าว รูปแบบการเลี้ยงนี้ยังส่งผลทางอ้อมไปยังธุรกิจและบริการที่สามารถรองรับมูลค่าที่ขยายตัวนี้ได้ เช่น กลุ่มโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ธุรกิจรับฝึกสัตว์เลี้ยงให้กลายเป็น Petfluencer รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับบริการรักษาสัตว์ที่อาจมีการขยายขอบเขตบริการ Veterinary Telemedicine หรือ Virtual Vet ที่อาจเข้ามาตอบโจทย์กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เจ้าของอาจไม่สะดวกเดินทางพาสัตว์เลี้ยงเข้ารับการรักษา เป็นต้น

“วินด์เซอร์” (WINDSOR) ผู้นำตลาดประตูหน้าต่างไวนิล ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) เปิดตัวนวัตกรรมสินค้ามุ้งไวนิล รุ่น “Pet Friendly” เอาใจคนรักสัตว์เลี้ยง ในงาน Pet Expo 2022 พร้อมชูคุณสมบัติเด่นที่ออกแบบมาเพื่อคนรักสัตว์โดยเฉพาะ ด้วยวัสดุผ้ามุ้งทำจากพอลิเอสเทอร์คุณภาพสูง เคลือบด้วยพีวีซี สามารถทนต่อแรงกดได้ดีกว่ามุ้งไฟเบอร์ทั่วไปถึง 4 เท่า จึงมีความแน่น เหนียว ทนทานต่อแรงขีดข่วนของสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี ตัวกรอบบานผลิตจากไวนิลสูตรพิเศษเช่นเดียวกับประตูหน้าต่างไวนิลวินด์เซอร์ สามารถติดตั้งร่วมกับประตูหน้าต่างวินด์เซอร์เดิมได้โดยไม่ต้องเสริมรางเพิ่ม คงคุณสมบัติทำความสะอาดง่าย ระบายอากาศดี และป้องกันแมลงได้เช่นเดียวกับมุ้งทั่วไป

ผลิตภัณฑ์มุ้งลวดไวนิล รุ่น “Pet Friendly” จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ เปลี่ยนการอยู่อาศัยร่วมกับเหล่าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หมดกังวลเรื่องมุ้งลวดชำรุดขาดง่าย แก้ปัญหาได้ตรงจุด งบไม่บานปลาย ให้บรรดาเหล่าน้องหมาแมวสัตว์เลี้ยงแสนรัก ยังคงวิ่งเล่น และสนุกได้เต็มที่อย่างปลอดภัยโดยมุ้งลวดไวนิลยังคงความสวยงามเช่นเดิม นอกจากนี้ มุ้งไวนิล รุ่น “Pet Friendly” ยังสามารถเปลี่ยนและใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างไวนิลสำเร็จรูปวินด์เซอร์ ที่ผลิตจากไวนิลสูตรพิเศษ (WINDSOR Advance Vinyl) ได้ทุกรุ่น ตอบโจทย์ด้วยขนาดที่หลากหลาย ให้เลือกสรรเป็นบ้านสัตว์เลี้ยงได้หลายรูปแบบ อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการอยู่อาศัยของคนรักสัตว์ จากวินด์เซอร์

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click